[CR] เมื่อฉันไปอินเดีย - Jaisalmer ขี่อูฐ เมืองสีทอง นอนกลางทะเลทราย ที่นอนที่กว้างที่สุดที่เคยนอนมา

เมื่อฉันไปอินเดีย EP 1 - Jaisalmer ขี่อูฐ นอนกลางทะเลทราย ที่นอนที่กว้างที่สุดที่เคยนอนมา
อินเดีย แหล่งรวมสีสัน วัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามมาก การเดินทางครั้งนี้ประกอบด้วยเพื่อน 4 คนที่บางคนมาเจอกันเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำและได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในอินเดียแบบที่ลืมไม่ลงแน่นอน จากการวางแผนวันแรกถึงวันสุดท้ายมันเป็นอะไรที่สนุกมาก ทุกอย่างคือความแปลกใหม่ มันคือ ประเทศ อินเดียนี่เองละจ้า 
เนื่องจากเราไปมาหลายเมือง เราจึงค่อยๆเขียนเป็น episode ไปสำหรับการเดินทางครั้งนี้ โดยเราเริ่มจากการบินไปที่ Jaipur บินต่อไป เมือง Jaisamer นั่งรถไฟกลับมา Jaipur นั่งรถไฟไป Dehli ขึ้นเครื่องบินไป Leh Ladakh บินกลับไป Dehli ก่อนที่จะกลับกรุงเทพ ดูมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนในการเดินทางของเราแบบสมบุกสมบันมากกก โดยเราจะเขียนเรื่องราวที่แรกของเราก่อนคือ เมือง Jaisalmer นั่นเองจ้าา
--------------------------------------------
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่:
เที่ยวรัสเซียด้วยตัวเอง 14 วัน ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด - https://ppantip.com/topic/32474513
Roadtrip ที่อุบล  - https://ppantip.com/topic/33227025
รีวิว Aeroflot นั่งไปยุโรปราคาสุดประหยัด - https://ppantip.com/topic/33399512
a small northern light town - มันมีอะไรที่ Tromsø? -https://ppantip.com/topic/36240405 
เที่ยวฮาร์บินท้าความหนาวฉบับฉายเดี่ยวและ Ice and Snow Festival 2018 - https://ppantip.com/topic/37349774
 
เข้ามาคุยกันได้ที่
------------------------------------------------------------------
-JAISALMER-
ชื่ออาจจะฟังดูไม่ค่อยคุ้นเคยกันว่ามันคือที่ไหน มาทำอะไรกันที่นี่!?! ที่นี่คือเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในราชาสถานที่ติดกับประเทศปากีสถาน มีชื่อเล่นว่า “Golden City” หรือ เมืองสีทองนั่นเองเพราะสิ่งก่อสร้างที่นี่จะเป็นสีเหลืองทองกันทั้งเมือง แต่ก่อนเป็นเส้นทางการค้าขายที่มั่งคั่งมาก จนมีมหาเศรษฐีอยู่ที่นี่เยอะ จนมีคฤหาสน์สวยๆที่เรียกว่า Haveli เต็มไปหมด แต่พอมุมไบกลายเป็นเมืองการค้าที่ใหม่ ที่นี่จึงกลายเป็นเมืองที่ถูกลืมไปซะงั้น ท่ามกลางทะเลทราย Thar ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการมา desert safari กับทะทรายที่สวยงามกับราคาที่ประหยัดเว่อแบบไม่ต้องชายตามองดูไบอีกต่อไป และจุดมุ่งหมายของเราในเมืองนี้คือการไปนอนกลางทะเลทรายท่ามกลางดวงดาวกันนั่นเอง!
 
ทำไมต้อง Jaisalmer?
Jalsaimer เป็นเมืองติดชายแดนระหว่างปากีสถานกับอินเดีย ที่โด่งดังในเรื่องของทะเลทรายและเมืองที่สวยงาม มีภูมิทัศน์แตกต่างจากเมืองอินเดียที่เราคุ้นเคย มีป้อม Jaisaimer Fort ที่สวยงามและยิ่งใหญ่ตั้งอยู่กลางเมือง และนี่คือหนึ่งในรูทที่มีคนทำจำนวนหนึ่งในทริปเดียวกับการไปเลห์ลาดักอีกด้วย ไฮไลท์ที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการได้ไปนอนกลางทะเลทรายกลางแจ้ง ดูดาวสวยๆ ในราคาคนละไม่เกิน 800 บาทไทย ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าเว่อวัง อยากให้ไปลองกันซักครั้ง
 
