แรงอธิษฐาน
ชายหนุ่มตื่นจากห้วงนิทรามาสักพักหนึ่งแล้ว แต่เขายังคงหลับตานอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงนุ่ม ภาพต่างๆ ยังคงถูกฉายซ้ำอยู่ภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท
อีกหนึ่งคืนแล้วสินะ กับความฝันแบบนี้ มันดูเหมือนจริงมากจนเขาเองยังรู้สึกแปลกใจ
ในนั้นเขาเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเรื่อยเปื่อยไปตามบาทวิถี บรรยากาศสองข้างทางดูแปลกตาแต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับมัน และในชั่วขณะหนึ่ง หญิงแปลกหน้าก็เดินสวนทางไป
เชื่องช้า เนิ่นนาน จนเกินกว่าจะเป็นเพียงการเดินสวนทางกันธรรมดา แต่ทว่านอกจากเขาแล้ว ทั้งคู่ในภาพฝันนั้นกลับไม่ได้แสดงอาการรับรู้ถึงช่วงเวลาพิเศษนั้น คู่ชายหญิงไม่มีทีท่าแม้แต่จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน
แม้จะเป็นเพียงความฝันสั้นๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรเลย แต่มันกลับดูสมจริงเสียจนทำให้ชายหนุ่มหวั่นไหว เขาไม่แน่ใจเมื่อแรกตื่นว่าชั่วขณะไหนกันแน่ที่เขากำลังฝันและชั่วขณะไหนกันแน่ที่คือเรื่องจริง
จุดเริ่มต้นของความฝันอันแปลกประหลาดเกิดขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่มได้รับรู้ข่าวร้ายที่สุดในชีวิต
เขาและเธอตกลงปลงใจว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน โลกทั้งโลกกำลังเป็นสีชมพู ดอกไม้กำลังผลิบานในทุกย่างก้าวที่ทั้งคู่เดินผ่าน แต่เพียงฉับพลันนั้นโลกทั้งโลกตรงหน้าก็เปลี่ยนไป
หญิงสาวอันเป็นที่รักถูกโรคร้ายคุกคามอยากหนักในระยะเวลาอันรวดเร็วเกินกว่าใครจะทันตั้งตัว และเพียงไม่นานเธอก็ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและหายใจผ่านทางเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น
และตั้งแต่นั้นมาชายหนุ่มก็ฝัน
ภาพฝันที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่มันกลับแฝงอะไรบางอย่างในนั้น เหตุการณ์และบุคคลที่ดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยในภาพฝันแต่ละคืน หากทว่าเขากลับรู้สึกถึงความเกี่ยวพันกันอย่างแปลกประหลาด
ทุกครั้งที่เขาฝัน ถึงแม้จะต่างสถานที่ ต่างช่วงเวลา หรือแม้แต่ต่างยุคสมัย แต่ก็ดูเหมือนจะมีสิ่งๆ หนึ่งที่เป็นเหมือนศูนย์รวมของความฝันทั้งหมด ทุกความฝันของเขาล้วนมีคู่ชายหญิงแปลกหน้าเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์
แม้จะคิดอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มและหญิงสาวแปลกหน้าเองก็กลับมีหน้าตา บุคลิก และการกระทำที่แตกต่างกัน และบ่งบอกให้รู้ว่าพวกเขาทั้งคู่ในแต่ละความฝันเป็นคนละคนกัน
แต่ก็อีกนั่นล่ะที่ตัวชายหนุ่มผู้ฝันเองกลับไม่คิดอย่างนั้น มันเป็นความรู้สึกขัดแย้งในตัวเองเพราะในใจกลับบอกว่าพวกเขาในความฝันมีอะไรบางอย่างที่โยงใยถึงกัน และที่สำคัญอะไรบางอย่างนั้นก็ใกล้ชิดกับตัวของเขาเองมากๆ ด้วย
เขายังหลับตาอยู่บนเตียงนอน พยายามประติดประต่อเชื่อมโยงเรื่องราวที่ได้เห็นทั้งหมดเข้าด้วยกันเช่นเดียวกับทุกครั้ง
