สวัสดีค่า กานกลับมาแล้ว หลังจากห่างหายไปนานหวังว่าเพื่อนๆจะคิดถึงกันน๊า จริงๆไม่ได้ไปไหนไกล กานแอบไปเที่ยวสิงคโปร์มา ซึ่งการไปเที่ยวครั้งนี้กานก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพบรรยากาศมาแชร์ให้เพื่อนๆกันค่ะ ทริปสิงคโปร์ครั้งนี้เป็นการเที่ยวครั้งแรกของกานที่ไปเองกับเพื่อนๆ มันก็จะมีความงงปนสาระบ้างเล็กน้อย 55555 ทริปครั้งนี้กานจะพาเพื่อนๆไปไหนบ้างนั้น ไปดูวิดีโอกันก่อนเลยค่า
รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ทริป 3 วัน 2 คืน งบ 15,000 บาท (*ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
เนื่องจากว่ากานและเพื่อนๆต้องการความประหยัด เราจึงตัดสินใจไปเที่ยวทริปนี้กันด้วยสายการบิน Nok Scoot กานชอบสายการบินนี้นะเป็นแบบ Low Cost ที่คุณภาพดีมาก ลำใหญ่ ไม่ค่อยตกหลุมอากาศ รักเลยยย พูดเลยว่าตอนจองนี่เจ็บใจมาก เพราะตอนแรกเห็นโปรใน traveloka มันถูกมาก แต่พวกเราตัดสินใจช้า พอมาอีกวัน โปรถูกแสนถูกนั้นหมดไปแล้ว (จำได้ว่าค่าไปและกลับ เที่ยวละไม่เกิน 1,000 เอง *แนะนำว่าได้โปรถูกโปรดรีบจอง*) แต่ไม่เป็นไรค่ะ อยากไปต้องได้ไป 55555 จึงเสียค่าตั๋วไปกลับทริปนี้ในราคา 3,900 กว่าบาทค่ะ กานซื้อแบบไม่ได้บวกกระเป๋าเพิ่ม ก็จะมีแค่ carry on 7kgs เท่านั้น แบกกันไปสวยๆ
และแล้วเราก็มาถึงสนามบิน Changi Airport จริงๆที่นี่เค้าขึ้นชื่อว่าเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกเลยนะ แต่ด้วยความที่เที่ยวบินของพวกเราเป็นเลทไฟลท์ เลยถึงค่อนข้างจะดึกมาก ประมาณตี 3 ได้ บวกกับความเหนื่อยล้าจึงไม่ได้ไปสำรวจสนามบินเค้าเท่าไหร่ และสำหรับคืนแรกเราเลือกที่จะนอนสนามบินกัน เพราะเราต้องการประหยัดกันขั้นสุด ไม่ยอมเสียค่าโรงแรมนั่นเอง สภาพก็จะประมาณนี้ 55555 พอ 6.30 น. ก็ตื่นไปแต่งหน้า เรียกแท็กซี่ไปโรงแรมก่อนจะเริ่มลุยสิงคโปร์วันแรก
Day 1
– Ya Kun Kaya Toast, Singapore Zam Zam, Haji Lane, The Shoppes, Garden by The Bays –
มิชชั่นอย่างแรกของเราใน day 1 นี้คือซื้อตั๋ว
EZ-Link แบบ Unlimited: http://thesingaporetouristpass.com.sg/ และหาซื้อซิม Singtel แต่ก่อนอื่นเลยขอแวะกินข้าวเช้าก่อน หลังจากที่หลับๆตื่นๆในสนามบินมาทั้งคืน 55555
สำหรับมื้อแรกที่สิงคโปร์ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจาก
Ya Kun Kaya Toast http://yakun.com/ อาหารประจำชาติสิงคโปร์ ใครๆก็ต้องมากิน ซึ่งจริงๆมีหลายสาขา แต่ที่กานไปกินเป็นสาขา Original อยู่ที่ China Town นั่นเองค่ะ ร้านจะออกสีเหลืองพาสเทล น่ารักๆ ให้อารมณ์เหมือนอยู่จีน ตรงคอนเซ็ปท์ China Town 55555 เมนูซิคเนเจอร์ที่ต้องสั่ง คือ
Kaya Butter Toast มันคือขนมปังทาด้วยสังขยาสอดไส้เนย ซึ่งสังขยาเค้าไม่เหมือนบ้านเรานะจะมีกลิ่นอ่อนๆของมะพร้าวด้วย และที่เด็ดคือสอดไส้เนยมาทั้งก้อน กานเลือกสั่งแบบเป็นเซ็ทก็จะเสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ลวก 2 ฟอง กับกาแฟ 1 แก้ว ค่ะ และอีกเมนูที่กานสั่งมาคือ
French Toast หรือขนมปังชุบไข่ทอดซึ่งเสิร์ฟมาพร้อมกับสังขยาอีกด้วย
รสชาติเอาตรงๆนะ กานว่าเฉยๆ ถามว่าอร่อยมั๊ยก็โอเค แต่ไม่ได้แบบโอ้โห อร่อยเว่อร์วังอะไรขนาดนั้น เหมือนขนมปังปิ้งทาเนยจิ้มไข่ จบ 555555 French Toast พูดเลยว่าไม่ใช่สไตล์ ยังไม่ได้โดนใจในจุดนี้ มันค่อนข้างแห้งไปนิด ไม่ถูกปากเราเท่าไหร่ค่ะ กาแฟที่นี่คือรสชาติเหมือนโอเลี้ยงตามร้านกาแฟชงๆอ่ะ กานเฉยๆ มาก แต่ก็ถือว่าได้มาลองแล้วถึงที่ก็โอเคค่ะ
สำหรับซิม Singtel กานไปซื้อที่เซเว่นแถว China Town ก่อนไปกินข้าวค่ะ ราคาอยู่ที่
15 SGD ได้เน็ต 100 GB ใช้ได้ 5 วันค่ะ จริงๆที่กานพักแถว Bugis ก็มี แต่แถบนั้นนักท่องเที่ยวเยอะ ซิมหมดเกลี้ยงเลย ที่สิงคโปร์มันจะมี Starhub กับ Singtel เพื่อนที่เคยอยู่สิงคโปร์บอกกานว่า Singtel สัญญาดีกว่ามากและถูกกว่า กานเลยเลือกซื้อ Singtel มาใช้ ซึ่งจริงๆที่สนามบินก็มีขาย แต่ว่าแพง ไปหาซื้อเอาที่เซเว่นดีกว่านะ
หลังจากกินเสร็จกันแล้วก็ได้เวลาตามหา บัตร EZ-Link กันต่อค่ะ สำหรับบัตร EZ-Link Unlimited จะมี
แพ็คเกจ 3 แบบ ด้วยกัน แบบ 1 วัน 2 วันและ 3 วัน ซึ่งแบบ unlimited จะใช้ขึ้นได้แค่รถบัสและรถไฟเท่านั้น ค่ะ แต่ก็ถือว่าครอบคลุมแล้วนะ แล้วก็สะดวกสบายมากๆ ไม่ต้องมาคอยเติมตังหรือคิดเงินให้ปวดหัว กานไป 3 วันจึงเลือกแพ็คเกจที่ 3
ราคา 30 SGD (20 SGD สำหรับ Unlimited และ 10SGD สำหรับค่าบัตรซึ่งเราจะได้เงินค่าบัตรคืนที่หลังนะคะ และบัตรมีอายุการใช้งาน 5 ปี ซื้อที่เดียวเก็บได้ยาวๆ) พนักงานที่สถานีรถไฟ บอกว่าซื้อได้ที่เดียวคือที่ China Town, Exit C เท่านั้น เอาจริงๆก็งงนะ เพราะในเว็บบอกว่ามีหลายสถานีที่ซื้อได้ เอ๊ะยังไง! 555 แต่เราก็ไปซื้อตามที่เค้าบอกและพูดเลยว่า เหนื่อยมาก (ก.ไก่ล้านตัว) หลงหนักมาก กว่าจะหา exit C เจอ คือเดินแบบอ้อมโลก และสิงคโปร์ร้อนมากกกก เกือบแย่ค่ะ 55555
