สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากมาเเชร์ประสบการณ์โรคซึมเศร้าของผมครับ (อาจยาวนิดนึง เพิ่งเคยเขียนยาวๆเเบบนี้ครั้งเเรก หากผิดผลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ)
ผมเริ่มรักษาโรคซึมเศร้ามาได้ประมาณ 6 เดือนเเล้วครับ ตลอดเวลาที่รักษาผมสิ้นหวังในอนาคตของตัวเองเเละเชื่อว่าตัวผมเองไม่มีทางดีขึ้นมาโดยตลอด จนวันนี้ผมได้ย้อนกลับมาคิดทบทวนตัวเองเเละตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเองในหลายๆด้าน ผมเริ่มเห็นวันที่สดใสของผม เเละผมอยากขอบคุณตัวเองที่ผมยังคงมีชีวิตต่อไป
ผมเกิดมาในครอบครัวที่ฐานะปานกลางค่อนไปทางยากจน แม่เเละพ่อของผมทำงานหนักมาก ผมเป็นลูกชายคนสุดท้องมีพี่สาว 1 คน เเต่ชีวิตในวัยเด็กผมไม่ได้ลำบากหนักเพราะพ่อแม่ผมไม่ได้บังคับหรือเข้มงวดกับผมเลย การเรียนผมค่อนข้างอยู่ในระดับที่ดี ผมใช้ชีวิตเเบบเด็กปกติมาเรื่อยๆ จนกระทั้งผมอยู่ ป.4-5 พ่อของผมค่อนข้างติดสุรามาก เเละมักจะทะเลาะกับเเม่เป็นประจำ พ่อมักทุบตีเเม่เวลาเมาเสมอ เเต่พ่อผมเป็นคนรักลูกมากไม่เคยตีผมกับพี่สาวผมเลย ผมเห็นเเบบนี้มาตลอดจนในใจผมค่อนข้างไม่ชอบพ่อของตัวเองเอาเสียเลย วันนึงด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ แม่ผมตัดสินใจขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพ ตอนนั้นผมเสียใจมากเพราะผมต้องใช้ชีวิตอยู่กับพ่อที่ผมไม่ชอบเค้าเลย (ไม่ใช่เเม่ทิ้งพวกเราไปนะครับ เเม่ไปเพราะทำงานได้เงินเยอะกว่าเเละเเม่ก็ติดต่อมาเรื่อยๆ) พ่อผมเลิกกินเหล้าตั้งเเต่แม่ไป พี่สาวผมเป็นคนขยันช่วยงานบ้านเเละดูเเลครอบครัวอย่างดี ทุกๆปิดเทอมเเม่จะให้พี่สาวผมขึ้นมากรุงเทพตลอด ผมรู้สึกอิจฉามากเพราะผมไม่เคยได้ไปหาเเม่เลย
พอขึ้นม.ต้น พอผมพ่อที่เคยเลิกเหล้าก็กลับมากินหนักขึ้น เเถมติดการพนันด้วย ทำให้พ่อตกงาน พ่อผมเลยหันมาค้าขายที่ตลาด ผมเริ่มไปช่วยพ่อเป็นประจำโดยตื่นตี 2-3 จัดเตียมของ เเละพอถึงเวลาก็ไปโรงเรียน ถ้าเสาร์อาทิตย์ผมก็อยู่ทั้งวัน ตอนนั้นการเรียนผมเริ่มตกลง ทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบพ่อหนักขึ้นเรื่อยๆ พ่อขายของไม่นานด้วยความติดสุราจึงเริ่มทำให้ไม่สามารถไปขายได้ เงินก็ไม่มีเก็บ แม่ผมลงมาจากกรุงเทพเพื่อพูดคุยกับพ่อ สุดท้ายพ่อผมกลับไปอยู่บ้านเกิดเค้าที่ต่างจังหวัด ร้านขายของผมก็ยังเปิดต่อไปโดยผมเข้ามาดูเเล เเละมียายมาช่วยขายช่วงผมไปโรงเรียน(ปกติแม่จะส่งเงินให้ยายใช้ไม่ให้ยายทำงาน) พี่ผมหลังจากจบม.6 ก็ขึ้นมาอยู่กลับแม่ ชีวิตช่วงนั้นผมต้องตั้งใจเรียนขึ้น เเละทำงานหาเงินเอง ผมต้องตื่นตี 2-3 เพื่อเตียมของขาย 