JJNY : ธนาธร แจงยิบทุกกรณี อนค.ถูกจ้องทำลาย ปลุก‘ฟ้า’หยุดยั้งสืบทอดอำนาจฯ/บ.จัดหางาน คาดปี 2562 คนตกงานเพิ่ม 4 แสนคนฯ

ธนาธร แจงยิบทุกกรณี อนาคตใหม่ถูกจ้องทำลาย ปลุก‘ฟ้า’หยุดยั้งสืบทอดอำนาจ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_2275482

‘ธนาธร’ฟ้องโซเชี่ยล อนาคตใหม่ ถูกจ้องทำลาย แจงยิบทุกกรณี อย่าหวั่นไหว ขอจับมือกันให้แน่น ร่วมหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ

อนาคตใหม่ – เมื่อวันที่ 5 มี.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.)
โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่า ขณะนี้มีความพยายามจะทำลายตนและพรรคเกิดขึ้นต่อเนื่อง  ด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดและเกิดความเกลียดชัง ที่ผ่านมาพยายามไม่ตอบโต้กลับ เพราะชาวอนาคตใหม่กำลังทำภารกิจสำคัญด้วยกัน จึงขอให้เราหนักแน่น อย่าหวั่นไหวกับข่าวที่มุ่งทำลาย การเดินทางเพื่อเปลี่ยนแปลงยังอีกไกล

ขอให้จับมือกันให้แน่นและแสดงให้เห็นว่าอุดมการณ์ของพวกเราแข็งแกร่งกว่าที่หลายคนคิด จะไม่ถูกทำลายด้วยการเมืองเก่าสกปรกเช่นนี้


อนาคตใหม่ คือกุญแจดอกสำคัญ คือตัวแปรสำคัญที่จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ[เผล่ะจัง]
ความรุนแรงและความถี่ในการโจมตีตนและพรรคอนาคตใหม่อย่างเป็นระบบ
แสดงให้เห็นถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ[เผล่ะจัง]ที่ต้องการสืบทอดอำนาจ
 
นายธนาธร ยังชี้แจงถึงกรณีที่มีความพยายามโยงตนกับคดีของนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน ผู้ถือหุ้นปิคนิค (PICNI) เดิมและบอกว่าตนอยู่ในเครือข่ายอุปถัมภ์เดียวกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ว่า

1. ตนไม่เคยรู้จักและไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับนายสุริยา และไม่เคยมีส่วนบริหารใดๆ กับปิคนิคเดิมเลย คดีที่เกี่ยวข้องกับนายสุริยา
เกิดขึ้นนานนับสิบปีก่อนที่ตนจะเข้ามาซื้อหุ้นบางส่วนในบริษัท

2. เมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ต้องการเข้าฟื้นฟูกิจการ PICNI ด้วยการควบรวมบริษัทกับ World Gas ตนได้รับการขอร้องจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้เข้าไปช่วยซื้อหุ้นที่เพิ่มทุน เพราะทุนไม่พอต่อการปรับโครงสร้างบริษัท ตนเข้าไปลงทุนหลังคดีความของปิคนิคเดิมที่เกี่ยวข้องกับนายสุริยา หลุดจากบริษัทปิคนิคไปแล้ว

3. ตนตัดสินใจช่วยเพราะได้ put option ที่จะทำให้ตนขายคืนได้ด้วยผลตอบแทนร้อยละ 7-8 ต่อปี ตนถือหุ้นไว้ระยะเวลาหนึ่ง ก็ขายออกไปให้กับนักลงทุนอื่นบางส่วน และใช้ putoption ขายหุ้นส่วนที่เหลือคืนกลุ่มที่เสนอขายให้ตน

4. ตลอดเวลาที่ถือหุ้นอยู่ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการบริหารบริษัท หรือกระทำการใดๆ ให้บริษัทเสื่อมเสียในฐานะผู้ถือหุ้น แม้แต่ผู้ถือหุ้นคนอื่น (เช่น คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา, คุณชัชวาลย์ เจียรวนนท์, คุณวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์) ตนไม่ได้รู้จักกันส่วนตัว เท่าที่จำได้ แม้แต่การประชุมผู้ถือหุ้น ก็ไม่เคยไปด้วยตัวเองสักครั้ง ในกรณีของบริษัท วัน โอ ซี คอร์โปเรชั่น จำกัด มีความพยายามจะทำให้ประชาชนเชื่อว่า บริษัทวันโอซีที่ตนถือหุ้นอยู่ ทำกิจการโรงเลื่อยและสัมปทานค้าไม้ มีคนนำเรื่องนี้ไปโจมตีต่อว่าเป็นโรงเลื่อยเถื่อนและทำลายป่าไม้ทำให้เกิดภูเขาหัวโล้น

