รีวิวร้าน ไทโชวเคน ราเมง (Taishoken Ramen) ร้านราเมงสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ พร้อมเมนูทสึเคเมน Tsukemen (ราเมงแยกซุปแยกเส้น) ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร
รีวิวโดยทีมกินแหลกจาก Japanese Club Thailand Facebook Group (yoknipas และ kmhm11)
วันนี้ผมได้รับเชิญจากร้าน ไทโชวเคน ราเมง (Taishoken Ramen) แถวซอยทองหล่อ ให้มารีวิวอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ สูตรต้นตำหรับครับ ด้วยความที่ชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว รับรองเลยว่าไม่มีพลาด หลังจากชิมแล้วบอกเลยว่าที่ร้านนี้ปรุงราเมงรสชาติแบบญี่ปุ่นจริง ๆ ไม่ได้ดัดแปลงให้รสเป็นแบบร้านราเมงที่มีขายตามห้างทั่ว ๆ ไปแต่อย่างใด ผมเลยต้องพาเพื่อน ๆ มาชมกันครับว่า ราเมงแท้ ๆ แบบที่คนญี่ปุ่นรับประทานกันจะอร่อยถูกปากคนไทยมากน้อยแค่ไหน เชิญชมรีวิวกันครับ
ก่อนจะไปชมรีวิวขอฝากกลุ่ม Japanese Club Thailand สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจและชอบท่องเทียวแบบญี่ปุ่นในประเทศไทย สามารถเข้ามาชมกลุ่มกันได้ครับ
https://www.facebook.com/groups/onsenthailand
ร้าน ไทโชวเคน ราเมง (Taishoken Ramen) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในซอยทองหล่อครับ ร้านอยู่ที่ตึก Fifty Fifth Thonglor (หน้าปากซอยทองหล่อ 2) สามารถเดินทางมาได้โดยใช้รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีทองหล่อ แล้วเดินเข้ามาอีกประมาณ 250 เมตรเท่านั้นครับ ใครขับรถมาที่ตึกก็มีที่จอดรถให้บริการครับ
วันนี้ที่ผมไปที่ร้านเป็นวันธรรมดาแต่ก็ใกล้จะสิ้นเดือน การจราจรสาหัสมาก ๆ คล้ายวันศุกร์สิ้นเดือนเลยครับ ผมเลยเลือกเดินทางมาด้วย BTS ลงที่สถานีทองหล่อและค่อย ๆ เดินเข้ามาครับ ตอนเดินเข้ามาสังเกตว่าแถวนี้ร้านอาหารญี่ปุ่นรายล้อมรอบตัวเยอะมากครับ ท่าทางว่าชาวญี่ปุ่นจะอยู่กันค่อนข้างหนาแน่นครับ
เดินมาสัก 10 นาทีจากสถานีรถไฟฟ้าก็ถึงตึก Fifty Fifth Thonglor แล้วครับ พร้อมกับเพื่อนผมที่มารอก่อนแล้ว ที่หน้าตึกมีป้ายชื่อตึกบอกชัดเจน สามารถจอดรถได้นะครับ ตึกคล้าย ๆ อาคาร Office แบบ Mixed Use ที่มีโซนร้านอาหารอยู่ด้วยบริเวณชั้นล่างครับ
เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้น 1 เลยครับ แถว ๆ บันไดเลื่อนมีป้ายชื่อร้านใหญ่มาก ๆ
ขึ้นมาที่ชั้น 1 แล้ว ก็เดินตรงเข้ามาด้านในสุดเลยครับ ร้านอยู่ค่อนข้างลึกพอสมควร แต่ป้ายร้านชัดเจน และโคมไฟสว่างเห็นมาตั้งแต่ไกลเลยละครับ
บรรยากาศในร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ทุกอย่างมีภาษาญี่ปุ่นกำกับ พนักงานต้อนรับที่อยู่ในรูปเขาชื่อ อิชชี่ ครับ เป็นคนญี่ปุ่นเลยละ พูดภาษาไทยได้นิดหน่อย แต่สำหรับคนไทยสามารถสื่อสารกับเขาเป็นภาษาอังกฤษได้เลยครับ แค่เห็นพนักงานก็รู้ได้เลยว่าร้านนี้ต้องญี่ปุ่นแท้ ๆ แน่ ๆ
บรรยากาศภายในร้านสบาย ๆ เพราะที่ร้านจัดแบบโล่ง ๆ ครับ ช่วงที่ผมไปคือตอนเย็นของวันพฤหัสบดี คนไม่ค่อยเยอะเท่าไรครับ เพื่อนผมบอกว่าดีมาก เลือกช่วงเวลาที่คนน้อย ๆ จะได้ถ่ายรูปสวย ๆ ไม่มีคนบดบัง
ผมแอบชื่นชมคุณอิชชี่ เขาดูมีวินัยและความรับผิดชอบกับตำแหน่งตรงเคาน์เตอร์มาก ๆ ครับ ไม่มีการคุยเล่นกับพนักงานคนอื่นหรือเดินเล่นพักผ่อนเลย ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ในร้าน เขาตั้งใจทำงานมาก ทั้ง ๆ ที่มีเวลาว่างพอที่จะเดินไปพัก หรือไม่ต้องประจำอยู่ที่จุดตลอดเวลา นี่แหละวิธีการทำงานแบบคนญี่ปุ่นจริง ๆ เห็นแล้วประทับใจครับ
มาดูเมนูของร้านนี้กันบ้างครับ มาร้านราเมงเมนูราเมงก็มีเยอะแยะเต็มไปหมดครับ ผมถ่ายรูปมาไว้พอสมควร ลองไล่ดูนะครับ ภาพในเมนูและอาหารจริงที่ทำมา แทบจะไม่แตกต่างกันเลยครับ
เมนูเด็ดของร้านราเมงส่วนใหญ่ คือ ราเมงในน้ำซุปกระดูกหมู ที่มีเคี่ยวนาน ๆ จนน้ำซุปมีมีสีขาว ออกข้น ๆ ครับ ดังนั้นจึงต้องสั่งราเมงซุปกระดูกหมูพิเศษ เป็นชามบังคับ ชามนี้ 240 บาท
เพื่อนผมขอให้คุณอิชชี่แนะนำอีกเมนู ซึ่งคุณอิชชี่แนะนำ ราเมงแดงเดือด ดูเผิน ๆ อาจจะนึกว่าคือราเมงต้มยำตามร้านทั่ว ๆ ไป แต่มันไม่ใช่ครับต้มยำแบบไทยแน่นอนครับ รสชาติแบบญี่ปุ่นเลย ราเมงแดงเดือดนี้มีความเผ็ดให้เลือก 3 ระดับ เพื่อนผมเลือกเผ็ดปานกลาง ราคาชามนี้อยู่ที่ 290 บาท
เนื่องจากมีเมนูราเม็งหลายแบบให้เลือกสั่ง เพราะฉะนั้นราเมงแบบอื่น ๆ จึงต้องได้แต่พลิกไปพลิกมาดูเล่นเอาไว้ก่อนครับ เพราะ วันนี้มา 2 คน สั่งมากไม่ได้เดี๋ยวกินไม่หมด ถ่ายรูปเมนูอื่น ๆ ให้ชมกันไปก่อนนะครับ
