ไทม์แมชชีน
...สำเร็จแล้ว...
...ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ...
...สิ่งประดิษฐ์ที่ใครๆ ต่างก็อยากจะครอบครอง...สิ่งประดิษฐ์ที่ใครต่อใครก็อยากให้มันเป็นจริง...
...ต่อจากนี้...มันจะไม่เพียงมีอยู่แค่ในนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป...
...ไทม์แมชชีน...เครื่องย้อนเวลา...หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต่างชนต่างภาษาจะสรรหาคำพูดมาเรียกกัน...
เรื่องของการย้อนเวลา...นักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่สมัยไหนๆ ก็พยายามคิดค้นและประดิษฐ์เครื่องมือที่จะพาคนในสมัยปัจจุบันย้อนกลับไปในอดีต
...ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว...ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรือมองเห็นความจำเป็นแท้จริงของการย้อนอดีตของพวกท่านเหล่านั้นหรือแม้แต่ตัวผมเองด้วย...
...หากย้อนเวลากลับไปได้จะเกิดอะไรขึ้น...
...ไม่เกิดอะไรเลย...
...หรือ...กลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ในอดีตได้...
หากแก้ไขได้จริงๆ...อะไรจะเกิดขึ้น
...โลกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จะเปลี่ยนไป...หรือจะมีโลกมิติใหม่ที่เป็นอนาคตใหม่เกิดขึ้นและดำเนินเป็นโลกคู่ขนานไปกับโลกที่ผมอยู่ทุกวันนี้...
...ถ้าโลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปอันเนื่องจากการแก้ไขอดีต...แล้วคนที่เคยมีตัวตนอยู่ในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทำจากการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรจากการกระทำนั้น...ในขณะที่พวกเขาทำกิจวัตรอยู่ในปัจจุบัน...พวกเขาจะหายไปในทันทีต่อหน้าต่อตาคนที่พวกเขาพูดคุยอยู่หลังจากที่มีการแก้ไขอดีตอย่างนั้นหรือ...
...หรือหากจะมีช่วงเวลาใหม่...โลกคู่ขนานซึ่งแสดงอีกอนาคตหนึ่ง...แล้วผมจะกลับไปแก้ไขทำไม...ในเมื่อสุดท้ายมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมแม้แต่น้อย...
...ถึงจะพูดอย่างนี้ก็เถอะ...แต่หากให้พูดตรงๆ แล้วล่ะก็...ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องที่ผมพูดไปเท่าไหร่หรอก...
สำหรับผม...อนาคตหรืออดีตจะเปลี่ยนหรือจะเป็นอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวกับผมในโลกนี้อยู่แล้ว
...ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์...ผมเพียงแค่ต้องการพิสูจน์เท่านั้น...พิสูจน์ว่าเราสามารถย้อนเวลาได้จริง...
...ตามทฤษฎี...
เวลาจะเริ่มเกิดก็ต่อเมื่อแสงเดินทางไปถึงยังสถานที่นั้น...เนื่องจากแสงเป็นต้นกำเนิดการมีชีวิตและเป็นต้นกำเนิดของการมองเห็น
...ดังนั้น...หากไม่สีแสง...หรือในสภาวะที่แสงหยุดนิ่ง...หรือสภาวะที่เราเดินทางได้เร็วเท่าแสง...
...ที่แห่งนั้นก็จะไม่มีเวลา...นั่นก็คือเวลาหยุดนิ่งนั่นเอง...
...นั่นก็หมายความว่า...ถ้าเราเดินทางได้เร็วกว่าแสง...ตามทฤษฎี...เวลาต้องไหลย้อนกลับอย่างแน่นอน...
...และนั่นก็หมายถึง...เวลาแห่งอดีตจะไหลย้อนกลับมา...
แรงโน้มถ่วงมีผลต่อการเดินทางของแสง...เป็นอีกหนึ่งความจริงที่เกิดขึ้นในจักรวาล
...แสงจะเดินทางได้เร็วที่สุดในสภาวะสุญญากาศ...และเดินทางได้ช้าลงในสถานที่ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงสูง...
...ถ้าอย่างนั้น...หมายความว่าแสงจะหยุดนิ่งได้ด้วยแรงโน้มถ่วงที่สูงมากพอ...
เราไม่สามารถเดินทางได้เร็วเท่าแสง
...และเช่นกัน...เราไม่สามารถสร้างแรงโน้มถ่วงที่มากพอจะหยุดแสงได้ แต่ถึงสร้างได้เราก็คงย่างกรายเข้าไปยังบริเวณนั้นไม่ได้...
