รีวิวการเดินทางละเอียดยิบ 10 วัน แบบ Road trip ระยะทางกว่า 1,100 กม. ในแคว้น Ladakh ของประเทศอินเดีย ด้วยงบ 20,000 บาท กับวิวอลังการหลักล้านของเทือกเขาหิมาลัย ที่สวยแบบพร่ำเพรื่อ สวยตลอดทาง นั่งรถทั้งวันเพลียแค่ไหนก็ไม่กล้าหลับ วิวที่แบบว่า จะให้ใครถ่าย จะใช้กล้องอะไร รูปก็ออกมาก็สวยทุกรูป!!
เที่ยวไม่ยาก ค่าครองชีพก็ถูก ผู้คนน่ารักมาก ไม่เหมือนอินเดียที่อื่น ตามไปชมกันเลยค่าาา ^^
ข้ อ ค ว ร รู้ ก่ อ น ไ ป L a d a k h - I n d i a
-Leh เป็นเมืองหลวงของแคว้น Ladakh ในเขต Jummu and Kashmir อยู่ตอนเหนือสุดของอินเดีย
-คนที่นี่น่ารัก ใจดี เป็นมิตร ซื่อสัตย์ หน้าตาคล้ายๆไปทางทิเบต จะไม่เหมือนคนอินเดียภาคอื่นๆเลย
-Leh ยังไม่มีบินตรงจากไทย ต้องแวะต่อเครื่องที่เมืองหลวง Delhi ก่อน สายการบินที่นิยมกันคือ Air India และ Jet Airways ค่าตั๋วไปกลับ BKK - IXL อยู่ที่ประมาณ 10,600 - 14,000 บาท
-ช่วงบินจาก Delhi ไป Leh พยายามจองที่นั่งติดหน้าต่างด้านซ้าย เพื่อความฟินกับวิวหลักล้านของเทือกเขาหิมาลัย จะเห็นยอด K2 ด้วย
-เวลาที่อินเดียช้ากว่าไทย 1.30 ชม.
-ทักทายคนที่นี่ด้วยคำว่า Jullay (จูเล่)
-ฤดูกาลท่องเที่ยวคือช่วง มิ.ย - ก.ย แต่ช่วงเม.ย - พ.ค อาจจะเสี่ยงกับหิมะถล่ม ทางปิด ไฟล์ทบินเลื่อน ร้านรวงยังไม่เปิดให้บริการเท่าไร ทะเลสาบเป็นน้ำแข็ง แต่นักท่องเที่ยวไม่เยอะ ก็ยังโอเคอยู่นะ
-คนไทยต้องใช้วีซ่าอินเดีย ทำ E-Visa ผ่านเวป วันเดียวได้
-สกุลเงินอินเดีย คือรูปี อัตราแลกเปลี่ยน 1 รูปี = 0.48 บาท หรือคิดง่ายๆ เอาจำนวนเงินรูปีหารสอง ก็จะได้ค่าเงินบาทโดยประมาณ
-ค่าครองชีพถูกมากกก ถ้าไปเป็นกลุ่ม 5 -12 คน หารค่ารถกัน
-ควรศึกษาเรื่องอาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness) และการกินยา Diamox มาก่อน สำคัญมากๆ
-ซาลีมคือเจ้าของ Ree Yul Guesthouse เจ้าดังของคนไทย เป็นพี่น้องกับ Peace Guesthouse ที่อยู่ติดรั้วเดียวกัน แนะนำเลยค่ะ
-แต่...เกสต์เฮ้าส์ทั้ง 2 ที่ ไม่มีฮีทเตอร์ ถ้าเดินทางช่วงหน้าหนาว ต้องพิจารณากันอีกทีนะคะ แต่มีน้ำอุ่นอาบและกระเป๋าน้ำร้อนให้ค่ะ
-อาหารส่วนใหญ่เป็นมังสวิรัติ ไม่มีหมู พกอาหารแห้งจากไทยไปเผื่อด้วย พวกมาม่า อาหารกระป๋อง พริกป่น น้ำปลา
-ค่าเหมารถราคามาตรฐาน มีเรทราคาตามระยะทางเท่ากัน ไม่ต้องกลัวเรื่องโดนโก่งราคาค่ะ
-กิจกรรมแนะนำนอกจากไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ คือล่องแก่ง เดินเขา ขี่มอไซค์ Royal Enfield (ขอใบขับขี่สากลไปด้วยนะ )
-ควรซื้อประกันการเดินทางด้วยนะ