ราเมงทงคัตสึก็มีด้วย น่ากินมาก ๆ แต่ทดเอาไว้โอกาสหน้าครับ เพราะวันนี้ต้องเผื่อท้องไว้ชิมเมนูซิกเนเจอร์แยกน้ำแยกเส้นก่อนครับ
มาถึงเมนูอีกอันที่ทางร้านแนะนำครับ ทสึเคเมน (Tsukemen) เป็นราเมงที่แยกซุปออกจากเส้น เรียกได้ว่าคือ Signature ของที่นี่ หากินยากมาก ๆ ในไทย ผมเคยลองกินร้านอื่น ๆ ประเภทแยกซุปกับเส้นมา จะเป็นหมี่เย็นบ้าง หรือถ้าเป็นซุปร้อน ก็คือ มีแต่น้ำซุปไม่มีเครื่องมาด้วย ดังนั้นเขาเชิญมาให้เราชิม เราก็ต้องสั่งครับ มีเพื่อนช่วยกินซะอย่าง ยังไงก็ต้องกินให้หมด 55 ทสึเคเมน ซุปกระดูกหมูใส่ผงปลาแห้งชุดนี้ราคา 260 บาท
พลิกเมนูไปมา ขอสั่งทานเล่นมาลองสักเล็กน้อยครับ มาทานร้านญี่ปุ่นก็ต้องลองเกี๊ยวซ่า ทาโกะยากิ และอีกอันที่คุณอิชชี่บอกว่าขายดีมาก ๆ คือ ไก่ทอดรสเผ็ด (ฟังชื่อดูเหมือนธรรมดา แต่ก็สั่งครับ 555 เพราะว่าเชื่อคนเชียร์)
หน้านี้เป็นเมนูอื่น ๆ ทั้งข้าว แกงกะหรี่ก็มีนะครับ
สั่งเสร็จแล้ว ระหว่างรอ ลองมองดูรอบ ๆ เห็นป้ายเมนูขนมหวาน และเหล้าบ๊วย โฮมเมด แต่ไม่ได้ลองครับ ผมไม่ใช่สายแอล
ร้านญี่ปุ่นแท้ ๆ ต้องมีเบียร์ญี่ปุ่นครับ
ระหว่างรอมาส่องบนโต๊ะกันสักนิดครับ ถ้ามาทานแล้ว กด Like และ Check-in ใน facebook หรือ add line ของทางร้านจะมีโปรโมชันให้ด้วยครับ
ส่วนเครื่องปรุงบนโต๊ะก็ขนกันมาครบเลยครับ ทั้งโชยุ น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น งา ขิงดอง น้ำพริกเผา
ที่เตะตาชวนสงสัยคือ ซอสราเมง เป็นขวดน้ำใส ๆ สีเหลืองอ่อน ๆ อยากรู้ว่าเป็นอย่าไงร เลยลองเหยาะมาชิม ปรากฏว่าเค็มครับ เหมือนน้ำเกลือดี ๆ นี่เอง แต่หอมกลิ่นน้ำซุปมาก ๆ เข้าใจว่าเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ใช้เติมลงในราเมงถ้าอยากให้รสเข้มข้นขึ้นครับ
ระหว่างรออาหาร ถ้าเบื่อก็มีมุมหนังสือการ์ตูนให้อ่านฆ่าเวลาครับ ผมเดินไปเตรียมจะหยิบอ่านเล่น ปรากฏว่าอาหารมาพอดี
จานแรกที่มาคือ ไก่ทอดรสเผ็ดครับ ตอนที่ถือมาเสิร์ฟ ก็คิดว่าน่าจะเหมือนไก่ทอดรสลาบมากกว่า เพราะเครื่องปรุงข้างนอกที่เคลือบหนังไก่มาเหมือนผงลาบเลยครับ และคิดว่าคงธรรมดาแน่ ๆ แต่พอชิมแล้วถูกปากผมมาก ๆ ครับ เรียกว่า Best of The Best สำหรับไก่ทอดที่ผมเคยกินมาเลยละ
เนื้อไก่ไม่มีกระดูก คลุกผงปรุงรสเผ็ด ๆ ทอดมากรอบนอกนุ่มใน
