Power from the past lights up Cragside
1.
เกือบสิบปีก่อนที่
Thomas Edison
จะผลิตหลอดไส้จำหน่ายและคิดค้นหาวิธีการที่ประหยัดกว่า
ในการนำไฟฟ้าไปสู่ตามครัวเรือนต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ
ในปี 1869 มีคฤหาสน์ในชนบทที่สร้างในยุค
Victorian
ที่ผสมผสานรูปแบบจนกลมกลืนสวยงามหลังหนึ่งในแบบบ้าน
Tudor
ใกล้กับเมือง
Rothbury ใน
Northumberland ประเทศ England
ได้มีการใช้แสงสว่างจากกระแสไฟฟ้าทั้งคฤหาสน์
ในยุคนั้น ยังไม่มีโรงงานผลิตไฟฟ้าระดับชาติ
แบบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตไทย
ที่ผลิต/จ่ายกระแสไฟฟ้าได้ทั้งประเทศ/รับซื้อไฟฟ้าจากต่างชาติ
มาขายต่อให้การไฟฟ้านครหลวง กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
แบบไฟฟ้าไปได้ทุกที่ถ้ามีสายไฟฟ้าต่อเชื่อมโยงไปถึง
ในอังกฤษยุคนั้น หากใครต้องใช้ไฟฟ้า ก็ต้องสร้างขึ้นด้วยตนเอง
รวมทั้งคนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ทางเทคโนโลยี
หรือรู้วิธีการใช้หลอดไฟฟ้าเพื่อสร้างแสงสว่าง
แม้ว่า บางคนอาจจะรู้วิธีการแบบนั้นแต่ก็ไม่มีเงิน
William Armstrong นักประดิษฐ์และนักอุตสาหกรรมที่ร่ำรวย
ได้ร่วมมือกับสถาปนิก
Richard Norman Shaw
หนึ่งในสถาปนิกที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลทางความคิดมากที่สุดคนหนึ่งในอังกฤษ
ได้ร่วมกันออกแบบก่อสร้างคฤหาสน์ Cragside ในสไตล์แบบ
Tudor
โดยคฤหาสน์ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ นอก Rothbury
หลังจากที่ William Armstrong ได้สร้างคฤหาสน์เสร็จแล้ว
ท่านได้ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
ด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมทุกประเภท
เช่น เครื่องซักผ้าแบบน้ำรุ่นแรก เครื่องล้างจาน
ลิฟต์ไฮดรอลิก โรงงานผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ
ลิฟท์ขนของระหว่างชั้น และอื่น ๆ อีกมากมาย
2.
เพื่อให้พลังงานกับเครื่องจักรเหล่านี้
William Armstrong ได้สร้างลำธารเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งในที่ดิน
เพื่อผันให้น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 5 แห่ง
ด้านบน/ด้านล่างอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่ง
ท่านได้ติดตั้งเครื่องยนต์ไฮดรอลิก
เพื่อไว้ใช้ขับเคลื่อนเครื่องจักรไฮดรอลิกจำนวนมาก
ไว้ใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในคฤหาสน์ของท่าน
อีกหนึ่งปีต่อมาในปี 1870
William Armstrong ได้ติดตั้งไดนาโม
เพื่อสร้าง
โรงไฟฟ้าแห่งแรกของโลก
ที่ใช้พลังน้ำในประเทศอังกฤษ
กระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้
ใช้เป็นพลังงานให้กับคฤหาสน์ Cragside
และอาคารฟาร์มหลายแห่งในที่ดินของท่าน
ห้องแรกที่ให้แสงสว่างด้วยไฟฟ้า คือ ห้องแสดงงานศิลป์
มีเพียงโคมไฟเพียงดวงเดียวที่แขวนลงมาจากเพดาน
ในเวลาต่อมา คฤหาสน์ทั้งหลังก็มีการเดินสายไฟฟ้าทั้งหมด
เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับโคมไฟภายในคฤหาสน์
จนกระทั่งมีโคมไฟเหนือศีรษะถึง 12 ดวงภายในห้องแสดงงานศิลป์
และโคมไฟอีกจำนวน 8 ดวงที่สามารถเปิดปิดได้ภายในห้องอาหาร
คฤหาสน์ Cragside ยังเคยใช้เป็นเรือนรับรอง
บรรดาราชวงศ์อังกฤษ/เพื่อนสนิท
กับใช้เพื่อเจรจาทางการค้าของท่านกับ
กษัตริย์เปอร์เซีย พระปิยะมหาราช
และว่าที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น 2 ท่าน
3.