8โมงไปโรงเรียน(ยายขายเเทน) หลังเลิกเรียนก็ต้องเรียนพิเศษ กลับจากเรียนพิเศษก็มาเก็บล้างที่ร้านค้า(ยายเเก่มากไม่อยากให้ทำงานหนัก) ตอนนั้นผมโทษพ่อที่ทำให้ชีวิตผมเป็นเเบบนี้ หลังจากจบ ม.3 ชีวิตผมเริ่มเคว้งเพราะไม่มีใครช่วยผมตัดสินใจว่าจะเรียนต่อที่ไหนดี เเละร้านค้าเริ่มขายของยาก ผมตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนตามเพื่อน ผมสอบผ่านขึ้นม.4 เเต่เริ่มเรียนไม่ไหว(ศิลป์-ฝรั่งเศส) เเละร้านค้าก้ปิดตัวเพราะยายเริ่มป่วย ผมเลยขอเเม่ออกจากที่เดิมเเละขึ้นไปอยู่กับเเม่ด้วย
พอผมย้ายขึ้นมาอยู่กับเเม่ ก็มาอยู่หอโดยไม่ได้ทำงานเเม่ผมส่งเรียนต่อ ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกอิจฉาพี่สาวผมที่ได้อยู่กับแม่เเละเริ่มรู้สึกว่าเเม่ไม่ค่อยรักผมหนักถึงผมมาอยู่ด้วยเเต่ก็ไม่ค่อยได้เจอเเม่อยู่ดี จนผมเรียนจบ ปวช. ผมเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเคว้งอีกครั้งเมื่อต้องหาที่เรียนต่อ ตอนนั้นผมเริ่มไม่ค่อยได้คุยกับแม่หนักจึงทำให้ผมตัดสินใจหางานทำเพื่อที่จะไม่ต้องขอเงินเเม่ ตอนเเรกตั้งใจจะเรียนวันอาทิตย์เเต่งานที่ผมได้เป็นงานที่ค่อนข้างได้เงินเยอะเเต่ไม่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ผมจึงตัดสินใจทำงานต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ได้ขอเงินเเม่เลย เเม่ผมมาเยี่ยมที่หอบ้าง เเต่งานผมยุ่งทำให้ไม่มีเวลาเจอกันมากหนัก ผมเริ่มเก็บเงินได้บ้าง(ไม่ได้ส่งเงินให้เเม่) ผมทำงานได้ 3ปี ได้ลาออกเนื่องจากมีปัญหากับคนที่ทำงานด้วย ผมอยากเรียนต่ออีกครั้งจึงเริ่มหางานที่หยุดวันอาทิตย์ ผมปล่อยชีวิตลอยเเพไป1-2เดือนก็ได้งานใหม่ เเม้เงินเดือนน้อยกว่าที่เก่ามากเเต่ได้หยุดวันอาทิตย์ ตอนเเรกผมตั้งใจหาที่เรียนเเต่ด้วยความที่คิดว่างานยังไม่ทรงตัวเลยยังไม่สมัครเรียนต่อ ผมทำงานได้1 ปี พี่หัวหน้าเห็นผมขยันจึงขอให้ผมย้ายไปทำงานอีกแผนกนึง ถึงงานจะหนักกว่าเเต่ได้เงินเยอะมาก ผมจึงตัดสินใจย้ายแผนก
หลังจากผมย้ายแผนกผมเริ่มมีเงินเยอะขึ้น สามารถกินเที่ยวได้บ่อยขึ้น ผมคิดว่าผมจะปักหลักอยู่ต่อยาวๆเลยไม่ได้สนใจเรื่องเรียนต่อเเล้ว งานแผนกใหม่ของผมค่อนข้างเครียดเเละหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่มีเวลาแม้เเต่กลับบ้านวันหยุดเทศกาลทำให้ผมเริ่มห่างเหินจากครอบครัวตัวเองมากยิ่งขึ้น (พ่อผมเริ่มเลิกสุราอีกครั้ง เเละหันมาหางานทำเเต่หาไม่ได้ แม่จึงให้พ่อย้ายมาอยู่ดูเเลยายที่ป่วยอยู่ที่บ้าน พ่อแม่ผมถึงจะเเยกกันก่อนหน้านี้เเต่ก็ไม่ได้หย่ากัน) ตอนนั้นครอบครัวผมเริ่มกลับมาเป็นครอบครัวผมอีกครั้ง เเต่ผมก็ไม่ได้ไปหาเค้าบ่อยหนักทำให้เริ่มรู้สึกห่างเหิน