สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้ในส่วนวันที่ 2 และ 3 ของทริปนะคะ
ซึ่งจะเป็นส่วนของ "จังหวัดสตูล"
โดยสถานที่ที่เราจะไปคือ สวนควนข้อง (สวนหม้อข้าวหม้อแกงลิง), พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า, ถ้ำเล สเตโกดอน, เขตข้ามเวลาเขาโต๊ะหงาย, โบราณสถานบ้านบ่อเจ็ดลูก, ทะเลแหวก สันหลังมังกร ผาใช้หนี้ และปราสาทหินพันยอดค่ะ
ส่วนของวันแรกที่จังหวัดสงขลาอยู่ใน Part 1
กดอ่านได้ตามลิ้งนี้จ้า
https://ppantip.com/topic/38617718
มาเข้าเรื่องกันค่ะ
>>วันที่สอง<<
วันนี้เรามีนัดรวมตัวตอน 7.45 น. ค่ะ เช้านิดนึง เพราะต้องเดินทางต่อไปสตูลค่ะ
อาหารเช้าของโรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่เริ่มตั้งแต่ 6.30 ค่ะ มีเวลาเยอะ เราลงมา 7.00 น. ก็ทันค่ะ เก็บของออกมาเลย
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายแรกของวันนี้ค่ะ
และเช่นเคยค่ะ!! อิชั้นหลับมาเกือบตลอดทาง ถ้าหย่อนลงก็คงกลับไม่ถูกเพราะจำทางไม่ได้ 55
#สวนควนข้อง สวนหม้อข้าวหม้อแกงลิง อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล
ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ระดับชุมชน และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่กำลังจะสูญพันธุ์
โดยเจ้าของได้นำต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงมาทำการเพาะขยายพันธุ์ โดยได้รวบรวมสายพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงมาไว้ที่นี่ถึง 6 สายพันธุ์
(ไม่เอ่ยชื่อสายพันธุ์ก็แล้วกันเนอะ ใครที่สนใจจริงๆ สามารถหาข้อมูลเพิ่มในเนตได้เลยจ้า)
ที่มาของชื่อสวนก็ไม่ได้มาจากไหนไกล มาจากนามสกุลของเจ้าของสวน คุณวรวิช ควนข้อง นั่นเอง
คุณวรวิชได้เล่าที่มาที่ไปของสวน ข้อมูลของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงว่ามันไม่ได้ปิดฝาเพื่อกินแมลง แต่ใช้วิธีล่อแมลงมาแล้วให้มันตกลงไปในหม้อ ด้วยตรงปากฝาของหม้อจะมีน้ำหวานและสีสันที่ฉูดฉาดเพื่อล่อแมลงมา และในแต่ละต้นจะมีเพียงเพศเดียว การผสมเกสรจึงต้องผสมข้ามต้น
พาเดินชมหม้อข้าวหม้อแกงลิงพันธุ์ต่างๆ และยังสาธิตการนำหม้อข้าวหม้อแกงลิงมาใส่ข้าวเหนียวแล้วไปนึ่ง ซึ่งมีการทำแบบนี้มาแต่โบราณ แต่ปัจจุบันเอามาปรับโดยใส่ข้าวเหนียวมูลที่นึ่งสุกแล้วลงไปแล้วค่อยนำไปนึ่งไม่นานเพื่อให้สีของหม้อข้าวหม้อแกงลิงยังสวยน่าทาน (มีให้ลองทำด้วยแหละ)
พอได้ลองชิมแล้วรู้สึกว่าคล้ายๆ กินเยื่อไผ่ของข้าวหลามเลยค่ะ ที่เวลาปอกข้าวหลามแล้วจะมีเยื่อขาวติดมา อร่อยดีนะ
และอิชั้นเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าหม้อข้าวหม้อแกงลิงนี่เอามากินได้ด้วย 555 (กินแบบสดก็ได้ด้วยนะ)
ในสวนมีของที่ระลึกและต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงขายด้วยแหละ ต้นเล็กๆ น่ารักๆ ต้นละ 50 บาทเองแกร๊
นี่ก็คืออยากซื้อกลับมามาก แต่นึกถึงตอนเอากลับแล้วลำบากน่าดู เลยยอมตัดใจ งือออ
นอกจากที่นี่จะเพาะขยายพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงแล้ว
ก็ยังมีต้นกาบหอยแครง (อันนี้แหละ เปิดปิดฝาเพื่อกินแมลงของจริง) และคุณวรวิชลองใช้ไม้ทดสอบให้เราดูเวลาที่มันปิดฝาด้วย ทุกคนดูตื่นเต้นรวมทั้งอิชั้น 555