...แต่ถ้าหากเราหาจุดสมดุลของแรงทั้งสองได้...จุดที่มนุษย์ยังคงทนไหว...เราก็จะสามารถย้อนกลับไปในอดีตได้...
และแน่นอน...จุดสมดุลนั้น...ผมพบมัน...ผมและลูกทีมได้สร้างสรรค์มันออกมาแล้ว
...กับสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ตรงหน้าของผมในขณะนี้...ความมั่นใจไม่อาจเรียกได้ว่าเต็มร้อย...
...อาจจะสำเร็จ...หรืออาจจะไม่สำเร็จ...อาจจะไม่เหลือโอกาสให้แก้ตัวในครั้งต่อไป...
...แต่ผมเตรียมใจไว้เรียบร้อยแล้ว...
ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง...อนาคต...ความมั่งคั่ง...ชื่อเสียงในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำทฤษฎีย้อนเวลาให้เป็นจริงขึ้นมาได้เป็นกลุ่มแรก
...โดยมีผมเป็นเจ้าของโครงการ...
ผมมองไปยังหอบังคับการ...ผู้ช่วยหลายคนยังยุ่งอยู่กับการตั้งค่าโน่นค่านี่กันวุ่นวายไปหมด
...เรื่องแบบนี้พลาดไม่ได้แม้เพียงหนึ่งในเศษเสี้ยววินาที...อนุภาคขนาดไม่กี่ไมครอนเพียงหนึ่งอนุภาคอาจทำให้สิ่งที่พยายามมาทั้งหมดสูญเปล่า...ทุกคนที่นี่รู้เรื่องนี้ดี...
หลังทุกอย่างพร้อม...ประตูอุโมงค์ชั้นแรกเปิดออก...ผมเข้าไปทำความสะอาดร่างกายก่อนจะเปลี่ยนชุดให้เหมาะสมกับภารกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น
ประตูชั้นที่สองเปิดออก...ผมเดินผ่านชั้นประตูไปยังยานพาหนะรูปทรงประหลาดแต่คุ้นตา...มันถูกประดิษฐ์จากส่วนประกอบซึ่งหาได้ยากยิ่งในโลกปัจจุบัน...รูปทรงเพรียวบาง...น้ำหนักเบา...หากแต่ทนทานต่อแรงเสียดทานต่างๆ อย่างเหลือเชื่อ
ประตูยานถูกปิดจากระบบที่หอบังคับการหลังจากที่ผมเข้าไปนั่งและทำการจัดระเบียบร่างกายให้เหมาะสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แผงสัญญาณรอบๆ ตัวยาน แสดงสัญลักษณ์และสัญญาณสีต่างๆ มากมาย...หน้าจออิเล็กโทรนิคปรากฏตัวเลขและรายละเอียดซึ่งผมและทุกคนที่นี่เข้าใจเป็นอย่างดี...
...ก่อนยุคปัจจุบันหนึ่งหมื่นปี...
...เป็นเวลาที่ไม่เก่าหรือใหม่จนเกินไปนัก...ที่นั่น...ผมอาจจะหาอะไรติดมือกลับมาเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าผมได้ไปยังช่วงเวลานั้นมาแล้วจริงๆ ก่อนที่จะรีบกลับมายังยานก่อนที่อุโมงค์เวลาที่ถูกสร้างขึ้นจะปิด...
หรือถ้าหากมีอะไรผิดพลาด...ในยุคนั้น...หากผมไม่สามารถกลับมาได้...ผมก็อาจจะยังคงสามารถใช้ชีวิตที่นั่นได้ และรอให้คนที่อยู่ที่นี่แก้ไขข้อบกพร่องที่เหลือจนสำเร็จและพาผมกลับมา
...แต่จะว่าไป...อันที่จริง...ต้องเป็นหนึ่งหมื่นปีก่อนนั้น...ผมไม่สามารถสร้างให้มันย้อนเวลาไปในช่วงก่อนหรือหลังหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมาได้ต่างหาก...
...ก็เนื่องด้วยเหตุผลของการทำความเร็ว...การสร้างแรงโน้มถ่วง...เทคโนโลยีของเราในขณะนี้ไม่สามารถที่จะเร่งหรือหยุดแรงทั้งสองได้ในทันทีทันใด ระยะเวลาที่ต้องใช้ชะลอและลดระบบต่างๆ นั้น ต้องกินระยะเวลาที่ช่วงเวลาย้อนกลับอย่างน้อยหนึ่งหมื่นปี...