เวลาแม่ผมมาเยี่ยมที่หอก็เริ่มทะเลาะกับผมมากขึ้นเนื่องจากผมเริ่มไม่รู้จะพูดคุยกับเค้ายังไง ทำให้หลายครั้งเค้าคิดว่าผมไม่พอใจที่เค้ามา หลายครั้งสิ่งที่เเม่พูดทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ควรเป็นลูกเค้าเลย เค้าเริ่มพยายามดูเเลผมมากขึ้น ผมยิ่งรู้สึกไม่ดี บ่อยครั้งเค้าพูดว่าเค้าขอโทษที่เค้าเป็นแม่ผม ผมยิ่งรู้สึกเเย่เเละไม่อยากคุยกับเค้า เเละเริ่มไม่อยากเป็นครอบครัวเค้า ต่างจากพี่สาวผมที่พี่ผมลงไปหาเเม่พ่อเเม่บ่อยๆ หลังจากนั้นผมก็เเยกตัวมากขึ้น วันหยุดยาวก็ไปเที่ยวต่างประเทศ แทนที่จะกลับบ้าน วันหยุดสั้นก็เที่ยวในประเทศ เริ่มไปไม่ไปเยี่ยมที่บ้าน งานที่ทำก็เริ่มหนักขึ้นเเละเครียดขึ้นอีกเช่นกัน ผมเริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพโดยเริ่มจาก ปวดศรีษะ ไมเกรน นอนไม่หลับ เลือดไหลออกจมูกบ่อยๆ ผมเข้าโรงพยาบาลบ่อยขึ้น จนผมเริ่มรู้สึกไม่ไหวกลับงานที่ทำ ผมเริ่มเข้าพบจิตเเพทย์เรื่องปัญหาความเครียดเเละสุขภาพ ผมเริ่มมีความคิดที่ไม่อยากมีชิวิตต่อ เริ่มรู้สึกเหนื่อยเเละเบื่อหน่ายชีวิต ผมเริ่มรู้สึกว่ามีเงินไม่ใช้มีทุกอย่างในชีวิต ตอนนี้ของที่ผมเคยอยากได้อยากมีในวัยเด็กพอผมมีเงินที่จะซื้อมัน ผมกลับไม่มีความสุขเอาซะเลย งานที่ทำเริ่มไม่อยากทำไม่อยากตื่นขึ้นไปทำงาน เริ่มทำงานผิดพลาดบ่อยขึ้น ผมเริ่มใช้ชีวิตไปวันๆ ตื่นขึ้นมาก็เริ่มรู้สึกไม่อยากตื่น เริ่มปล่อยตัว น้ำหนักขึ้นเยอะมาก(เนื่องจากพอเริ่มเครียดก็เริ่มกินเเละเริ่มดื่มเหล้า) เริ่มเบื่อโลก เเละไม่เข้าสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาของผมเริ่มเป็นปัญหามากยิ่งขึ้นเมื่อผมเริ่มทำงานใหญ่ๆผิดพลาดมากขึ้น พี่ที่ไว้ใจเเละหัวหน้างานเริ่มผิดหวังเเละต่อว่า ผมเครียดทุกวัน จนผมเริ่มรู้สึกไม่มีเเรง หลายครั้งก็รู้สึกอยากหลับเเละไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เริ่มหาวิธีฆ่าตัวตาย (วางเเผนไว้ เเต่ไม่ได้ลงมือทำ) หลังจากไม่นานนั้นยายผมก็เสีย ผมเริ่มรู้สึกเหมือนผมสูญเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตไป(ผมไม่ได้กลับบ้านเเต่ผมมักโทรหายายบ่อยๆ) ผมเลยลาออกจากงาน พอผมออกจากงานผมเริ่มไม่อยากทำงานอีก เริ่มรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่มีค่า ผมปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆโดยไม่ทำงานเเละใช้เงินเก็บของตัวเองไปเรื่อยๆ(ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเเละพูดไม่เก่งเลยมีเพื่อนน้อยมากๆ) เเต่ผมยังคงมีอาการนอนไม่หลับ เเละปวดหัวเรื่อยๆ บ่อยเข้าผมจึงตัดสินใจเข้าพบจิตเเพทย์อีกครั้ง หมอสรุปว่าผมเป็นโรคซึมเศร้า
