หากเราได้พิจารณาผลการเลือกตั้งหรือแปลงผลการเลือกตั้ง ไม่ว่ากรณีมีหรือไม่มีโอเวอร์แฮงค์ หากมีพรรคการเมืองได้คะแนนเสียงมากพรรคเท่าไหร่ การคิด สส.พึงมี 500 คนแบบมีทศนิยม จำนวนจุดทศนิยมรวมของทุกพรรคยิ่งมีจำนวนมาก พรรคการเมืองที่มี สส.พึงมีเกิน 1 รวมกันไม่ว่ากรณีใด ไม่มีทางครบ 500 เมื่อข้ามไปทำแบบจัดสรรปันส่วนเลยในรูปทศนิยม ยอมทำให้มีพรรคที่ได้ สส.เกินกว่า สส.พึงมีทุกประการ
ยิ่งกว่านั้นการไม่ทำเป็นจำนวนเต็มก่อน จะทำให้เกิดผลแปลกพิสดาร หนักไปอีก กล่าวคือ ถ้ามี โอเวอร์แฮงค์ ควรจะลดจำนวน สส.รายชื่อพึงมี แต่กลายเป็นว่าขณะที่พรรคที่ได้ สส.รายชื่อพึงมี กลับลดจำนวน แต่พรรคที่ได้ สส.พึงมี น้อยกว่า 1 กลับเพิ่มจำนวนเป็น 1
ผมขอแสดงวิธีทำแบบ ปัด (2) เป็นจำนวนเต็มแต่ละกรณี แถบสีฟ้า
กรณีไม่มี โอเวอร์แฮงค์
กรณี โอเวอร์แฮงค์ สส.เกิน 500
กรณี โอเวอร์แฮงค์ สส.พึงมี 500
เหตุผลที่ให้คำนวน สส.พึงมี(2) เป็นจำนวนเต็มมากกว่าหรือเท่ากับ 500 ก่อน
ยิ่งกว่านั้นการไม่ทำเป็นจำนวนเต็มก่อน จะทำให้เกิดผลแปลกพิสดาร หนักไปอีก กล่าวคือ ถ้ามี โอเวอร์แฮงค์ ควรจะลดจำนวน สส.รายชื่อพึงมี แต่กลายเป็นว่าขณะที่พรรคที่ได้ สส.รายชื่อพึงมี กลับลดจำนวน แต่พรรคที่ได้ สส.พึงมี น้อยกว่า 1 กลับเพิ่มจำนวนเป็น 1
ผมขอแสดงวิธีทำแบบ ปัด (2) เป็นจำนวนเต็มแต่ละกรณี แถบสีฟ้า
กรณีไม่มี โอเวอร์แฮงค์
กรณี โอเวอร์แฮงค์ สส.เกิน 500
กรณี โอเวอร์แฮงค์ สส.พึงมี 500