ยิ่งบีบมะนาวเพิ่ม และจิ้มกับซอสที่มาด้วยกัน รสชาติไปได้ดีมาก ๆ เลยครับ
ส่วนทาโกะยากิเสิร์ฟมา 6 ลูก ไม่ใหญ่มาก กัดเข้าไปร้อน ๆ หอมดีครับ มีปลาหมึกยักษ์อยู่ข้างในชิ้นปานกลาง ส่วนตัวคิดว่าเล็กไปหน่อย แต่กินตอนร้อน ๆ ก็โอเคดีครับ
จานต่อมา คือ เกี๊ยวซ่า ครับ จานนี้ธรรมดาครับ รับประทานได้ ไม่มีอะไรพิเศษครับ กลับชอบน้ำจิ้ม เพราะพนักงานแนะนำให้เอาซอสราเมงมาผสมกับน้ำส้มสายชูเป็นน้ำจิ้มครับ ปรับได้ตามความชอบเลย เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เค็ม ๆ ครบดีครับ
พระเอกของวันนี้มาแล้วครับ ราเม็งแดงเดือด
ราเมงขนาดเล็ก ในซุปสีแดง มาพร้อมกับหมูชาชู 3 ชิ้นใหญ่ และไข่ต้มยางมะตูม ผมทำใจไว้แล้วว่าซุปเผ็ดของญี่ปุ่น ยังไงก็คงสู้กับต้มยำหรือแกงเผ็ดของไทยไม่ได้ ซึ่งก็จริงครับ แต่ให้คนละอารมณ์ น้ำซุปแดงเดือดนี้ไม่ได้เผ็ดมาก อารมณ์เหมือนเผ็ดพริกป่นญี่ปุ่นครับ และหอมน้ำมันงาพริกเผาอ่อน ๆ รสชาติเค็ม ๆ เผ็ด ๆ แบ่งกับเพื่อนกินไปกินมาเพลินดีครับ ไม่เลี่ยนเลย
ชามต่อมาคือ ราเมงซุปกระดูกหมู ผมรีบชิมน้ำซุปก่อนเลย รสชาติกลมหล่อมหอมอร่อยดี ไม่เค็มเกินไป (ร้านญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะทำเค็มมาก ๆ) และรสชาติก็เหมือนเคยกินที่ญี่ปุ่นด้วยครับ หมูชาชูชิ้นหนามีกลิ่นหอมถ่านอ่อน ๆ น่าจะเป็นเพราะเบิร์นไฟก่อนเอามาใส่ชามให้ ไข่ต้มออนเซนเป็นยางมะตูมกำลังสวยเลย
ชามนี้ทั้งผมและเพื่อนช่วยกันซดน้ำไปจนหมดชามเลยทีเดียว
และชามสุดท้าย คือ ทสึเคเมน เสิร์ฟมาทั้งหมด 3 ชาม คือ เส้นอุด้ง กับหมูชาชู หน่อไม้ และไข่ออนเซ็นมาใน 1 ชาม ซุปกระดูกหมูเข้มข้นใส่ผงปลาแห้ง 1 ชาม (ตอนแรกผมตกใจว่าเป็นซุปแบบแกงกะหรี่ แต่พอคนดูแล้วไม่ใช่) และน้ำซุปใสไว้เติมลดความเค็มอีก 1 ถ้วย
วิธีทานก็คือ เอาใส่ปาก 555+ ไม่ใช่ละครับ
ก็นำ นำเส้นลงไปจุ่มในน้ำซุป แล้วก็ทานได้เลย จะได้รสชาติของน้ำซุปข้นร้อน ๆ เค็ม ๆ หอม ๆ ปลาแห้งมาก ๆ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเส้นที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงดึงน้ำซุปให้ติดขึ้นมาได้มาก รับรสได้เต็ม ๆ ครับ
ชามนี้เพื่อนผมบอกว่าน้ำซุปเข้มข้นเกิน เลยเอาน้ำซุปใสที่ทางร้านให้มาด้วยมาใส่เพิ่ม แล้วก็แย่งผมทานจนหมด 55
ต่อที่ความเห็นถัดไปครับ