พอได้ EZ-Link มาแล้ว เราก็จะไปต่อกับอาหารอินเดียชื่อดังในสิงคโปร์ เพื่อนของเพื่อนกานที่อยู่สิงคโปร์อาสาพาไปกิน เค้าบอกว่าอร่อยมากๆก็ต้องไปลองกันซักหน่อย ร้านนั้นก็คือ
Singapore Zam Zam: https://zamzamsingapore.com/ นั่นเองค่ะ ร้านนี้อยู่ที่ Arab Street ไปถึงแล้วร้านจะอารมณ์สไตล์บ้านๆ สีสันฉูดฉาดสไตล์อินเดีย ร้านข้างนอกเป็นสีเขียว ตัดด้วยโต๊ะสีชมพูแปร๊ด คนมากินเยอะมากเต็มร้านทั้งสองขั้น ที่กานสั่งมาจะมี
บิรยานีปลา (Fish Biryani) เสิร์ฟมาพร้อมกับปลาอบราดซอสโปะด้วยข้าวหมักเครื่องเทศ กินคู่กับแกงกะหรี่ และ
มะตะบะไก่ (Chicken Mataba) อันนี้อารมณ์เหมือนโรตีไส้ไก่ เสิร์ฟมาพร้อมกับแกงกะหรี่เหมือนกันแต่คนละชนิดกับจานแรก
หลังจากที่กินแล้ว พูดเลยว่ามันเด็ดดวงมาก ดีงามพระรามแปด คืออร่อยมากๆ แกงกะหรี่ที่เสิร์ฟมากับปลา เผ็ด รสชาติจัด ไม่เลื่ยนเลย กินคู่กันคือดี ส่วนมะตะบะไก่แป้งก็นุ่มมาก คิดว่าเหมือนเอาแป้งไปชุบไข่ ไก่ที่สอดไส้มาคือเยอะมากและไก่นุ่มมาก โอ้ยคือดี ร้านนี้แนะนำให้ไปกินจริงๆ อร่อยค่ะ พนักงานนางก็น่ารัก กานแอบถ่ายตอนเค้าทำ เค้าเห็นก็เรียกกานเข้าไปถ่ายในร้านเลย 55555 น่ารักมากๆค่ะ
พอกินเสร็จเพื่อนของทิฟฟานี่ก็พาไปต่อที่ Signature อีกอย่างของสิงคโปร์ นั่นก็คือชาชักนั่นเองค่ะ เรียกว่า
Teh Ta-Rik ซึ่งกานสั่งแบบไม่ใส่น้ำตาล ก็อร่อยแบบเฉยๆ เหมือนชาชักบ้านเรา เอาจริงชาไทยบ้านเราเข้มข้นกว่านะในความรู้สึก 55555 ลองมากินกันดูเนอะ อยู่แถวๆ Arab Street เนี่ยแหละ ไม่ไกลกับร้านนั้นมากค่ะ
ขอเบรคกับอาหารแล้วมาต่อกันที่สถานที่ท่องเที่ยวกันบ้าง เนื่องจากมาแถว Arab Street เราจึงแวะมาเดินเล่นกันที่
Haji Lane ซึ่งเป็นถนนเล็กๆที่มีความฮิปสเตอร์อยู่สูงมาก มี Street Arts, Wall Arts เต็มไปหมด จุดเด่นของที่นี่เค้าแหละ คนก็มาถ่ายรูปกันตรงนี้ ร้านคาเฟ่นั่งชิวต่างๆก็เยอะนะ และอีกจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันก็คือตึกร้านขายของกระจุกกระจิกที่มีสีสันสดใสสวยๆ นั่นเองค่ะ
เดินเล่นกันพอหอมปากหอมคอเราก็มาต่อกันที่