ในปี 2014 มีการติดตั้งกังหันสกรู
เมื่อน้ำไหลผ่านใบพัดเกลียวทำให้สกรูหมุน
ดังนั้นจึงควบคุมพลังงานของน้ำที่ตกลงมา
Credit : Christopher Down / Wikimedia
William Armstrong ยังคงขยายและปรับปรุงโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้อีกหลายเท่า
แต่หลังจากท่านมตะ คฤหาสน์ก็ถูกทิ้งร้าง
เป็นเวลาเกือบ 100 ปีต่อมา จึงมีการบูรณะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่
ในปี 2006
มีการปรับปรุงและยกระดับไดนาโม
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
จากเดิมเป็น 12 กิโลวัตต์ ซึ่งทำให้เพียงพอ
ที่จะจุดไฟหลอดไฟทั้งหมด 350 ดวงภายในคฤหาสน์เดิมของท่าน
William Armstrong หลงใหลและชื่นชอบพลังงานน้ำตั้งแต่เยาว์วัยมาก
จากการที่วันหนึ่ง ตอนที่ท่านตกปลาในแม่น้ำ
River Dee ที่
Dentdale ใน
Pennines
ท่านได้เห็นกังหันน้ำใช้ในงานเหมืองหินอ่อน
ภาพที่ปรากฎในสายตาของท่าน
มีเพียงชิ้นส่วนประกอบขนาดเล็กที่ใช้พลังงานน้ำ
ในการขับเคลื่อนล้อให้หมุนเดินหน้า
เพื่อให้ทำงานตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
ทำให้ท่านคิดว่าพลังน้ำจะยิ่งใหญ่เพียงใด
หากพลังงานน้ำได้หลอมรวมเป็นสายธารเดียวกัน
ต่อมา เมื่อท่านย้ายมาอยู่ที่ Newcastle
ท่านได้ออกแบบเครื่องยนต์โรตารี ที่ขับเคลื่อน/ทำงานด้วยพลังน้ำ
โดยทำการทดลองและผลิตที่โรงงาน High Bridge ของ Henry Watson เพื่อนของท่าน
William Armstrong ยังได้พัฒนาเครื่องยนต์ลูกสูบ แทนเครื่องยนต์โรตารี่
ท่านยังได้ติดตั้งเครื่องยนต์นี้จนกลายเป็น
เครนไฮดรอลิกตัวแรกของโลก
William Armstrong จึงกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
ในการผลิตเครนไฮดรอลิกออกจำหน่ายในอังกฤษหลายแห่ง
เช่น รับคำสั่งซื้อจาก การรถไฟ Edinburgh - Northern Railways
ท่าเรือ Liverpool Docks รวมทั้งเครื่องจักรไฮดรอลิกสำหรับเปิดปิดประตูท่าเรือใน Grimsby
ในแต่ละปีโดยเฉลี่ยแล้ว บริษัทของท่านจะผลิตเครนได้ราว 100 ตัวต่อปี
ในช่วงสงครามไครเมีย
Crimean War
William Armstrong ยังได้ออกแบบปืนใหญ่สนามรบ
Armstrong
ที่มีน้ำหนักเบาและมีความแม่นยำเหนือกว่าคู่แข่งใด ๆ
และได้ยกสิทธิบัตรปืนรุ่นนี้ให้กับรัฐบาลอังกฤษ
ทำให้ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็น Sir ต่อมาได้เลื่อนเป็น Lord
และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวิศวกรของกระทรวงกลาโหม
ในปี 1880 บริษัทของท่านได้ขยายตัวไปทำธุรกิจอู่ต่อเรือ
ลานต่อเรือของท่านทอดยาวเกือบหนึ่งไมล์ (3/4 ไมล์) ไปตาม
Tyneside
และเป็นอู่ต่อเรือแห่งเดียวในโลกในยุคนั้น
ที่สามารถสร้างเรือรบและติดตั้งอุปกรณ์/ยุทธภัณฑ์ได้ครบทุกอย่าง
หลังจากที่ William Armstrong อายุเริ่มมากขึ้นแล้ว
ท่านก็เริ่มอุทิศเวลาให้กับเรื่องอื่น ๆ ที่โปรดปรานมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากการทดลองทางไฟฟ้าที่คฤหาสน์ Craigside
ท่านยังชื่นชอบปลูกต้นไม้และไม้พุ่มมากกว่า 7 ล้านต้นรอบ ๆ ที่ดินของท่าน