และ...หากเป็นหลังหนึ่งหมื่นปีไปแล้ว...พวกเราเองยังไม่มั่นใจในเรื่องการควบคุมความเร็วให้สัมพันธ์กับระยะเวลาที่ย้อนกลับไปเท่าใดนัก...ซึ่งนั่นอาจทำให้คาดเดาไม่ได้ว่าผมจะไปโผล่ในยุคใด
...ใช่...ต้องหนึ่งหมื่นปีเท่านั้น...ทุกอย่างถูกควบคุมอย่างดีแล้วที่ระยะเวลาย้อนกลับหนึ่งหมื่นปี...ความสัมพันธ์ของความเร็ว แรงโน้มถ่วง และระยะทางของอุโมงค์...
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม...ความหนักอึ้งที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากแรงโน้มถ่วงเหมือนจะบีบอัดร่างกายให้แหลกเหลว
ยานเริ่มเคลื่อนที่ไปตามทางยาวของอุโมงค์พร้อมกับความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว...เร็วจนเหมือนร่างกายจะขาดออกจากกันเป็นชิ้นๆ
...แสงสีขาวไร้ที่มาสาดส่องมาจากที่ไหนสักแห่งโอบคลุมทั่วทั้งบริเวณ...
...ก่อนที่ทุกอย่างรอบๆ กายดูเหมือนจะเชื่องช้าลง...ร่างกายเบาโหวง...
...แรงบีบอัดก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น...
สำเร็จแล้ว...ผมนี่ล่ะ...คนแรกที่ทำให้มันเป็นจริงได้
...แสงสีขาวค่อยๆ ลดความเข้มลง...
หัวใจพองโตกับความสำเร็จที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆ เด่นชัดขึ้น...ผมจะกลับไปยังช่วงเวลาปัจจุบันอย่างวีรบุรุษ
...แสงสีขาวจางลงอย่างช้าๆ...
ร่างกายรู้สึกเบาโหวงกว่าที่ผ่านมา...รับรู้ได้ถึงการเต้นผิดจังหวะของหัวใจ...เส้นเลือดปูดโปน...หายใจอย่างยากลำบาก ลมหายใจดูเหมือนจะติดขัด
...นี่มันอะไรกัน...ความรู้สึกผิดปกตินี้...
ความกังวลและหวาดกลัวเข้ามาแทนที่ความปีติก่อนหน้านี้แทบจะในทันที
...และเมื่อแสงสีขาวหมดลง...
...ผมตื่นตะลึงกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในขณะนี้...ที่ตรงนี้...เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน...
...ผมล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง...
...แรงดันภายในตัวกำลังจะดันสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายให้แตกออกอย่างไม่เหลือชิ้นดี...
ความผิดพลาดครั้งร้ายแรง...ความผิดพลาดที่ไม่เหลือโอกาสต่อไปให้แก้ตัว
เครื่องมือที่อุตส่าห์ประดิษฐ์ขึ้น...ใช่แล้ว...มันเป็นเครื่องย้อนเวลา...และมันก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
...หากแต่มันไม่ใช่เครื่องย้ายสถานที่...
...โลก...ดวงดาว...ระบบสุริยะ...กาแล็คซี่...และจักรวาล...มีการเคลื่อนที่และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...
และเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน...ช่วงเวลาที่ผมย้อนกลับมา...ที่นี่...ยังคงเป็นอวกาศอันเวิ้งว้าง...มันยังไม่มีอะไรอยู่เลย...แม้กระทั่งโลก...โลกยังเคลื่อนที่มาไม่ถึงที่นี่
ถึงแม้จะสร้างไทม์แมชชีนได้...ถึงจะย้อนเวลาได้...แล้วจะมีประโยชน์อะไร...ก็ในเมื่อก่อนหน้านั้นเราไม่รู้ว่าโลกอยู่ที่ไหน
เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ปิดลง...สติกำลังจะหายไป...รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในสมอง
...นี่เองสินะ...เหตุผลที่คนในอนาคตไม่เคยได้ย้อนเวลากลับมาแก้ไขสิ่งต่างๆ ในอดีตได้เลยแม้สักครั้ง...
...นี่เองสินะ...ความลับของจักรวาล...ความลับของเวลา...กฎเกณฑ์ซึ่งไม่อาจมีผู้ล่วงล้ำได้...