ผมไม่รู้จักโรคซึมเศร้าดีหนัก ตอนเเรกผมคิดปฏิเสธทันที เพราะผมยังไม่เคยฆ่าตัวตาย ผมเข้าใจว่าคนที่กำลังฆ่าตัวตายสิถึงต้องเป็นโรคซึมเศร้า ผมจึงเริ่มทำการรักษาเเละศึกษาอาการของโรคนี้ ผมไม่มีอาการทำร้ายตัวเอง เคยกรีดข้อมืออยู่ 1 ครั้ง เเต่ผมอายเวลาใครเห็นเลยไม่ได้ทำอีก เนื่องจากผมรู้สึกยังไม่อยากทำงานเลยไม่ได้หางานทำ ผมบอกที่บ้านว่าผมเป็นโรคซึมเศร้า แม่ผมให้ผมลงมาอยู่บ้านยายเพื่อรักษา ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกล้มเหลวในชีวิตมาก ผมอายุ 25 เรียนจบ ปวช. เเถมน้ำหนักผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ(จากยา) ทำให้ผมคิดไม่ออกถึงงานที่ผมจะหา หลังจากนั้นไม่นานอาการผมเริ่มดิ่งลง เเละเพิ่มทำการฆ่าตัวตายครั้งเเรกในชีวิต
ผมไม่เคยฆ่าตัวตายหรือพยายามมาก่อน ครั้งเเรกที่ผมทำผมกินยาพาราไป 1 กระปุก เเละยานอนหลับอีก 10 เม็ด พ่อผมมาเห็นจึงนำตัวผมเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นผมอยากตายจริงๆ เเต่ผมกลับรอดมาได้ แม่เเละพี่สาวผมได้ข่าวจึงรีบลงมาจากกรุงเทพเพื่อมาดูเเลผม ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเปิดอกคุยเรื่องนี้กลับแม่เลย ผมจึงตัดสินใจคุยเเละเล่าอาการกับปัญหาของผมทั้งหมดให้เเม่เเละพี่สาวผมฟัง (ผมยังไม่อยากคุยกับพ่อมากหนัก) เป็นครั้งเเรกที่ผมได้เล่าปัญหาให้ใครสักคนฟังจริงๆ(ตอนคุยกับจิตเเพทย์ผมมีกั๊กๆไว้บ้าง เล่าไม่หมด) เเม่เเละพี่สาวผมฟังโดยไม่ว่าหรือตัดสินผมเลย เข้าจับมือผมเเละบอกว่าเค้าเข้าใจผม ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงคำว่าครอบครัวผมอีกครั้ง แม่ผมพาผมไปหาพระรดน้ำมนต์ เเละทำพิธีต่างๆที่เเม่เชื่อว่าผมจะดีขึ้น ผมทำตามที่แม่บอกเเต่โดยดี ตอนเเรกเเม่จะพาผมขึ้นมาอยู่ด้วยเเต่ผมอยากอยู่ในบ้านที่ยายเคยอยู่เลยไม่ไป พี่สาวกับผมเริ่มคุยกันมากขึ้นทักมาพูดคุย คุยเล่นเเละเล่าปัญหาให้ผมฟัง พ่อผมก็ยังเป็นพ่อที่รักผมเหมือนเดิม ผมพยายามคุยกับพ่อมากขึ้น แม้เวลาจะผ่านไปไม่นานผมเชื่อว่าผมจะเป็นลูกที่ดีของพ่อเเละเเม่ได้อีกอย่างเเน่นอน
ถึงตอนนี้ผมจะยังรักษาโรคซึมเศร้าได้ไม่ถึงปี แม้ตอนนี้ผมยังไม่ได้ทำงานหรือเรียนต่อ เเต่ผมเริ่มมีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น ผมยังต้องกินยาอย่างต่อเนื่องเนื่องจากยังนอนหลับเองไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีบางเวลาที่ผมยังดิ่งอยู่ เเต่ผมเชื่อว่าสักวันผมจะหายดีเเละกลับมาเป็นผมคนเก่งคนเดิมได้
ผมอยากขอบคุณพ่อเเม่เเละพี่สาวผมที่ดูเเลผมอย่างดีมาก
ขอบคุณคุณหมอที่ช่วยรักษา
ขอบคุณเพื่อนๆที่เป็นกำลังใจให้
