สวีดัด สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ไม่ว่าจะด้วยสนใจหรือบังเอิญเผลอกดเข้ามาอ่านก็ตามที
นี่ก็เพิ่งจะเป็นกระทู้ที่ 2 ของ จขกท. นะคะ หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วย
หรือใครมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมก็เม้นบอกได้เลยค่า จะขอบพระคุณอย่างสูง

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทริปนี้อิชั้นมีแต้มบุญค่ะ เลยได้ไปฟรี ใช่ค่ะ!!! อ่านไม่ผิดไปฟรีจ้าาาา
(จากการร่วมกิจกรรมใน Pantip นี่แหละ ใครสนใจก็ติดตามที่หน้า “กิจกรรม” โลด!!)

ดังนั้น อิชั้นอาจจะไม่ได้ลงในเรื่องค่าใช้จ่ายนะคะ แต่จะพยายามลงข้อมูลเท่าที่รู้ให้มากที่สุดเนอะ

เราเดินทางไปหาดใหญ่กันเช้าวันอาทิตย์ และกลับมาเย็นวันอังคารค่ะ จะได้เที่ยวช่วงที่คนน้อย ถ่ายรูปสถานที่เที่ยวได้สวยๆ และไม่ต้องรอคิวร้านอาหารนาน ถือเป็นการเที่ยววันธรรมดาก็ว่าได้ เพราะปกติราคาที่พักวันอาทิตย์ก็มักจะถูกกว่าวันศุกร์และเสาร์อยู่แล้ว

ปกติเวลา จขกท. จะลางานไปเที่ยวให้ติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็มักจะเลือกลาต่อวันจันทร์ อังคาร มากกว่าพฤหัส ศุกร์อยู่แล้ว ตามเหตุผลด้านบนเลย ลองดูนะคะ

รูปส่วนใหญ่ในกระทู้ถ่ายจากมือถือ SS Galaxy Note5 คู่ใจของอิชั้นเอง ขนาดนางโดนรถเหยียบฝาหลังแตก ฟิล์มกระจกร้าวนางก็ไม่ยอมพัง คงรักและอยากอยู่เป็นคู่ใจของอิชั้นมากๆ จึงใช้นางต่อไปค่ะ 555
(ความจริงก็แบกกล้อง DSLR ไปด้วยนะแต่ไม่ค่อยได้หยิบออกมาถ่ายเท่าไหร่ มันหนัก แหะๆ)

เริ่มจาก ทางทีมงานนัดรวมตัวกันที่สนามบินดอนเมืองตอน 5.00 น. ใช่ค่ะ!! มันเช้ามากกกกก
และด้วยความที่อิชั้นและผู้ติดตามในทริปนี้อยู่ ตจว. เราเลยแพลนการเดินทางให้ไปถึงก่อนเวลานัดประมาณ 1 ชม. โดยการนั่งรถไฟแบบรถนอนค่ะ ซึ่งเวลาในตั๋วถึงสถานีดอนเมือง 4.20 น.
รถไฟถึงสถานีดอนเมืองช้ากว่าเวลาในตั๋วประมาณ 10 นาทีค่ะ พอถึงปุ๊ป!! เราก็เวปเข้าห้องน้ำแถวสถานีรถไฟ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าแบบรีบๆ จากนั้นก็ลากกระเป๋าข้ามฝั่งไปถึงสนามบินแบบเฉียดฉิว
เจอทีมงานและเพื่อนร่วมทริปอีกหลายสิบชีวิตค่ะ ก็รับเสื้อที่ทีมงานแจกให้ไปเปลี่ยน แล้วก็มีหมอนรองคอสีม่วงแจกด้วย น่าร๊ากกกกก ไม่ใช่ไรนะ อิชั้นชอบสีนี้ อิอิ
เราเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ไฟลท์ FD 3102
ซึ่งเช้า (มากกก) 6.30 น. กำหนดถึงหาดใหญ่ 8.05 น. ค่ะ
แต่ๆๆ ทางเราถึงก่อนเวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ ไวมากเว่อร์!! ที่เซอร์ไพรส์คือกัปตันเป็นผู้หญิงด้วย
เริ่ดป่ะล๊าาา...นี่ยังแอบคิดว่ากัปตันมีนัดเดทรึเปล่านะ!? ทำไมรีบ 555
การเดินทางไฟลท์นี้เรามีอาหารบนเครื่องค่ะ จะได้ไม่เสียเวลาแวะทานอาหารเช้าที่ไหน
หรือถ้าใครอยากไปชิมอาหารเช้าที่หาดใหญ่ก็จัดไปค่ะ!! ติ่มซำเจ้าดัง ไปเช้าๆ น่าจะยังไม่หมด
ถ้าไปไฟลท์สายๆ อาจต้องทำใจนะคะ อาจไม่ทันของหมดหรือร้านปิดค่ะ

