แรงอธิษฐาน
ชายหนุ่มยังคงนอนหลับตานิ่งอยู่บนฟูกนุ่มในห้องนอนหลังจากที่ตื่นมาสักครู่หนึ่งแล้ว
...อีกหนึ่งคืนแล้วสินะ กับความฝันแบบนี้...
...มันดูเหมือนจริงมากจนชายหนุ่มเองยังนึกแปลกใจ...
เมื่อรุ่งสางที่ผ่านมา...
...เขาเห็นเพียงชายหนุ่มแปลกหน้าในความฝันเดินเรื่อยเปื่อยไปตามบาทวิถี...และชั่วเวลาหนึ่งในนั้น...หญิงสาวแปลกหน้าที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยในความคิดของชายหนุ่มเดินสวนทางกับชายหนุ่มในความฝันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะรู้จักหรือรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกันแม้แต่น้อย...
จุดเริ่มต้นของความฝันแปลกประหลาดเกิดขึ้นหลังจากโรคร้ายเข้าคุกคามหญิงสาวอันเป็นที่รักของชายหนุ่มอย่างหนัก จนเธอต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่แต่เพียงบนเตียงในโรงพยาบาล
ความฝันที่ดูเหมือนจะธรรมดา หากแต่มีความไม่ธรรมดาแฝงอยู่ในนั้น
เหตุการณ์และบุคคลที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน...หากแต่มีความเกี่ยวพันกันอย่างแปลกประหลาดในความรู้สึก
ในความฝันแต่ละครั้ง ถึงแม้จะต่างสถานที่ ต่างช่วงเวลา ต่างยุคสมัย แต่ดูเหมือนมีสิ่งหนึ่งที่ในทุกๆ ความฝันของชายหนุ่มจะต้องมี
...ภาพในหัวนึกย้อนทบทวนความฝันที่ผ่านๆ มา...
ทุกๆ ครั้ง...ชายหนุ่มจะมองเห็นหญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์อยู่ในนั้น
และถึงแม้ทุกๆ ครั้ง หญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าในความฝันจะมีหน้าตา บุคลิก และการกระทำที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
...แต่...ชายหนุ่มกลับรู้สึกได้ว่า หญิงสาวและชายหนุ่มในมโนภาพนั้นมีอะไรบางอย่างโยงใยถึงกัน...และ...อะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงมาถึงชายหนุ่ม...
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มฝันถึงเหตุการณ์แบบนี้ ดูเหมือนกับว่าในแต่ละครั้งยุคสมัยในความฝันจะถอยย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งอดีตมากขึ้นเรื่อยๆ
...ความฝันในคืนก่อน...
...ชายหนุ่มวัยรุ่นแปลกหน้าขับรถยนต์อย่างคึกคะนองมาด้วยความเร็วสูง...และหญิงสาวผู้ซึ่งวิ่งกลับไปเก็บของที่ตกอยู่กลางถนนในขณะที่วิ่งข้ามมาเมื่อสักครู่อย่างร้อนรนและลืมตัว...
...ก่อนที่ร่างกายของหญิงสาวจะหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางความโกลาหลและเสียงกรีดร้องของผู้คนรอบบริเวณ...ทุกอย่างดับมืดไป...
...และ...หลายคืนก่อนหน้านั้น...
...ภาพของชายหนุ่มผู้ซึ่งมั่นหมายจะขอหญิงสาวคนรักแต่งงานในวันนั้น...แหวนสีทองซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักถูกกำอยู่ในอุ้งมือของชายหนุ่ม...
...ด้วยหัวใจพองโตและรอยยิ้มเบิกบาน...ชายหนุ่มคาดหวังในรอยยิ้มและความปลื้มปีติของหญิงสาวในขณะที่เขาบรรจงสวมมันเข้ากับนิ้วนางของเธอ...
...ด้วยความคิดเตลิดอันเปี่ยมสุขของชายหนุ่มทำให้เขาวิ่งข้ามถนนไปหาหญิงสาวคนรักที่อีกฝั่งฟากถนนโดยที่ไม่ทันสังเกตและระวังสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย...
...และ...
...ชายหนุ่มล้มลงต่อหน้าหญิงสาวอันเป็นที่รัก...แหวนสีทองปลิวหลุดออกจากมืออันไร้เรี่ยวแรงและสมองอันว่างเปล่าของชายหนุ่ม...