ในคืนก่อนหน้านี้ เขาเห็นชายหนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวตามสมัยนิยมแบบผู้มีอันจะกินกำลังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถยนต์หรู
และในชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่งที่หญิงสาวตัดสินใจวิ่งกลับลงไปบนท้องถนนหลังจากที่เพิ่งข้ามมันมาเพียงเพื่อเก็บของที่เธอบังเอิญทำหล่นลงไปอย่างลืมตัว
ด้วยความเร็วของรถยนต์ที่ชายหนุ่มขับมาทำให้คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น ร่างของหญิงสาวหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ โลกหยุดนิ่งไปชั่ววินาทีก่อนที่ความโกลาหลและเสียงกรีดร้องจะเกิดขึ้น
ทุกอย่างดับมืดไป
และความฝันในหลายคืนก่อน ชายหนุ่มคนหนึ่งหมายมั่นจะขอหญิงสาวคนรักแต่งงานในวันนั้น ด้วยความตื่นเต้นปีติ เขาลืมตัวจนถึงกับกำวงแหวนสีทองซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักไว้ในอุ้งมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ
หัวใจพองโต รอยยิ้มเบิกบาน ชายหนุ่มคาดหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่สามารถเปลี่ยนชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาไปตลอดกาลจากหญิงสาวคนรักในขณะที่เขาบรรจงสวมมันเข้าที่นิ้วนางของเธอ
เขามาถึงที่หมายก่อนเวลาหลายชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้สึกว่าตนเองต้องมารอนานหรือรู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย และเมื่อหญิงคนรักปรากฏตัวขึ้นที่อีกฝั่งฟากถนน ด้วยความดีใจทำให้เขาหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น
ชายหนุ่มก้าวเท้าลงไปหาเงื้อมมือมัจจุราชที่กำลังพุ่งทะยานเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ได้มอง ไม่ระแวดระวัง หรือไม่แม้แต่จะสังเกตสิ่งรอบตัวในขณะนั้นเลย
และ
ร่างของชายหนุ่มล้มลงต่อหน้าหญิงสาวคนรัก แหวนสีทองที่เขาตั้งใจจะนำมันมาให้เธอในวันนี้ปลิวหลุดออกจากมืออันไร้เรี่ยวแรง ภาพรอยยิ้มของเธอผุดขึ้นมาในความคิดสุดท้ายก่อนที่สมองจะค่อยๆ ว่างเปล่าลง
กริ๊ง...งงง
เสียงแหวนกระทบพื้นถนนแผ่วเบาเกินกว่าที่ใครจะได้ยิน หากแต่มันกลับดังเสียดไปถึงหัวใจของหญิงสาวที่เฝ้ารอชายหนุ่มอยู่ที่อีกฝั่งฝัน
ภาพฝันค่อยๆ เลื่อนลอยออกไป เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ร้องไห้ฟูมฟายอย่างคนเสียสติ
เรื่องราวในความฝันซึ่งน่าจะเป็นฝันอันแสนสุขจบลงเพียงเท่านี้
ดูจากการแต่งกาย ทรงผม และบรรยากาศแล้ว เหตุการณ์ในแต่ละความฝันดำเนินอยู่ต่างยุคต่างสมัยกัน ชายหนุ่มฝันเห็นเรื่องราวที่ดูเหมือนจะย้อนยุคกลับไปอดีตมากขึ้นเรื่อยๆ
ความฝันช่วงรุ่งสางที่ผ่านมานั้นอยู่ในยุคที่โบราณที่สุดตั้งแต่เขาเริ่มฝัน
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่เห็นในความฝันแต่ละครั้งมีอะไรบางอย่างที่เป็นจุดเชื่อมทุกความฝันเข้าด้วยกัน แต่มันคืออะไรกันแน่ ความฝันทั้งหมดต้องการจะบอกอะไรกับเขา
บางครั้งเขารู้สึกเหมือนจะรู้เรื่องราวเหล่านั้นเป็นอย่างดีเหมือนกับภาพต่างๆ มันไหลออกมาจากหัวสมอง แต่พอลองพยายามมองดูภาพเหล่านั้นชัดๆ เขากลับไม่เห็นอะไรอยู่ในนั้น
