รู้เขารู้เรา .... รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เมื่อตัดสินใจได้เรียบร้อยแล้ว ศิลาก็เริ่มต้นสำรวจ .... โดยการย้อนกลับไปบ้านเดิมอีกครั้ง ความหลังที่นึกถึงไม่โสภาซักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงมันก็ต้องมีจุดเริ่มต้น แล้วก็เหมือนฟ้าเปิดทางให้เขาได้แก้แค้น บทสนทนาที่หน้าบ้านระหว่างสาวิตต์ และ มินตา ทำให้เข้าเกิดไอเดีย ว่าเกมการเอาคืนควรจะเริ่มที่จุดไหน เด็กชายเด็กหญิงคู่นั้น เขายังจำได้ไม่ลืม วาจาร้ายกาจ การกระทำกลั่นแกล้งสาระพัดเมื่อวันวาน ยังคิดอยู่ห้วงคิดจนวันนี้ แต่แม้จะพอเห็นเส้นทางเดินแผนต่อราง ๆ รถคันงามก็ยังคงจอดนิ่งไม่ไปไหน เพราะ สายตาของศิลาจับจ้องหญิงสาวร่างเล็ก ที่กำลังส่ายหน้าเบื่อหน่ายกับนัดหมายเอาแต่ใจของเพื่อนบ้านรุ่นพี่
แสงแดดเริ่มแรงกล้าขึ้น .... จะสายอีกแล้วกระมัง มินตาคิดก่อนสาวเท้าเดินขึ้นรถคันเก่าที่เมื่อครู่เจ้าตัวแล่นลงมาหมายใจอธิบายธุระของตนกับคนเอาแต่ใจให้รู้เรื่อง หากก็เหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน กับเพื่อนบ้าน หรือ กับคนอื่น คนที่โอนอ่อนตามใจก็กลายเป็นเธอเสมอนี่นะ เหมือนกับที่บอกกับผู้เป็นพ่อเมื่อเช้าว่า " มินชินแล้ว " ชินในความโอนอ่อนและยินยอมในทุกทาง และ ทุกเรื่อง
ไม่นานเท่าไหร่ ห้วงคิดของมินตาก็สะดุดลง เสียงแตรจากรถคันหรูเป็นจังหวะสั้น ๆ อย่างคนใจร้อนจึงดังขึ้น .... เขารู้ว่าเธอจะต้องหันมา และ เขาก็รู้ด้วยว่าคงจะต้องมีการต่อปากต่อคำเป็นแม่นมั่น ไม่รู้เพราะอะไร .... เขาควรจะขับรถออกไป แต่กลายเป็นกดแตรเรียก ให้ยัยตัวยุ่งก้าวเท้าไว ๆ เดินเข้ามาหา เมื่อเจอกันคราวแรก .... เขาตกใจ ใช่ ตกใจที่ยังมีคนจำตัวคนที่เขาจงใจกลบฝังให้มิดเม้น เพราะแบบนั้นเขาจึงตอกหน้าเธอกลับไปว่าเขา "ไม่ใช่" ใครที่เธอรู้จัก ด้วยความโกรธ ด้วยความกลัว ด้วยความชิงชังคับแค้น กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเยาว์
หากบัดนี้ศิลาดูเหมือนจะลืม ๆ อารมณ์นั้นไปแล้ว บทสนทนาด้วยความเจ็บช้ำและเคียดขึ้งในตอนแรก ที่บอกว่ามินตา "มโน" ทำมาสร้างเรื่องว่าเป็นคนใกล้ชิด กลับกลายเป็นหัวข้อที่หยอกเย้าคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยวปนเอ็นดูนิด ๆ หญิงสาวร่างเล็กบอบบางพยายามขู่ฟ่อ ๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นหนูร้องจี๊ด