ไทม์แมชชีน (Original 16-2-2008)
...สำเร็จแล้ว...
...ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ...
...สิ่งประดิษฐ์ที่ใครๆ ต่างก็อยากจะครอบครอง...สิ่งประดิษฐ์ที่ใครต่อใครก็อยากให้มันเป็นจริง...
...ต่อจากนี้...มันจะไม่เพียงมีอยู่แค่ในนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป...
...ไทม์แมชชีน...เครื่องย้อนเวลา...หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต่างชนต่างภาษาจะสรรหาคำพูดมาเรียกกัน...
เรื่องของการย้อนเวลา...นักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่สมัยไหนๆ ก็พยายามคิดค้นและประดิษฐ์เครื่องมือที่จะพาคนในสมัยปัจจุบันย้อนกลับไปในอดีต
...ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว...ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรือมองเห็นความจำเป็นแท้จริงของการย้อนอดีตของพวกท่านเหล่านั้นหรือแม้แต่ตัวผมเองด้วย...
...หากย้อนเวลากลับไปได้จะเกิดอะไรขึ้น...
...ไม่เกิดอะไรเลย...
...หรือ...กลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ในอดีตได้...
หากแก้ไขได้จริงๆ...อะไรจะเกิดขึ้น
...โลกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จะเปลี่ยนไป...หรือจะมีโลกมิติใหม่ที่เป็นอนาคตใหม่เกิดขึ้นและดำเนินเป็นโลกคู่ขนานไปกับโลกที่ผมอยู่ทุกวันนี้...
...ถ้าโลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปอันเนื่องจากการแก้ไขอดีต...แล้วคนที่เคยมีตัวตนอยู่ในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทำจากการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรจากการกระทำนั้น...ในขณะที่พวกเขาทำกิจวัตรอยู่ในปัจจุบัน...พวกเขาจะหายไปในทันทีต่อหน้าต่อตาคนที่พวกเขาพูดคุยอยู่หลังจากที่มีการแก้ไขอดีตอย่างนั้นหรือ...
...หรือหากจะมีช่วงเวลาใหม่...โลกคู่ขนานซึ่งแสดงอีกอนาคตหนึ่ง...แล้วผมจะกลับไปแก้ไขทำไม...ในเมื่อสุดท้ายมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมแม้แต่น้อย...
...ถึงจะพูดอย่างนี้ก็เถอะ...แต่หากให้พูดตรงๆ แล้วล่ะก็...ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องที่ผมพูดไปเท่าไหร่หรอก...
สำหรับผม...อนาคตหรืออดีตจะเปลี่ยนหรือจะเป็นอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวกับผมในโลกนี้อยู่แล้ว
...ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์...ผมเพียงแค่ต้องการพิสูจน์เท่านั้น...พิสูจน์ว่าเราสามารถย้อนเวลาได้จริง...
...ตามทฤษฎี...
เวลาจะเริ่มเกิดก็ต่อเมื่อแสงเดินทางไปถึงยังสถานที่นั้น...เนื่องจากแสงเป็นต้นกำเนิดการมีชีวิตและเป็นต้นกำเนิดของการมองเห็น
...ดังนั้น...หากไม่สีแสง...หรือในสภาวะที่แสงหยุดนิ่ง...หรือสภาวะที่เราเดินทางได้เร็วเท่าแสง...
...ที่แห่งนั้นก็จะไม่มีเวลา...นั่นก็คือเวลาหยุดนิ่งนั่นเอง...
...นั่นก็หมายความว่า...ถ้าเราเดินทางได้เร็วกว่าแสง...ตามทฤษฎี...เวลาต้องไหลย้อนกลับอย่างแน่นอน...
...และนั่นก็หมายถึง...เวลาแห่งอดีตจะไหลย้อนกลับมา...
แรงโน้มถ่วงมีผลต่อการเดินทางของแสง...เป็นอีกหนึ่งความจริงที่เกิดขึ้นในจักรวาล
...แสงจะเดินทางได้เร็วที่สุดในสภาวะสุญญากาศ...และเดินทางได้ช้าลงในสถานที่ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงสูง...
...ถ้าอย่างนั้น...หมายความว่าแสงจะหยุดนิ่งได้ด้วยแรงโน้มถ่วงที่สูงมากพอ...
เราไม่สามารถเดินทางได้เร็วเท่าแสง
...และเช่นกัน...เราไม่สามารถสร้างแรงโน้มถ่วงที่มากพอจะหยุดแสงได้ แต่ถึงสร้างได้เราก็คงย่างกรายเข้าไปยังบริเวณนั้นไม่ได้...