...กริ๊งงง...
...เสียงแหวนกระทบพื้นถนนแผ่วเบา หากแต่ดังเสียดไปถึงหัวใจของหญิงสาวที่เฝ้ารอชายหนุ่มอยู่ที่อีกฝั่งฝัน...
...ทุกอย่างตรงหน้าดูเลื่อนลอย...หญิงสาวกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง...น้ำตาไหลนองหน้า...
เรื่องราวในความฝันซึ่งน่าจะเป็นฝันอันแสนสุขจบลงเพียงแค่นั้น
ในความคิดของชายหนุ่ม ดูเหมือนกับว่าชายหนุ่มและหญิงสาวในความฝันแต่ละครั้งจะเป็นจุดเชื่อมอะไรบางอย่างของแต่ละความฝันเข้าด้วยกัน
...แต่...มันอะไรล่ะ...ที่ซุกซ่อนอยู่ในความฝันที่ดูเหมือนจะแสนธรรมดานี้..
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอน...เขาหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงบนหัวเตียงขึ้นมาและมองสิ่งที่อยู่ข้างใน...พลางนึกถึงเรื่องราวเมื่อเย็นวานที่ผ่านมา
“พรุ่งนี้แม่คงจะให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจของน้องออกแล้วล่ะลูก...ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะเหนี่ยวรั้งน้องเขาไว้...”
เสียงผู้เป็นแม่ของหญิงสาวอันเป็นที่รักของชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาปนสะอื้นไห้...น้ำเสียงที่บ่งบอกความลังเลต่อคำพูดและความเสียใจอย่างชัดเจน ยังคงดังก้องอยู่ในหัวสมองของชายหนุ่ม
วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว...
......................
...เตียงนอนสีขาวสะอาดในโรงพยาบาล
หญิงสาวนอนหลับตานิ่งไม่แสดงอาการรับรู้ต่อสิ่งรอบกายใดๆ...ร่างกายอันผอมแห้งและผิวที่ซีดเผือดบ่งบอกถึงขีดสุดของสภาพร่างกายของหญิงสาว
ชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างกายหญิงสาวที่ปราศจากการรับรู้ ดวงตาหม่นจ้องใบหน้าของหญิงสาวอันเป็นที่รัก...เขาหยิบแหวนสีทองแวววาวออกจากกล่องกำมะหยี่
...ฉับพลัน...มโนภาพหนึ่งผุดแทรกขึ้นในหัวสมองของชายหนุ่ม...
หญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าในยุคซึ่งช่วงเวลาย้อนถอยลงไปกว่าความฝันช่วงรุ่งสาง
“หากความรักของเราต้องทำให้เราทุกข์ทรมานขนาดนี้...ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าชาติใดภพใดต่อจากนี้ขออย่าให้เราต้องพบและรักกันอีกเลย”
...ชายหนุ่มในมโนภาพบอกกับหญิงสาวอันเป็นที่รักด้วยน้ำตานองหน้า...ความผิดหวังจากการถูกกีดกันในความรักครั้งแล้วครั้งเล่า ส่งผลให้จิตใจอันอ่อนล้าและหนักหน่วงของชายหนุ่มไม่อาจทนกับความรักแสนขื่นขมที่ไม่มีวันจะเป็นจริงได้อีกต่อไป...
...หญิงสาวในมโนภาพร้องไห้ฟูมฟายและส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับในความคิดของชายหนุ่มตรงหน้า เธอโอบกอดชายหนุ่มคนรักเสมือนต้องการจะบอกกับชายหนุ่มว่าเธอรักเขามากเพียงใด...
...ชายหนุ่มและหญิงสาวผู้ซึ่งจิตใจแหลกสลายจากความรักที่เกิดขึ้นแต่ไม่อาจเป็นจริงได้...
.....................