ที่กว้านซื้อมาราว ๆ 15,000 เอเคอร์ (37,500 ไร่ (60 ตร.กิโลเมตร)
เทียบเท่ากับ
เทศบาลตำบลนกออก โคราช ที่มา
https://bit.ly/2uHEmpV
ท่านยังชื่นชมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากมุมมองใน Northumberland
หลังการมตะของ Lord William Armstrong ในปี 1900
โชคชะตาที่ดี/ความร่ำรวยของครอบครัวท่านก็จบลงเช่นกัน
คฤหาสน์ของท่านถูกทิ้งร้างไปในที่สุด
ในปี 1940 คฤหาสน์ Cragside ถูกยึดครองโดยกองทัพอังกฤษ
และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพใช้ในทางการทหาร
และเมื่อกองทัพย้ายออกไปจากคฤหาสน์แล้ว
อาคารสถานที่/ทรัพย์สินทั้งหมดได้ตกเป็นของการไฟฟ้าแห่งชาติ
คฤหาสน์หลังนี้ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี 1979
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/2UloGaw
https://bit.ly/2WGBPZ5
https://bit.ly/2I4yiji
https://bit.ly/2zPzqlP
https://bit.ly/2YHmfyd
4.
The original hydropower cylinders on the Northumberland estate's grounds from Victorian times.
5.
The original hydropower cylinders on the grounds which Lord Armstrong used to power the estate.
6.
Photo credit: David Nicholls/Flickr
7.
ห้องแสดงงานศิลป์
8.
ห้องอาหาร
9.
ห้องสมุด
10.
11.
12.
หลักการเบื้องต้นของไฮโดรลิก
13..
Left: The screw press. Picture credit: Bruce K. Satterfield. Right: The hydraulic press.
14.
15.
การยิงรีเวท (ภาษาช่างบางแห่งเรียก เดวิด)
16.
17.
ปืนใหญ่ Armstrong
18.
Armstrong ขนาด 6 นิ้ว (เสือหมอบ) ผลิตในปี 1880 ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า สมุทรปราการ
19.
Tudor style homes
20.
Water wheel powering a mine hoistin De re metallica (1566)
21.
หลักการของ Lord William Armstrong
ที่มีการพัฒนาในรูปแบบใหม่
Whirlpool Turbines Can Provide 24/7 Renewable Energy For Dozens Of Homes
Cragside : โรงไฟฟ้าแห่งแรกของโลก
จะผลิตหลอดไส้จำหน่ายและคิดค้นหาวิธีการที่ประหยัดกว่า
ในการนำไฟฟ้าไปสู่ตามครัวเรือนต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ
ในปี 1869 มีคฤหาสน์ในชนบทที่สร้างในยุค Victorian
ที่ผสมผสานรูปแบบจนกลมกลืนสวยงามหลังหนึ่งในแบบบ้าน Tudor
ใกล้กับเมือง Rothbury ใน Northumberland ประเทศ England
ได้มีการใช้แสงสว่างจากกระแสไฟฟ้าทั้งคฤหาสน์
ในยุคนั้น ยังไม่มีโรงงานผลิตไฟฟ้าระดับชาติ
แบบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตไทย
ที่ผลิต/จ่ายกระแสไฟฟ้าได้ทั้งประเทศ/รับซื้อไฟฟ้าจากต่างชาติ
มาขายต่อให้การไฟฟ้านครหลวง กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
แบบไฟฟ้าไปได้ทุกที่ถ้ามีสายไฟฟ้าต่อเชื่อมโยงไปถึง
ในอังกฤษยุคนั้น หากใครต้องใช้ไฟฟ้า ก็ต้องสร้างขึ้นด้วยตนเอง
รวมทั้งคนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ทางเทคโนโลยี
หรือรู้วิธีการใช้หลอดไฟฟ้าเพื่อสร้างแสงสว่าง