นายธนาธร ระบุว่า วัน โอ ซี เป็นบริษัทที่ตนเตรียมไว้ใช้ในธุรกิจส่วนตัว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้บริษัทนี้ สถานะของบริษัทนี้ตลอดมาเป็น sleeping
company ปัจจุบันบริษัทนี้อยู่ในระหว่างปิดกิจการ ธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปในภาคธุรกิจอันเกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนบริษัท มักระบุขอบเขตกิจการของบริษัทกว้างๆ ไว้ โดยมากเขียนกันเป็นมาตรฐาน เพื่อให้เมื่อประกอบกิจการแล้วขยับขยายต่อไปจะได้ไม่ต้องไปขอแก้ไขเพิ่มอันจะเสียเวลาทั้งของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประกอบการ ซึ่งเรื่องนี้คนทั่วไปที่ทำธุรกิจและสื่อมวลชนก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป

ดังนั้น การนำเอาวัตุประสงค์ของบริษัท วัน โอ ซี เพียงบางข้อในหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลมา กล่าวหาว่าตนเป็นเจ้าของโรงเลื่อยและสัมปทานค้าไม้โดยไม่มีหลักฐานอื่นใดมายืนยัน จึงเป็นการสร้างข่าวเท็จ มุ่งหวังจะสร้างความเกลียดชังในสังคม


นายธนาธร ฝากถึงองค์การสื่อของไทยว่า ในโลกที่กระแสโลกาภิวัตน์เชี่ยวกราก สื่อทุกสำนักต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ ประชาชนจากเดิมเป็นเพียงผู้เสพข่าว กลายเป็นทั้งผู้เสพ ผู้เขียน และตัวแสดงในคนๆเดียวกัน สื่อ คือตัวกลางที่เชื่อมระหว่างข่าวกับผู้เสพข่าว ตัวกลางที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีคุณภาพ หรือไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้อ่านได้ จะถูกเทคโนโลยีทำลายหายไป องค์กรสื่อทั้งหมดเผชิญกับรายได้ที่ลดลง ผลประกอบการส่วนใหญ่ขาดทุน และยังหารูปแบบการทำธุรกิจที่ทำกำไรอย่างยั่งยืนไม่ได้

“ถ้าผมเป็นผู้บริหารสื่อบางสำนัก แทนที่จะเอาเวลามาสร้างความเกลียดชังกันในหมู่ประชาชน จะนำเวลาไปพัฒนาความรู้และทักษะของคนในองค์กรเพื่อตอบสนองกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างข่าวที่มีคุณภาพกว่าคนอื่น องค์กรธุรกิจสื่อสมัยใหม่จะอยู่ได้ก็ด้วยคุณภาพ” นายธนาธร ระบุ

ยกตัวอย่างครั้งที่ตนไป World Economic Forum ที่เวียดนาม นักข่าวจาก Channel NewsAsia สำนักข่าวจากสิงคโปร์ มาสัมภาษณ์ตน เขาคนเดียวตั้งกล้องวิดีโอ, ถ่ายภาพนิ่ง, ทำประเด็น และสัมภาษณ์ด้วยตัวเองโดยมีเนื้อหาคำถามอันแหลมคม ภายใน 3 ชั่วโมงหลังสัมภาษณ์ ข่าวถูกตีพิมพ์เผยแพร่ในโลกออนไลน์ เนื้อหาถูกเขียนสรุป พร้อมบริบทการเมืองที่ไม่ได้อยู่ในการสัมภาษณ์เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจ คลิปประโยคสำคัญถูกตัดต่อให้สั้นกระชับและแนบในเนื้อข่าว ทั้งหมดทำโดยคนๆ เดียว นี่คือองค์กรสื่อสมัยใหม่ชั้นนำ

ทว่า องค์กรสื่อไทยบางองค์กรกลับเลือกวิธีที่คิดสั้น เพราะการลงทุนลงแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงมันยาก ต้องเสี่ยง เหนื่อย และใช้เวลา ทางเลือกอื่นคือหันไปรับใช้[เผล่ะจัง]เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้นโดยยอมทิ้งเสรีภาพและจรรยาบรรณสื่อในการเสนอข่าว

เมื่อสื่อบางสำนักยังเขียนถึงตนในลักษณะสร้างความเกลียดชังด้วยความเท็จเช่นนี้ ประชาชนจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข่าวที่สื่อสำนักนั้นเขียนถึงคนอื่นจะไม่มีลักษณะแบบเดียวกัน

ผมขอให้กำลังใจสื่อมวลชนทุกท่านที่ยังมีความหวังและเชื่อมั่นอยู่ว่าสื่อที่เข้มแข็งคือเสาหลักต้นหนึ่งของประชาธิปไตย ขอให้กำลังใจทุกคนที่ยืนหยัดในเกียรติภูมิของนักข่าว สำหรับผม ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนวงการสื่อไปแค่ไหน การตีแผ่ความจริงที่ผู้มีอำนาจไม่อยากให้ประชาชนรู้ หรือการเป็นปากเป็นเสียงให้แก่ผู้ที่ถูกกดขี่คุกคาม ยังเป็นสิ่งที่น่าหลงใหลและน่านับถืออยู่เสมอ” นายธนาธร ระบุ
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่