ชายหนุ่มตกตะลึงกับมโนภาพที่เกิดขึ้น ขอบตาเรื้อด้วยน้ำใสที่รินออกมาจากใจ
แหวนถูกสวมเข้ากับนิ้วนางมือซ้ายอันซีดขาวของหญิงสาว
“ต่อจากนี้...ไม่ว่าจะอีกกี่ชาติกี่ภพ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน จะเป็นใคร ผมจะตามหาคุณจนพบ และจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปทุกๆ ชาติ...ผมจะไม่ยอมให้เราต้องแคล้วคลาดกันอีกต่อไป”
น้ำอุ่นๆ ไหลออกจากตาลงอาบแก้มตอบของชายหนุ่ม
“รอผมนะ...คนดีของผม”
ชายหนุ่มแนบหน้าลงกับแก้มซีดของหญิงสาวก่อนสะอื้นไห้อย่างแผ่วเบา
หยาดน้ำรินไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิทของหญิงสาว...รอยยิ้มเจือจางปรากฏที่มุมปากก่อนลมหายใจสุดท้าย
เสมือนต้องการจะบ่งบอกถึงการรับรู้และความยินดีต่อคำอธิษฐานในครั้งนี้ของชายหนุ่ม...
...........................
แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องผ่านกรอบหน้าต่างสี่เหลี่ยมเข้ามาให้แสงสว่างและความอบอุ่นภายในห้อง
ชายหนุ่มลืมตาตื่นจากความฝันอันแสนเศร้า...ใจหายอย่างบอกไม่ถูก...น้ำตายังคงเรื้ออยู่ที่ขอบตา...มันเหมือนจริงมากเสมือนมันเคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน
...ชายหนุ่มและหญิงสาวแปลกหน้าในความฝัน...ถึงแม้ทุกครั้งที่เขาฝัน ชายหนุ่มและหญิงสาวในนั้นจะมีรูปร่าง หน้าตา อากัปกิริยา แตกต่างกันออกไป...แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับบุคคลในความฝันอย่างประหลาด...
ชายหนุ่มพลิกตัวตะแคง...ข้างกายของเขา...ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันบนเตียงในห้องนอนซึ่งถูกใช้เป็นเรือนหอของคู่แต่งงานใหม่ในค่ำคืนที่ผ่านมา
หญิงสาวผู้ซึ่งชายหนุ่มเพิ่งสวมแหวนสีทองอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความผูกพันธ์ให้แก่เธอท่ามกลางสักขีพยานและบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยความสุขเมื่อค่ำคืนลืมตาตื่นและมองมายังชายหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว
...ทั้งคู่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาเปี่ยมสุขของกันและกันอย่างรู้ความนัยและส่งยิ้มให้กันอย่างสดใสที่สุด...
แรงอธิษฐาน (Original 26-1-2008)
ชายหนุ่มยังคงนอนหลับตานิ่งอยู่บนฟูกนุ่มในห้องนอนหลังจากที่ตื่นมาสักครู่หนึ่งแล้ว
...อีกหนึ่งคืนแล้วสินะ กับความฝันแบบนี้...
...มันดูเหมือนจริงมากจนชายหนุ่มเองยังนึกแปลกใจ...
เมื่อรุ่งสางที่ผ่านมา...
...เขาเห็นเพียงชายหนุ่มแปลกหน้าในความฝันเดินเรื่อยเปื่อยไปตามบาทวิถี...และชั่วเวลาหนึ่งในนั้น...หญิงสาวแปลกหน้าที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยในความคิดของชายหนุ่มเดินสวนทางกับชายหนุ่มในความฝันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะรู้จักหรือรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกันแม้แต่น้อย...
จุดเริ่มต้นของความฝันแปลกประหลาดเกิดขึ้นหลังจากโรคร้ายเข้าคุกคามหญิงสาวอันเป็นที่รักของชายหนุ่มอย่างหนัก จนเธอต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่แต่เพียงบนเตียงในโรงพยาบาล
ความฝันที่ดูเหมือนจะธรรมดา หากแต่มีความไม่ธรรมดาแฝงอยู่ในนั้น
เหตุการณ์และบุคคลที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน...หากแต่มีความเกี่ยวพันกันอย่างแปลกประหลาดในความรู้สึก
ในความฝันแต่ละครั้ง ถึงแม้จะต่างสถานที่ ต่างช่วงเวลา ต่างยุคสมัย แต่ดูเหมือนมีสิ่งหนึ่งที่ในทุกๆ ความฝันของชายหนุ่มจะต้องมี
...ภาพในหัวนึกย้อนทบทวนความฝันที่ผ่านๆ มา...
ทุกๆ ครั้ง...ชายหนุ่มจะมองเห็นหญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์อยู่ในนั้น
และถึงแม้ทุกๆ ครั้ง หญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าในความฝันจะมีหน้าตา บุคลิก และการกระทำที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
...แต่...ชายหนุ่มกลับรู้สึกได้ว่า หญิงสาวและชายหนุ่มในมโนภาพนั้นมีอะไรบางอย่างโยงใยถึงกัน...และ...อะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงมาถึงชายหนุ่ม...