แต่วันที่ไปคือต้นกาบหอยแครงเหลือแต่ต้นเล็กๆ แล้ว เพราะพอคนมาชมสวนเห็นก็ขอซื้อไปหมด
อิชั้นยังแอบถามเค้าอยู่ว่าต้นนี้ขายมั๊ยคะ เค้าบอกว่าถ้าขายไปก็ไม่มีอะไรจะไว้โชว์แล้ว ฮ่า
ส่วนต้นไม้กินแมลงอีกต้นชื่อซาราซีเนีย
ต้นนี้จะมีลักษณะเป็นท่อค่ะ ใช้วิธีล่อแมลงให้ตกลงไปคล้ายๆ กับต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง และปิดฝาไม่ได้เช่นเดียวกัน
ได้เรียนรู้ต้นไม้ใกล้สูญพันธุ์และลองทำ/ลองชิมข้าวเหนียวหม้อข้าวแกงลิงกันเรียบร้อย
เราก็ไปสถานที่ต่อไปกันเลยค่ะ แต่ก่อนจะเที่ยวต่อก็ต้องแวะเติมพลังกันก่อน
เที่ยงนี้เราทานอาหารพื้นบ้านฝีมือชาวบ้านกันที่องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้าค่ะ
ที่นี่นอกจากเป็น อบต. แล้ว ยังเป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์อุทยานธรณีสตูล (Satun Geopark Information Center) และเป็น พิพิธภัณฑ์อุทยานธรณีสตูล (Satun Geopark Museum) อีกด้วย
หลายคนคงสงสัยล่ะสิว่า Geopark คืออะไร!?
เช่นเดียวกันค่ะ อิชั้นก็สงสัยเช่นกัน เพราะเพิ่งเคยได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรกในทริปนี้เลย
#Satun UNESCO Global Geopark หรืออุทยานธรณีโลกสตูล
- ช่วงสาระดีๆ –
Geopark (อุทยานธรณี) คือพื้นที่ที่มีความสำคัญและโดดเด่นทางธรณีวิทยา ธรรมชาติวิทยาและวัฒนธรรม
มีเรื่องราวที่เชื่อมโยงคุณค่าของแผ่นดินกับวิถีชีวิตชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
โดยมีการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยการอนุรักษ์ การถ่ายทอดความรู้ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
Satun Geopark (อุทยานธรณีสตูล) ตั้งอยู่ในจังหวัดสตูล โดยครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ คือ ทุ่งหว้า มะนัง ละงูและอำเภอเมือง โดยลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปูน มีเกาะน้อยใหญ่และชายหาดที่สวยงาม
โดยผืนดินแห่งนี้เป็นบันทึกหลักฐานของโลกใต้ทะเลเมื่อ 500 ล้านปีก่อน (500 ล้านปีนี่ก่อนกำเนิคสิ่งมีชีวิตอีกมั๊ยแกร๊)
ที่อุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตยุคเก่า (มีการพบซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ทะเลอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยในหินทรายสีแดงบนเกาะตะรุเตา นอกจากนั้นยังพบฟอสซิลของสัตว์ทะเลยุคเก่าที่บ่งบอกว่าพื้นที่อุทยานธรณีสตูลมีสิ่งมีชีวิตของโลกใต้ทะเลในยุคเก่าทั้ง 6 ยุค ได้แก่ ยุคแคมเบรียน (541-485 ล้านปี) ยุคออร์โดวิเชียน (485-444ล้านปี) ยุคไซลูเรียน (444-416 ล้านปี) ยุคดีโวเนียน (416-359 ล้านปี) ยุคคาร์บอนิเฟอรัส (359-299 ล้านปี) และหลังยุคเพอร์เมียน (251 ล้านปี) ลงมา)
ก่อนที่จะมีการยกตัวของเปลือกโลกก่อให้เกิดเป็นเทือกเขาและถ้ำ โดยในปัจจุบันผู้คนก็ยังดำรงชีวิตโดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของแผ่นดินนี้อยู่ และก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่มีเอกลักษณ์
โดย Satun Geopark หรืออุทยานธรณีสตูล ได้รับการรับรองจาก UNESCO
ให้เป็น