แม้ว่า บางคนอาจจะรู้วิธีการแบบนั้นแต่ก็ไม่มีเงิน
William Armstrong นักประดิษฐ์และนักอุตสาหกรรมที่ร่ำรวย
ได้ร่วมมือกับสถาปนิก Richard Norman Shaw
หนึ่งในสถาปนิกที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลทางความคิดมากที่สุดคนหนึ่งในอังกฤษ
ได้ร่วมกันออกแบบก่อสร้างคฤหาสน์ Cragside ในสไตล์แบบ Tudor
โดยคฤหาสน์ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ นอก Rothbury
หลังจากที่ William Armstrong ได้สร้างคฤหาสน์เสร็จแล้ว
ท่านได้ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
ด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมทุกประเภท
เช่น เครื่องซักผ้าแบบน้ำรุ่นแรก เครื่องล้างจาน
ลิฟต์ไฮดรอลิก โรงงานผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ
ลิฟท์ขนของระหว่างชั้น และอื่น ๆ อีกมากมาย
William Armstrong ได้สร้างลำธารเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งในที่ดิน
เพื่อผันให้น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 5 แห่ง
ด้านบน/ด้านล่างอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่ง
ท่านได้ติดตั้งเครื่องยนต์ไฮดรอลิก
เพื่อไว้ใช้ขับเคลื่อนเครื่องจักรไฮดรอลิกจำนวนมาก
ไว้ใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในคฤหาสน์ของท่าน
อีกหนึ่งปีต่อมาในปี 1870
William Armstrong ได้ติดตั้งไดนาโม
เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งแรกของโลก
ที่ใช้พลังน้ำในประเทศอังกฤษ
กระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้
ใช้เป็นพลังงานให้กับคฤหาสน์ Cragside
และอาคารฟาร์มหลายแห่งในที่ดินของท่าน
ห้องแรกที่ให้แสงสว่างด้วยไฟฟ้า คือ ห้องแสดงงานศิลป์
มีเพียงโคมไฟเพียงดวงเดียวที่แขวนลงมาจากเพดาน
ในเวลาต่อมา คฤหาสน์ทั้งหลังก็มีการเดินสายไฟฟ้าทั้งหมด
เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับโคมไฟภายในคฤหาสน์
จนกระทั่งมีโคมไฟเหนือศีรษะถึง 12 ดวงภายในห้องแสดงงานศิลป์
และโคมไฟอีกจำนวน 8 ดวงที่สามารถเปิดปิดได้ภายในห้องอาหาร
คฤหาสน์ Cragside ยังเคยใช้เป็นเรือนรับรอง
บรรดาราชวงศ์อังกฤษ/เพื่อนสนิท
กับใช้เพื่อเจรจาทางการค้าของท่านกับ
กษัตริย์เปอร์เซีย พระปิยะมหาราช
และว่าที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น 2 ท่าน
เป็นเวลาเกือบ 100 ปีต่อมา จึงมีการบูรณะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่
ในปี 2006
มีการปรับปรุงและยกระดับไดนาโม
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
จากเดิมเป็น 12 กิโลวัตต์ ซึ่งทำให้เพียงพอ
ที่จะจุดไฟหลอดไฟทั้งหมด 350 ดวงภายในคฤหาสน์เดิมของท่าน
William Armstrong หลงใหลและชื่นชอบพลังงานน้ำตั้งแต่เยาว์วัยมาก
จากการที่วันหนึ่ง ตอนที่ท่านตกปลาในแม่น้ำ
River Dee ที่ Dentdale ใน Pennines
ท่านได้เห็นกังหันน้ำใช้ในงานเหมืองหินอ่อน
ภาพที่ปรากฎในสายตาของท่าน
มีเพียงชิ้นส่วนประกอบขนาดเล็กที่ใช้พลังงานน้ำ