ๆ เสียแบบนั้น ทีท่ากริ่งเกรงและใบหน้าเหยเกของมินตา ทำให้ศิลาขบขันไม่น้อย ภายใต้บทสนทนาต้อนหน้าต้อนหลังไม่กี่คำ เขารู้ทั้งบ้าน ทั้งออฟฟิศ ทั้งอาชีพ สีหน้าของศิลายังเรียบเฉยอย่างที่เคยเป็น แต่สิ่งที่ปิดไม่มิด คือ แววตาที่แพรวพรายด้วยรอยยิ้ม ยามเจ้าตัวยัดเงิน 100 บาทกลับใส่มือสาวเจ้า " เก็บเงินของคุณเอาไว้เถอะ หนี้ระหว่างเรายังเหลืออีกเยอะ " แปลว่าอะไรน่ะหรือ .... ระหว่างคุณกับผม อย่าหวังจะตัดจบเสียให้ยาก ศิลาเกือบจะมีรอยยิ้มแต่งแต้มริมฝีปาก เมื่อนัดหมายให้ลักษมีเดินทางไปตามนัดในวันนี้
วัน เวลา สถานที่เดียวกันกับที่ยัยตัวยุ่งต้องไปเจอคนเอาแต่ใจนั่นแหละ
แผนที่วางไว้คร่าว ๆ เรียบร้อยสะดวกโยธิน ทั้งนกต่อ ... ทั้งแฟนเรียกร้องความสนใจ มีในหัวพร้อมพรัก จะมาสะกิดใจอยู่นิด ตรงความเหนื่อยหน่ายของคนที่ยอมเขาอยู่ร่ำไปอย่างมินตา อย่างไม่รู้ตัว และ ไม่มีเหตุผล .... อีกแล้ว เสียงแตรเป็นจังหวะสั้น ๆ ดังขึ้นอีกครั้งในรอบวัน ทำเอาคนที่รีบเดินจนขาแทบขวิดเสียจังหวะ แต่ก็อีก ... รู้ทั้งรู้ว่าโดนแกล้ว รู้ทั้งรู้ว่าโดนกวนประสาทแต่ก็ดูเหมือนว่ามินตาจะทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นปอดแปดไปตามเรื่อง แต่แล้วยามที่หญิงสาวเรียกวินมอเตอร์ไซด์ไปส่งที่ออฟฟิศ กลับมีใครบางคนเปย์ให้สไตล์ริช ๆ แถมยังเรียกรถมาเกยต่อหน้าเธออีกแน่ะ สิ่งนี้เรียกว่าอะไร ... สำหรับมินตา หญิงสาวคงสัมผัสได้ว่ามันคือน้ำใจ แม้จะคลางแคลงในความเป็นไปเป็นมาหลายอย่างก็ตาม
แล้วสำหรับ "ศิลา" ล่ะ เชื่อว่าเจ้าตัวเองก็ยังคงบอกว่าไม่ได้ว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่ " กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา " หลักการเขาว่าไว้ การให้ ... แสดงถึงน้ำใจ และ อีกนัยมันแสดงถึงความสำคัญของคนรับ ให้เยอะไป ให้น้อยไป สักแต่ว่าให้ แบบนี้คือการให้ที่ไม่คิดมาก แต่การให้แบบที่พอดี พอเหมาะกับคนรับ เป็นเรื่องยาก และ เป็นเรื่องที่ต้องประมวลผลความคิด สำหรับศิลาคิดว่า ... สิ่งที่เกิดขึ้นคืออย่างหลัง เพราะคนรับมีความสำคัญ ถึงคิดว่าควรจะให้อะไร มินตายังไม่สนิทใจกับเขา เขารู้ เธอแอบกลัวเขาอยู่บ้าง นี่เขาก็รู้ เขากวนประสาทเธอประมาณนึงจนทำเธอหัวเสีย เขาก็รู้ ตอนนี้มินตาคงไม่อยากอยู่ใกล้เขานักหรอก สิ่งที่เขาให้จึงเป็นระยะห่างไม่ให้ต้องเสียเส้นกับเขาเกินกว่าที่ควร แต่ก็แสดงน้ำใจให้เธอไปถึงที่หมายที่อยู่ใกล้ ๆ โดยสะดวก และ ปลอดภัย