Satun UNESCO Global Geopark หรืออุทยานธรณีโลก สตูล เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561
ปัจจุบันอุทยานธรณีโลกสตูล เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านธรณีวิทยาและซากดึกดำบรรพ์ นิเวศวิทยา โบราณคดี
และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล-หมู่เกาะ แหล่งท่องเที่ยวทางนิเวศน์และผจญภัย แหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิต ที่มีความสวยงามในระดับนานาชาติ
นอกจากนั้น ยังทำให้ประชาชนในพื้นที่อุทยานธรณีมีอาชีพ มีรายได้ และมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
- จบช่วงสาระดีๆ –
บรรยากาศในศูนย์ประชาสัมพันธ์
ถ้าจากหลักฐานทางธรณีวิทยาในปัจจุบัน ก็อาจพูดได้ว่า
ผืนแผ่นดินของจังหวัดสตูลคือแผ่นดินที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ก็ได้ค่ะ
กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกขนาดนี้ คนไทยแบบเราๆ อย่าพลาดที่จะไปเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่กันนะคะ เพราะนอกจากจะได้ความรู้หลายๆ อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนแล้ว
ยังได้สนับสนุนชาวบ้านในพื้นที่โดยตรงด้วยค่ะ
สำหรับใครที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมของ Geopark สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เวปไซต์ได้เลยค่า
http://www.satun-geopark.com/
กลับมาที่มื้อเที่ยงของเราค่ะ
ต้องบอกว่าอาหารที่นี่เค้ากินตามมีตามเกิดจ้า มีอะไร หาอะไรได้ก็เอามาทำให้กินนั่นเอง
แต่บอกเลยว่าแตกต่างจากความหมายของคำว่าตามมีตามเกิดแถวบ้านอิชั้นอย่างสิ้นเชิง 5555
เมนูก็ตามภาพเลยค่ะ มีอะไร หาอะไรได้จากทะเลก็เอามาทำค่ะ ที่สำคัญ...วัตถุดิบทุกอย่าง คือ สดมาก!!!!
อาหารมื้อนี้มี ปลาแมวแดดเดียว หอยป๊ะผัด แกงไก่ยอดมะพร้าว ห่อหมกทะเล น้ำพริกกะปิผักสด ยำถั่วพู และลอดช่องเป็นของหวานค่ะ
หลังทานอาหารกลางวันเราก็ได้ฟังบรรยายคร่าวๆ ของที่มาของอุทยานธรณีสตูล ตามที่เขียนอธิบายไปด้านบนค่ะ
จากนั้น...ก็เดินไปที่อาคารข้างๆ เลยค่ะ
ข้อความเต็ม ต่อในคอมเม้นนะคะ
[SR] เที่ยวสงขลาเมือง 3 ถนน 2 ทะเล – ไปมุดถ้ำ ดูเขตข้ามกาลเวลาที่สตูล แบบชิลๆ 3 วัน 2 คืน (Part 2 สตูล)
ซึ่งจะเป็นส่วนของ "จังหวัดสตูล"
โดยสถานที่ที่เราจะไปคือ สวนควนข้อง (สวนหม้อข้าวหม้อแกงลิง), พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า, ถ้ำเล สเตโกดอน, เขตข้ามเวลาเขาโต๊ะหงาย, โบราณสถานบ้านบ่อเจ็ดลูก, ทะเลแหวก สันหลังมังกร ผาใช้หนี้ และปราสาทหินพันยอดค่ะ
ส่วนของวันแรกที่จังหวัดสงขลาอยู่ใน Part 1
กดอ่านได้ตามลิ้งนี้จ้า https://ppantip.com/topic/38617718
มาเข้าเรื่องกันค่ะ
>>วันที่สอง<<
วันนี้เรามีนัดรวมตัวตอน 7.45 น. ค่ะ เช้านิดนึง เพราะต้องเดินทางต่อไปสตูลค่ะ
อาหารเช้าของโรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่เริ่มตั้งแต่ 6.30 ค่ะ มีเวลาเยอะ เราลงมา 7.00 น. ก็ทันค่ะ เก็บของออกมาเลย
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายแรกของวันนี้ค่ะ
และเช่นเคยค่ะ!! อิชั้นหลับมาเกือบตลอดทาง ถ้าหย่อนลงก็คงกลับไม่ถูกเพราะจำทางไม่ได้ 55
