"คุณค่าแห่งชีวิต วิกฤตแห่งความรัก" (มะเร็งเม็ดเลือดขาว แบบเฉียบพลัน)

เมื่อน้องสาวสุดที่รักของฉันเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแบบ APL

ในวันที่ฟ้าผ่าลงมากลางใจของเรา ไม่ว่าจะเหตุการณ์หรือสถานการณ์อะไรก็ตาม
ย่อมทำให้เราเจ็บปวดเสียใจอย่างที่สุด เรียกว่า "ใจแทบสลายเลยก็ว่าได้" และวันนั้นก็มาถึง
ดิฉันและครอบครัวก็เกิดสถานะการณ์นั้นขึ้น ขอเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "คุณค่าแห่งชีวิต วิกฤตแห่งความรัก"

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน ดิฉันชื่อวรวรรณ จะขอแชร์เรื่องราวเหตุการณ์ของครอบครัวเรา
จุดประสงค์เพื่อ
1. ส่งมอบกำลังใจสำหรับคนไข้ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวและคนไข้ที่เป็นโรคร้ายแรงทุกท่าน
2. เป็นแนวทางสำหรับครอบครัวคนไข้และทุกๆท่าน เพื่อเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ในชีวิตที่คาดไม่ถึง
3. บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา และการฝ่าวิกฤตในครั้งนี้สำหรับเรื่องราว
4. ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือครอบครัวเราตั้งแต่ต้นทางระหว่างทางปลายทาง
5. เป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ ในทางแห่งอนาคตสำหรับใครบางคน

เริ่มต้นประมาณเดือนสิงหาคม​ 2561
น้องสาวมีอาการอ่อนเพลียเหนื่อยง่ายปวดหัวบ่อยเหมือนเป็นไข้ด้วยค่ะ
แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก​ เพราะคิดว่าเครียดเพิ่งจะเรียนจบหางานเราก็ซื้อยาให้กิน
อาการปวดหัวก็ทุเลาเป็นๆหายสลับกัน

จากนั้นก็เริ่มมีอาการประจำเดือนมาผิดปกติ​ คือมาหลายวันและมาเยอะมาก
จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง​ หมอวินิจฉัย​ว่าเกี่ยวกับฮอร์โมน​ผิดปกติ​
ก็ให้ยามากินค่ะ​ คราวนี้ประจำเดือนมามากกว่าเดิมอีก  น้องนอนเลือดก็ไหล
มาเต็มที่นอนเหมือนเลือดจะหมดตัว​ น้องก็เพลียๆ​ แต่ที่ด้วยเป็นเด็กที่อึดมาก
ก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ​ ยังไปสมัครงานสัมภาษณ์​งาน​ เที่ยวกับเพื่อน​
แต่เวลากลับห้องมาน้องจะบอกหนูเพลียเหนื่อยตลอด

เราจะพาน้องไปหาหมอน้องก็ไม่ยอมไปเพราะคิดว่าตัวเองเป็นไข้ปกติ
และหมอก็หามาแล้วเรื่องประจำเดือนมาผิดปกติเดี๋ยวคงจะหายไป

น้องเริ่มมีจ้ำรอยช้ำขึ้นตามขาเป็นรอยคล้ายเดินไปชนไปเตะของแข็งเช่นประตู
รอยนั้นก็ขึ้นมาเอง​ เราก็คิดว่าน้องนอนทับแขนตัวเองหรือเปล่าเลือดไม่เดิน
แต่ก็แปลกรอยนั้นก็หายไป​ และขึ้นมากอีกตามแขนก็เริ่มมีบ้างแล้วและก็หาย
ด้วยที่เราและน้องจะเดินชนนั่นนี่กันบ่อยเป็นรอยตามความชิน

น้องและเราระหว่างนี้ก็เปิด​ Google​ ค่ะ​ ว่าอาการคล้ายๆแบบนี้
คือมีโอกาสเป็นอะไรได้บ้างหรือผิดปกติอะไร​ อยากพาน้องไปหาหมอมาก
แต่น้องก็ดื้อยังไม่ยอมไปด้วยที่ตั้งแต่เด็กพวกเราไม่ค่อยป่วยหนักกัน​
จากที่อ่านๆ​ Google​ รู้สึกเริ่มละมีแนวโน้มมะเร็งเม็ดเลือดขาวเลยค่ะ
แต่ๆ​ เราสองพี่น้องก็ยังคิดว่าไม่ใช่​ เพราะรอยจ้ำน้องมันจางหาย
ไม่ได้เป็นจ้ำๆแล้วไม่จางตามที่อ่านมาและเข้าใจว่ามันจะช้ำอยู่อย่างนั้น