...แต่ถ้าหากเราหาจุดสมดุลของแรงทั้งสองได้...จุดที่มนุษย์ยังคงทนไหว...เราก็จะสามารถย้อนกลับไปในอดีตได้...
และแน่นอน...จุดสมดุลนั้น...ผมพบมัน...ผมและลูกทีมได้สร้างสรรค์มันออกมาแล้ว
...กับสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ตรงหน้าของผมในขณะนี้...ความมั่นใจไม่อาจเรียกได้ว่าเต็มร้อย...
...อาจจะสำเร็จ...หรืออาจจะไม่สำเร็จ...อาจจะไม่เหลือโอกาสให้แก้ตัวในครั้งต่อไป...
...แต่ผมเตรียมใจไว้เรียบร้อยแล้ว...
ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง...อนาคต...ความมั่งคั่ง...ชื่อเสียงในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำทฤษฎีย้อนเวลาให้เป็นจริงขึ้นมาได้เป็นกลุ่มแรก
...โดยมีผมเป็นเจ้าของโครงการ...
ผมมองไปยังหอบังคับการ...ผู้ช่วยหลายคนยังยุ่งอยู่กับการตั้งค่าโน่นค่านี่กันวุ่นวายไปหมด
...เรื่องแบบนี้พลาดไม่ได้แม้เพียงหนึ่งในเศษเสี้ยววินาที...อนุภาคขนาดไม่กี่ไมครอนเพียงหนึ่งอนุภาคอาจทำให้สิ่งที่พยายามมาทั้งหมดสูญเปล่า...ทุกคนที่นี่รู้เรื่องนี้ดี...
หลังทุกอย่างพร้อม...ประตูอุโมงค์ชั้นแรกเปิดออก...ผมเข้าไปทำความสะอาดร่างกายก่อนจะเปลี่ยนชุดให้เหมาะสมกับภารกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น
ประตูชั้นที่สองเปิดออก...ผมเดินผ่านชั้นประตูไปยังยานพาหนะรูปทรงประหลาดแต่คุ้นตา...มันถูกประดิษฐ์จากส่วนประกอบซึ่งหาได้ยากยิ่งในโลกปัจจุบัน...รูปทรงเพรียวบาง...น้ำหนักเบา...หากแต่ทนทานต่อแรงเสียดทานต่างๆ อย่างเหลือเชื่อ
ประตูยานถูกปิดจากระบบที่หอบังคับการหลังจากที่ผมเข้าไปนั่งและทำการจัดระเบียบร่างกายให้เหมาะสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แผงสัญญาณรอบๆ ตัวยาน แสดงสัญลักษณ์และสัญญาณสีต่างๆ มากมาย...หน้าจออิเล็กโทรนิคปรากฏตัวเลขและรายละเอียดซึ่งผมและทุกคนที่นี่เข้าใจเป็นอย่างดี...
...ก่อนยุคปัจจุบันหนึ่งหมื่นปี...
...เป็นเวลาที่ไม่เก่าหรือใหม่จนเกินไปนัก...ที่นั่น...ผมอาจจะหาอะไรติดมือกลับมาเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าผมได้ไปยังช่วงเวลานั้นมาแล้วจริงๆ ก่อนที่จะรีบกลับมายังยานก่อนที่อุโมงค์เวลาที่ถูกสร้างขึ้นจะปิด...
หรือถ้าหากมีอะไรผิดพลาด...ในยุคนั้น...หากผมไม่สามารถกลับมาได้...ผมก็อาจจะยังคงสามารถใช้ชีวิตที่นั่นได้ และรอให้คนที่อยู่ที่นี่แก้ไขข้อบกพร่องที่เหลือจนสำเร็จและพาผมกลับมา
...แต่จะว่าไป...อันที่จริง...ต้องเป็นหนึ่งหมื่นปีก่อนนั้น...ผมไม่สามารถสร้างให้มันย้อนเวลาไปในช่วงก่อนหรือหลังหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมาได้ต่างหาก...
...ก็เนื่องด้วยเหตุผลของการทำความเร็ว...การสร้างแรงโน้มถ่วง...เทคโนโลยีของเราในขณะนี้ไม่สามารถที่จะเร่งหรือหยุดแรงทั้งสองได้ในทันทีทันใด ระยะเวลาที่ต้องใช้ชะลอและลดระบบต่างๆ นั้น ต้องกินระยะเวลาที่ช่วงเวลาย้อนกลับอย่างน้อยหนึ่งหมื่นปี...