#สวนควนข้อง สวนหม้อข้าวหม้อแกงลิง อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล
ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ระดับชุมชน และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่กำลังจะสูญพันธุ์
โดยเจ้าของได้นำต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงมาทำการเพาะขยายพันธุ์ โดยได้รวบรวมสายพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงมาไว้ที่นี่ถึง 6 สายพันธุ์
(ไม่เอ่ยชื่อสายพันธุ์ก็แล้วกันเนอะ ใครที่สนใจจริงๆ สามารถหาข้อมูลเพิ่มในเนตได้เลยจ้า)
ที่มาของชื่อสวนก็ไม่ได้มาจากไหนไกล มาจากนามสกุลของเจ้าของสวน คุณวรวิช ควนข้อง นั่นเอง
คุณวรวิชได้เล่าที่มาที่ไปของสวน ข้อมูลของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงว่ามันไม่ได้ปิดฝาเพื่อกินแมลง แต่ใช้วิธีล่อแมลงมาแล้วให้มันตกลงไปในหม้อ ด้วยตรงปากฝาของหม้อจะมีน้ำหวานและสีสันที่ฉูดฉาดเพื่อล่อแมลงมา และในแต่ละต้นจะมีเพียงเพศเดียว การผสมเกสรจึงต้องผสมข้ามต้น
พาเดินชมหม้อข้าวหม้อแกงลิงพันธุ์ต่างๆ และยังสาธิตการนำหม้อข้าวหม้อแกงลิงมาใส่ข้าวเหนียวแล้วไปนึ่ง ซึ่งมีการทำแบบนี้มาแต่โบราณ แต่ปัจจุบันเอามาปรับโดยใส่ข้าวเหนียวมูลที่นึ่งสุกแล้วลงไปแล้วค่อยนำไปนึ่งไม่นานเพื่อให้สีของหม้อข้าวหม้อแกงลิงยังสวยน่าทาน (มีให้ลองทำด้วยแหละ)
พอได้ลองชิมแล้วรู้สึกว่าคล้ายๆ กินเยื่อไผ่ของข้าวหลามเลยค่ะ ที่เวลาปอกข้าวหลามแล้วจะมีเยื่อขาวติดมา อร่อยดีนะ
และอิชั้นเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าหม้อข้าวหม้อแกงลิงนี่เอามากินได้ด้วย 555 (กินแบบสดก็ได้ด้วยนะ)
ในสวนมีของที่ระลึกและต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงขายด้วยแหละ ต้นเล็กๆ น่ารักๆ ต้นละ 50 บาทเองแกร๊
นี่ก็คืออยากซื้อกลับมามาก แต่นึกถึงตอนเอากลับแล้วลำบากน่าดู เลยยอมตัดใจ งือออ
นอกจากที่นี่จะเพาะขยายพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงแล้ว
ก็ยังมีต้นกาบหอยแครง (อันนี้แหละ เปิดปิดฝาเพื่อกินแมลงของจริง) และคุณวรวิชลองใช้ไม้ทดสอบให้เราดูเวลาที่มันปิดฝาด้วย ทุกคนดูตื่นเต้นรวมทั้งอิชั้น 555
แต่วันที่ไปคือต้นกาบหอยแครงเหลือแต่ต้นเล็กๆ แล้ว เพราะพอคนมาชมสวนเห็นก็ขอซื้อไปหมด
อิชั้นยังแอบถามเค้าอยู่ว่าต้นนี้ขายมั๊ยคะ เค้าบอกว่าถ้าขายไปก็ไม่มีอะไรจะไว้โชว์แล้ว ฮ่า
ส่วนต้นไม้กินแมลงอีกต้นชื่อซาราซีเนีย
ต้นนี้จะมีลักษณะเป็นท่อค่ะ ใช้วิธีล่อแมลงให้ตกลงไปคล้ายๆ กับต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง และปิดฝาไม่ได้เช่นเดียวกัน
ได้เรียนรู้ต้นไม้ใกล้สูญพันธุ์และลองทำ/ลองชิมข้าวเหนียวหม้อข้าวแกงลิงกันเรียบร้อย
เราก็ไปสถานที่ต่อไปกันเลยค่ะ แต่ก่อนจะเที่ยวต่อก็ต้องแวะเติมพลังกันก่อน
เที่ยงนี้เราทานอาหารพื้นบ้านฝีมือชาวบ้านกันที่องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้าค่ะ
ที่นี่นอกจากเป็น อบต. แล้ว ยังเป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์อุทยานธรณีสตูล (Satun Geopark Information Center) และเป็น พิพิธภัณฑ์อุทยานธรณีสตูล (Satun Geopark Museum) อีกด้วย
หลายคนคงสงสัยล่ะสิว่า Geopark คืออะไร!?