ในความฝันที่ดูแสนจะธรรมดานี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น มองดูนาฬิกาก่อนจะยันกายลุกขึ้นจากที่นอน เหลียวไปมองกล่องกำมะหยี่สีแดงที่หัวเตียง เอื้อมมือไปหยิบมันมาไว้กับตัว อารมณ์วูบไหวปรากฏขึ้นวูบหนึ่งในแววตา
“พรุ่งนี้แม่คงจะให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจของน้องออกแล้วล่ะลูก น้องเจ็บ ทรมานมามากพอแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเหนี่ยวรั้งเอาไว้ ปล่อยน้องให้ไปสบาย ไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่านี้เถอะนะ”
เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุดของผู้เป็นพ่อเป็นแม่คน นางคงกำลังรู้สึกเหมือนตกนรกในขณะที่เปล่งคำพูดเหล่านี้ออกมา มันเต็มไปด้วยความลังเล ความเสียใจ ความทุกข์ทรมาน
น้ำเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ชายหนุ่มได้ยินบ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างในจิตใจของนางออกมาหมดแล้ว และความรู้สึกนั้นก็ได้ถูกส่งต่อมาถึงเขา มันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทชัดเจนจนกระทั่งตอนนี้
เขาเปิดกล่องกำมะหยี่ แหวนทองเรืองรองส่องประกายสดใสอยู่ภายใน คงจะดีหากอนาคตของเขาและเธอจะงดงามเช่นนี้
แต่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว
............................
เป็นการเดินทางที่ชายหนุ่มไม่อยากให้ถึงจุดหมาย เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้สึกหงุดหงิดกับสภาพการจราจร ตรงกันข้าม เขาอยากให้เวลายืดยาวออกไป เพราะมันทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะยังไม่จบสิ้น ความหวังจะยังมี เขายังสามารถเจอเธอได้ทุกครั้งที่ต้องการ
แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นอย่างนั้น สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางแห่งการพลัดพราก
เตียงนอนสีขาวสะอาดในโรงพยาบาล หญิงสาวคนรักนอนหลับใหลนิ่งอยู่บนนั้น เธอไม่แสดงอาการรับรู้ต่อสิ่งรอบกายใดๆ อีกแล้ว ร่างกายผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูก ผิวที่เคยเปล่งปลั่งที่บัดนี้ซีดเผือดลงบ่งบอกถึงขีดสุดของสภาพร่างกายของเธอ
พ่อและแม่ของเธอหันมองมา ดวงตาแดงหม่นคงผ่านการร้องไห้มาตลอดทั้งคืน ท่านทั้งคู่เดินออกมาจับมือและไหล่ของชายหนุ่มเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจก่อนจะเดินออกไปเพื่อปล่อยให้เขาได้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายบอกลาหญิงคนรัก
เขานั่งลงข้างกายเธอที่ปราศจากการตอบสนอง ดวงตาหม่นจ้องใบหน้าซีดเซียวนิ่ง โลกทั้งใบเหลือเพียงเขา เธอ และความเงียบสงัด เขาล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบแหวนสีทองแวววาวออกมาจากกล่องกำมะหยี่
และฉับพลันนั้นเอง จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนกับมีกระแสลมพัดกรรโชกผ่านร่างกายไป มโนภาพหนึ่งผุดแทรกขึ้นมาในหัวสมอง
มันเป็นช่วงเวลาที่ถอยย้อนออกไปไกลกว่าความฝันช่วงรุ่งสางที่ผ่านมา หญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์ในครั้งนี้เช่นเดิม