และ...หากเป็นหลังหนึ่งหมื่นปีไปแล้ว...พวกเราเองยังไม่มั่นใจในเรื่องการควบคุมความเร็วให้สัมพันธ์กับระยะเวลาที่ย้อนกลับไปเท่าใดนัก...ซึ่งนั่นอาจทำให้คาดเดาไม่ได้ว่าผมจะไปโผล่ในยุคใด
...ใช่...ต้องหนึ่งหมื่นปีเท่านั้น...ทุกอย่างถูกควบคุมอย่างดีแล้วที่ระยะเวลาย้อนกลับหนึ่งหมื่นปี...ความสัมพันธ์ของความเร็ว แรงโน้มถ่วง และระยะทางของอุโมงค์...
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม...ความหนักอึ้งที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากแรงโน้มถ่วงเหมือนจะบีบอัดร่างกายให้แหลกเหลว
ยานเริ่มเคลื่อนที่ไปตามทางยาวของอุโมงค์พร้อมกับความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว...เร็วจนเหมือนร่างกายจะขาดออกจากกันเป็นชิ้นๆ
...แสงสีขาวไร้ที่มาสาดส่องมาจากที่ไหนสักแห่งโอบคลุมทั่วทั้งบริเวณ...
...ก่อนที่ทุกอย่างรอบๆ กายดูเหมือนจะเชื่องช้าลง...ร่างกายเบาโหวง...
...แรงบีบอัดก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น...
สำเร็จแล้ว...ผมนี่ล่ะ...คนแรกที่ทำให้มันเป็นจริงได้
...แสงสีขาวค่อยๆ ลดความเข้มลง...
หัวใจพองโตกับความสำเร็จที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆ เด่นชัดขึ้น...ผมจะกลับไปยังช่วงเวลาปัจจุบันอย่างวีรบุรุษ
...แสงสีขาวจางลงอย่างช้าๆ...
ร่างกายรู้สึกเบาโหวงกว่าที่ผ่านมา...รับรู้ได้ถึงการเต้นผิดจังหวะของหัวใจ...เส้นเลือดปูดโปน...หายใจอย่างยากลำบาก ลมหายใจดูเหมือนจะติดขัด
...นี่มันอะไรกัน...ความรู้สึกผิดปกตินี้...
ความกังวลและหวาดกลัวเข้ามาแทนที่ความปีติก่อนหน้านี้แทบจะในทันที
...และเมื่อแสงสีขาวหมดลง...
...ผมตื่นตะลึงกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในขณะนี้...ที่ตรงนี้...เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน...
...ผมล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง...
...แรงดันภายในตัวกำลังจะดันสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายให้แตกออกอย่างไม่เหลือชิ้นดี...
ความผิดพลาดครั้งร้ายแรง...ความผิดพลาดที่ไม่เหลือโอกาสต่อไปให้แก้ตัว
เครื่องมือที่อุตส่าห์ประดิษฐ์ขึ้น...ใช่แล้ว...มันเป็นเครื่องย้อนเวลา...และมันก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
...หากแต่มันไม่ใช่เครื่องย้ายสถานที่...
...โลก...ดวงดาว...ระบบสุริยะ...กาแล็คซี่...และจักรวาล...มีการเคลื่อนที่และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...
และเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน...ช่วงเวลาที่ผมย้อนกลับมา...ที่นี่...ยังคงเป็นอวกาศอันเวิ้งว้าง...มันยังไม่มีอะไรอยู่เลย...แม้กระทั่งโลก...โลกยังเคลื่อนที่มาไม่ถึงที่นี่
ถึงแม้จะสร้างไทม์แมชชีนได้...ถึงจะย้อนเวลาได้...แล้วจะมีประโยชน์อะไร...ก็ในเมื่อก่อนหน้านั้นเราไม่รู้ว่าโลกอยู่ที่ไหน
เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ปิดลง...สติกำลังจะหายไป...รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในสมอง
...นี่เองสินะ...เหตุผลที่คนในอนาคตไม่เคยได้ย้อนเวลากลับมาแก้ไขสิ่งต่างๆ ในอดีตได้เลยแม้สักครั้ง...
...นี่เองสินะ...ความลับของจักรวาล...ความลับของเวลา...กฎเกณฑ์ซึ่งไม่อาจมีผู้ล่วงล้ำได้...