เกมการแก้แค้นของศิลากำลังเดินหน้า
แต่ที่ศิลาไม่สังเกตก็คงเป็นเรื่องที่ว่า
เกมหัวใจก็เดินหน้าไปแล้วเช่นกัน
หัวใจศิลา (กึ่งรีวิว) : Game On
แสงแดดเริ่มแรงกล้าขึ้น .... จะสายอีกแล้วกระมัง มินตาคิดก่อนสาวเท้าเดินขึ้นรถคันเก่าที่เมื่อครู่เจ้าตัวแล่นลงมาหมายใจอธิบายธุระของตนกับคนเอาแต่ใจให้รู้เรื่อง หากก็เหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน กับเพื่อนบ้าน หรือ กับคนอื่น คนที่โอนอ่อนตามใจก็กลายเป็นเธอเสมอนี่นะ เหมือนกับที่บอกกับผู้เป็นพ่อเมื่อเช้าว่า " มินชินแล้ว " ชินในความโอนอ่อนและยินยอมในทุกทาง และ ทุกเรื่อง
ไม่นานเท่าไหร่ ห้วงคิดของมินตาก็สะดุดลง เสียงแตรจากรถคันหรูเป็นจังหวะสั้น ๆ อย่างคนใจร้อนจึงดังขึ้น .... เขารู้ว่าเธอจะต้องหันมา และ เขาก็รู้ด้วยว่าคงจะต้องมีการต่อปากต่อคำเป็นแม่นมั่น ไม่รู้เพราะอะไร .... เขาควรจะขับรถออกไป แต่กลายเป็นกดแตรเรียก ให้ยัยตัวยุ่งก้าวเท้าไว ๆ เดินเข้ามาหา เมื่อเจอกันคราวแรก .... เขาตกใจ ใช่ ตกใจที่ยังมีคนจำตัวคนที่เขาจงใจกลบฝังให้มิดเม้น เพราะแบบนั้นเขาจึงตอกหน้าเธอกลับไปว่าเขา "ไม่ใช่" ใครที่เธอรู้จัก ด้วยความโกรธ ด้วยความกลัว ด้วยความชิงชังคับแค้น กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเยาว์
หากบัดนี้ศิลาดูเหมือนจะลืม ๆ อารมณ์นั้นไปแล้ว บทสนทนาด้วยความเจ็บช้ำและเคียดขึ้งในตอนแรก ที่บอกว่ามินตา "มโน" ทำมาสร้างเรื่องว่าเป็นคนใกล้ชิด กลับกลายเป็นหัวข้อที่หยอกเย้าคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยวปนเอ็นดูนิด ๆ หญิงสาวร่างเล็กบอบบางพยายามขู่ฟ่อ ๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นหนูร้องจี๊ด ๆ เสียแบบนั้น ทีท่ากริ่งเกรงและใบหน้าเหยเกของมินตา ทำให้ศิลาขบขันไม่น้อย ภายใต้บทสนทนาต้อนหน้าต้อนหลังไม่กี่คำ เขารู้ทั้งบ้าน ทั้งออฟฟิศ ทั้งอาชีพ สีหน้าของศิลายังเรียบเฉยอย่างที่เคยเป็น แต่สิ่งที่ปิดไม่มิด คือ แววตาที่แพรวพรายด้วยรอยยิ้ม ยามเจ้าตัวยัดเงิน 100 บาทกลับใส่มือสาวเจ้า " เก็บเงินของคุณเอาไว้เถอะ หนี้ระหว่างเรายังเหลืออีกเยอะ " แปลว่าอะไรน่ะหรือ .... ระหว่างคุณกับผม อย่าหวังจะตัดจบเสียให้ยาก ศิลาเกือบจะมีรอยยิ้มแต่งแต้มริมฝีปาก เมื่อนัดหมายให้ลักษมีเดินทางไปตามนัดในวันนี้