น้องยังไปหาเพื่อนไปสัมภาษณ์​งานอย่างต่อเนื่องจนน้องได้รับเลือก
ให้เป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งที่เป็นในส่วนทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
น้องไปตรวจสุขภาพ​ก่อนทำงาน​ เลือด​ เกล็ดเลือด​ และอื่นๆ
ที่โรงพยาบาลชื่อทำสวยทั้งตัว​ ผลออกมาไม่มีอะไรผิดปกติ
ทั้งๆที่เกล็ดเลือดน้องต่ำมากจนอันตราย​ จริงๆเราดูผลไม่เป็น
รู้หลังจากรักษาตัวนี่แหละถึงเข้าใจ​ หมอเขียนสุขภาพปกติ
(ด้วยที่หมอกลัวคนไข้ไม่ได้งานหรือเปล่า​ หรือมองข้ามไปไม่ทราบ)​
ถ้าอยากช่วยเรื่องงานก็แจ้งความผิดปกติคนไข้ไว้ก็ได้นะคะ

เราสองพี่น้องจึงสบายใจขึ้นเพราะถือว่าได้ตรวจสุขภาพแล้ว
แม้จะมีความผิดปกติอยู่​ มาเดือนกันยาน้องก็ยังไม่หายปวดหัว
นอนพักยาวๆ​ ตื่นมากินข้าวใช้ชีวิตเหมือนเดิม​ จะขอเรานอนตลอด
ครั้งนึ้เริ่มมีเลือดออกมาทางเหงือกน้อง​ เราก็มาคิดว่าจะขาดวิตามิน​ซี
ก็ซื้อให้น้องกินเลือดก็ยังออกอยู่​ดี​ น้องมีไปหาเพื่อนนอนหอเพื่อน

วันนึงน้องมึนหัวหน้ามืดจะเป็นลมจึงไปหาหมอแต่ตรงกับวันเสาร์
จะไม่มีหมออยู่​ มีเฉพาะหมอเวรเท่านั้น​ ตอนนั้นหมอก็ยังไม่มา
จึงกะจะเปลี่ยนโรงพยาบาลใหม่  แต่คิดว่าส่วนใหญ่หมอไม่อยู่วันเสาร์
ขี่มอเตอร์ไซค์​เจอคลินิคเลยคิดจะหาหมอที่คลินิคแล้วกัน
และเลือกคลินิคขลังๆข้างนอกดูเกรงขาม​ แต่เห็นตำแหน่งแพทย์​
ชวนให้เลือกคลินิคนี้ค่ะ​ พอไปหมอสังเกตอาการบอกขอเจาะเลือดเลย
และหมอก็รีบเอาผลเลือดเข้าแลป​ และให้ยามากิน​ พอดึกๆผลเลือดออก

หมอโทรกลับมาหาน้อง​ แจ้งว่าเป็นเกล็ดเลือดต่ำ​น้องก็ไปหาหมออีกครั้ง
ได้ยามากิน​ 1​ อาทิตย์​ หมอให้สังเกตอาการ​ อาการน้องดีขึ้นมาก​ตัวน้องเอง
เลือดที่ไหลเป็นประจำเดือนเยอะๆก็ไม่มาแล้ว​ ตัวก็ไม่มีจ้ำเลือด
เราและครอบครัวก็สบายใจกันไป​ พอครบประมาณอาทิตย์พอดี
น้องเริ่มมีอาการเดิมคือปวดหัวเริ่มหนักขึ้น​ เวียนหัว​ จ้ำเริ่มขึ้นตามตัวอีกแล้วค่ะ
เราจะพาน้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่เป็นกิจจะลักษณะ​แต่น้องก็ไม่ยอม
บอกจะไปหาหมอคนเดิม​ น้องยังใช้ชีวิตปกติดูแลตัวเองได้

วันที่​ 28​ ก.ย.61  เราไปภูเก็ตน้องไปนอนหอเพื่อน​ เราก็โทรหาน้องติดตามน้องตลอดเป็นการเดินทางที่รู้สึกไม่สบายใจมาก​ และวันอาทิตย์ที่​ 30​ ก.ย. 61​ 
เราก็กลับมากรุงเทพ​ น้องก็ยังอยู่หอเพื่อนบอกเราว่าหนูปวดหัวมากพี่
พรุ่งนี้หนูไม่ไปทำงานได้ไหมหนูเหมือนจะไม่ไหวจริงๆ​ เราบอกว่าไปโรงพยาลเถอะ
น้องถามเราว่าหนูจะตกงานไหม​ หนูเพิ่งได้งาน​ พรุ่งนี้หนูต้องทำสัญญา
เป็นวันแรกของหนูด้วย​ เราเลยบอกว่าถ้าไม่ไหวคือไม่ไหวเอาชีวิตเราก่อน
ส่วนเขาจะเชื่อไหมก็อีกเรื่อง​ หายแล้วค่อยว่ากันใหม่​

คุยไปคุยมาน้องเองทบทวน​ คิดอยากไปเซนต์สัญญาบอกว่าวันแรกด้วย
พี่ๆเขาเตรียมงานเซททุกอย่างแล้ว​ หนูหยุดไม่ได้แล้วเขาก็รีบขอตัวไปนอนก่อน