แรงอธิษฐาน
ชายหนุ่มตื่นจากห้วงนิทรามาสักพักหนึ่งแล้ว แต่เขายังคงหลับตานอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงนุ่ม ภาพต่างๆ ยังคงถูกฉายซ้ำอยู่ภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท
อีกหนึ่งคืนแล้วสินะ กับความฝันแบบนี้ มันดูเหมือนจริงมากจนเขาเองยังรู้สึกแปลกใจ
ในนั้นเขาเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเรื่อยเปื่อยไปตามบาทวิถี บรรยากาศสองข้างทางดูแปลกตาแต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับมัน และในชั่วขณะหนึ่ง หญิงแปลกหน้าก็เดินสวนทางไป
เชื่องช้า เนิ่นนาน จนเกินกว่าจะเป็นเพียงการเดินสวนทางกันธรรมดา แต่ทว่านอกจากเขาแล้ว ทั้งคู่ในภาพฝันนั้นกลับไม่ได้แสดงอาการรับรู้ถึงช่วงเวลาพิเศษนั้น คู่ชายหญิงไม่มีทีท่าแม้แต่จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน
แม้จะเป็นเพียงความฝันสั้นๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรเลย แต่มันกลับดูสมจริงเสียจนทำให้ชายหนุ่มหวั่นไหว เขาไม่แน่ใจเมื่อแรกตื่นว่าชั่วขณะไหนกันแน่ที่เขากำลังฝันและชั่วขณะไหนกันแน่ที่คือเรื่องจริง
จุดเริ่มต้นของความฝันอันแปลกประหลาดเกิดขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่มได้รับรู้ข่าวร้ายที่สุดในชีวิต
เขาและเธอตกลงปลงใจว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน โลกทั้งโลกกำลังเป็นสีชมพู ดอกไม้กำลังผลิบานในทุกย่างก้าวที่ทั้งคู่เดินผ่าน แต่เพียงฉับพลันนั้นโลกทั้งโลกตรงหน้าก็เปลี่ยนไป
หญิงสาวอันเป็นที่รักถูกโรคร้ายคุกคามอยากหนักในระยะเวลาอันรวดเร็วเกินกว่าใครจะทันตั้งตัว และเพียงไม่นานเธอก็ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและหายใจผ่านทางเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น
และตั้งแต่นั้นมาชายหนุ่มก็ฝัน
ภาพฝันที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่มันกลับแฝงอะไรบางอย่างในนั้น เหตุการณ์และบุคคลที่ดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยในภาพฝันแต่ละคืน หากทว่าเขากลับรู้สึกถึงความเกี่ยวพันกันอย่างแปลกประหลาด
ทุกครั้งที่เขาฝัน ถึงแม้จะต่างสถานที่ ต่างช่วงเวลา หรือแม้แต่ต่างยุคสมัย แต่ก็ดูเหมือนจะมีสิ่งๆ หนึ่งที่เป็นเหมือนศูนย์รวมของความฝันทั้งหมด ทุกความฝันของเขาล้วนมีคู่ชายหญิงแปลกหน้าเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์
แม้จะคิดอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มและหญิงสาวแปลกหน้าเองก็กลับมีหน้าตา บุคลิก และการกระทำที่แตกต่างกัน และบ่งบอกให้รู้ว่าพวกเขาทั้งคู่ในแต่ละความฝันเป็นคนละคนกัน
แต่ก็อีกนั่นล่ะที่ตัวชายหนุ่มผู้ฝันเองกลับไม่คิดอย่างนั้น มันเป็นความรู้สึกขัดแย้งในตัวเองเพราะในใจกลับบอกว่าพวกเขาในความฝันมีอะไรบางอย่างที่โยงใยถึงกัน และที่สำคัญอะไรบางอย่างนั้นก็ใกล้ชิดกับตัวของเขาเองมากๆ ด้วย
เขายังหลับตาอยู่บนเตียงนอน พยายามประติดประต่อเชื่อมโยงเรื่องราวที่ได้เห็นทั้งหมดเข้าด้วยกันเช่นเดียวกับทุกครั้ง