ขอบคุณโลกใบนี้ที่ยังต้อนรับผม
ขอบคุณผมที่เป็นผม
ขอบคุณวันนี้ที่ผมยังมีชีวิตอยู่
(โรคซึมเศร้า) ขอบคุณวันนี้ที่ผมยังมีชีวิตอยู่
ผมเริ่มรักษาโรคซึมเศร้ามาได้ประมาณ 6 เดือนเเล้วครับ ตลอดเวลาที่รักษาผมสิ้นหวังในอนาคตของตัวเองเเละเชื่อว่าตัวผมเองไม่มีทางดีขึ้นมาโดยตลอด จนวันนี้ผมได้ย้อนกลับมาคิดทบทวนตัวเองเเละตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเองในหลายๆด้าน ผมเริ่มเห็นวันที่สดใสของผม เเละผมอยากขอบคุณตัวเองที่ผมยังคงมีชีวิตต่อไป
ผมเกิดมาในครอบครัวที่ฐานะปานกลางค่อนไปทางยากจน แม่เเละพ่อของผมทำงานหนักมาก ผมเป็นลูกชายคนสุดท้องมีพี่สาว 1 คน เเต่ชีวิตในวัยเด็กผมไม่ได้ลำบากหนักเพราะพ่อแม่ผมไม่ได้บังคับหรือเข้มงวดกับผมเลย การเรียนผมค่อนข้างอยู่ในระดับที่ดี ผมใช้ชีวิตเเบบเด็กปกติมาเรื่อยๆ จนกระทั้งผมอยู่ ป.4-5 พ่อของผมค่อนข้างติดสุรามาก เเละมักจะทะเลาะกับเเม่เป็นประจำ พ่อมักทุบตีเเม่เวลาเมาเสมอ เเต่พ่อผมเป็นคนรักลูกมากไม่เคยตีผมกับพี่สาวผมเลย ผมเห็นเเบบนี้มาตลอดจนในใจผมค่อนข้างไม่ชอบพ่อของตัวเองเอาเสียเลย วันนึงด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ แม่ผมตัดสินใจขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพ ตอนนั้นผมเสียใจมากเพราะผมต้องใช้ชีวิตอยู่กับพ่อที่ผมไม่ชอบเค้าเลย (ไม่ใช่เเม่ทิ้งพวกเราไปนะครับ เเม่ไปเพราะทำงานได้เงินเยอะกว่าเเละเเม่ก็ติดต่อมาเรื่อยๆ) พ่อผมเลิกกินเหล้าตั้งเเต่แม่ไป พี่สาวผมเป็นคนขยันช่วยงานบ้านเเละดูเเลครอบครัวอย่างดี ทุกๆปิดเทอมเเม่จะให้พี่สาวผมขึ้นมากรุงเทพตลอด ผมรู้สึกอิจฉามากเพราะผมไม่เคยได้ไปหาเเม่เลย
พอขึ้นม.ต้น พอผมพ่อที่เคยเลิกเหล้าก็กลับมากินหนักขึ้น เเถมติดการพนันด้วย ทำให้พ่อตกงาน พ่อผมเลยหันมาค้าขายที่ตลาด ผมเริ่มไปช่วยพ่อเป็นประจำโดยตื่นตี 2-3 จัดเตียมของ เเละพอถึงเวลาก็ไปโรงเรียน ถ้าเสาร์อาทิตย์ผมก็อยู่ทั้งวัน ตอนนั้นการเรียนผมเริ่มตกลง ทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบพ่อหนักขึ้นเรื่อยๆ พ่อขายของไม่นานด้วยความติดสุราจึงเริ่มทำให้ไม่สามารถไปขายได้ เงินก็ไม่มีเก็บ แม่ผมลงมาจากกรุงเทพเพื่อพูดคุยกับพ่อ สุดท้ายพ่อผมกลับไปอยู่บ้านเกิดเค้าที่ต่างจังหวัด ร้านขายของผมก็ยังเปิดต่อไปโดยผมเข้ามาดูเเล เเละมียายมาช่วยขายช่วงผมไปโรงเรียน(ปกติแม่จะส่งเงินให้ยายใช้ไม่ให้ยายทำงาน) พี่ผมหลังจากจบม.6 ก็ขึ้นมาอยู่กลับแม่ ชีวิตช่วงนั้นผมต้องตั้งใจเรียนขึ้น เเละทำงานหาเงินเอง ผมต้องตื่นตี 2-3 เพื่อเตียมของขาย 8โมงไปโรงเรียน(ยายขายเเทน) หลังเลิกเรียนก็ต้องเรียนพิเศษ กลับจากเรียนพิเศษก็มาเก็บล้างที่ร้านค้า(ยายเเก่มากไม่อยากให้ทำงานหนัก) ตอนนั้นผมโทษพ่อที่ทำให้ชีวิตผมเป็นเเบบนี้ หลังจากจบ ม.3 ชีวิตผมเริ่มเคว้งเพราะไม่มีใครช่วยผมตัดสินใจว่าจะเรียนต่อที่ไหนดี เเละร้านค้าเริ่มขายของยาก ผมตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนตามเพื่อน ผมสอบผ่านขึ้นม.4 เเต่เริ่มเรียนไม่ไหว(ศิลป์-ฝรั่งเศส) เเละร้านค้าก้ปิดตัวเพราะยายเริ่มป่วย ผมเลยขอเเม่ออกจากที่เดิมเเละขึ้นไปอยู่กับเเม่ด้วย
พอผมย้ายขึ้นมาอยู่กับเเม่ ก็มาอยู่หอโดยไม่ได้ทำงานเเม่ผมส่งเรียนต่อ ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกอิจฉาพี่สาวผมที่ได้อยู่กับแม่เเละเริ่มรู้สึกว่าเเม่ไม่ค่อยรักผมหนักถึงผมมาอยู่ด้วยเเต่ก็ไม่ค่อยได้เจอเเม่อยู่ดี จนผมเรียนจบ ปวช. ผมเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเคว้งอีกครั้งเมื่อต้องหาที่เรียนต่อ ตอนนั้นผมเริ่มไม่ค่อยได้คุยกับแม่หนักจึงทำให้ผมตัดสินใจหางานทำเพื่อที่จะไม่ต้องขอเงินเเม่ ตอนเเรกตั้งใจจะเรียนวันอาทิตย์เเต่งานที่ผมได้เป็นงานที่ค่อนข้างได้เงินเยอะเเต่ไม่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ผมจึงตัดสินใจทำงานต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ได้ขอเงินเเม่เลย เเม่ผมมาเยี่ยมที่หอบ้าง เเต่งานผมยุ่งทำให้ไม่มีเวลาเจอกันมากหนัก ผมเริ่มเก็บเงินได้บ้าง(ไม่ได้ส่งเงินให้เเม่) ผมทำงานได้ 3ปี ได้ลาออกเนื่องจากมีปัญหากับคนที่ทำงานด้วย ผมอยากเรียนต่ออีกครั้งจึงเริ่มหางานที่หยุดวันอาทิตย์ ผมปล่อยชีวิตลอยเเพไป1-2เดือนก็ได้งานใหม่ เเม้เงินเดือนน้อยกว่าที่เก่ามากเเต่ได้หยุดวันอาทิตย์ ตอนเเรกผมตั้งใจหาที่เรียนเเต่ด้วยความที่คิดว่างานยังไม่ทรงตัวเลยยังไม่สมัครเรียนต่อ ผมทำงานได้1 ปี พี่หัวหน้าเห็นผมขยันจึงขอให้ผมย้ายไปทำงานอีกแผนกนึง ถึงงานจะหนักกว่าเเต่ได้เงินเยอะมาก ผมจึงตัดสินใจย้ายแผนก
หลังจากผมย้ายแผนกผมเริ่มมีเงินเยอะขึ้น สามารถกินเที่ยวได้บ่อยขึ้น ผมคิดว่าผมจะปักหลักอยู่ต่อยาวๆเลยไม่ได้สนใจเรื่องเรียนต่อเเล้ว งานแผนกใหม่ของผมค่อนข้างเครียดเเละหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่มีเวลาแม้เเต่กลับบ้านวันหยุดเทศกาลทำให้ผมเริ่มห่างเหินจากครอบครัวตัวเองมากยิ่งขึ้น (พ่อผมเริ่มเลิกสุราอีกครั้ง เเละหันมาหางานทำเเต่หาไม่ได้ แม่จึงให้พ่อย้ายมาอยู่ดูเเลยายที่ป่วยอยู่ที่บ้าน พ่อแม่ผมถึงจะเเยกกันก่อนหน้านี้เเต่ก็ไม่ได้หย่ากัน) ตอนนั้นครอบครัวผมเริ่มกลับมาเป็นครอบครัวผมอีกครั้ง เเต่ผมก็ไม่ได้ไปหาเค้าบ่อยหนักทำให้เริ่มรู้สึกห่างเหิน เวลาแม่ผมมาเยี่ยมที่หอก็เริ่มทะเลาะกับผมมากขึ้นเนื่องจากผมเริ่มไม่รู้จะพูดคุยกับเค้ายังไง