[SR] รีวิวร้าน Taishoken Ramen ร้านราเมงสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ พร้อมเมนู Tsukemen (ราเมงแยกซุปแยกเส้น) แตกต่างไม่เหมือนใคร
รีวิวโดยทีมกินแหลกจาก Japanese Club Thailand Facebook Group (yoknipas และ kmhm11)
วันนี้ผมได้รับเชิญจากร้าน ไทโชวเคน ราเมง (Taishoken Ramen) แถวซอยทองหล่อ ให้มารีวิวอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ สูตรต้นตำหรับครับ ด้วยความที่ชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว รับรองเลยว่าไม่มีพลาด หลังจากชิมแล้วบอกเลยว่าที่ร้านนี้ปรุงราเมงรสชาติแบบญี่ปุ่นจริง ๆ ไม่ได้ดัดแปลงให้รสเป็นแบบร้านราเมงที่มีขายตามห้างทั่ว ๆ ไปแต่อย่างใด ผมเลยต้องพาเพื่อน ๆ มาชมกันครับว่า ราเมงแท้ ๆ แบบที่คนญี่ปุ่นรับประทานกันจะอร่อยถูกปากคนไทยมากน้อยแค่ไหน เชิญชมรีวิวกันครับ
ก่อนจะไปชมรีวิวขอฝากกลุ่ม Japanese Club Thailand สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจและชอบท่องเทียวแบบญี่ปุ่นในประเทศไทย สามารถเข้ามาชมกลุ่มกันได้ครับ https://www.facebook.com/groups/onsenthailand
ร้าน ไทโชวเคน ราเมง (Taishoken Ramen) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในซอยทองหล่อครับ ร้านอยู่ที่ตึก Fifty Fifth Thonglor (หน้าปากซอยทองหล่อ 2) สามารถเดินทางมาได้โดยใช้รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีทองหล่อ แล้วเดินเข้ามาอีกประมาณ 250 เมตรเท่านั้นครับ ใครขับรถมาที่ตึกก็มีที่จอดรถให้บริการครับ
วันนี้ที่ผมไปที่ร้านเป็นวันธรรมดาแต่ก็ใกล้จะสิ้นเดือน การจราจรสาหัสมาก ๆ คล้ายวันศุกร์สิ้นเดือนเลยครับ ผมเลยเลือกเดินทางมาด้วย BTS ลงที่สถานีทองหล่อและค่อย ๆ เดินเข้ามาครับ ตอนเดินเข้ามาสังเกตว่าแถวนี้ร้านอาหารญี่ปุ่นรายล้อมรอบตัวเยอะมากครับ ท่าทางว่าชาวญี่ปุ่นจะอยู่กันค่อนข้างหนาแน่นครับ
เดินมาสัก 10 นาทีจากสถานีรถไฟฟ้าก็ถึงตึก Fifty Fifth Thonglor แล้วครับ พร้อมกับเพื่อนผมที่มารอก่อนแล้ว ที่หน้าตึกมีป้ายชื่อตึกบอกชัดเจน สามารถจอดรถได้นะครับ ตึกคล้าย ๆ อาคาร Office แบบ Mixed Use ที่มีโซนร้านอาหารอยู่ด้วยบริเวณชั้นล่างครับ
เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้น 1 เลยครับ แถว ๆ บันไดเลื่อนมีป้ายชื่อร้านใหญ่มาก ๆ