เช้าวันจันทร์​ 1​ ต.ค.61  จำขึ้นใจตลอดชีวิต
พอตอนเช้าเรารีบโทรหาน้องว่าไหวไหมเป็นไงบ้าง​ น้องบอกมึนๆหัว​ หนูกลัวเป็นลมเราเลยบอกว่าไปถึงบอกพี่​ HR ไว้ก่อนเลยหนูไม่ค่อยสบายเผื่อเกิดไรขึ้น​ เขาจะได้เข้ามาช่วยดูเรา​ ไปถึงเราก็พยายามถามอาการเป็นระยะโดยส่งไลน์หา
น้องบอกหนูเวียนๆปวดหัวตามัวๆ​ แต่ทนได้​จนน้องถึงเวลาเลิกงานตอนเย็น

น้องไม่ไหวแล้ว​ เดินแล้วตาพล่า​มัวมองไม่ค่อยเห็นทาง
เรากะว่าเลิกงานจะรีบไปหาน้อง​ แต่น้องบอกไม่ต้องมา
เดี๋ยวแฟนเขาไปรับเราก็อุ่นใจ​ ตอนนั้นก็เปิดอ่าน​ Google​ ใหญ่
เรื่องเกล็อดเลือดต่ำคืออะไร​ หลังเลิกงานก็รีบซื้อของมาทำกิน
ที่เป็นประโยชน์สำหรับน้องตามที่อ่านในเว็บ

น้องเดินไปนั่งรอแฟนตรงพุ่มไม้พอแฟนเขาไปเห็นแบบซีดสภาพแย่มาก
เขาเลยพากันไปหาหมอที่คลินิคเดิม​ พอไปถึงหมอ.......... 
หมอเห็นสภาพน้องแล้วพูดว่า​ "ผมรักษาคุณไม่ได้แล้วให้คุณไปโรงพยาบาล" 

พอฟังเป็นใครก็ตกใจ​ น้องรีบโทรหาเรา​ ไม่ได้โทรหาพ่อแม่เพราะกลัวเขาห่วง
ฝนก็ตกตอนนั้นแถวที่น้องอยู่​ แฟนน้องเลยตัดสินใจพาน้องไปห้องเขา
เพราะฝนตกยิ่งไม่สบายเลยไม่ได้ไปโรงพยาบาลกัน

เรากะวนกะวายใจมากจะนั่งรถไปหาน้องห่วงน้องใจแทบขาด
น้องบอกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวไปเองแต่ตอนนี้ฝนตกไปไม่ได้​ เราก็ใจไม่ดีกลัวมาก​
กลัวน้องเป็นโรคตามที่เปิดอ่านอาการกันมาแต่ต้น​ ไปโทรหาน้องอีกน้องบอกหนูเหนื่อยเหมือนจะขาดใจเดินขึ้นบันไดกว่าจะถึงห้องเป็นชั่วโมงไม่ไหวต้องนั่งพักระหว่างขึ้นบันไดตลอด

เราเตรียมตัวแล้วจะไปหาน้อง​ น้องก็ห้ามเพราะห่วงเราฝนก็ตก​ น้องบอก​ "หนูขอนอนพักพรุ่งนี้ค่อยไป" แต่เราใจไม่ดีเลย  เราพูดกับน้องว่า​ "ถ้าไม่ไปหาหมอพี่จะไปหา​จะพาไปเอง" น้องน่าจะปวดหัวหนักมากจริงๆถึงขั้นพูดกับเราว่า​ "พี่อยากให้หนูตายหรอจะให้ไปตอนนี้หนูไปไม่ไหวจริงๆ" น้องพูดด้วยร้องไห้ไปด้วย​ เราก็เลยให้น้องนอนพักไปก่อน​ ในใจยังไง​ ยังไงต้องไปหาให้ได้

คือเราร้องไห้เป็นห่วงน้องไม่รู้จะทำยังไงอยากพาไปน้องก็รั้นหัวชนฝา
เลยได้โทรไปหาเพื่อนสนิทสมัยมหาลัยชื่อไอซ์​ เล่าให้ไอซ์ฟังจะทำยังไงดี

ไอซ์บอกว่าต้องพาไป​ ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วเสียใจทีหลังทำอะไรไม่ได้
เราก็คิดแบบไอซ์อยู่แล้วแต่จะมีวิธีการยังไงนี่แหละ​ จึงส่งข้อความไปหารุ่นพี่
ที่เป็นหมอ​ เป็นรุ่นพี่ม.ปลายเล่าอาการให้ฟัง​ ตอนนั้นยังเล่าอาการผิดๆ
พูดไม่ถูก​ เราถามพี่ว่า​ "พรุ่งนี้ค่อยไปได้ไหมหรือต้องไปเลย" พี่ตอบว่า​ "ให้ไปเลย" 


ด้านล่างนะเป็นรูปจ้ำขึ้นและรอยซ้ำนะคะ

#เดี๋ยวมาต่อนะคะ จะทยอยเขียนค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่