เลห์ ลาดัก “Leh Ladakh” สู่ดินแดนทิเบตน้อย กับ Travelzeed


🗻🗻🗻 เลห์ ลาดัก “Leh Ladakh” ดินแดนแห่งทิเบตน้อย 🗻🗻🗻




Leh Ladakh Trip ทริปที่แซงทุกทริปที่วางแผนไว้ ทั้ง ซาปา // ญี่ปุ่น // ซีบู โดยเหตุที่ทริปนี้เกิดขึ้นด้วยเพราะความดิบของสถานที่

ประกอบกับแรงกำลังที่คิดว่าการเดินทางแบบนี้ "ยังไหว" และที่ขาดไม่ได้เลยคือเพื่อนร่วมทริป 30+travel ที่ร่วมเดินทางไปหาประสบการณ์ใหม่ๆครั้งแล้วครั้งเล่า


การเดินทางในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วง 16-22 เมษายน 2562 สดๆเบยย ( 7 Day 5 Nights)

ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูการท่องเที่ยว หลังจากเมืองนี้ต้องเจอกับสภาพอากาศที่หนาวจัด ตลอดระยะเวลา 5 เดือน 😁😁😁


คนที่เมือง Leh แม้จะเป็นคนอินเดีย แต่นิสัยใจคอจะไม่เหมือนคนอินเดียเลยแม้แต่น้อย คนที่นี่เป็นมิตร และน่ารัก คนที่นี่ค้าจะใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ 😉😉😉

>>> ✌️✌️✌️ Start Trip ✌️✌️✌️<<<


Day 1 >>  " วันแห่งการเดินทาง "   เราเดินทางจาก กรุงเทพฯ จากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบิน Air India

                เที่ยวบินที่ AI333 Bangkok (BKK) to Delhi (DEL) เวลา 08:55 ถึง Delhi เวลา 12:00 Terminal (3)  รวมระยะเวลาเดินทาง 4.35 ชั่วโมง

                (เวลาที่อินเดียช้ากว่าบ้านเรา 1.30 ชั่วโมงเน้อ )

                **ข้อดีของการใช้สายการบินนี้คือ เมื่อเราไปถึง Delhi แล้ว เราไม่ต้องเปลี่ยน Terminal เพราะ สายการบิน  Air India ที่บินจาก Delhi (DEL) to Leh (IXL) จะใช้  Terminal (3) เช่นเดียวกัน**

               สำหรับคืนแรกนี้ เราต้องนอนที่สนามบินเดลี โอ้วววว แม่เจ้า ส่วนที่นอนก้อตามเก้าอี้นอนที่เค้ามีตั้งๆเรียงไว้นั่นแหละ  แต่จำไว้เสมอนะ ถ้าเมื่อไหร่คุณลุกขึ้นจากที่นั่ง (เข้าห้องน้ำ // ซื้อข้าว)  แม้ว่าจะเอากระเป๋าตั้งไว้ ก้อจะมีพี่แขกมานั่งแทนที่โดยไม่สนใจว่าจะมีสิ่งของใดๆ วางไว้ 😁😁😁


😰😰😰 คำเตือนสำหรับการเดินทางมายังสนามบินเดลี 😰😰😰


-สนามบินเดลี สนามบินนานาชาติของประเทศอินเดีย เป็นสนามบินที่ใช้ทหารในการรักษาความปลอดภัย ทหารทุกนายสะพายปืน ปืนในที่นี้ไม่ใช่ปืนพกแบบที่ตำรวจบ้านเราเค้าใช้กัน แต่เป็นปืนยาวๆ เราเองก้อไม่รู้ว่ามันเรียกอะไร ครั้นจะถ่ายรูปก้อกลัวๆ 🤣🤣🤣🤣 ส่วน terminal ในสนามบินนั้นหากคุณเข้าแล้วห้ามออก และเมื่อคุณออกแล้วก้อห้ามเข้า อันนี้เจอมาเองกับตัว แทบจะลงไปกราบพี่ทหารที่เฝ้าหน้าประตู เดินออกจาก Terminal เพียงเพราะอยากออกมากิน kfc 😰😰😰 ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องพกไว้เสมอ คือ passport และตั๋วเครื่องหรือเอกสารแสดงว่าคุณมีตั๋วเครื่องบิน แต่ที่มาตรการรักษาความปลอดภัยเค้าเข้มงวด เค้าก้อมีเหตุผลนะ เพราะพี่แขก(อินเดีย)ชอบเข้ามานอนตากแอร์ในสนามบิน นอนกับแบบว่าเป็นวันๆเลยทีเดียว 😅😅😅


Day 2 >>  " เดินทางสู่ Leh Ladakh "   ด้วยสายการบิน Air India  เที่ยวบินที่ AI445 Delhi (DEL) to Leh (IXL) เวลา 06:45, Terminal (3) ถึง Leh (IXL) เวลา 08:20 รวมระยะเวลาเดินทาง 1.35 ชั่วโมง


