เรื่องสั้น: เก้าอี้หมายเลข ๑๖ กับคนแปลกหน้า (๓)

ตอนที่ ๑ http://ppantip.com/topic/34445696
ตอนที่ ๒ http://ppantip.com/topic/34449977

๓/๓

       ชายหนุ่มกลับมาทำหน้าที่เฝ้าไข้ต่อในตอนค่ำ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเปิดประตูมาพบกับความว่างเปล่า คนป่วยของเขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อารามตกใจ และกลัวว่ากรรณาจะหนีออกจากโรงพยาบาลเขารีบหมุนตัวกลับเพื่อวิ่งไปถามหากับพยาบาลประจำหวอด แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกเสียก่อน

       ภาคินชะโงกหน้ากลับเข้ามามองในห้องอีกครั้งแล้วเห็นว่าคนป่วยเพิ่งเดินลากสายน้ำเกลือออกมาจากห้องน้ำ เขายิ้มขำตัวเองก่อนจะรีบเข้าไปช่วยหญิงสาวให้กลับมายังเตียงคนไข้ได้สะดวก

       “ขอนั่งที่เก้าอี้ก่อนค่ะ อยู่บนเตียงมาทั้งวันแล้ว” ชายหนุ่มไม่ขัด เห็นด้วยว่าควรจะได้เปลี่ยนอิริยาบทบ้าง เขาจึงช่วยประคองหญิงสาวไปนั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างประตูระเบียง

       “กินข้าวกินยาหรือยัง ผมซื้อข้าวต้มมาฝากด้วย แล้วก็มีขนมกับผลไม้” ภาคินเดินไปจัดแจงกับข้าวของที่ซื้อกลับมาที่เผลอโยนส่ง ๆ ไว้บนโซฟา

       “เรียบร้อยแล้วค่ะ พยาบาลช่วยดูแลให้ คุณใหญ่วางของก่อนเถอะค่ะ แล้วช่วยหยิบกระเป๋าให้กรรณ์ที”

       หญิงสาวไหว้วานและคนเฝ้าไข้ของเธอก็ไม่รอช้าที่จะช่วยจัดการให้ทันที กรรณาค้นหาข้าวของที่อัดแน่นมาในกระเป๋าใบไม่ใหญ่นัก ก่อนจะได้ของสองสามอย่างที่ต้องการ ขณะที่ภาคินลงมานั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกตัว

       กรรณาเปิดถุงกำมะหยี่สีดำเพื่อนำของออกมาสองชิ้น เป็นสร้อยคอทองคำ 1 เส้นและแหวนทองวงเล็กอีกหนึ่งวง จากนั้นจึงเปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อนำเงินสดออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ภาคินมองของทั้งหมดนั้นด้วยความเข้าใจ

       “ฉันมีติดตัวมาเท่านี้เองค่ะ แต่คิดว่าน่าจะพอใช้หนี้คุณได้” ชายหนุ่มประเมินด้วยสายตาแล้วเห็นด้วยว่าน่าจะพอดีกับจำนวนเงินที่โอนไป เขาหยิบแหวนวงเล็กขึ้นมาดู มันเป็นแหวนเก่ามีนามสกุลอยู่ที่ด้านบนของแหวน เขาจำได้ว่าเป็นนามสกุลของกรรณา ภาคินลองสวมที่นิ้วก้อยของตัวเองแต่มันเข้ามาได้เพียงแค่ปลายนิ้ว เขาจึงสวมมันเข้าไปที่นิ้วก้อยของกรรณาที่วางพาดอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเขาแทน

       “แหวนนามสกุลขายไปเสียดายแย่คุณเก็บไว้เถอะนะ ส่วนเงินสด ผมว่าคุณอาจจำเป็นต้องใช้ เก็บไว้ก่อนดีกว่า” พูดจบเจ้าหนี้ก็เลือกหยิบสร้องทองหย่อนใส่กระเป๋าเสื้อ

       “นั่นมันแค่ครึ่งนึงของที่ฉันเป็นหนี้คุณเองนะ”

       “เอาไว้กลับกรุงเทพฯ แล้วค่อยทยอยใช้ก็ได้ ผมไม่คิดดอก” ภาคินจบการเจรจาเรื่องหนี้สินด้วยการลุกขึ้นช่วยเก็บข้าวของที่กรรณารื้อออกมาใส่กลับเข้าไปในกระเป๋า ด้วยความไม่ระวังเขาทำสมุดโน้ตเล่มใหญ่ตกลงพื้นและมันกางออกเผยให้เห็นภาพสเก็ตช์ด้วยดินสอแบบหยาบ ๆ แต่บ่งบอกว่าคนวาดค่อนข้างมีฝีมือดีทีเดียว ชายหนุ่มหยิบขึ้นดู และถือวิสาสะเปิดดูหน้าอื่นด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่