https://www.share2trade.com/index.php?mod=talk&file=view&id=487
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการไฮสปีดเทรนหรือในชื่อที่เป็นทางการว่า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ถูกเก็งกำไรกันสนั่นหวั่นไหวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน แต่ด้วยความยืดเยื้อของการเจรจาเงื่อนไขที่ยังต้องถกกันอีก 28 มี.ค.62 นี้ (เมื่อวานนี้ 19 มี.ค.62 ก็ยังไม่สรุปผล) ทำให้ทั้ง 2 กลุ่มหุ้นคู่แข่งที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ยังไปไม่สุดทางสักที
กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ยื่นซองเข้าร่วมประมูลประกอบด้วย 1. กิจการร่วมค้า บีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS (มีหุ้นในกิจการร่วมค้านี้ 60%), บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC (มีหุ้นในกิจการร่วมค้านี้ 20%), บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH (มีหุ้นในกิจการร่วมค้านี้ 20%) และ 2. กิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร ประกอบด้วย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (มีหุ้นในกิจการร่วมค้านี้ 70%), บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD (มีหุ้นในกิจการร่วมค้านี้ 5%), China Railway Construction Corporation Limited (สาธารณรัฐประชาชนจีน) (มีหุ้นในกิจการร่วมค้านี้ 10%), บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK (มีหุ้นในกิจการร่วมค้านี้ 5%), บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM (มีหุ้นในกิจการร่วมค้านี้ 10%)
สถานการณ์ปัจจุบันแม้จะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ก็เห็นแววแล้วว่ากลุ่ม CP ยอมอ่อนข้อลงมามาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้ข้อมูลล่าสุดว่า CP ยอมถอดบางข้อเสนอออกจากการเจรจา เช่น ข้อเสนอเรื่องเงื่อนเวลาในสัญญา ซึ่งกลุ่มซีพีได้ชี้แจงด้วยว่า การขอขยายอายุสัมปทานจาก 50ปี เป็น 99 ปี เป็นการเข้าใจผิด โดยกลุ่มยอมรับสัมปทานตามทีโออาร์ที่ 50 ปี แต่หากรัฐบาลจะทำโครงการเพิ่มเติมในอนาคตก็สามารถเปิดการเจรจากันได้ ส่วนคำจำกัดความในสัญญาที่มีความจำเพาะมากเกินไป เช่น การก่อสร้าง Spur Line (เส้นทางย่อย) เชื่อมสถานี การขอย้ายสถานี ซึ่งกลุ่มซีพีกังวลว่าจะเป็นปัญหาในอนาคต ทางคณะกรรมการฯ จะได้ปรับแก้ถ้อยความให้ชัดเจนมากขึ้น
ส่วนประเด็นที่ยังไม่สามารถยุติได้ยังเป็นประเด็นด้านการเงิน ซึ่งเกี่ยวกับเงื่อนไขการกู้เงิน อัตราดอกเบี้ย และอื่นๆ เพื่อให้กลุ่ม CP มีต้นทุนที่ต่ำที่สุด ทำให้กลุ่มผู้เจรจาต้องกลับไปหารือกับพันธมิตรจากญี่ปุ่นและจีนให้ชัดเจน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า ฝั่งตรงข้ามอย่าง BSR Joint Venture เริ่มมีราคาหุ้นสูงจนหวาดเสียวบ้างแล้วได้แก่ BTS ไปแตะถึง 11.10 บาท สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี ปรับเพิ่มกว่า 23% จากตอนแรกที่มีชื่อเข้าชิง, RATCH สัปดาห์ก่อนวิ่งไปถึง 56.50 บาท สูงสุดในรอบปีเศษเช่นกัน และเป็นการลากขึ้นกว่า 17% จากช่วงปีข่าวประมูลใหม่ๆ และ STEC แม้จะไม้ได้บวกมากมายเหมือนสองตัวแรกแต่ภาพก็ไซด์เวย์อัพกับเขาด้วยเช่นกัน ทั้ง 3 ตัวนี้เริ่มพบว่า กำลังมีแอบมีแรงขายแทรกเข้ามาจนกราฟที่เคยกระชุ่มกระชวยดูจะหมดแรงลงชัดใน 1-2 วันนี้
ถึงสุดท้ายแล้ว เรื่องไฮสปีดเทรน น่าจะยังมีการเจรจากันอีกสักพัก แต่คนที่เข้าไปเก็งกำไรฝั่ง BSR Joint Venture ก็ควรจะต้องระวังให้สูงขึ้น การย่อตัวที่เพิ่งเกิดขึ้นอาจไม่ใช่จังหวะที่ดีในการเสี่ยงเท่าไหร่นักไม่ว่าไพ่ออกมาหน้าไหน หาก CP เจรจาสำเร็จ หุ้น BTS, STEC และ RATCH ก็ต้องโดนแรงสะบัดขายเผ่นงานนี้ใครออกก่อนย่อมได้เปรียบ ส่วนในอีกมุมหนึ่งถ้าผลการเจรจาพลิกล็อค ฝั่ง BSR Joint Venture หากจจะได้งานนี้ไปก็คงจะต้องยอมรับเงื่อนไขชนิดเขี้ยวพอตัว ดีไม่ดีงานที่ได้มาอาจมาร์จิ้นต่ำจนแทบจะไม่เหลือเป็นอัพไซด์ให้ราคาหุ้นก็เป็นได้
BTS-STEC-RATCH โปรดระวัง!!!