ทริปนี้นอกจาก การเดินทางไป-กลับ กรุงเทพ-หาดใหญ่ ด้วยเครื่องบินแล้ว
เราเดินทางกันด้วยรถตู้เป็นหลักนะคะ สำหรับการเดินทางแบบอื่นๆ จะเขียนไว้ให้ช่วงท้ายๆ ค่ะ
จากสนามบินหาดใหญ่ไปอำเภอเมืองสงขลาระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
ในฐานะที่ทริปนี้เรามีคนขับรถให้ ก็หลับวนไปค่ะ!! ใช้หมอนรองคอที่ได้รับมาให้คุ้มค่า อิอิ

>>วันแรก<<
ตามแพลนเดิมช่วงเช้าเราจะไปชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา และ พิพิธภัณฑ์พธำมะรง
ส่วนช่วงบ่ายจะไปชม ย่านเมืองเก่าสงขลา และไปถ่ายรูปกับ นางเงือกทอง ที่ แหลมสมิหลา
แต่ด้วยความที่เรามาถึงไวกว่าเวลาในแพลน จากเดิมที่จะเริ่มจากการไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา ก่อน
ก็เลยเลื่อนแพลนไปเดินดูย่านเมืองเก่าของช่วงบ่ายมาไว้ช่วงเช้าค่ะ โดยเรามีเวลาเดินย่านเมืองเก่าทั้งสิ้น  1 ชม. ถ้วนค่ะ

#ย่านเมืองเก่าสงขลา
โดยย่านเมืองเก่านี้จะมีถนนหลักๆ อยู่สามเส้นนะคะ เป็นที่มาของสงขลาเมือง 3 ถนน
คือถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงามค่ะ (ถ้าเราคิดว่าเรางามก็ควรมาเดินถนนเส้นนี้ 555)
  ในย่านเมืองเก่านี้ (โดยเฉพาะในถนนนางงาม) จะเต็มไปด้วยอาคารไม้เก่าแบบจีนและอาคารสไตล์ Sino-Portuguese ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้
และมีร้านอาหารพื้นเมือง ร้านขนม ร้านกาแฟที่ตกแต่งในสไตล์เฉพาะของแต่ละร้าน
แต่ละตรอกซอกซอยก็จะมี street art แบบภาพ 3 มิติ ให้เราได้ถ่ายรูปเกร๋ๆ ด้วยนะ
เอ้า...โพสค่ะ!!
และในย่านนี้ยังมีรถวิ่งเป็นปกตินะคะ ไม่ได้ปิดถนนให้เราเดินเน้อ ระวังรถกันด้วย ฮ่า
อ่อ...แล้วก็ที่จอดรถในถนนเส้นนี้แทบไม่มีค่ะ รถตู้ของทางเราจอดหย่อนพวกเราลงแล้วไปจอดที่อื่นค่ะ
ใครขับรถเองหรือเช่ารถมาก็แพลนกันดีๆ นะคะ
ไปชมภาพคร่าวๆ กัน
เกือบลืม...อีกที่นึงที่ถ่ายรูปสวยคือ หับ โห้ หิน หรือโรงสีแดงค่ะ
เป็นโรงสีเก่าที่ทาสีแดงทั้งหลัง แต่ไม่ได้ใช้งานแล้วนะคะ ด้านหลังเป็นทะเลสาบสงขลา
มีเรือขนส่งเล่นผ่านเป็นระยะๆ ก็แวะไปถ่ายรูปสวยๆ กันได้ บรรยากาศดี ลมเย็นค่ะ