The Shoppes by The Bay: https://www.marinabaysands.com/shopping.html เอาจริงๆ ไม่ได้ทำอะไรมากค่ะ มาแค่ตากแอร์เย็นๆเท่านั้นเพราะร้อนมาก ห้างนี้ตั้งอยู่ที่ Marina Bay ข้างบนจะเป็นโรงแรมที่มี Roof Top, Infinity Pool และมีคาสิโน ซึ่งราคาสูงมาก ใครมีงบก็จัดกันไปนะคะ นอกจากนั้นห้างนี้ยังมีพวกของแบรนด์เนมต่างๆอยู่เยอะมากอีกด้วย อารมณ์พารากอนดีๆนี่เองค่ะ
หลังจากนั่งพักแปปนึง ก็ได้เวลาไปหา
สิงโตพ่นน้ำ (Merlion) จุดพีคขึ้นชื่อของสิงคโปร์กันแล้ว Merlion ถือว่าเป็นสัตว์ประจำชาติของสิงคโปร์ อารมณ์เหมือนช้างบ้านเรานั่นเอง เบื้องหลังเบื้องลึกของสิงโตพ่นน้ำก็มี แต่เกรงว่าจะยาว ไปอ่านต่อเอา
ที่นี่ https://www.visitsingapore.com/th_th/see-do-singapore/recreation-leisure/viewpoints/merlion-park/ นะ และด้วยอะไรดลบันดาลใจไม่รู้ กานและเพื่อนเลือกที่จะเดินจาก The Shoppes ไป ซึ่งอ้อมโลกมากอีกเช่นเคย 55555 พอมาถึง Merlion บอกตรงว่าคนเยอะมาก (ก.ไก่แปดแสนล้านตัว) และท่า Signature ที่ทุกคนต้องไปถ่ายคือ ท่ากินน้ำนั่นเองค่ะ ใครมาแล้วไม่ทำท่านี้ พูดเลยว่ามาไม่ถึง 555555
เนื่องจากว่าใกล้จะค่ำแล้วที่ที่เราแพลนไว้อีกที่ก่อนกลับโรงแรมวันนี้คือ
Garden by The Bays: http://www.gardensbythebay.com.sg เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่รวมพืชพันธ์หลากหลายชนิดเอาไว้ จริงๆเค้ามีโดมที่เรียกว่า Cloud Forest อันนั้นก็สวยมาก แต่เราไม่ได้มีโอกาสเข้าไปกันค่ะ เอาแค่รูปต้น Super Tree มาฝากแล้วกันเนอะ ตอนใกล้ค่ำกับตอนกลางคืนก็จะให้ฟิวคนละแบบกันไปค่ะ
ตอนกลางคืนจะมีการแสดงโชว์ไฟตามเสียงเพลงสวยๆด้วย โดยเค้าจะเรียกโชว์นี้ว่า
Garden Rhapsody ต้นไม้ Super Tree ต้นไม้กลับหัวที่มีความเหมือน The Upside Down ใน Stranger Things ยังไงยังงั้นเนี่ย ก็จะมีไฟระยิบระยับเต้นไปตามเสียงเพลง วันที่กานไป คนมาดูกันเยอะมาก ยิ่งดึกยิ่งคนเยอะ รอนอนดูไฟกันเลยทีเดียว กานและเพื่อนซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปดูไฟด้านบนตามรูปด้านล่างด้วย ราคาคนละ 8 SGD โชคดีที่ได้รอบสุดท้าย ไม่งั้นอดขึ้นไปแน่ๆ ด้านบนถ่ายรูปสวยมากนะ มันเห็นวิวทั้งหมดที่เป็น Signature เลยค่ะ
วันแรกก็ขอจบทริปเพียงเท่านี้ก่อน หลังจากถ่ายรูปอะไรกันเสร็จ พวกเราก็มุ่งตรงกลับโรงแรมเพราะสู้กับอากาศที่ร้อนกันมาทั้งวันบวกกับแถบจะไม่ได้นอน ทำให้เหนื่อยล้ามากๆ ขอไปพักออมแรงให้กับวันที่ 2 ต่อไปค่ะ