ขึ้นมาที่ชั้น 1 แล้ว ก็เดินตรงเข้ามาด้านในสุดเลยครับ ร้านอยู่ค่อนข้างลึกพอสมควร แต่ป้ายร้านชัดเจน และโคมไฟสว่างเห็นมาตั้งแต่ไกลเลยละครับ
บรรยากาศในร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ทุกอย่างมีภาษาญี่ปุ่นกำกับ พนักงานต้อนรับที่อยู่ในรูปเขาชื่อ อิชชี่ ครับ เป็นคนญี่ปุ่นเลยละ พูดภาษาไทยได้นิดหน่อย แต่สำหรับคนไทยสามารถสื่อสารกับเขาเป็นภาษาอังกฤษได้เลยครับ แค่เห็นพนักงานก็รู้ได้เลยว่าร้านนี้ต้องญี่ปุ่นแท้ ๆ แน่ ๆ
บรรยากาศภายในร้านสบาย ๆ เพราะที่ร้านจัดแบบโล่ง ๆ ครับ ช่วงที่ผมไปคือตอนเย็นของวันพฤหัสบดี คนไม่ค่อยเยอะเท่าไรครับ เพื่อนผมบอกว่าดีมาก เลือกช่วงเวลาที่คนน้อย ๆ จะได้ถ่ายรูปสวย ๆ ไม่มีคนบดบัง
ผมแอบชื่นชมคุณอิชชี่ เขาดูมีวินัยและความรับผิดชอบกับตำแหน่งตรงเคาน์เตอร์มาก ๆ ครับ ไม่มีการคุยเล่นกับพนักงานคนอื่นหรือเดินเล่นพักผ่อนเลย ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ในร้าน เขาตั้งใจทำงานมาก ทั้ง ๆ ที่มีเวลาว่างพอที่จะเดินไปพัก หรือไม่ต้องประจำอยู่ที่จุดตลอดเวลา นี่แหละวิธีการทำงานแบบคนญี่ปุ่นจริง ๆ เห็นแล้วประทับใจครับ
มาดูเมนูของร้านนี้กันบ้างครับ มาร้านราเมงเมนูราเมงก็มีเยอะแยะเต็มไปหมดครับ ผมถ่ายรูปมาไว้พอสมควร ลองไล่ดูนะครับ ภาพในเมนูและอาหารจริงที่ทำมา แทบจะไม่แตกต่างกันเลยครับ
เมนูเด็ดของร้านราเมงส่วนใหญ่ คือ ราเมงในน้ำซุปกระดูกหมู ที่มีเคี่ยวนาน ๆ จนน้ำซุปมีมีสีขาว ออกข้น ๆ ครับ ดังนั้นจึงต้องสั่งราเมงซุปกระดูกหมูพิเศษ เป็นชามบังคับ ชามนี้ 240 บาท
เพื่อนผมขอให้คุณอิชชี่แนะนำอีกเมนู ซึ่งคุณอิชชี่แนะนำ ราเมงแดงเดือด ดูเผิน ๆ อาจจะนึกว่าคือราเมงต้มยำตามร้านทั่ว ๆ ไป แต่มันไม่ใช่ครับต้มยำแบบไทยแน่นอนครับ รสชาติแบบญี่ปุ่นเลย ราเมงแดงเดือดนี้มีความเผ็ดให้เลือก 3 ระดับ เพื่อนผมเลือกเผ็ดปานกลาง ราคาชามนี้อยู่ที่ 290 บาท
เนื่องจากมีเมนูราเม็งหลายแบบให้เลือกสั่ง เพราะฉะนั้นราเมงแบบอื่น ๆ จึงต้องได้แต่พลิกไปพลิกมาดูเล่นเอาไว้ก่อนครับ เพราะ วันนี้มา 2 คน สั่งมากไม่ได้เดี๋ยวกินไม่หมด ถ่ายรูปเมนูอื่น ๆ ให้ชมกันไปก่อนนะครับ
ราเมงทงคัตสึก็มีด้วย น่ากินมาก ๆ แต่ทดเอาไว้โอกาสหน้าครับ เพราะวันนี้ต้องเผื่อท้องไว้ชิมเมนูซิกเนเจอร์แยกน้ำแยกเส้นก่อนครับ