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มฝันถึงเหตุการณ์แบบนี้ ดูเหมือนกับว่าในแต่ละครั้งยุคสมัยในความฝันจะถอยย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งอดีตมากขึ้นเรื่อยๆ
...ความฝันในคืนก่อน...
...ชายหนุ่มวัยรุ่นแปลกหน้าขับรถยนต์อย่างคึกคะนองมาด้วยความเร็วสูง...และหญิงสาวผู้ซึ่งวิ่งกลับไปเก็บของที่ตกอยู่กลางถนนในขณะที่วิ่งข้ามมาเมื่อสักครู่อย่างร้อนรนและลืมตัว...
...ก่อนที่ร่างกายของหญิงสาวจะหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางความโกลาหลและเสียงกรีดร้องของผู้คนรอบบริเวณ...ทุกอย่างดับมืดไป...
...และ...หลายคืนก่อนหน้านั้น...
...ภาพของชายหนุ่มผู้ซึ่งมั่นหมายจะขอหญิงสาวคนรักแต่งงานในวันนั้น...แหวนสีทองซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักถูกกำอยู่ในอุ้งมือของชายหนุ่ม...
...ด้วยหัวใจพองโตและรอยยิ้มเบิกบาน...ชายหนุ่มคาดหวังในรอยยิ้มและความปลื้มปีติของหญิงสาวในขณะที่เขาบรรจงสวมมันเข้ากับนิ้วนางของเธอ...
...ด้วยความคิดเตลิดอันเปี่ยมสุขของชายหนุ่มทำให้เขาวิ่งข้ามถนนไปหาหญิงสาวคนรักที่อีกฝั่งฟากถนนโดยที่ไม่ทันสังเกตและระวังสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย...
...และ...
...ชายหนุ่มล้มลงต่อหน้าหญิงสาวอันเป็นที่รัก...แหวนสีทองปลิวหลุดออกจากมืออันไร้เรี่ยวแรงและสมองอันว่างเปล่าของชายหนุ่ม...
...กริ๊งงง...
...เสียงแหวนกระทบพื้นถนนแผ่วเบา หากแต่ดังเสียดไปถึงหัวใจของหญิงสาวที่เฝ้ารอชายหนุ่มอยู่ที่อีกฝั่งฝัน...
...ทุกอย่างตรงหน้าดูเลื่อนลอย...หญิงสาวกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง...น้ำตาไหลนองหน้า...
เรื่องราวในความฝันซึ่งน่าจะเป็นฝันอันแสนสุขจบลงเพียงแค่นั้น
ในความคิดของชายหนุ่ม ดูเหมือนกับว่าชายหนุ่มและหญิงสาวในความฝันแต่ละครั้งจะเป็นจุดเชื่อมอะไรบางอย่างของแต่ละความฝันเข้าด้วยกัน
...แต่...มันอะไรล่ะ...ที่ซุกซ่อนอยู่ในความฝันที่ดูเหมือนจะแสนธรรมดานี้..
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอน...เขาหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงบนหัวเตียงขึ้นมาและมองสิ่งที่อยู่ข้างใน...พลางนึกถึงเรื่องราวเมื่อเย็นวานที่ผ่านมา
“พรุ่งนี้แม่คงจะให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจของน้องออกแล้วล่ะลูก...ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะเหนี่ยวรั้งน้องเขาไว้...”
เสียงผู้เป็นแม่ของหญิงสาวอันเป็นที่รักของชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาปนสะอื้นไห้...น้ำเสียงที่บ่งบอกความลังเลต่อคำพูดและความเสียใจอย่างชัดเจน ยังคงดังก้องอยู่ในหัวสมองของชายหนุ่ม
วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว...
......................
...เตียงนอนสีขาวสะอาดในโรงพยาบาล
หญิงสาวนอนหลับตานิ่งไม่แสดงอาการรับรู้ต่อสิ่งรอบกายใดๆ...ร่างกายอันผอมแห้งและผิวที่ซีดเผือดบ่งบอกถึงขีดสุดของสภาพร่างกายของหญิงสาว
ชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างกายหญิงสาวที่ปราศจากการรับรู้ ดวงตาหม่นจ้องใบหน้าของหญิงสาวอันเป็นที่รัก...เขาหยิบแหวนสีทองแวววาวออกจากกล่องกำมะหยี่
...ฉับพลัน...มโนภาพหนึ่งผุดแทรกขึ้นในหัวสมองของชายหนุ่ม...
หญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าในยุคซึ่งช่วงเวลาย้อนถอยลงไปกว่าความฝันช่วงรุ่งสาง
“หากความรักของเราต้องทำให้เราทุกข์ทรมานขนาดนี้...ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าชาติใดภพใดต่อจากนี้ขออย่าให้เราต้องพบและรักกันอีกเลย”
...ชายหนุ่มในมโนภาพบอกกับหญิงสาวอันเป็นที่รักด้วยน้ำตานองหน้า...ความผิดหวังจากการถูกกีดกันในความรักครั้งแล้วครั้งเล่า ส่งผลให้จิตใจอันอ่อนล้าและหนักหน่วงของชายหนุ่มไม่อาจทนกับความรักแสนขื่นขมที่ไม่มีวันจะเป็นจริงได้อีกต่อไป...
...หญิงสาวในมโนภาพร้องไห้ฟูมฟายและส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับในความคิดของชายหนุ่มตรงหน้า เธอโอบกอดชายหนุ่มคนรักเสมือนต้องการจะบอกกับชายหนุ่มว่าเธอรักเขามากเพียงใด...
...ชายหนุ่มและหญิงสาวผู้ซึ่งจิตใจแหลกสลายจากความรักที่เกิดขึ้นแต่ไม่อาจเป็นจริงได้...
.....................
ชายหนุ่มตกตะลึงกับมโนภาพที่เกิดขึ้น ขอบตาเรื้อด้วยน้ำใสที่รินออกมาจากใจ
แหวนถูกสวมเข้ากับนิ้วนางมือซ้ายอันซีดขาวของหญิงสาว
“ต่อจากนี้...ไม่ว่าจะอีกกี่ชาติกี่ภพ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน จะเป็นใคร ผมจะตามหาคุณจนพบ และจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปทุกๆ ชาติ...ผมจะไม่ยอมให้เราต้องแคล้วคลาดกันอีกต่อไป”
น้ำอุ่นๆ ไหลออกจากตาลงอาบแก้มตอบของชายหนุ่ม
“รอผมนะ...คนดีของผม”
ชายหนุ่มแนบหน้าลงกับแก้มซีดของหญิงสาวก่อนสะอื้นไห้อย่างแผ่วเบา
หยาดน้ำรินไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิทของหญิงสาว...รอยยิ้มเจือจางปรากฏที่มุมปากก่อนลมหายใจสุดท้าย
เสมือนต้องการจะบ่งบอกถึงการรับรู้และความยินดีต่อคำอธิษฐานในครั้งนี้ของชายหนุ่ม...
...........................
แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องผ่านกรอบหน้าต่างสี่เหลี่ยมเข้ามาให้แสงสว่างและความอบอุ่นภายในห้อง
ชายหนุ่มลืมตาตื่นจากความฝันอันแสนเศร้า...ใจหายอย่างบอกไม่ถูก...น้ำตายังคงเรื้ออยู่ที่ขอบตา...มันเหมือนจริงมากเสมือนมันเคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน
...ชายหนุ่มและหญิงสาวแปลกหน้าในความฝัน...ถึงแม้ทุกครั้งที่เขาฝัน ชายหนุ่มและหญิงสาวในนั้นจะมีรูปร่าง หน้าตา อากัปกิริยา แตกต่างกันออกไป...แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับบุคคลในความฝันอย่างประหลาด...
ชายหนุ่มพลิกตัวตะแคง...ข้างกายของเขา...ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันบนเตียงในห้องนอนซึ่งถูกใช้เป็นเรือนหอของคู่แต่งงานใหม่ในค่ำคืนที่ผ่านมา
หญิงสาวผู้ซึ่งชายหนุ่มเพิ่งสวมแหวนสีทองอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความผูกพันธ์ให้แก่เธอท่ามกลางสักขีพยานและบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยความสุขเมื่อค่ำคืนลืมตาตื่นและมองมายังชายหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว
...ทั้งคู่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาเปี่ยมสุขของกันและกันอย่างรู้ความนัยและส่งยิ้มให้กันอย่างสดใสที่สุด...