-เตรียมตัดขาดจากโซเชียล เพราะ Wifi ในเมืองเลห์ จะมีมาแผ่วๆ เป็นบางช่วง โรมมิ่งก็เช่นกัน
-หลายพื้นที่ที่ต้องผ่าน จะเป็นเขตทหาร ส่วนใหญ่ห้ามถ่ายรูป จะติดป้ายแจ้งไว้
-ต้องทำ Permit เพื่อเข้าไปในบางพื้นที่ ซาลีมจัดการให้ได้ หรือเอเจ่นที่เราเช่ารถ
-พกหัวแปลงปลั๊กไฟไปด้วยนะ
-พกถุงนอนไปด้วย มีประโยชน์มาก สวมถุงนอนก่อนแล้วห่มผ้า อุ่นนนน
-เวชสำอางค์ Himalaya ราคาเท่ากันไม่ว่าจะตามตลาดหรือในสนามบิน
-ผลไม้แห้งและธงมนต์ ก็เป็นของฝากของที่นี่เช่นกัน
-ด้วยความที่เนตใช้ไม่ได้ โหลด Maps.me ไว้ด้วยนะ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำ :
ด้วยการเดินทางที่ต้องนั่งรถวันนึงหลายชั่วโมง ก่อนอื่นคือต้องเตรียมพร้อมกับการใช้ชีวิตในรถนานๆ การมีอุปกรณ์ช่วยดูแลสุขภาพหลังของเราให้นั่งสบาย ไม่เมื่อยล้า และยังปรับสรีระหลังให้อยู่ในท่าที่ถูกต้อง ก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้เราออกเดินทางอย่างมีความสุขได้นะ
รู้แบบนี้แล้ว สิ่งที่เราเตรียมไปด้วยและอยากแนะนำคือ “AirLumba ToGo” มันคือแผ่นรองรับสรีระหลังขณะนั่งบนรถยนต์ คือเราเป็นคนนั่งประกบคนขับรถด้านหน้าตลอด คอยยื่นขนม ลูกอม ชวนคุยเป็นระยะๆ เพราะเส้นทางที่ขับกันแต่ล่ะวัน ออกจะโหดและไกลสักหน่อย แอบห่วงเรื่องความปลอดภัย ก็เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนคนขับ ไม่เหมือนเพื่อนๆ ด้านหลังที่นอนหลับพาดยาวกันคนล่ะ 2 เบาะเลย ><
ช่วงวันแรกๆ ก็ยังไม่ชินเท่าไร เพราะ AirLumba ToGo จะเข้าไปเติมเต็มช่องว่างของแผ่นหลังกับเบาะรถยนต์ และเกิดการเคลื่อนไหวไปรองรับส่วนต่างๆ ตามสรีระของหลังเรา ทั้งส่วนบนและล่าง หลังจากนั้นวันต่อมา คือเริ่มรู้สึกสบายหลัง เวลาที่รถต้องไต่เขา เจอถนนขรุขระ เหวี่ยงไปมาทั้งวัน ทำให้รู้สึกได้เลยว่า แรงกระแทกต่างๆ มันถูกกระจายไป ผ่อนคลาย นั่งทั้งวันก็ไม่ปวดหลังเลยค่ะ
พก “AirLumba ToGo” ติดกระเป๋าไปด้วย กับน้ำหนักแค่ 0.5 ปอนด์ คือเบามาก พับได้ ติดตั้งเองได้ง่ายๆ เลย เป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพหลังตลอดการเดินทางโหดๆ ที่ Ladakh ได้ดีเลย ผ่อนคลายสบายหลังขึ้นเยอะมาก มันจะกระชับพอดีกันสรีระของแต่ล่ะคน ลดช่องว่างระหว่างพนักพิงกับหลังของเรา กล้ามเนื้อหลังเราก็จะไม่ทำงานหนักจนเกร็งและเมื่อยล้าจนเกินไปค่ะ คราวนี้ล่ะไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล ก็หมดกังวลเรื่องอาการปวดหลังไปได้เลย
เตรียมตัวพร้อมแล้ว ลุยกันเลยค่าาาา ^^
Ladakh road trip 1,100 Km. l ดินแดนทิเบตน้อยในอ้อมกอดหิมาลัยช่วงฤดูใบไม้ผลิ
https://ppantip.com/topic/34109505 9 เหตุผลที่ก่อนตาย คุณควรไปเห็น Leh Ladakh กับตาตัวเอง [The Walking Backpack]
https://ppantip.com/topic/33671255 รีวิว" รออะไรล่ะ .... อินเดียดิ ! กับทริป 15 วัน คนเดียวก็เปรี้ยวได้ " Ep1 : แดนสวรรค์ ที่ Leh ladakh [สองเท้า-เกาโลก]
พูดคุยเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook page : https://www.facebook.com/Mytravelholicdiary/
Instagram : https://www.instagram.com/my_travelholic_diary/
-คนที่นี่น่ารัก ใจดี เป็นมิตร ซื่อสัตย์ หน้าตาคล้ายๆไปทางทิเบต จะไม่เหมือนคนอินเดียภาคอื่นๆเลย
-Leh ยังไม่มีบินตรงจากไทย ต้องแวะต่อเครื่องที่เมืองหลวง Delhi ก่อน สายการบินที่นิยมกันคือ Air India และ Jet Airways ค่าตั๋วไปกลับ BKK - IXL อยู่ที่ประมาณ 10,600 - 14,000 บาท
-ช่วงบินจาก Delhi ไป Leh พยายามจองที่นั่งติดหน้าต่างด้านซ้าย เพื่อความฟินกับวิวหลักล้านของเทือกเขาหิมาลัย จะเห็นยอด K2 ด้วย -เวลาที่อินเดียช้ากว่าไทย 1.30 ชม. -ทักทายคนที่นี่ด้วยคำว่า Jullay (จูเล่) -ฤดูกาลท่องเที่ยวคือช่วง มิ.ย - ก.ย แต่ช่วงเม.ย - พ.ค อาจจะเสี่ยงกับหิมะถล่ม ทางปิด ไฟล์ทบินเลื่อน ร้านรวงยังไม่เปิดให้บริการเท่าไร ทะเลสาบเป็นน้ำแข็ง แต่นักท่องเที่ยวไม่เยอะ ก็ยังโอเคอยู่นะ
-แต่...เกสต์เฮ้าส์ทั้ง 2 ที่ ไม่มีฮีทเตอร์ ถ้าเดินทางช่วงหน้าหนาว ต้องพิจารณากันอีกทีนะคะ แต่มีน้ำอุ่นอาบและกระเป๋าน้ำร้อนให้ค่ะ
-พกถุงนอนไปด้วย มีประโยชน์มาก สวมถุงนอนก่อนแล้วห่มผ้า อุ่นนนน -เวชสำอางค์ Himalaya ราคาเท่ากันไม่ว่าจะตามตลาดหรือในสนามบิน -ผลไม้แห้งและธงมนต์ ก็เป็นของฝากของที่นี่เช่นกัน
-บทความแนะนำเรื่องอาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness) และการทานยา Diamox ของหมอๆ ตะลุยโลก >> http://www.worldwantswandering.com/2016/02/10/3813/
-E Visa India >> https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
-วิธีการกรอก E Visa อินเดีย บล๊อคนี้แนะนำละเอียดดีค่ะ >> https://goanywhere.co/2017/11/22/indiaevisa2017/
-ที่พักและรถเช่า ติดต่อซาลีมได้เลย >> https://www.facebook.com/reeyulguesthouse.leh
ด้วยการเดินทางที่ต้องนั่งรถวันนึงหลายชั่วโมง ก่อนอื่นคือต้องเตรียมพร้อมกับการใช้ชีวิตในรถนานๆ การมีอุปกรณ์ช่วยดูแลสุขภาพหลังของเราให้นั่งสบาย ไม่เมื่อยล้า และยังปรับสรีระหลังให้อยู่ในท่าที่ถูกต้อง ก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้เราออกเดินทางอย่างมีความสุขได้นะ