มาถึงเมนูอีกอันที่ทางร้านแนะนำครับ ทสึเคเมน (Tsukemen) เป็นราเมงที่แยกซุปออกจากเส้น เรียกได้ว่าคือ Signature ของที่นี่ หากินยากมาก ๆ ในไทย ผมเคยลองกินร้านอื่น ๆ ประเภทแยกซุปกับเส้นมา จะเป็นหมี่เย็นบ้าง หรือถ้าเป็นซุปร้อน ก็คือ มีแต่น้ำซุปไม่มีเครื่องมาด้วย ดังนั้นเขาเชิญมาให้เราชิม เราก็ต้องสั่งครับ มีเพื่อนช่วยกินซะอย่าง ยังไงก็ต้องกินให้หมด 55 ทสึเคเมน ซุปกระดูกหมูใส่ผงปลาแห้งชุดนี้ราคา 260 บาท
พลิกเมนูไปมา ขอสั่งทานเล่นมาลองสักเล็กน้อยครับ มาทานร้านญี่ปุ่นก็ต้องลองเกี๊ยวซ่า ทาโกะยากิ และอีกอันที่คุณอิชชี่บอกว่าขายดีมาก ๆ คือ ไก่ทอดรสเผ็ด (ฟังชื่อดูเหมือนธรรมดา แต่ก็สั่งครับ 555 เพราะว่าเชื่อคนเชียร์)
หน้านี้เป็นเมนูอื่น ๆ ทั้งข้าว แกงกะหรี่ก็มีนะครับ
สั่งเสร็จแล้ว ระหว่างรอ ลองมองดูรอบ ๆ เห็นป้ายเมนูขนมหวาน และเหล้าบ๊วย โฮมเมด แต่ไม่ได้ลองครับ ผมไม่ใช่สายแอล
ร้านญี่ปุ่นแท้ ๆ ต้องมีเบียร์ญี่ปุ่นครับ
ระหว่างรอมาส่องบนโต๊ะกันสักนิดครับ ถ้ามาทานแล้ว กด Like และ Check-in ใน facebook หรือ add line ของทางร้านจะมีโปรโมชันให้ด้วยครับ
ส่วนเครื่องปรุงบนโต๊ะก็ขนกันมาครบเลยครับ ทั้งโชยุ น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น งา ขิงดอง น้ำพริกเผา
ที่เตะตาชวนสงสัยคือ ซอสราเมง เป็นขวดน้ำใส ๆ สีเหลืองอ่อน ๆ อยากรู้ว่าเป็นอย่าไงร เลยลองเหยาะมาชิม ปรากฏว่าเค็มครับ เหมือนน้ำเกลือดี ๆ นี่เอง แต่หอมกลิ่นน้ำซุปมาก ๆ เข้าใจว่าเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ใช้เติมลงในราเมงถ้าอยากให้รสเข้มข้นขึ้นครับ
ระหว่างรออาหาร ถ้าเบื่อก็มีมุมหนังสือการ์ตูนให้อ่านฆ่าเวลาครับ ผมเดินไปเตรียมจะหยิบอ่านเล่น ปรากฏว่าอาหารมาพอดี
จานแรกที่มาคือ ไก่ทอดรสเผ็ดครับ ตอนที่ถือมาเสิร์ฟ ก็คิดว่าน่าจะเหมือนไก่ทอดรสลาบมากกว่า เพราะเครื่องปรุงข้างนอกที่เคลือบหนังไก่มาเหมือนผงลาบเลยครับ และคิดว่าคงธรรมดาแน่ ๆ แต่พอชิมแล้วถูกปากผมมาก ๆ ครับ เรียกว่า Best of The Best สำหรับไก่ทอดที่ผมเคยกินมาเลยละ
เนื้อไก่ไม่มีกระดูก คลุกผงปรุงรสเผ็ด ๆ ทอดมากรอบนอกนุ่มใน
ยิ่งบีบมะนาวเพิ่ม และจิ้มกับซอสที่มาด้วยกัน รสชาติไปได้ดีมาก ๆ เลยครับ