*ต่อในคอมเม้นน๊า*
VLOG#14 สิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน งบ 15,000 *ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน | Halloween Horror Nights 8 Universal, Fort Canning
รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ทริป 3 วัน 2 คืน งบ 15,000 บาท (*ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
เนื่องจากว่ากานและเพื่อนๆต้องการความประหยัด เราจึงตัดสินใจไปเที่ยวทริปนี้กันด้วยสายการบิน Nok Scoot กานชอบสายการบินนี้นะเป็นแบบ Low Cost ที่คุณภาพดีมาก ลำใหญ่ ไม่ค่อยตกหลุมอากาศ รักเลยยย พูดเลยว่าตอนจองนี่เจ็บใจมาก เพราะตอนแรกเห็นโปรใน traveloka มันถูกมาก แต่พวกเราตัดสินใจช้า พอมาอีกวัน โปรถูกแสนถูกนั้นหมดไปแล้ว (จำได้ว่าค่าไปและกลับ เที่ยวละไม่เกิน 1,000 เอง *แนะนำว่าได้โปรถูกโปรดรีบจอง*) แต่ไม่เป็นไรค่ะ อยากไปต้องได้ไป 55555 จึงเสียค่าตั๋วไปกลับทริปนี้ในราคา 3,900 กว่าบาทค่ะ กานซื้อแบบไม่ได้บวกกระเป๋าเพิ่ม ก็จะมีแค่ carry on 7kgs เท่านั้น แบกกันไปสวยๆ
และแล้วเราก็มาถึงสนามบิน Changi Airport จริงๆที่นี่เค้าขึ้นชื่อว่าเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกเลยนะ แต่ด้วยความที่เที่ยวบินของพวกเราเป็นเลทไฟลท์ เลยถึงค่อนข้างจะดึกมาก ประมาณตี 3 ได้ บวกกับความเหนื่อยล้าจึงไม่ได้ไปสำรวจสนามบินเค้าเท่าไหร่ และสำหรับคืนแรกเราเลือกที่จะนอนสนามบินกัน เพราะเราต้องการประหยัดกันขั้นสุด ไม่ยอมเสียค่าโรงแรมนั่นเอง สภาพก็จะประมาณนี้ 55555 พอ 6.30 น. ก็ตื่นไปแต่งหน้า เรียกแท็กซี่ไปโรงแรมก่อนจะเริ่มลุยสิงคโปร์วันแรก
Day 1
– Ya Kun Kaya Toast, Singapore Zam Zam, Haji Lane, The Shoppes, Garden by The Bays –
มิชชั่นอย่างแรกของเราใน day 1 นี้คือซื้อตั๋ว EZ-Link แบบ Unlimited: http://thesingaporetouristpass.com.sg/ และหาซื้อซิม Singtel แต่ก่อนอื่นเลยขอแวะกินข้าวเช้าก่อน หลังจากที่หลับๆตื่นๆในสนามบินมาทั้งคืน 55555