ในคืนก่อนหน้านี้ เขาเห็นชายหนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวตามสมัยนิยมแบบผู้มีอันจะกินกำลังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถยนต์หรู
และในชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่งที่หญิงสาวตัดสินใจวิ่งกลับลงไปบนท้องถนนหลังจากที่เพิ่งข้ามมันมาเพียงเพื่อเก็บของที่เธอบังเอิญทำหล่นลงไปอย่างลืมตัว
ด้วยความเร็วของรถยนต์ที่ชายหนุ่มขับมาทำให้คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น ร่างของหญิงสาวหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ โลกหยุดนิ่งไปชั่ววินาทีก่อนที่ความโกลาหลและเสียงกรีดร้องจะเกิดขึ้น
ทุกอย่างดับมืดไป
และความฝันในหลายคืนก่อน ชายหนุ่มคนหนึ่งหมายมั่นจะขอหญิงสาวคนรักแต่งงานในวันนั้น ด้วยความตื่นเต้นปีติ เขาลืมตัวจนถึงกับกำวงแหวนสีทองซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักไว้ในอุ้งมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ
หัวใจพองโต รอยยิ้มเบิกบาน ชายหนุ่มคาดหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่สามารถเปลี่ยนชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาไปตลอดกาลจากหญิงสาวคนรักในขณะที่เขาบรรจงสวมมันเข้าที่นิ้วนางของเธอ
เขามาถึงที่หมายก่อนเวลาหลายชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้สึกว่าตนเองต้องมารอนานหรือรู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย และเมื่อหญิงคนรักปรากฏตัวขึ้นที่อีกฝั่งฟากถนน ด้วยความดีใจทำให้เขาหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น
ชายหนุ่มก้าวเท้าลงไปหาเงื้อมมือมัจจุราชที่กำลังพุ่งทะยานเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ได้มอง ไม่ระแวดระวัง หรือไม่แม้แต่จะสังเกตสิ่งรอบตัวในขณะนั้นเลย
และ
ร่างของชายหนุ่มล้มลงต่อหน้าหญิงสาวคนรัก แหวนสีทองที่เขาตั้งใจจะนำมันมาให้เธอในวันนี้ปลิวหลุดออกจากมืออันไร้เรี่ยวแรง ภาพรอยยิ้มของเธอผุดขึ้นมาในความคิดสุดท้ายก่อนที่สมองจะค่อยๆ ว่างเปล่าลง
กริ๊ง...งงง
เสียงแหวนกระทบพื้นถนนแผ่วเบาเกินกว่าที่ใครจะได้ยิน หากแต่มันกลับดังเสียดไปถึงหัวใจของหญิงสาวที่เฝ้ารอชายหนุ่มอยู่ที่อีกฝั่งฝัน
ภาพฝันค่อยๆ เลื่อนลอยออกไป เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ร้องไห้ฟูมฟายอย่างคนเสียสติ
เรื่องราวในความฝันซึ่งน่าจะเป็นฝันอันแสนสุขจบลงเพียงเท่านี้
ดูจากการแต่งกาย ทรงผม และบรรยากาศแล้ว เหตุการณ์ในแต่ละความฝันดำเนินอยู่ต่างยุคต่างสมัยกัน ชายหนุ่มฝันเห็นเรื่องราวที่ดูเหมือนจะย้อนยุคกลับไปอดีตมากขึ้นเรื่อยๆ
ความฝันช่วงรุ่งสางที่ผ่านมานั้นอยู่ในยุคที่โบราณที่สุดตั้งแต่เขาเริ่มฝัน
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่เห็นในความฝันแต่ละครั้งมีอะไรบางอย่างที่เป็นจุดเชื่อมทุกความฝันเข้าด้วยกัน แต่มันคืออะไรกันแน่ ความฝันทั้งหมดต้องการจะบอกอะไรกับเขา
บางครั้งเขารู้สึกเหมือนจะรู้เรื่องราวเหล่านั้นเป็นอย่างดีเหมือนกับภาพต่างๆ มันไหลออกมาจากหัวสมอง แต่พอลองพยายามมองดูภาพเหล่านั้นชัดๆ เขากลับไม่เห็นอะไรอยู่ในนั้น
