เมื่อแฟน ติดเชื้อHIV

สวัสดีครับ
ผมชื่อเคนะครับ นามสมติ
ปัจจุบันอาศัยและทำงานอยู่ในกรุงเทพ เข้าเรื่องเลยแล้วกันครับ
ผมเป็นเกย์ มีแฟนที่คบกันมาเกือบสองปีแล้ว ช่วงแรกที่คบกัน แฟนยังมีพฤติกรมนอกลู่นอกทาง แอบมีคนอื่นนอกจากเราอยู่ แต่ก็ตกลงกันเรียบร้อยว่าถ้ายังมีแบบนี้อีก จะเลิกเลยทันที
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ มีครั้งที่หนึ่งก็มีตามมาอีกเป็นครั้งที่สอง สาม...
เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยที่บางครั้งผมต้องยอมปิดตาข้างนึงถ้าหลักฐานมันไม่ชัดพอเลยอมไป แต่บางครั้งผมก็สู้ถ้าเจอเวลาที่มันชัด จนแฟนผมโกหกไม่ได้
ซึ่งที่ครั้งที่แฟนจนมุม เขาจะชอบป่วย ซึ่งป่วยจริงๆนะครับ ผมก็ไม่สามารถทิ้งเขาได้ ดูแลจนหาย ความรู้สึกโกรธ อยากจะเลิกต่างๆก็เริ่มจางไปแล้ว สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันต่อ
จนเมื่อครึ่งปีก่อนเขาป่วยหนักเป็นซิฟิลิส ผมก็พาไปหาหมอ รักษาตามอาการ แต่พอถึงวันนัดหมอหลังการักษาเขากลับไม่ไป เราก็เป็นห่วง จี้ให้เขาไปทุกวันจนเขาเริ่มรำคาญ ว่าให้ไปตรวจเลือด ตรวจร่างกายดู ว่าเลือดบวกมั้ย มีอะไรแทรกซ้อนอีกบ้าง ตอนนั้นไปโรงพยาบาลเอกชน ค่ารักษาแพงมากประมาณสองหมื่น เขาเลยตัดปัญหาไม่ไปรักษาต่อ จนเวลาผ่านไป ผมก็เห็นอาการเขาดีขึ้น แต่ก็ยังบอกให้ไปเช็คเลือดตลอดเขาก็ยังไม่ไป จนผ่านมาครึ่งปี อาการทรุดหนักมาก เพราะเลือดเขาเป็นบวก จริงๆเขารู้ตัวนานแล้วแต่ไม่กล้าบอกผม ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวผมจะทิ้งเขาไป แฟนผมภูมิคุ้มกันต่ำมากเหลือCD4แค่5 (ค่าปกติคนทั้วไปคือ500-1,000) โรคแทรกซ้อนที่เกิดคือปอดอักเสบ ติดเชื้อ ตอนนี้พักรักษาโรคแทรกซ้อนอยู่โรงพยาบาล เพื่อให้หายจากโรคเหล่านี้ไปก่อน
ก่อนหน้าที่จะเข้าโรงพยาบาล ผมพาแฟน กับแม่ของเขาไปตรวจที่สมาคมฟ้าสีรุ้ง เขาก็รู้ตัวดีว่ามีเชื้อ แต่ผมต้องลุ้นเพราะก่อนหน้านี้ก็มีอะไรกันแบบไม่ใส่ถุงยาง เราไม่มีอะไรกันมาเกือบสองเดือน เพราะอาการป่วยของเขา ผมกังวลใจในตอนที่ตรวจแต่พี่ๆที่สมาคมฟ้าสีรุ้งก็ช่วยพูด ให้กำลังใจเราได้เยอะ ขอบคุณมากๆครับ ผลคือเลือดผมปกติดี ไม่มีโรคติดต่ออะไร ออกมาหน้าสมาคมผมร้องไห้โฮเลย คิดถึงแม่มากๆ ตอนนั้นคิดแค่ว่าถ้าเราเป็นอะไรไปแม่จะอยู่ยังไง
แต่พอร้องไห้แม่ของแฟนกับแฟนก็มากอดเรา บอกว่าดีเล้วที่เราไม่เป็นอะไร เพราะถ้าเราเป็นด้วย คงเป็นตราบาปต่อครอบครัวเขาตลอดไป ที่นี้หลังจากพาแฟนไปรักษาตัว ผมก็กลัวหลายๆหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับโรคปอดอักเสบที่แฟนเป็นอยู่ก็ได้ความมาว่า หากเป็นปอดอักเสบก็ยากที่จะรักษาให้หาย ต้องดูการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยว่าร่างกายรับหรือต่อต้าน ผมก็จิตตกไปเลย ร้องไห้ทุกวัน คิดเเค่ว่า ยังไม่พร้อมจากกันตอนนี้ ความรักมันยังเต็มเปี่ยม ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะทำร่วมกัน อนาคตที่วาดฝันกันไว้ จะต้องจบไปแล้วหรอ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเราด้วย แม้เขาจะทำไม่ดีมาแต่เราก็ให้อภัย สงสารเขามากที่เป็นแบบนี้
พ่อกับแม่ของแฟนเลยขอให้เราไปอยู่ด้วยที่บ้านเขา เพราะหลังจากที่แฟนหายแล้วจะให้พักรักษาตัวที่บ้านของพ่อแม่เขาเลย ตัวเราก็ไม่ลังเลที่จะตกลงไปอยู่ด้วย แม้การเดินทางไปทำงานของเราจะไกลขึ้น ลำบากขึ้น เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราอยากเป็นสิ่งดีสิ่งสุดท้ายให้เขา หากต้องพรากจากกันจริงๆก็จะคิดเสียว่าชาติที่แล้วเคยไปพรากของรักเขามา ชาตินี้เขาเลยมาเอาคืน
หลังจากที่หาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยอยู่ร่วมกับเชื้อแล้วนั้น จึงได้พบว่า หากทานยาต้านตรงเวลา สม่ำเสมอ กินอาหารที่ดี สะอาด ออกกำลังกาย พักผ่อนเพียงพอก็สามารถอยู่ได้ไปจนแก่เลย เพราะวิทยาการสมัยนี้ก้าวหน้าขึ้นมาก เราก็ค่อยคลายความกังวลงได้หน่อย
จะตั้งใจดูแลเขาให้ดีที่สุด เราไม่มีทางรู้เลยว่าเขาจะไหวถึงเวลาไหน แต่เราทำใจไว้แล้วครึ่งนึง คนเราไม่จากเป็นก็จากตาย ยังไงก็ต้องจาก ความไม่แน่นอนก็คือความแน่นอน พยายามคิดปลงเพื่อที่จะได้มีสติ รู้ทันปัจจุบัน
สุดท้ายนี้ หากใครมีแฟนเพศเดียวกันหรือคู่รัก ชญ อยากให้ซื่อสัตว์ต่อกันมากๆ ให้ได้เป็นคู่รักที่อยู่ในศีล ในธรรมที่ดี คบแล้วไม่โอเคก็แค่เลิกกัน พยายามอย่านอกใจกัน เพราะสุดท้าย มีแต่เสียใจ ทั้งฝ่ายนอกใจและคนโดนนอกใจ หาเวลาพากันไปตรวจเลือดสม่ำเสมอ อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้นก็จะได้รักษาได้ทันท่วงที
จากเหตุการณ์นี้ ผมเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น รักคนรอบข้างมากขึ้น และตั้งใจว่าอยากจะศึกษาเรื่องโรคเหล่านี้ เพื่อเป็นกระบอกเสียง ให้คนตระหนักถึงโรคและช่วยเหลือให้กำลังใจผู้มีเชื้อรายใหม่ ครับ ขอกุศลผลบุญที่ได้ทำมาแล้วและกำลังจะได้ทำ บันดาลให้ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อทุกๆคนมีกำลังใจที่เข้มแข็ง ความเป็นคนของคุณไม่ได้ลดน้อยลง ใช้ชีวิตให้มีความสุขเหมือนเดิม ส่งต่อพลังความรักไปเรื่อยๆ พวกคุณต้องสู้ อยู่ต่อเพื่อคนที่รักคุณนะครับ กอดให้กำลังใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่