ทำให้หลายครั้งเค้าคิดว่าผมไม่พอใจที่เค้ามา หลายครั้งสิ่งที่เเม่พูดทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ควรเป็นลูกเค้าเลย เค้าเริ่มพยายามดูเเลผมมากขึ้น ผมยิ่งรู้สึกไม่ดี บ่อยครั้งเค้าพูดว่าเค้าขอโทษที่เค้าเป็นแม่ผม ผมยิ่งรู้สึกเเย่เเละไม่อยากคุยกับเค้า เเละเริ่มไม่อยากเป็นครอบครัวเค้า ต่างจากพี่สาวผมที่พี่ผมลงไปหาเเม่พ่อเเม่บ่อยๆ หลังจากนั้นผมก็เเยกตัวมากขึ้น วันหยุดยาวก็ไปเที่ยวต่างประเทศ แทนที่จะกลับบ้าน วันหยุดสั้นก็เที่ยวในประเทศ เริ่มไปไม่ไปเยี่ยมที่บ้าน งานที่ทำก็เริ่มหนักขึ้นเเละเครียดขึ้นอีกเช่นกัน ผมเริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพโดยเริ่มจาก ปวดศรีษะ ไมเกรน นอนไม่หลับ เลือดไหลออกจมูกบ่อยๆ ผมเข้าโรงพยาบาลบ่อยขึ้น จนผมเริ่มรู้สึกไม่ไหวกลับงานที่ทำ ผมเริ่มเข้าพบจิตเเพทย์เรื่องปัญหาความเครียดเเละสุขภาพ ผมเริ่มมีความคิดที่ไม่อยากมีชิวิตต่อ เริ่มรู้สึกเหนื่อยเเละเบื่อหน่ายชีวิต ผมเริ่มรู้สึกว่ามีเงินไม่ใช้มีทุกอย่างในชีวิต ตอนนี้ของที่ผมเคยอยากได้อยากมีในวัยเด็กพอผมมีเงินที่จะซื้อมัน ผมกลับไม่มีความสุขเอาซะเลย งานที่ทำเริ่มไม่อยากทำไม่อยากตื่นขึ้นไปทำงาน เริ่มทำงานผิดพลาดบ่อยขึ้น ผมเริ่มใช้ชีวิตไปวันๆ ตื่นขึ้นมาก็เริ่มรู้สึกไม่อยากตื่น เริ่มปล่อยตัว น้ำหนักขึ้นเยอะมาก(เนื่องจากพอเริ่มเครียดก็เริ่มกินเเละเริ่มดื่มเหล้า) เริ่มเบื่อโลก เเละไม่เข้าสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาของผมเริ่มเป็นปัญหามากยิ่งขึ้นเมื่อผมเริ่มทำงานใหญ่ๆผิดพลาดมากขึ้น พี่ที่ไว้ใจเเละหัวหน้างานเริ่มผิดหวังเเละต่อว่า ผมเครียดทุกวัน จนผมเริ่มรู้สึกไม่มีเเรง หลายครั้งก็รู้สึกอยากหลับเเละไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เริ่มหาวิธีฆ่าตัวตาย (วางเเผนไว้ เเต่ไม่ได้ลงมือทำ) หลังจากไม่นานนั้นยายผมก็เสีย ผมเริ่มรู้สึกเหมือนผมสูญเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตไป(ผมไม่ได้กลับบ้านเเต่ผมมักโทรหายายบ่อยๆ) ผมเลยลาออกจากงาน พอผมออกจากงานผมเริ่มไม่อยากทำงานอีก เริ่มรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่มีค่า ผมปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆโดยไม่ทำงานเเละใช้เงินเก็บของตัวเองไปเรื่อยๆ(ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเเละพูดไม่เก่งเลยมีเพื่อนน้อยมากๆ) เเต่ผมยังคงมีอาการนอนไม่หลับ เเละปวดหัวเรื่อยๆ บ่อยเข้าผมจึงตัดสินใจเข้าพบจิตเเพทย์อีกครั้ง หมอสรุปว่าผมเป็นโรคซึมเศร้า