ในความฝันที่ดูแสนจะธรรมดานี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น มองดูนาฬิกาก่อนจะยันกายลุกขึ้นจากที่นอน เหลียวไปมองกล่องกำมะหยี่สีแดงที่หัวเตียง เอื้อมมือไปหยิบมันมาไว้กับตัว อารมณ์วูบไหวปรากฏขึ้นวูบหนึ่งในแววตา
“พรุ่งนี้แม่คงจะให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจของน้องออกแล้วล่ะลูก น้องเจ็บ ทรมานมามากพอแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเหนี่ยวรั้งเอาไว้ ปล่อยน้องให้ไปสบาย ไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่านี้เถอะนะ”
เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุดของผู้เป็นพ่อเป็นแม่คน นางคงกำลังรู้สึกเหมือนตกนรกในขณะที่เปล่งคำพูดเหล่านี้ออกมา มันเต็มไปด้วยความลังเล ความเสียใจ ความทุกข์ทรมาน
น้ำเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ชายหนุ่มได้ยินบ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างในจิตใจของนางออกมาหมดแล้ว และความรู้สึกนั้นก็ได้ถูกส่งต่อมาถึงเขา มันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทชัดเจนจนกระทั่งตอนนี้
เขาเปิดกล่องกำมะหยี่ แหวนทองเรืองรองส่องประกายสดใสอยู่ภายใน คงจะดีหากอนาคตของเขาและเธอจะงดงามเช่นนี้
แต่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว
............................
เป็นการเดินทางที่ชายหนุ่มไม่อยากให้ถึงจุดหมาย เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้สึกหงุดหงิดกับสภาพการจราจร ตรงกันข้าม เขาอยากให้เวลายืดยาวออกไป เพราะมันทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะยังไม่จบสิ้น ความหวังจะยังมี เขายังสามารถเจอเธอได้ทุกครั้งที่ต้องการ
แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นอย่างนั้น สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางแห่งการพลัดพราก
เตียงนอนสีขาวสะอาดในโรงพยาบาล หญิงสาวคนรักนอนหลับใหลนิ่งอยู่บนนั้น เธอไม่แสดงอาการรับรู้ต่อสิ่งรอบกายใดๆ อีกแล้ว ร่างกายผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูก ผิวที่เคยเปล่งปลั่งที่บัดนี้ซีดเผือดลงบ่งบอกถึงขีดสุดของสภาพร่างกายของเธอ
พ่อและแม่ของเธอหันมองมา ดวงตาแดงหม่นคงผ่านการร้องไห้มาตลอดทั้งคืน ท่านทั้งคู่เดินออกมาจับมือและไหล่ของชายหนุ่มเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจก่อนจะเดินออกไปเพื่อปล่อยให้เขาได้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายบอกลาหญิงคนรัก
เขานั่งลงข้างกายเธอที่ปราศจากการตอบสนอง ดวงตาหม่นจ้องใบหน้าซีดเซียวนิ่ง โลกทั้งใบเหลือเพียงเขา เธอ และความเงียบสงัด เขาล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบแหวนสีทองแวววาวออกมาจากกล่องกำมะหยี่
และฉับพลันนั้นเอง จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนกับมีกระแสลมพัดกรรโชกผ่านร่างกายไป มโนภาพหนึ่งผุดแทรกขึ้นมาในหัวสมอง
มันเป็นช่วงเวลาที่ถอยย้อนออกไปไกลกว่าความฝันช่วงรุ่งสางที่ผ่านมา หญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์ในครั้งนี้เช่นเดิม