..." เมื่อส้มหวานจะพาทักษิณกลับ "...โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

..." เมื่อส้มหวานจะพาทักษิณกลับ "...


หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งพิพากษายุบพรรคไทยรักษาชาติและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกุมารน้อย แต่ตัวแสบที่ย้ายจากพรรคเพื่อไทยยังอยู่ครบ ตอนนั้นฝั่งตรงข้ามก็ดีใจกันใหญ่ว่า ลุงตู่ลอยมาแล้ว เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ส่งลงในเขตที่ไทยรักษาชาติสมัครประมาณ 100 เขต

แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ในระบบ ส.ส.เขตที่ไทยรักษาชาติลงสมัครนั้น มีความหวังว่าจะได้แค่ 7-8 เขตเท่านั้น นอกจากนั้นเป็นการส่งสมาชิกไปลงเก็บคะแนน “ไม่ตกน้ำ” คือถ้าได้ ส.ส.เขตก็โชคดีไป แต่หวังผลเอาคะแนนรวมจากทุกเขตที่ส่งมาสะสมเป็นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์มากกว่า มันไม่ส่งผลต่อคะแนนที่ดีขึ้นต่อฝั่งตรงข้ามแน่ เพราะเขาต้องส่งผลต่อให้ฝั่งเดียวกัน

ภายในวันนั้น พรรคอนาคตใหม่อ่านสถานการณ์แล้วเลยออกมาแถลงการณ์ทันทีเพื่อแสดงน้ำใจให้มวลชนของฝั่งนี้ และจากนั้นวันต่อมามีคลิปของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เผยแพร่ออกมา เอาล่ะแม้จะสัมภาษณ์ก่อนการพิพากษา แต่เป็นสถานการณ์ที่คาดได้ในระดับหนึ่ง ธนาธรเลยประกาศว่าจะเอาความยุติธรรมคืนมาให้ทักษิณด้วยการบอกว่าจะให้มีการพิจารณาคดีใหม่ เพราะทักษิณถูกตัดสินในยุครัฐบาลทหาร

ก็ไม่รู้นะครับว่า ที่พูดนี้จะทำได้อย่างไร แต่มันโดนใจคนรักทักษิณแน่

ตอนนั้นสื่อเกือบทุกค่ายพาดหัวว่า ธนาธรประกาศจะพาทักษิณกลับบ้าน จนเกิดกระแสตื่นตะลึงกันไปทั่ว เข้าใจว่า ธนาธรก็รู้รีบออกมาอธิบายการสัมภาษณ์แก้ตัว แฟนคลับโต้กันใหญ่ว่า ธนาธรไม่ได้พูดอย่างนั้น หลังกระแสตีกลับ และเพจ SaveThanathornประกาศถอนตัว

ธนาธรบอกว่าไม่ได้พูดว่า จะพาทักษิณกลับบ้าน เพราะรู้ว่าเริ่มติดลบ คนตกใจ แต่ถามว่าสื่อพาดหัวเกินเลยมั้ยผมว่าไม่นะ เพราะคำว่า จะพาทักษิณกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ถูกต้องแล้วในคำพาดหัวของสื่อว่า จะพาทักษิณกลับบ้าน ในความหมายว่า ถ้าจะพาทักษิณกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรมที่ลงในเนื้อข่าวนั่นเอง ซึ่งถ้าจะมาขึ้นศาลใหม่ถ้าทำได้จริงทักษิณก็ต้องกลับมาประเทศไทยนั่นเอง

ถามผมว่า อยากให้ทักษิณกลับมามั้ย ก็ต้องบอกว่ารีบมาเลยใจกล้าๆ หน่อย ก็ภาวนาให้ธนาธรทำให้สำเร็จ

แต่ทันทีที่ธนาธรพูดแบบนี้นั้นมันเกิดกระแสความหวาดกลัวขึ้นในสังคม เพราะมันเท่ากับเห็นภาพของวิกฤตและความขัดแย้งอยู่เบื้องหน้า ป้ายหาเสียงของอนาคตใหม่นั้น ผมเห็นมีข้อความว่า “เลือกคนรุ่นใหม่ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” แต่ถ้าทำแบบนี้บอกได้เลยว่า ประเทศไทยเหมือนเดิมแน่ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมากกว่า 10 ปีก็จะกลับมาอีก 