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการไฮสปีดเทรนหรือในชื่อที่เป็นทางการว่า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ถูกเก็งกำไรกันสนั่นหวั่นไหวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน แต่ด้วยความยืดเยื้อของการเจรจาเงื่อนไขที่ยังต้องถกกันอีก 28 มี.ค.62 นี้ (เมื่อวานนี้ 19 มี.ค.62 ก็ยังไม่สรุปผล) ทำให้ทั้ง 2 กลุ่มหุ้นคู่แข่งที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ยังไปไม่สุดทางสักที
สถานการณ์ปัจจุบันแม้จะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ก็เห็นแววแล้วว่ากลุ่ม CP ยอมอ่อนข้อลงมามาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้ข้อมูลล่าสุดว่า CP ยอมถอดบางข้อเสนอออกจากการเจรจา เช่น ข้อเสนอเรื่องเงื่อนเวลาในสัญญา ซึ่งกลุ่มซีพีได้ชี้แจงด้วยว่า การขอขยายอายุสัมปทานจาก 50ปี เป็น 99 ปี เป็นการเข้าใจผิด โดยกลุ่มยอมรับสัมปทานตามทีโออาร์ที่ 50 ปี แต่หากรัฐบาลจะทำโครงการเพิ่มเติมในอนาคตก็สามารถเปิดการเจรจากันได้ ส่วนคำจำกัดความในสัญญาที่มีความจำเพาะมากเกินไป เช่น การก่อสร้าง Spur Line (เส้นทางย่อย) เชื่อมสถานี การขอย้ายสถานี ซึ่งกลุ่มซีพีกังวลว่าจะเป็นปัญหาในอนาคต ทางคณะกรรมการฯ จะได้ปรับแก้ถ้อยความให้ชัดเจนมากขึ้น
ส่วนประเด็นที่ยังไม่สามารถยุติได้ยังเป็นประเด็นด้านการเงิน ซึ่งเกี่ยวกับเงื่อนไขการกู้เงิน อัตราดอกเบี้ย และอื่นๆ เพื่อให้กลุ่ม CP มีต้นทุนที่ต่ำที่สุด ทำให้กลุ่มผู้เจรจาต้องกลับไปหารือกับพันธมิตรจากญี่ปุ่นและจีนให้ชัดเจน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า ฝั่งตรงข้ามอย่าง BSR Joint Venture เริ่มมีราคาหุ้นสูงจนหวาดเสียวบ้างแล้วได้แก่ BTS ไปแตะถึง 11.10 บาท สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี ปรับเพิ่มกว่า 23% จากตอนแรกที่มีชื่อเข้าชิง, RATCH สัปดาห์ก่อนวิ่งไปถึง 56.50 บาท สูงสุดในรอบปีเศษเช่นกัน และเป็นการลากขึ้นกว่า 17% จากช่วงปีข่าวประมูลใหม่ๆ และ STEC แม้จะไม้ได้บวกมากมายเหมือนสองตัวแรกแต่ภาพก็ไซด์เวย์อัพกับเขาด้วยเช่นกัน ทั้ง 3 ตัวนี้เริ่มพบว่า กำลังมีแอบมีแรงขายแทรกเข้ามาจนกราฟที่เคยกระชุ่มกระชวยดูจะหมดแรงลงชัดใน 1-2 วันนี้
ถึงสุดท้ายแล้ว เรื่องไฮสปีดเทรน น่าจะยังมีการเจรจากันอีกสักพัก แต่คนที่เข้าไปเก็งกำไรฝั่ง BSR Joint Venture ก็ควรจะต้องระวังให้สูงขึ้น การย่อตัวที่เพิ่งเกิดขึ้นอาจไม่ใช่จังหวะที่ดีในการเสี่ยงเท่าไหร่นักไม่ว่าไพ่ออกมาหน้าไหน หาก CP เจรจาสำเร็จ หุ้น BTS, STEC และ RATCH ก็ต้องโดนแรงสะบัดขายเผ่นงานนี้ใครออกก่อนย่อมได้เปรียบ ส่วนในอีกมุมหนึ่งถ้าผลการเจรจาพลิกล็อค ฝั่ง BSR Joint Venture หากจจะได้งานนี้ไปก็คงจะต้องยอมรับเงื่อนไขชนิดเขี้ยวพอตัว ดีไม่ดีงานที่ได้มาอาจมาร์จิ้นต่ำจนแทบจะไม่เหลือเป็นอัพไซด์ให้ราคาหุ้นก็เป็นได้