ผมไม่รู้จักโรคซึมเศร้าดีหนัก ตอนเเรกผมคิดปฏิเสธทันที เพราะผมยังไม่เคยฆ่าตัวตาย ผมเข้าใจว่าคนที่กำลังฆ่าตัวตายสิถึงต้องเป็นโรคซึมเศร้า ผมจึงเริ่มทำการรักษาเเละศึกษาอาการของโรคนี้ ผมไม่มีอาการทำร้ายตัวเอง เคยกรีดข้อมืออยู่ 1 ครั้ง เเต่ผมอายเวลาใครเห็นเลยไม่ได้ทำอีก เนื่องจากผมรู้สึกยังไม่อยากทำงานเลยไม่ได้หางานทำ ผมบอกที่บ้านว่าผมเป็นโรคซึมเศร้า แม่ผมให้ผมลงมาอยู่บ้านยายเพื่อรักษา ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกล้มเหลวในชีวิตมาก ผมอายุ 25 เรียนจบ ปวช. เเถมน้ำหนักผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ(จากยา) ทำให้ผมคิดไม่ออกถึงงานที่ผมจะหา หลังจากนั้นไม่นานอาการผมเริ่มดิ่งลง เเละเพิ่มทำการฆ่าตัวตายครั้งเเรกในชีวิต
ผมไม่เคยฆ่าตัวตายหรือพยายามมาก่อน ครั้งเเรกที่ผมทำผมกินยาพาราไป 1 กระปุก เเละยานอนหลับอีก 10 เม็ด พ่อผมมาเห็นจึงนำตัวผมเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นผมอยากตายจริงๆ เเต่ผมกลับรอดมาได้ แม่เเละพี่สาวผมได้ข่าวจึงรีบลงมาจากกรุงเทพเพื่อมาดูเเลผม ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเปิดอกคุยเรื่องนี้กลับแม่เลย ผมจึงตัดสินใจคุยเเละเล่าอาการกับปัญหาของผมทั้งหมดให้เเม่เเละพี่สาวผมฟัง (ผมยังไม่อยากคุยกับพ่อมากหนัก) เป็นครั้งเเรกที่ผมได้เล่าปัญหาให้ใครสักคนฟังจริงๆ(ตอนคุยกับจิตเเพทย์ผมมีกั๊กๆไว้บ้าง เล่าไม่หมด) เเม่เเละพี่สาวผมฟังโดยไม่ว่าหรือตัดสินผมเลย เข้าจับมือผมเเละบอกว่าเค้าเข้าใจผม ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงคำว่าครอบครัวผมอีกครั้ง แม่ผมพาผมไปหาพระรดน้ำมนต์ เเละทำพิธีต่างๆที่เเม่เชื่อว่าผมจะดีขึ้น ผมทำตามที่แม่บอกเเต่โดยดี ตอนเเรกเเม่จะพาผมขึ้นมาอยู่ด้วยเเต่ผมอยากอยู่ในบ้านที่ยายเคยอยู่เลยไม่ไป พี่สาวกับผมเริ่มคุยกันมากขึ้นทักมาพูดคุย คุยเล่นเเละเล่าปัญหาให้ผมฟัง พ่อผมก็ยังเป็นพ่อที่รักผมเหมือนเดิม ผมพยายามคุยกับพ่อมากขึ้น แม้เวลาจะผ่านไปไม่นานผมเชื่อว่าผมจะเป็นลูกที่ดีของพ่อเเละเเม่ได้อีกอย่างเเน่นอน
ถึงตอนนี้ผมจะยังรักษาโรคซึมเศร้าได้ไม่ถึงปี แม้ตอนนี้ผมยังไม่ได้ทำงานหรือเรียนต่อ เเต่ผมเริ่มมีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น ผมยังต้องกินยาอย่างต่อเนื่องเนื่องจากยังนอนหลับเองไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีบางเวลาที่ผมยังดิ่งอยู่ เเต่ผมเชื่อว่าสักวันผมจะหายดีเเละกลับมาเป็นผมคนเก่งคนเดิมได้
ผมอยากขอบคุณพ่อเเม่เเละพี่สาวผมที่ดูเเลผมอย่างดีมาก
ขอบคุณคุณหมอที่ช่วยรักษา
ขอบคุณเพื่อนๆที่เป็นกำลังใจให้
ขอบคุณโลกใบนี้ที่ยังต้อนรับผม
ขอบคุณผมที่เป็นผม
ขอบคุณวันนี้ที่ผมยังมีชีวิตอยู่