สำหรับมื้อแรกที่สิงคโปร์ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจาก Ya Kun Kaya Toast http://yakun.com/ อาหารประจำชาติสิงคโปร์ ใครๆก็ต้องมากิน ซึ่งจริงๆมีหลายสาขา แต่ที่กานไปกินเป็นสาขา Original อยู่ที่ China Town นั่นเองค่ะ ร้านจะออกสีเหลืองพาสเทล น่ารักๆ ให้อารมณ์เหมือนอยู่จีน ตรงคอนเซ็ปท์ China Town 55555 เมนูซิคเนเจอร์ที่ต้องสั่ง คือ Kaya Butter Toast มันคือขนมปังทาด้วยสังขยาสอดไส้เนย ซึ่งสังขยาเค้าไม่เหมือนบ้านเรานะจะมีกลิ่นอ่อนๆของมะพร้าวด้วย และที่เด็ดคือสอดไส้เนยมาทั้งก้อน กานเลือกสั่งแบบเป็นเซ็ทก็จะเสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ลวก 2 ฟอง กับกาแฟ 1 แก้ว ค่ะ และอีกเมนูที่กานสั่งมาคือ French Toast หรือขนมปังชุบไข่ทอดซึ่งเสิร์ฟมาพร้อมกับสังขยาอีกด้วย
รสชาติเอาตรงๆนะ กานว่าเฉยๆ ถามว่าอร่อยมั๊ยก็โอเค แต่ไม่ได้แบบโอ้โห อร่อยเว่อร์วังอะไรขนาดนั้น เหมือนขนมปังปิ้งทาเนยจิ้มไข่ จบ 555555 French Toast พูดเลยว่าไม่ใช่สไตล์ ยังไม่ได้โดนใจในจุดนี้ มันค่อนข้างแห้งไปนิด ไม่ถูกปากเราเท่าไหร่ค่ะ กาแฟที่นี่คือรสชาติเหมือนโอเลี้ยงตามร้านกาแฟชงๆอ่ะ กานเฉยๆ มาก แต่ก็ถือว่าได้มาลองแล้วถึงที่ก็โอเคค่ะ
สำหรับซิม Singtel กานไปซื้อที่เซเว่นแถว China Town ก่อนไปกินข้าวค่ะ ราคาอยู่ที่ 15 SGD ได้เน็ต 100 GB ใช้ได้ 5 วันค่ะ จริงๆที่กานพักแถว Bugis ก็มี แต่แถบนั้นนักท่องเที่ยวเยอะ ซิมหมดเกลี้ยงเลย ที่สิงคโปร์มันจะมี Starhub กับ Singtel เพื่อนที่เคยอยู่สิงคโปร์บอกกานว่า Singtel สัญญาดีกว่ามากและถูกกว่า กานเลยเลือกซื้อ Singtel มาใช้ ซึ่งจริงๆที่สนามบินก็มีขาย แต่ว่าแพง ไปหาซื้อเอาที่เซเว่นดีกว่านะ
หลังจากกินเสร็จกันแล้วก็ได้เวลาตามหา บัตร EZ-Link กันต่อค่ะ สำหรับบัตร EZ-Link Unlimited จะมี แพ็คเกจ 3 แบบ ด้วยกัน แบบ 1 วัน 2 วันและ 3 วัน ซึ่งแบบ unlimited จะใช้ขึ้นได้แค่รถบัสและรถไฟเท่านั้น ค่ะ แต่ก็ถือว่าครอบคลุมแล้วนะ แล้วก็สะดวกสบายมากๆ ไม่ต้องมาคอยเติมตังหรือคิดเงินให้ปวดหัว กานไป 3 วันจึงเลือกแพ็คเกจที่ 3 ราคา 30 SGD (20 SGD สำหรับ Unlimited และ 10SGD สำหรับค่าบัตรซึ่งเราจะได้เงินค่าบัตรคืนที่หลังนะคะ และบัตรมีอายุการใช้งาน 5 ปี ซื้อที่เดียวเก็บได้ยาวๆ) พนักงานที่สถานีรถไฟ บอกว่าซื้อได้ที่เดียวคือที่ China Town, Exit C เท่านั้น เอาจริงๆก็งงนะ เพราะในเว็บบอกว่ามีหลายสถานีที่ซื้อได้ เอ๊ะยังไง! 555 แต่เราก็ไปซื้อตามที่เค้าบอกและพูดเลยว่า เหนื่อยมาก (ก.ไก่ล้านตัว) หลงหนักมาก กว่าจะหา exit C เจอ คือเดินแบบอ้อมโลก และสิงคโปร์ร้อนมากกกก เกือบแย่ค่ะ 55555