ส่วนทาโกะยากิเสิร์ฟมา 6 ลูก ไม่ใหญ่มาก กัดเข้าไปร้อน ๆ หอมดีครับ มีปลาหมึกยักษ์อยู่ข้างในชิ้นปานกลาง ส่วนตัวคิดว่าเล็กไปหน่อย แต่กินตอนร้อน ๆ ก็โอเคดีครับ
จานต่อมา คือ เกี๊ยวซ่า ครับ จานนี้ธรรมดาครับ รับประทานได้ ไม่มีอะไรพิเศษครับ กลับชอบน้ำจิ้ม เพราะพนักงานแนะนำให้เอาซอสราเมงมาผสมกับน้ำส้มสายชูเป็นน้ำจิ้มครับ ปรับได้ตามความชอบเลย เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เค็ม ๆ ครบดีครับ
พระเอกของวันนี้มาแล้วครับ ราเม็งแดงเดือด
ราเมงขนาดเล็ก ในซุปสีแดง มาพร้อมกับหมูชาชู 3 ชิ้นใหญ่ และไข่ต้มยางมะตูม ผมทำใจไว้แล้วว่าซุปเผ็ดของญี่ปุ่น ยังไงก็คงสู้กับต้มยำหรือแกงเผ็ดของไทยไม่ได้ ซึ่งก็จริงครับ แต่ให้คนละอารมณ์ น้ำซุปแดงเดือดนี้ไม่ได้เผ็ดมาก อารมณ์เหมือนเผ็ดพริกป่นญี่ปุ่นครับ และหอมน้ำมันงาพริกเผาอ่อน ๆ รสชาติเค็ม ๆ เผ็ด ๆ แบ่งกับเพื่อนกินไปกินมาเพลินดีครับ ไม่เลี่ยนเลย
ชามต่อมาคือ ราเมงซุปกระดูกหมู ผมรีบชิมน้ำซุปก่อนเลย รสชาติกลมหล่อมหอมอร่อยดี ไม่เค็มเกินไป (ร้านญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะทำเค็มมาก ๆ) และรสชาติก็เหมือนเคยกินที่ญี่ปุ่นด้วยครับ หมูชาชูชิ้นหนามีกลิ่นหอมถ่านอ่อน ๆ น่าจะเป็นเพราะเบิร์นไฟก่อนเอามาใส่ชามให้ ไข่ต้มออนเซนเป็นยางมะตูมกำลังสวยเลย
ชามนี้ทั้งผมและเพื่อนช่วยกันซดน้ำไปจนหมดชามเลยทีเดียว
และชามสุดท้าย คือ ทสึเคเมน เสิร์ฟมาทั้งหมด 3 ชาม คือ เส้นอุด้ง กับหมูชาชู หน่อไม้ และไข่ออนเซ็นมาใน 1 ชาม ซุปกระดูกหมูเข้มข้นใส่ผงปลาแห้ง 1 ชาม (ตอนแรกผมตกใจว่าเป็นซุปแบบแกงกะหรี่ แต่พอคนดูแล้วไม่ใช่) และน้ำซุปใสไว้เติมลดความเค็มอีก 1 ถ้วย
วิธีทานก็คือ เอาใส่ปาก 555+ ไม่ใช่ละครับ
ก็นำ นำเส้นลงไปจุ่มในน้ำซุป แล้วก็ทานได้เลย จะได้รสชาติของน้ำซุปข้นร้อน ๆ เค็ม ๆ หอม ๆ ปลาแห้งมาก ๆ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเส้นที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงดึงน้ำซุปให้ติดขึ้นมาได้มาก รับรสได้เต็ม ๆ ครับ
ชามนี้เพื่อนผมบอกว่าน้ำซุปเข้มข้นเกิน เลยเอาน้ำซุปใสที่ทางร้านให้มาด้วยมาใส่เพิ่ม แล้วก็แย่งผมทานจนหมด 55
ต่อที่ความเห็นถัดไปครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้