ในการขับเคลื่อนล้อให้หมุนเดินหน้า
เพื่อให้ทำงานตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
ทำให้ท่านคิดว่าพลังน้ำจะยิ่งใหญ่เพียงใด
หากพลังงานน้ำได้หลอมรวมเป็นสายธารเดียวกัน
ต่อมา เมื่อท่านย้ายมาอยู่ที่ Newcastle
ท่านได้ออกแบบเครื่องยนต์โรตารี ที่ขับเคลื่อน/ทำงานด้วยพลังน้ำ
โดยทำการทดลองและผลิตที่โรงงาน High Bridge ของ Henry Watson เพื่อนของท่าน
William Armstrong ยังได้พัฒนาเครื่องยนต์ลูกสูบ แทนเครื่องยนต์โรตารี่
ท่านยังได้ติดตั้งเครื่องยนต์นี้จนกลายเป็นเครนไฮดรอลิกตัวแรกของโลก
William Armstrong จึงกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
ในการผลิตเครนไฮดรอลิกออกจำหน่ายในอังกฤษหลายแห่ง
เช่น รับคำสั่งซื้อจาก การรถไฟ Edinburgh - Northern Railways
ท่าเรือ Liverpool Docks รวมทั้งเครื่องจักรไฮดรอลิกสำหรับเปิดปิดประตูท่าเรือใน Grimsby
ในแต่ละปีโดยเฉลี่ยแล้ว บริษัทของท่านจะผลิตเครนได้ราว 100 ตัวต่อปี
ในช่วงสงครามไครเมีย Crimean War
William Armstrong ยังได้ออกแบบปืนใหญ่สนามรบ Armstrong
ที่มีน้ำหนักเบาและมีความแม่นยำเหนือกว่าคู่แข่งใด ๆ
และได้ยกสิทธิบัตรปืนรุ่นนี้ให้กับรัฐบาลอังกฤษ
ทำให้ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็น Sir ต่อมาได้เลื่อนเป็น Lord
และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวิศวกรของกระทรวงกลาโหม
ในปี 1880 บริษัทของท่านได้ขยายตัวไปทำธุรกิจอู่ต่อเรือ
ลานต่อเรือของท่านทอดยาวเกือบหนึ่งไมล์ (3/4 ไมล์) ไปตาม Tyneside
และเป็นอู่ต่อเรือแห่งเดียวในโลกในยุคนั้น
ที่สามารถสร้างเรือรบและติดตั้งอุปกรณ์/ยุทธภัณฑ์ได้ครบทุกอย่าง
หลังจากที่ William Armstrong อายุเริ่มมากขึ้นแล้ว
ท่านก็เริ่มอุทิศเวลาให้กับเรื่องอื่น ๆ ที่โปรดปรานมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากการทดลองทางไฟฟ้าที่คฤหาสน์ Craigside
ท่านยังชื่นชอบปลูกต้นไม้และไม้พุ่มมากกว่า 7 ล้านต้นรอบ ๆ ที่ดินของท่าน
ที่กว้านซื้อมาราว ๆ 15,000 เอเคอร์ (37,500 ไร่ (60 ตร.กิโลเมตร)
เทียบเท่ากับ เทศบาลตำบลนกออก โคราช ที่มา https://bit.ly/2uHEmpV
ท่านยังชื่นชมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากมุมมองใน Northumberland
หลังการมตะของ Lord William Armstrong ในปี 1900
โชคชะตาที่ดี/ความร่ำรวยของครอบครัวท่านก็จบลงเช่นกัน
คฤหาสน์ของท่านถูกทิ้งร้างไปในที่สุด
ในปี 1940 คฤหาสน์ Cragside ถูกยึดครองโดยกองทัพอังกฤษ
และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพใช้ในทางการทหาร
และเมื่อกองทัพย้ายออกไปจากคฤหาสน์แล้ว
อาคารสถานที่/ทรัพย์สินทั้งหมดได้ตกเป็นของการไฟฟ้าแห่งชาติ
คฤหาสน์หลังนี้ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี 1979
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/2UloGaw
https://bit.ly/2WGBPZ5
https://bit.ly/2I4yiji
https://bit.ly/2zPzqlP
https://bit.ly/2YHmfyd