หลายคนกลัวว่า ความแรงของอนาคตใหม่นั้นมันอาจจะมีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นเหตุการณ์แบบ 6 ตุลา 2519 ซึ่งเราน่าจะย้อนศึกษาประวัติศาสตร์คนรุ่น 14 ตุลา 16 ที่เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ฮึกเหิมในวันนั้นว่าหลังล้มเผด็จการได้ประชาธิปไตยมาแล้ว ทำไมจึงนำพาประเทศไปสู่โศกนาฏกรรม 6 ตุลา 19

คนรุ่นใหม่คนหนุ่มสาวในยุคนั้นที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เป้าหมายของคนรุ่น 14ตุลาชัดเจนว่าสู้กับเผด็จการแล้วนำประเทศไปสู่ประชาธิปไตย แต่ความอ่อนวัยและประสบการณ์จึงถูกครอบงำเพราะไปสมาทานกับพรรคคอมมิวนิสต์ที่หวังจะล้มล้างการปกครอง

ผมไม่ได้บอกว่า คนรุ่นนี้จะเป็นเช่นนั้นและมีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกัน แน่นอนเขาไม่ชอบเผด็จการ เป้าหมายคือประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เขายอมสมาทานกับระบอบทักษิณเพียงเพราะเชื่อว่าทักษิณมาจากการเลือกตั้งโดยไม่สนใจสิ่งที่ทักษิณทำระหว่างอยู่อำนาจ

  ต้องยอมรับว่า ตอนนี้อนาคตใหม่มาแรงครับ สำหรับผมไปถามคนรุ่นใหม่เขาจะเลือกอนาคตใหม่ทั้งนั้น ผู้ลงคะแนนหน้าใหม่ 7-8 ล้านคนจะเทมาทางอนาคตใหม่ค่อนข้างมาก คนรุ่นนี้เขาไม่สนใจประวัติศาสตร์ความเป็นมาและอนาคตความเป็นไป ว่าเลือกอนาคตใหม่แล้วจะเป็นอย่างไร ส่งผลลัพธ์อย่างไร ประเทศจะเป็นอย่างไร แต่เขาไม่ชอบเผด็จการ

นอกจากแรงอยู่แล้วจากเสียงคนรุ่นใหม่ เห็นว่าอนาคตใหม่ยังไม่ได้ไปแชร์จากฐานเดิม 15.7 ล้านของเพื่อไทยมากนัก เมื่อเห็นช่องว่างของพรรคไทยรักษาชาติ ก็มองแล้วว่า นี่เป็นช่วงของการฉกฉวย เพราะพรรคฝั่งเพื่อไทยมีสำรองหลายพรรคใครแสดงตัวก่อนก็อาจจะเข้าตาก่อน

พรรคเพื่อไทยนั้น วิธีคิดของเขาคือ เขาเคยได้คะแนนประมาณ 14-15 ล้านมาตลอด เมื่อพรรคเพื่อไทยส่ง 250 เขต หวังผลว่าจะชนะเลือกตั้งประมาณ 200 เขต แต่จาก 250 เขตเขาหวังว่า จะได้คะแนนเฉลี่ยสัก 3-40,000 คะแนน เขาจะได้คะแนนรวมประมาณ 7.5ล้าน ถึง 10 ล้านคะแนนส่งต่อให้ไทยรักษาชาติหรือพรรคเพื่อต่างๆ ไปเก็บ 4-5 ล้านในพื้นที่ที่ไม่มีโอกาสได้ ส.ส.จากการคำนวณกันที่ 70,000-80,000 คะแนนต่อ 1 ที่นั่ง เขาจะได้ ส.ส.ประมาณ 50-60 คน