ระหว่างเดิน ... ทางเรานั้นขาดกาแฟไม่ได้ก็สุ่มๆ หาร้านกาแฟแล้วเดินเข้าไปค่ะ
ร้านอยู่ถนนเส้นเดียวกับโรงสีแดงค่ะ จำชื่อร้านไม่ได้แต่บรรยากาศดีทีเดียวเพราะด้านหลังเป็นวิวทะเลสาบสงขลา
อิชั้นลองสั่งกาแฟปีนังใส่นม ส่วนของเพื่อนเป็นโอเลี้ยงจำบ๊ะ (ใส่น้ำแดงเฮลบลูบอยไว้ข้างล่าง สีสวยค่ะ)
ส่วนใครชอบร้านสไตล์โมเดิร์นหน่อยก็มีให้เลือกหลายร้านเลยค่ะ ทั้งร้านขนม ร้านแฟ ร้านไอติม หรือจะเป็นอาหารจานหลักแบบหนักๆ ก็มีให้แวะเช่นกัน (อิชั้นลืมถ่ายรูปร้านตั่งต่างมาค่ะ มีแค่ร้านกาแฟที่แวะ ให้อภัยข้าด้วย)

หลังจากครบ 1 ชั่วโมงของการเดินในย่านเมืองเก่าเราก็ขึ้นรถตู้ไปที่ถัดไปกันเลยค่ะ!!

#พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา

เข้าช่วง “สาระดีๆ” กันค่ะ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลาเป็นอาคารสไตล์จีน สร้างในปี พ.ศ.2421
โดยแรกเริ่มเดิมทีอาคารนี้สร้างเป็นคฤหาสน์ของผู้ช่วยเจ้าเมืองสงขลา
ต่อมาใช้เป็นศาลาว่าการมณฑลนครศรีธรรมราชและเป็นศาลากลางจังหวัดสงขลาตามลำดับ
จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี พ.ศ. 2516 และเปิดให้เข้าชมครั้งแรกในปี พ.ศ. 2525
ปัจจุบัน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา เป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุของภาคใต้ตอนล่าง
คือสงขลา ยะลา ปัตตานีและนราธิวาสมารวมไว้ที่นี่ และยังใช้เป็นแหล่งศึกษาด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ของภาคใต้ตอนล่างอีกด้วย
(วันที่เรามามีกรุ๊ปนักเรียนมาเข้าชมกันด้วยนะคะ)
เวลาเปิดของที่นี่คือ 9.00-16.00 น. วัน พุธ-อาทิตย์ ส่วนวันจันทร์, อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ปิดนะคะ
มีค่าธรรมเนียมการเข้าชมสำหรับคนไทย 30 บาทและชาวต่างชาติคนละ 150 บาทค่า
- จบช่วงสาระดีๆ -

สำหรับใครที่ชอบเสพข้อมูลประวัติศาสตร์คงจะถูกใจมากถึงมากที่สุด
เพราะแต่ละโซนที่จัดแสดงจะมีข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ให้เราเรียนรู้ค่ะ
สำหรับอิชั้น...ผู้ซึ่งไม่ค่อยถูกกันกับเนื้อหาวิชาสังคมศึกษาเท่าไหร่ ก็ฟังไป จำได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่ชอบดูศิลปวัตถุนะคะ สวยงามตามท้องเรื่องดี ไปชมภาพเลยค่า

ตัวอักษรเต็ม ต่อในคอมเม้นนะคะ