ห้วงคะนึง (Original 10-12-2007)

กระทู้สนทนา
ห้วงคะนึง…

...ผมลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด...

...มืดเสียจนผมไม่แน่ใจว่าผมได้ลืมตาขึ้นมาจริงหรือไม่ ผิวกายและลมหายใจสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นและชื้นแฉะรอบๆ บริเวณ...

...สายตาที่ลืมอยู่ในขณะนี้มองตรงไปด้านหน้าโดยที่ไม่อาจจับจ้องสิ่งใดได้...

ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่ผมนอนอยู่อย่างนั้น...ผมค่อยๆ ใช้มือและแขนอันปวดเมื่อยยันร่างกายที่อ่อนล้าเพื่อที่จะลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ท่ามกลางสมองมึนงง

...ที่นี่ที่ไหน...

รอบๆ ตัวในระยะที่สายตามองเห็น ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็ล้วนมีแต่ความมืดมิดที่ไม่อาจแยกแยะทิศทางได้

ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ไม่แสดงการไหวติงใดๆ แม้แต่น้อย

...ไม่มีเสียงเดิน...ไม่มีเสียงตกกระทบ...ไม่มีเสียงสิ่งใดๆ เคลื่อนไหว...ไม่มีเสียงลมพัด...

และ...ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจของสิ่งอื่นใด

ผมยืนนิ่งอย่างสับสน...ทำอะไรไม่ถูก

...ผมควรจะเริ่มทำอะไร...จากตรงไหน...

ตอนนี้...แม้แต่ที่ๆ ยืนอยู่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไรด้วยซ้ำ

...ผมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...

ผมรวบรวมสติและตัดสินใจเดินสะเปะสะปะไปในความมืดโดยมีมือทั้งสองข้างปัดแกว่งคลำทางอยู่ด้านหน้าอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้

ความมืดมิดอันเวิ้งว้างที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดรอบๆ ตัวยังคงโอบคลุมผม ไม่ว่าจะก้าวไปทางใดก็ไม่อาจหลุดพ้นจากมัน

...ทุกย่างก้าวไม่อาจรับรู้ได้ว่าจะย่ำลงสู่พื้นเมื่อใด...

ผมพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อะไรที่ทำให้ผมมาอยู่ในที่แห่งนี้ ที่ซึ่งผมเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าคือที่ใด

...ที่ๆ แม้แต่แสงก็ไม่อาจส่องถึงได้แห่งนี้...

...เกิดอะไรขึ้นกับผม...อะไร...ที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่...ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น...

...ก่อนหน้านี้...

อาการปวดหัวเกิดขึ้นในทันทีที่ผมพยายามจะนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น

...ผมยังคงเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมายและเป้าหมาย...

...จุดหมาย...เป้าหมาย...อย่างนั้นรึ...

สองคำนี้...ดูเหมือนจะเป็นคำที่ผมไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย...ทำไม...ผมรู้สึกว่ามันช่างห่างไกลกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่อย่างมาก

..................

ผมคิดว่าเป็นระยะทางพอสมควรแล้วที่ผมเริ่มเดินออกมาจากจุดเริ่มต้น

...ไม่มีทางออก...

อาการรับรู้หลังจากผ่านการเดินเท้ามาระยะเวลาหนึ่งบอกผมอย่างนั้น และนั่นส่งผลให้จังหวะก้าวของผมช้าลงเป็นลำดับ

...ผมต้องนึกให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้น...นั่นอาจจะเป็นทางเดียวที่จะไขทุกอย่างให้กระจ่างและเป็นกุญแจไปสู่ทางออกจากสถานที่อันมืดมิดและเงียบเชียบแห่งนี้...

พลังความคิดถูกนำมาใช้แทนพลังกาย...เส้นเลือดบริเวณขมับบีบรัดและคลายเป็นจังหวะตามการพยายามใช้ความคิด

...อะไร...

จังหวะก้าวเท้าช้าลงอีก

..................

เหมือนทำนบกั้นน้ำแตก...นานเท่าใดก็ไม่อาจรู้ได้ที่พลังความคิดถูกใช้ออกไป...ภาพแห่งความทรงจำภาพแล้วภาพเล่าค่อยๆ ไหลพรั่งพรูออกจากสมอง

...ความล้มเหลวในชีวิต...

...ความผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วน...

...ความท้อแท้ที่กัดกินหัวใจ...

...การลาจากอันแสนเศร้า...

...ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก...

...การดำเนินชีวิตอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย...

...เป้าหมายในชีวิตอันเลือนรางจนไม่อาจมองเห็นเป็นรูปร่างได้...

...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

จังหวะก้าวช้าลงเรื่อยๆ สวนทางกับความทรงจำที่หลั่งไหลออกมา

แรงกดดันมหาศาลถาโถมเข้าสู่จิตใจอันอ่อนล้าและไหล่ทั้งสองข้างจนหนักหน่วง

ผมไม่อาจจะก้าวเท้าหรือแม้แต่จะพยุงร่างกายให้ยืนอยู่ได้อีกต่อไป

...ร่างกายทรุดลง...ก้มหน้า...น้ำตาไหล...

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ผมไม่อาจดำรงอยู่ได้อีกต่อไป

สถานที่มืดมิด หนาวเหน็บ และไร้ซึ่งแสงสว่างแห่งนี้ แท้จริงคือโลกภายในจิตใจของผม

...โลกที่ปิดกั้นผมจากความบอบช้ำภายนอกมาตลอด...

...ผมเป็นผู้แพ้ในโลกแห่งความเป็นจริง...

ด้านหน้าของผมบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นทุ่งกว้างที่เขียวขจี ดวงอาทิตย์กลมโตลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าใสกระจ่างคอยส่องแสงทองสดใสลงมาอาบท้องทุ่งทั่วทั้งบริเวณ ลมเอื่อยเย็นสบายพัดพาดอกหญ้าลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ที่ปลายทุ่งตัดกับขอบฟ้ามีไม้ยืนต้นตระหง่านทอดร่มเงาคอยผู้ที่จะมาหลบพักกายและใจ

ผมยันกายขึ้นยืนอีกครั้ง...และ...มองกลับไปยังความมืดมิดด้านหลัง...

ตึกรามบ้านช่อง อาคารสูงตระหง่าน การจราจรคับคั่ง ความเร่งรีบสับสน การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น

...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผลักดันให้ผมจมลงสู่ความมืดมิด...

ผมหันกลับไปยังแสงสว่างอันอบอุ่นในทุ่งกว้าง...และ...เริ่มก้าวเดินอย่างช้าๆ ด้วยใจสงบและเป็นสุข

ที่แห่งนี้เป็นที่ๆ ผมจะมีความสุขตลอดไป...โลกที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ภายนอก...ไม่มีการแก่งแย่งใดๆ...โลกที่เป็นนิรันดร์

...โลกในห้วงคะนึงของผม...

ณ เตียงนอนในโรงพยาบาล คนไข้คนหนึ่งดวงตาเหม่อลอยไม่จับจ้องหรือแสดงอาการรับรู้ต่อสิ่งเร้ารอบกายใดๆ...อีกต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่