เอาล่ะตอนนี้แผนนั้นล่มสลายไปแล้ว เพราะไทยรักษาชาติถูกยุบ คำถามคือ แล้วคะแนนที่โหว่อยู่ประมาณ 100 กว่าเขตของพรรคเพื่อไทยและไทยรักษาชาติจะทำอย่างไร คำตอบที่เป็นวิทยาศาสตร์คือ ไม่ทำให้คะแนนฝั่งตรงข้ามเพื่อไทยเพิ่มขึ้นมาแน่ๆ เพราะไม่มีทางที่คนฝั่งนี้เมื่อไม่มีพรรคของตัวเองเลือกแล้วจะไปเลือกลงคะแนนให้อีกฝั่ง

นี่ไงอนาคตใหม่จึงรีบเข้ามาแสดงตัว และหลังจากยุบพรรคทั้งเนติบริกรวิษณุ เครืองาม ก็บอกว่า ผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติไปช่วยพรรคอื่นหาเสียงได้ และต่อมา กกต.ก็สำทับว่าทำได้ ตอนนี้น้องสาวนายจาตุรนต์ ฉายแสง ก็ประกาศแล้วว่าจะเทเสียงที่แปดริ้วให้อนาคตใหม่

กลายเป็นว่าเป็นศึกหนักของฝั่งตรงข้ามเลย เพราะครั้งที่แล้วน้องสาวจาตุรนต์แพ้เลือกตั้งไม่มาก

มีบางคนบอกว่า เขตที่ไทยรักษาชาติถูกยุบ มวลชนฝั่งเขาจะโหวตโน คำตอบแบบวิทยาศาสตร์ ก็คือ การโหวตโนในพื้นที่ที่ไม่มีโอกาสชนะอยู่แล้ว เป็นการเอาคะแนนไปทิ้งน้ำครับ เพราะโหวตโนจะส่งผลเมื่อได้คะแนนเป็นที่ 1 ชนะผู้สมัครทุกคนที่จะทำให้ผู้สมัครในเขตนั้นตกไปทั้งหมด ดังนั้นทางเดียวคือ ต้องไปเทคะแนนให้พรรคฝั่งเดียวกันไม่ว่า เพื่อชาติ อนาคตใหม่ หรือเพื่ออะไร

แต่ไทยรักษาชาติมีโอกาสชนะเลือกตั้ง 7-8 เขต เขาจึงประกาศว่าจะโหวตโนในเขตเหล่านี้ก่อนไม่ส่งต่อให้ใคร เพราะเขตที่เขามีโอกาสชนะถ้าโหวตโนชนะคู่แข่งจากทุกพรรคก็ต้องตกไปด้วย สุดท้ายเลือกตั้งซ่อมทุกพรรคก็ต้องหาตัวสำรองใหม่มาลง

แล้วถ้ายุบพรรคเพื่อไทยอย่างที่อีกฝั่งเชียร์สิ พรรคเพื่อไทยซึ่งมีโอกาสชนะเกือบ 200 เขตตามที่เขาคาดหวัง ถ้าเพื่อไทยถูกยุบแล้วใช้วิธีโหวตโนจะได้ผล เพราะเขามีคะแนนมากพอที่มีโอกาสจะชนะทุกคนที่ลงสมัครในเขต ไม่อยากให้มาถึงจุดนี้นะ เพราะป่วนแน่จะเปิดสภาฯ ไม่ได้เลย แต่ส่งผลดีต่อลุงตู่คือจะอยู่ไปเรื่อยๆ

นี่คือการคิดบนเหตุผลและกติกานะครับ ไม่ใช่การเชียร์ฝั่งไหนเพราะผมไม่มีวันเลือกฝั่งทักษิณอยู่แล้ว เพื่อจะให้เห็นว่า ทำไมอนาคตใหม่และธนาธรจึงเดิมพันด้วยการจะพาทักษิณกลับมาขึ้นศาลใหม่


ที่มา   :  https://mgronline.com/daily/detail/9620000025505
             ( เผยแพร่: 14 มี.ค. 2562 12:03   ปรับปรุง: 14 มี.ค. 2562 12:26   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่