พอได้ EZ-Link มาแล้ว เราก็จะไปต่อกับอาหารอินเดียชื่อดังในสิงคโปร์ เพื่อนของเพื่อนกานที่อยู่สิงคโปร์อาสาพาไปกิน เค้าบอกว่าอร่อยมากๆก็ต้องไปลองกันซักหน่อย ร้านนั้นก็คือ Singapore Zam Zam: https://zamzamsingapore.com/ นั่นเองค่ะ ร้านนี้อยู่ที่ Arab Street ไปถึงแล้วร้านจะอารมณ์สไตล์บ้านๆ สีสันฉูดฉาดสไตล์อินเดีย ร้านข้างนอกเป็นสีเขียว ตัดด้วยโต๊ะสีชมพูแปร๊ด คนมากินเยอะมากเต็มร้านทั้งสองขั้น ที่กานสั่งมาจะมี บิรยานีปลา (Fish Biryani) เสิร์ฟมาพร้อมกับปลาอบราดซอสโปะด้วยข้าวหมักเครื่องเทศ กินคู่กับแกงกะหรี่ และ มะตะบะไก่ (Chicken Mataba) อันนี้อารมณ์เหมือนโรตีไส้ไก่ เสิร์ฟมาพร้อมกับแกงกะหรี่เหมือนกันแต่คนละชนิดกับจานแรก
หลังจากที่กินแล้ว พูดเลยว่ามันเด็ดดวงมาก ดีงามพระรามแปด คืออร่อยมากๆ แกงกะหรี่ที่เสิร์ฟมากับปลา เผ็ด รสชาติจัด ไม่เลื่ยนเลย กินคู่กันคือดี ส่วนมะตะบะไก่แป้งก็นุ่มมาก คิดว่าเหมือนเอาแป้งไปชุบไข่ ไก่ที่สอดไส้มาคือเยอะมากและไก่นุ่มมาก โอ้ยคือดี ร้านนี้แนะนำให้ไปกินจริงๆ อร่อยค่ะ พนักงานนางก็น่ารัก กานแอบถ่ายตอนเค้าทำ เค้าเห็นก็เรียกกานเข้าไปถ่ายในร้านเลย 55555 น่ารักมากๆค่ะ
พอกินเสร็จเพื่อนของทิฟฟานี่ก็พาไปต่อที่ Signature อีกอย่างของสิงคโปร์ นั่นก็คือชาชักนั่นเองค่ะ เรียกว่า Teh Ta-Rik ซึ่งกานสั่งแบบไม่ใส่น้ำตาล ก็อร่อยแบบเฉยๆ เหมือนชาชักบ้านเรา เอาจริงชาไทยบ้านเราเข้มข้นกว่านะในความรู้สึก 55555 ลองมากินกันดูเนอะ อยู่แถวๆ Arab Street เนี่ยแหละ ไม่ไกลกับร้านนั้นมากค่ะ
ขอเบรคกับอาหารแล้วมาต่อกันที่สถานที่ท่องเที่ยวกันบ้าง เนื่องจากมาแถว Arab Street เราจึงแวะมาเดินเล่นกันที่ Haji Lane ซึ่งเป็นถนนเล็กๆที่มีความฮิปสเตอร์อยู่สูงมาก มี Street Arts, Wall Arts เต็มไปหมด จุดเด่นของที่นี่เค้าแหละ คนก็มาถ่ายรูปกันตรงนี้ ร้านคาเฟ่นั่งชิวต่างๆก็เยอะนะ และอีกจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันก็คือตึกร้านขายของกระจุกกระจิกที่มีสีสันสดใสสวยๆ นั่นเองค่ะ