เช่นเดียวกันค่ะ อิชั้นก็สงสัยเช่นกัน เพราะเพิ่งเคยได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรกในทริปนี้เลย
#Satun UNESCO Global Geopark หรืออุทยานธรณีโลกสตูล
- ช่วงสาระดีๆ –
Geopark (อุทยานธรณี) คือพื้นที่ที่มีความสำคัญและโดดเด่นทางธรณีวิทยา ธรรมชาติวิทยาและวัฒนธรรม
มีเรื่องราวที่เชื่อมโยงคุณค่าของแผ่นดินกับวิถีชีวิตชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
โดยมีการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยการอนุรักษ์ การถ่ายทอดความรู้ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
Satun Geopark (อุทยานธรณีสตูล) ตั้งอยู่ในจังหวัดสตูล โดยครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ คือ ทุ่งหว้า มะนัง ละงูและอำเภอเมือง โดยลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปูน มีเกาะน้อยใหญ่และชายหาดที่สวยงาม
โดยผืนดินแห่งนี้เป็นบันทึกหลักฐานของโลกใต้ทะเลเมื่อ 500 ล้านปีก่อน (500 ล้านปีนี่ก่อนกำเนิคสิ่งมีชีวิตอีกมั๊ยแกร๊)
ที่อุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตยุคเก่า (มีการพบซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ทะเลอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยในหินทรายสีแดงบนเกาะตะรุเตา นอกจากนั้นยังพบฟอสซิลของสัตว์ทะเลยุคเก่าที่บ่งบอกว่าพื้นที่อุทยานธรณีสตูลมีสิ่งมีชีวิตของโลกใต้ทะเลในยุคเก่าทั้ง 6 ยุค ได้แก่ ยุคแคมเบรียน (541-485 ล้านปี) ยุคออร์โดวิเชียน (485-444ล้านปี) ยุคไซลูเรียน (444-416 ล้านปี) ยุคดีโวเนียน (416-359 ล้านปี) ยุคคาร์บอนิเฟอรัส (359-299 ล้านปี) และหลังยุคเพอร์เมียน (251 ล้านปี) ลงมา)
ก่อนที่จะมีการยกตัวของเปลือกโลกก่อให้เกิดเป็นเทือกเขาและถ้ำ โดยในปัจจุบันผู้คนก็ยังดำรงชีวิตโดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของแผ่นดินนี้อยู่ และก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่มีเอกลักษณ์
โดย Satun Geopark หรืออุทยานธรณีสตูล ได้รับการรับรองจาก UNESCO
ให้เป็น Satun UNESCO Global Geopark หรืออุทยานธรณีโลก สตูล เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561
ปัจจุบันอุทยานธรณีโลกสตูล เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านธรณีวิทยาและซากดึกดำบรรพ์ นิเวศวิทยา โบราณคดี
และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล-หมู่เกาะ แหล่งท่องเที่ยวทางนิเวศน์และผจญภัย แหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิต ที่มีความสวยงามในระดับนานาชาติ
นอกจากนั้น ยังทำให้ประชาชนในพื้นที่อุทยานธรณีมีอาชีพ มีรายได้ และมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
- จบช่วงสาระดีๆ –
บรรยากาศในศูนย์ประชาสัมพันธ์
ถ้าจากหลักฐานทางธรณีวิทยาในปัจจุบัน ก็อาจพูดได้ว่า
ผืนแผ่นดินของจังหวัดสตูลคือแผ่นดินที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ก็ได้ค่ะ
กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกขนาดนี้ คนไทยแบบเราๆ อย่าพลาดที่จะไปเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่กันนะคะ เพราะนอกจากจะได้ความรู้หลายๆ อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนแล้ว
ยังได้สนับสนุนชาวบ้านในพื้นที่โดยตรงด้วยค่ะ
สำหรับใครที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมของ Geopark สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เวปไซต์ได้เลยค่า
http://www.satun-geopark.com/
กลับมาที่มื้อเที่ยงของเราค่ะ
ต้องบอกว่าอาหารที่นี่เค้ากินตามมีตามเกิดจ้า มีอะไร หาอะไรได้ก็เอามาทำให้กินนั่นเอง
แต่บอกเลยว่าแตกต่างจากความหมายของคำว่าตามมีตามเกิดแถวบ้านอิชั้นอย่างสิ้นเชิง 5555
เมนูก็ตามภาพเลยค่ะ มีอะไร หาอะไรได้จากทะเลก็เอามาทำค่ะ ที่สำคัญ...วัตถุดิบทุกอย่าง คือ สดมาก!!!!
อาหารมื้อนี้มี ปลาแมวแดดเดียว หอยป๊ะผัด แกงไก่ยอดมะพร้าว ห่อหมกทะเล น้ำพริกกะปิผักสด ยำถั่วพู และลอดช่องเป็นของหวานค่ะ
หลังทานอาหารกลางวันเราก็ได้ฟังบรรยายคร่าวๆ ของที่มาของอุทยานธรณีสตูล ตามที่เขียนอธิบายไปด้านบนค่ะ
จากนั้น...ก็เดินไปที่อาคารข้างๆ เลยค่ะ
ข้อความเต็ม ต่อในคอมเม้นนะคะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม