"ธนาธร"ยกบทเรียน "จีน" มีเทคโนโลยีเอง-กระจายอำนาจท้องถิ่น จนพัฒนาก้าวกระโดด
https://www.matichon.co.th/politics/news_1730875
“ธนาธร” ยกบทเรียน “จีน” พัฒนาก้าวกระโดดได้เพราะมีเทคโนโลยีของตัวเอง-กระจายอำนาจ-ตลาดภายในขนาดใหญ่ ชงพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมอาเซียนสร้าง-ขยายตลาดภายในภูมิภาค
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมวงเสวนา “
เปิดมุมมอง ปรับความคิด ความร่วมมือไทย-จีน” จัดขึ้นโดยสมาคมนักข่าวไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ 70 ปี จีนใหม่ โดยผู้ร่วมวงเสวนาประกอบไปด้วยตัวแทนจากภาคธุรกิจ นักกฎหมาย และภาคการเมือง ทั้งชาวไทยและชาวจีน
โดยเริ่มต้นได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจและการได้ไปลงทุนในประเทศจีน
ธนาธรกล่าวว่า ตลอดการทำงานที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปจีนมาแล้วมากกว่า 40 ครั้ง ครั้งแรกที่เดินทางไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจคือปี 2006 แต่โชคร้ายเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเสียก่อนจึงได้ชะลอไป จนได้กลับไปอีกครั้งในปี 2008 นับตั้งแต่ได้ไปลงทุนมาจนถึงวันนี้ บริษัทที่ตนเคยบริหารมีฐานการผลิตถึง 3 แห่ง ที่ซูโจว ฝูเจี้ยน และกวางตุ้ง ใน 3 โรงงานมีพนักงานคนไทยที่เป็นผู้บริหารโรงละ 3-5 คน ส่วนตนเองได้มีโอกาสไปปีละมาณ 4-5 ครั้ง รู้จักเจ้าหน้าที่มณฑล ลูกค้าบริษัทต่างชาติ มีพันธมิตรมากมาย เม็ดเงินลงทุนวันนี้น่าจะตกประมาณ 4 พันล้านบาท ลงทุนในสินค้าไฮเอนด์ บางตัวเป็นเทคโนโลยีที่เราไม่เคยใช้มาก่อน
ธนาธรกล่าวต่ออีกว่า บริษัทในจีนเองมีการส่งเสริมธุรกิจจากประเทศไทยหลายอย่าง การผลิตสินค้าในจีนขึ้นชื่อในเรื่อง ถูก, เร็ว, ดี หลายผลิตภัณฑ์ในช่วงเศรษฐกิจดีเรานำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 300 ล้านบาท บางสิ่งเราไม่มีเรานำเข้าจากจีน บางอย่างจีนไม่มีเราก็นำไปลงทุน ตนเห็นว่ายังมีโอกาสอีกมากที่บริษัทจีนจะมาสร้างเสริมความสัมพันกับบริษัทไทยให้ก้าวไกลได้
ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีสิ่งที่เราควรเรียนรู้จากจีนอยู่ 2-3 ข้อ ประเด็นแรก คือการก้าวข้ามจากประเทศกำลังพัฒนาหรือการก้าวพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางเป็นประเทศพัฒนาแล้ว สิ่งที่สำคัญมากคือ จะต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ถ้าเรายังไม่สามารถสร้างเทคโนโลยีในประเทศไทยได้เอง เราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านกับดักรายได้ปานกลางได้เลย
“ประเด็นต่อมา คือ ปัจจัยความสำเร็จที่คนไทยยังไม่ค่อยมองเห็น เรื่องกระจายอำนาจ แต่ละมณฑลของจีนสามารถบริหารจัดการตัวเองได้ สำนักงานใหญ่ของบริษัทต่างๆ ไม่ได้ถูกรวมศูนย์ที่ปักกิ่งอย่างเดียว หลายๆ บริษัทใหญ่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ต่างเมือง ต่างมณฑล ความเป็นอิสระของแต่ละมณฑลทำให้การพัฒนาไม่ถูกรวมศูนย์ เกิดการกระจายรายได้กระจายงานไปสู่แต่ละมณฑล ถ้าเรามองย้อนไปยังรูปแบบการพัฒนาของจีน จะเห็นว่าในช่วง 20 ปีแรกการพัฒนาถูกเน้นหนักไปทางจังหวัดชายฝั่งภาคตะวันออกเสียส่วนใหญ่ แต่ระยะหลังก็เริ่มมีการพัฒนากระจายไปสู่ทางตะวันตกเป็นหลัก นี่คือสิ่งที่ตนอยากเห็น คือการพัฒนาเอางานเอาความมั่งคั่งไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น” ธนาธรกล่าว
ธนาธรกล่าวว่า อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือบทเรียนสำหรับประเทศอาเซียน ส่วนหนึ่งที่จีนสามารถเติบโตได้ขนาดนี้ ก็เพราะจีนมีตลาดภายในที่ใหญ่มาก นโยบายอุตสาหกรรมของจีนก็สอดรับกับความต้องการ เมื่อย้อนกลับมาดูอาเซียน จะเห็นได้ว่าต่างคนต่างมีการผลิตแข่งกันเอง ไม่เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าภายใน ซึ่งตนคิดว่าในอนาคตเราจำเป็นจะต้องมีนโยบายอุตสาหกรรมในระดับอาเซียน ต้องมีการค้าภายในอาเซียนที่เยอะขึ้น ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ การเมืองระดับประเทศและกฎหมายของแต่ละประเทศจะต้องไปด้วยกัน
ธนาธรทิ้งท้ายว่า ขณะที่ตนชื่นชมในความสำเร็จของจีน แต่ตนก็มีข้อที่ต้องวิจารณ์ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าในฐานะประเทศ ไม่ว่าจะจีน รัสเซีย อินเดีย อียู สหรัฐอเมริกา ฯลฯ เราต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ การที่จีนขึ้นมามีบทบาทนำเป็นเรื่องที่น่ายินดี เราไม่สามารถเพิกเฉยกับจีนและอาเซียนได้ แต่เราจะไปฝากความหวังไว้กับเสาต้นใดต้นหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นโลกทั้งโลกควรจะยินดีการเข้ามามีบทบาทของจีน แต่ก็มีสิ่งที่จีนควรจะพัฒนาปรับปรุง นั่นคือการเติบโตของจีนต้องควบคู่ไปกับการเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบด้วย เช่น นโยบายการอุดหนุนสินค้าจีนให้ส่งออกได้อย่างเต็มที่ เรื่องนี้จีนเองก็ควรจะต้องค่อยๆ เปิดให้มีความโปร่งใส ไม่ควรอุดหนุนมากเกินไปจนทำให้ประเทศคู่ค้าเสียเปรียบ ไม่ใช่ว่าจีนไปลงทุนในประเทศอื่นได้หมด แต่มีข้อจำกัดในการเปิดให้ประเทศอื่นเข้าไปลงทุนในประเทศตนเอง ต้องแฟร์ คือปฏิบัติต่อประเทศอื่นอย่างเท่าเทียมกันด้วย
อนาคตใหม่ แนะ สิระ เอาเวลาวิ่งเต้นถอด ธนาธร ไปทำงาน หยุดกร่าง-ไร้วุฒิภาวะ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3010247
อนาคตใหม่ – วันที่ 28 ต.ค. นาย
คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์พร้อมตั้งคำถามไปยัง นาย
สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยังคงเรียกร้องให้ นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ลาออกจากตำแหน่งในกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563
นาย
คารม กล่าวว่า ตนอยากถามนาย
สิระ ว่าในเมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้แนวทางเกี่ยวกับการเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการฯ ของนาย
ธนาธรแล้ว นาย
สิระยังไม่หยุดเรียกร้องให้นาย
ธนาธรลาออก แล้วแบบนี้นาย
สิระ จะใช้แนวทางใดในการยึดปฏิบัติ
ส่วนกรณีที่เป็นห่วงว่าจะสิ้นเปลืองภาษีประชาชนที่ต้องนำมาจ่ายเบี้ยประชุมให้นาย
ธนาธรนั้น ประเด็นนี้ตนเป็นคนอ่านยังรู้สึกอาย นาย
สิระเป็นคนพูดไม่รู้สึกละอายเลยหรือ ประชาชนและสังคมทราบดีว่าใครที่อยู่ในตำแหน่งส.ส.แล้วเปลืองภาษี ประชาชนจ่ายภาษีให้นักการเมืองไร้ศักยภาพมาตลอด 5 ปี หากนาย
สิระตระหนักประเด็นนี้จริง ตนแนะนำให้ไปทำงานที่เป็นชิ้นเป็นอันจะดีกว่า
ส.ส.บัญชีรายชื่ออนาคตใหม่ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่อยากถามคือนาย
สิระกลัวนาย
ธนาธร ทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพ หรือกลัวนาย
ธนาธร เป็นอุปสรรคในการอนุมัติงบประมาณแผ่นดินที่ไม่สมเหตุสมผลกันแน่
“ผมอยากเรียกร้องให้นายสิระ สำนึกในภาษีประชาชนอย่างที่ปากพูด และหยุดพฤติกรรมไร้วุฒิภาวะแบบนี้เสียที ที่ผ่านมาประชาชนคงเห็นผลงาน ความกร่างกันดีแล้ว ควรจบประเด็นนี้ได้แล้ว และหากกลัวว่าการทำหน้าที่นายธนาธรจะเปลืองภาษีประชาชน นายสิระลาออกเลย รับรองคุ้มค่าภาษีประชาชน”
JJNY : 4in1 ธนาธรยกบทเรียนจีนมีเทคโนโลยี-กระจายอำนาจ/อนค.แนะสิระหยุดกร่าง-ไร้วุฒิภาวะ/ทนายวันชัยตอกสมชาย/สศค.หั่นgdp62
https://www.matichon.co.th/politics/news_1730875
“ธนาธร” ยกบทเรียน “จีน” พัฒนาก้าวกระโดดได้เพราะมีเทคโนโลยีของตัวเอง-กระจายอำนาจ-ตลาดภายในขนาดใหญ่ ชงพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมอาเซียนสร้าง-ขยายตลาดภายในภูมิภาค
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมวงเสวนา “เปิดมุมมอง ปรับความคิด ความร่วมมือไทย-จีน” จัดขึ้นโดยสมาคมนักข่าวไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ 70 ปี จีนใหม่ โดยผู้ร่วมวงเสวนาประกอบไปด้วยตัวแทนจากภาคธุรกิจ นักกฎหมาย และภาคการเมือง ทั้งชาวไทยและชาวจีน
โดยเริ่มต้นได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจและการได้ไปลงทุนในประเทศจีน ธนาธรกล่าวว่า ตลอดการทำงานที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปจีนมาแล้วมากกว่า 40 ครั้ง ครั้งแรกที่เดินทางไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจคือปี 2006 แต่โชคร้ายเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเสียก่อนจึงได้ชะลอไป จนได้กลับไปอีกครั้งในปี 2008 นับตั้งแต่ได้ไปลงทุนมาจนถึงวันนี้ บริษัทที่ตนเคยบริหารมีฐานการผลิตถึง 3 แห่ง ที่ซูโจว ฝูเจี้ยน และกวางตุ้ง ใน 3 โรงงานมีพนักงานคนไทยที่เป็นผู้บริหารโรงละ 3-5 คน ส่วนตนเองได้มีโอกาสไปปีละมาณ 4-5 ครั้ง รู้จักเจ้าหน้าที่มณฑล ลูกค้าบริษัทต่างชาติ มีพันธมิตรมากมาย เม็ดเงินลงทุนวันนี้น่าจะตกประมาณ 4 พันล้านบาท ลงทุนในสินค้าไฮเอนด์ บางตัวเป็นเทคโนโลยีที่เราไม่เคยใช้มาก่อน
ธนาธรกล่าวต่ออีกว่า บริษัทในจีนเองมีการส่งเสริมธุรกิจจากประเทศไทยหลายอย่าง การผลิตสินค้าในจีนขึ้นชื่อในเรื่อง ถูก, เร็ว, ดี หลายผลิตภัณฑ์ในช่วงเศรษฐกิจดีเรานำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 300 ล้านบาท บางสิ่งเราไม่มีเรานำเข้าจากจีน บางอย่างจีนไม่มีเราก็นำไปลงทุน ตนเห็นว่ายังมีโอกาสอีกมากที่บริษัทจีนจะมาสร้างเสริมความสัมพันกับบริษัทไทยให้ก้าวไกลได้
ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีสิ่งที่เราควรเรียนรู้จากจีนอยู่ 2-3 ข้อ ประเด็นแรก คือการก้าวข้ามจากประเทศกำลังพัฒนาหรือการก้าวพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางเป็นประเทศพัฒนาแล้ว สิ่งที่สำคัญมากคือ จะต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ถ้าเรายังไม่สามารถสร้างเทคโนโลยีในประเทศไทยได้เอง เราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านกับดักรายได้ปานกลางได้เลย
“ประเด็นต่อมา คือ ปัจจัยความสำเร็จที่คนไทยยังไม่ค่อยมองเห็น เรื่องกระจายอำนาจ แต่ละมณฑลของจีนสามารถบริหารจัดการตัวเองได้ สำนักงานใหญ่ของบริษัทต่างๆ ไม่ได้ถูกรวมศูนย์ที่ปักกิ่งอย่างเดียว หลายๆ บริษัทใหญ่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ต่างเมือง ต่างมณฑล ความเป็นอิสระของแต่ละมณฑลทำให้การพัฒนาไม่ถูกรวมศูนย์ เกิดการกระจายรายได้กระจายงานไปสู่แต่ละมณฑล ถ้าเรามองย้อนไปยังรูปแบบการพัฒนาของจีน จะเห็นว่าในช่วง 20 ปีแรกการพัฒนาถูกเน้นหนักไปทางจังหวัดชายฝั่งภาคตะวันออกเสียส่วนใหญ่ แต่ระยะหลังก็เริ่มมีการพัฒนากระจายไปสู่ทางตะวันตกเป็นหลัก นี่คือสิ่งที่ตนอยากเห็น คือการพัฒนาเอางานเอาความมั่งคั่งไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น” ธนาธรกล่าว
ธนาธรกล่าวว่า อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือบทเรียนสำหรับประเทศอาเซียน ส่วนหนึ่งที่จีนสามารถเติบโตได้ขนาดนี้ ก็เพราะจีนมีตลาดภายในที่ใหญ่มาก นโยบายอุตสาหกรรมของจีนก็สอดรับกับความต้องการ เมื่อย้อนกลับมาดูอาเซียน จะเห็นได้ว่าต่างคนต่างมีการผลิตแข่งกันเอง ไม่เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าภายใน ซึ่งตนคิดว่าในอนาคตเราจำเป็นจะต้องมีนโยบายอุตสาหกรรมในระดับอาเซียน ต้องมีการค้าภายในอาเซียนที่เยอะขึ้น ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ การเมืองระดับประเทศและกฎหมายของแต่ละประเทศจะต้องไปด้วยกัน
ธนาธรทิ้งท้ายว่า ขณะที่ตนชื่นชมในความสำเร็จของจีน แต่ตนก็มีข้อที่ต้องวิจารณ์ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าในฐานะประเทศ ไม่ว่าจะจีน รัสเซีย อินเดีย อียู สหรัฐอเมริกา ฯลฯ เราต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ การที่จีนขึ้นมามีบทบาทนำเป็นเรื่องที่น่ายินดี เราไม่สามารถเพิกเฉยกับจีนและอาเซียนได้ แต่เราจะไปฝากความหวังไว้กับเสาต้นใดต้นหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นโลกทั้งโลกควรจะยินดีการเข้ามามีบทบาทของจีน แต่ก็มีสิ่งที่จีนควรจะพัฒนาปรับปรุง นั่นคือการเติบโตของจีนต้องควบคู่ไปกับการเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบด้วย เช่น นโยบายการอุดหนุนสินค้าจีนให้ส่งออกได้อย่างเต็มที่ เรื่องนี้จีนเองก็ควรจะต้องค่อยๆ เปิดให้มีความโปร่งใส ไม่ควรอุดหนุนมากเกินไปจนทำให้ประเทศคู่ค้าเสียเปรียบ ไม่ใช่ว่าจีนไปลงทุนในประเทศอื่นได้หมด แต่มีข้อจำกัดในการเปิดให้ประเทศอื่นเข้าไปลงทุนในประเทศตนเอง ต้องแฟร์ คือปฏิบัติต่อประเทศอื่นอย่างเท่าเทียมกันด้วย
อนาคตใหม่ แนะ สิระ เอาเวลาวิ่งเต้นถอด ธนาธร ไปทำงาน หยุดกร่าง-ไร้วุฒิภาวะ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3010247
อนาคตใหม่ – วันที่ 28 ต.ค. นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์พร้อมตั้งคำถามไปยัง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยังคงเรียกร้องให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ลาออกจากตำแหน่งในกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563
นายคารม กล่าวว่า ตนอยากถามนายสิระ ว่าในเมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้แนวทางเกี่ยวกับการเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการฯ ของนายธนาธรแล้ว นายสิระยังไม่หยุดเรียกร้องให้นายธนาธรลาออก แล้วแบบนี้นายสิระ จะใช้แนวทางใดในการยึดปฏิบัติ
ส่วนกรณีที่เป็นห่วงว่าจะสิ้นเปลืองภาษีประชาชนที่ต้องนำมาจ่ายเบี้ยประชุมให้นายธนาธรนั้น ประเด็นนี้ตนเป็นคนอ่านยังรู้สึกอาย นายสิระเป็นคนพูดไม่รู้สึกละอายเลยหรือ ประชาชนและสังคมทราบดีว่าใครที่อยู่ในตำแหน่งส.ส.แล้วเปลืองภาษี ประชาชนจ่ายภาษีให้นักการเมืองไร้ศักยภาพมาตลอด 5 ปี หากนายสิระตระหนักประเด็นนี้จริง ตนแนะนำให้ไปทำงานที่เป็นชิ้นเป็นอันจะดีกว่า
ส.ส.บัญชีรายชื่ออนาคตใหม่ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่อยากถามคือนายสิระกลัวนายธนาธร ทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพ หรือกลัวนายธนาธร เป็นอุปสรรคในการอนุมัติงบประมาณแผ่นดินที่ไม่สมเหตุสมผลกันแน่
“ผมอยากเรียกร้องให้นายสิระ สำนึกในภาษีประชาชนอย่างที่ปากพูด และหยุดพฤติกรรมไร้วุฒิภาวะแบบนี้เสียที ที่ผ่านมาประชาชนคงเห็นผลงาน ความกร่างกันดีแล้ว ควรจบประเด็นนี้ได้แล้ว และหากกลัวว่าการทำหน้าที่นายธนาธรจะเปลืองภาษีประชาชน นายสิระลาออกเลย รับรองคุ้มค่าภาษีประชาชน”