เดินเล่นกันพอหอมปากหอมคอเราก็มาต่อกันที่ The Shoppes by The Bay: https://www.marinabaysands.com/shopping.html เอาจริงๆ ไม่ได้ทำอะไรมากค่ะ มาแค่ตากแอร์เย็นๆเท่านั้นเพราะร้อนมาก ห้างนี้ตั้งอยู่ที่ Marina Bay ข้างบนจะเป็นโรงแรมที่มี Roof Top, Infinity Pool และมีคาสิโน ซึ่งราคาสูงมาก ใครมีงบก็จัดกันไปนะคะ นอกจากนั้นห้างนี้ยังมีพวกของแบรนด์เนมต่างๆอยู่เยอะมากอีกด้วย อารมณ์พารากอนดีๆนี่เองค่ะ
หลังจากนั่งพักแปปนึง ก็ได้เวลาไปหา สิงโตพ่นน้ำ (Merlion) จุดพีคขึ้นชื่อของสิงคโปร์กันแล้ว Merlion ถือว่าเป็นสัตว์ประจำชาติของสิงคโปร์ อารมณ์เหมือนช้างบ้านเรานั่นเอง เบื้องหลังเบื้องลึกของสิงโตพ่นน้ำก็มี แต่เกรงว่าจะยาว ไปอ่านต่อเอา ที่นี่ https://www.visitsingapore.com/th_th/see-do-singapore/recreation-leisure/viewpoints/merlion-park/ นะ และด้วยอะไรดลบันดาลใจไม่รู้ กานและเพื่อนเลือกที่จะเดินจาก The Shoppes ไป ซึ่งอ้อมโลกมากอีกเช่นเคย 55555 พอมาถึง Merlion บอกตรงว่าคนเยอะมาก (ก.ไก่แปดแสนล้านตัว) และท่า Signature ที่ทุกคนต้องไปถ่ายคือ ท่ากินน้ำนั่นเองค่ะ ใครมาแล้วไม่ทำท่านี้ พูดเลยว่ามาไม่ถึง 555555
เนื่องจากว่าใกล้จะค่ำแล้วที่ที่เราแพลนไว้อีกที่ก่อนกลับโรงแรมวันนี้คือ Garden by The Bays: http://www.gardensbythebay.com.sg เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่รวมพืชพันธ์หลากหลายชนิดเอาไว้ จริงๆเค้ามีโดมที่เรียกว่า Cloud Forest อันนั้นก็สวยมาก แต่เราไม่ได้มีโอกาสเข้าไปกันค่ะ เอาแค่รูปต้น Super Tree มาฝากแล้วกันเนอะ ตอนใกล้ค่ำกับตอนกลางคืนก็จะให้ฟิวคนละแบบกันไปค่ะ
ตอนกลางคืนจะมีการแสดงโชว์ไฟตามเสียงเพลงสวยๆด้วย โดยเค้าจะเรียกโชว์นี้ว่า Garden Rhapsody ต้นไม้ Super Tree ต้นไม้กลับหัวที่มีความเหมือน The Upside Down ใน Stranger Things ยังไงยังงั้นเนี่ย ก็จะมีไฟระยิบระยับเต้นไปตามเสียงเพลง วันที่กานไป คนมาดูกันเยอะมาก ยิ่งดึกยิ่งคนเยอะ รอนอนดูไฟกันเลยทีเดียว กานและเพื่อนซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปดูไฟด้านบนตามรูปด้านล่างด้วย ราคาคนละ 8 SGD โชคดีที่ได้รอบสุดท้าย ไม่งั้นอดขึ้นไปแน่ๆ ด้านบนถ่ายรูปสวยมากนะ มันเห็นวิวทั้งหมดที่เป็น Signature เลยค่ะ
วันแรกก็ขอจบทริปเพียงเท่านี้ก่อน หลังจากถ่ายรูปอะไรกันเสร็จ พวกเราก็มุ่งตรงกลับโรงแรมเพราะสู้กับอากาศที่ร้อนกันมาทั้งวันบวกกับแถบจะไม่ได้นอน ทำให้เหนื่อยล้ามากๆ ขอไปพักออมแรงให้กับวันที่ 2 ต่อไปค่ะ
*ต่อในคอมเม้นน๊า*