          เที่ยวบินจากเดลีไป Leh เป็นเที่ยวบินที่ประทับใจมากที่สุด พลาดไม่ได้ที่คุณจะต้องเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง เพื่อชมวิวของเทือกเขาหิมาลัยที่สวยงามตระการตา 👍🏻👍🏻👍🏻


วินาทีแรกที่ได้สัมผัส ต้องตะลึงกับวิวที่โคตรสวยงามอลังการของเทือกเขาหิมาลัย 👍🏻👍🏻👍🏻




     เมื่อคุณก้าวลงสู่สนามบินเมือง Leh คุณจะได้รับการดูแลจากเหล่าทหาร เมือง Leh เป็นเมืองที่มีเทือกเขาหิมาลัยล้อมรอบ

เราเลยเรียกเมือง Leh ว่าเป็นทิเบตน้อย🗻🗻🗻


😉😉😉ภาพแรกเมื่อเดินทางมาถึง 😉😉😉


🛣🛣🛣  ระหว่างทาง  🛣🛣🛣



เมื่อถึงที่พัก Sera courtyard Leh ทางไกด์ท้องถิ่นจะบอกให้เรานอนพัก เพื่อปรับร่างกายให้เข้ากับระดับความสูงที่เมืองลาดักห์ 

ย้ำว่าต้องนอนพักจิงๆนะอย่าดื้อเด็ดขาด 💤💤💤💤💤


หลังจากเราฟื้นจากการนอนพักปรับสภาพร่างกาย พี่ไกด์ใจดีพาเราไปเที่ยวรอบๆ เมือง Ladakh 

>> เจดีย์สันติภาพ (Shanti stupa)

>> Leh Palace

👍🏻👍🏻👍🏻 สำหรับโรงแรมที่ไปพัก ต้องบอกว่าดีมากทั้งการบริการและสถานที่ พนักงานมีความเอาใจใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องอาหารการกิน วันแรกจัดอาหารมาเต็มสตรีมเลยแต่กรุ๊ปของเราที่ไปเป็นกรุ๊ปเล็กๆอีกทั้งอาหารยังเป็นท้องถิ่นทำให้อาหารเหลือเยอะพอสมควร พอวันถัดๆมาเค้าพยายามปรับลดอาหารรวมทั้งรสชาติเพื่อให้คนไทยแบบเราสามารถรับประทานอาหารได้อย่างมีความสุข 😁😁😁




Day 3 >> " Travel Leh Ladakh "


                >> จุดชมวิวแม่น้ำ 2 สี ระหว่างแม่น้ำสินธุสีปูนกับแม่น้ำซันสการ์สีฟ้าคราม

                >> วัดอัลชิ (Alchi Gompa) อยู่ห่างจากเลห์ 68 กม.

                >> แมกเนติก ฮิลล์ (Magnetic Hill) 

                >> วัดอะไรก้อไม่รู้จำชื่อไม่ได้ อีก 2 ที่ 😰😰😰

                >> Shopping ตลาดเมือง Ladakh




🚍🚍🚍 การเดินทางท่องเที่ยวภายในเมือง Leh แนะนำให้เช่ารถของคนพื้นที่เพื่อท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ. ต้องบอกว่าคนเมืองนี้รายได้หลักๆมาจากการท่องเที่ยว ส่วนถนนหนทางก็เหมือนชนบทบ้านเราส่วนใหญ่จะเป็นถนนเลนสวน รวมทั้งทางขึ้นเขาและลงเขา 🚍🚍🚍


Day 4 >> " Leh - Nubra Valley "


              >> เดินทาง ไปยังนูบรา วัลเลย์ ระยะทาง 125 กม. ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง 

              >> ถนนที่สูงที่สุดในโลก  คาดุงลาพาส (Khardongla Pass)  18,360 ฟุต

              >> วัด Diskit วัดที่มีองค์พระที่สูงที่สุด

              >> ทะเลทราย Hunder เนินทรายสีขาว (White Sand)

              >> ที่พัก Grand Nubra Hotel




❄❄❄🌏🌏🌏 เมือง Leh เป็นเหมือนภาพวาด  วิวที่เราเห็นแปลกตา สำหรับคนไทยอย่างเรา เป็นภูมิประเทศที่มีความสลับซับซ้อน ในหนึ่งวันสำหรับการเดินทางคุณอาจจะได้เจอกับ ฝุ่นและหิมะรวมทั้งทะเลทราย สำหรับเราการเดินทางในแต่ละวันมันตื่นตาตื่นใจ ชนิดที่เรียกว่าไม่อาจสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ที่ไหนมาก่อน 🌏🌏🌏❄❄❄


Day 5 >> " Nubra Valley - Leh "

    

              >> เดินทาง กลับจาก Nubra - Leh  ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง แต่ขากลับเรามีเรื่องผิดหวังนิดหน่อยที่วันนี้เราไม่ได้ไปนอนค้างที่ Pangong ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยของเส้นทาง 😭😭😭😭

              >> Shopping ตลาดเมือง Ladakh

💲💲💲💲💲 ค่าครองชีพที่เมืองนี้ไม่แพง สามารถใข้จ่ายได้แบบสบายกระเป๋า 👌👌👌

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่