ไป Jaisalmer ช่วงไหนดี
ช่วงที่อากาศดีและเมืองสวยที่สุดคือช่วงปลายปีไปถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะไม่ค่อยแนะนำช่วงที่เราไปเท่าไหร่เพราะเราไปช่วงฤดูร้อน ซึ่งจะร้อนจัด และป้อมปราการไม่เปิดไฟเนื่องจากเป็นช่วง Low Season จึงทำให้เราอดเห็นแสงสวยๆที่ส่องไปทั่วเมือง อาจจะต้องเลือกระหว่างจะไปเลห์ช่วงพีคหรือไป Jaisalmer ในช่วงที่ดีที่สุดเพราะอากาศจะต่างกันค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น แต่ถ้าเจออากาศร้อนมากๆก็น็อคได้อยู่เหมือนกัน
ขอเล่าคร่าวๆเกี่ยวกับการเตรียมตัวให้กับผู้ที่ไม่เคยไปอินเดียมาก่อนหรือจะไปอีกหลายๆรอบ
การขอวีซ่าอินเดียด้วย E-Visa 
เราได้ขอ E-Visa ของ India เอาไว้ซึ่งมีขั้นตอนง่ายมากก และราคาถูกกว่าการทำตรงกับสถานทูตประมาณเท่าตัว แต่ E-Visa สามารถใช้ได้กับแค่บางเมืองเท่านั้น ซึ่งหลักๆจะอ้างอิงเมืองแรกที่เราไปถึง ซึ่งเราไปลงที่ Jaipur ซึ่งเป็นเมืองที่สามารถขอ E-Visa ได้ค่ะ ค่าวีซ่าอยู่ที่ประมาณ 2,800 บาทต่อคนสำหรับราคาล่าสุด อันนี้แล้วแต่บัตรเครดิตชาร์จไปเท่าไหร่ด้วยเนอะ
**ลิ้งค์หลอกมีเยอะมาก ระวังพวก Agency บางครั้งโทรมาหาเลยจ้า ให้ใช้ลิ้งค์นี้ในการจอง E-Visa กับทางสถานทูตเท่านั้น
ลิ้งค์ไปขอ E-Visa >> https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
ลิ้งค์ดูรายชื่อเมืองที่ใช้ E-Visa ได้ (ดูจากเมืองแรกที่เราบินลง) >>  https://www.tripsavvy.com/india-e-tourist-visa-information-1539765
สิ่งที่ต้องใช้ภาพถ่าย:
พื้นหลังสีขาว ขนาด 1 x 1  ไฟล์.jpg นะจ้ะ (ถ่ายภาพจากมือถือธรรมดาก็ได้)
หน้าสแกนพาสปอร์ตแบบไฟล์ PDFบัตรเครดิต  visa / master card
สำหรับขั้นตอนการขอวีซ่าแบบละเอียดเข้าลิ้งที่ได้เลยจ้า
จากบล๊อค Goanywhere: https://goanywhere.co/2017/11/22/indiaevisa2017/
การขอวีซ่ากับสถานทูตอินเดียสามารถขอที่สถานที่ทูตได้เลยโดยนำเอกสารเกี่ยวกับการเดินทาง โดยค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 4,100- 4,500 บาท
ซึ่งมีความยุ่งยากกว่าและได้เตรียมเอกสารที่เยอะกว่ามาก
**เช็คขั้นตอนการขอวีซ่าทั้งสองแบบและข้อมูลอย่างละเอียดเข้าลิ้งที่ได้เลย: https://www.skyscanner.co.th/news/how-to-apply-india-visa-2017

Day 1: การเดินทางจากประเทศไทยไป Jaisalmer
จาก Jalsaimer เราไม่มีบินตรงจากประเทศไทย ต้องไปต่อเครื่องที่ไจปูร์ หรือเดลี ก่อน แนะนำให้ไปลง Jaipur เพราะราคาค่าตั๋วถูกกว่าจากเดลี เราจองตั๋วเครื่องบินจาก Air Asia เอาไว้เพื่อบินไปไจเปอร์ และต่อเครื่องภายในประเทศ ของสายการบิน Spice Jet ไปที่จัยซัลเมียร์ ด้วยเครื่องบินใบพัด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้ลองนั่ง มีความตื่นเต้นเว่ออ ตอนนี้จากไฟลท์จากไจปูร์ไป จัยซัลเมียร์ มีแค่ไฟลท์เดียวต่อวันเท่านั้น ซึ่งแต่ละช่วงเวลาบินก็เปลี่ยนกันไป ตั๋ว one-way ราคาประมาณ 1,300-1,400 บาท ส่วนถ้าใครไปจาก Dehli ก็สามารถบินตรงไปจัยซัลเมียร์ได้เช่นกัน ในราคาประมาณ 3,000 บาท
ของที่ควรเอาไปเมื่อไปนอนกลางทะเลทรายที่ Jaisalmer
ด้วยความที่เราไม่ได้นอนโรงแรมติดแอร์สะดวกสบายแต่ไปนอนกันกลางทะเลทราย เลยต้องมีอุปกรณ์ให้พร้อมดังนี้:
ทิชชู่เปียก – เวลาไปเข้าห้องน้ำตามพุ่มไม้ละเช็ดตัวเพราะไม่มีที่อาบน้ำ
ร่ม – เอาไว้บังเวลาเข้าห้องน้ำได้ดีมาก
ผ้าปิดปาก – ปิดไม่ให้ทรายเข้าปากเวลานอนตอนกลางคืน เรากินทรายไปเยอะมากตอนตื่นมา
ที่อุดหู – เสียงลม เสียงอูฐกินหญ้า พกมาไว้หลับบายแน่นอน
ไฟฉาย – ทะเลทรายมืดมากก ยกเว้นว่าวันนั้นจะมีพระจันทร์ พกไฟฉายเวลาเดินไปหาห้องน้ำหรือส่องนู่นนี่
แบตสำรอง – ชาร์ตมาให้เต็ม ไม่มีที่ไหนให้เสียบนะจ๊ะ
เสื้อหนาว– เผื่อในช่วงที่ไปหนาว ควรเอาไปเผื่อด้วย
 
จากสนามบินดอนเมืองสู่ไจปูร์เราจองตั๋วเครื่องบินจาก Traveloka เพราะมีโปรบ่อยๆ ใช้คูปอง Promo แล้วคุ้มมาก แถมเพื่อนบางคนไม่มีบัตรเครดิตก็จ่ายเซเว่นกันไปชิวๆนะจ้า
 
วันนี้เราบินกันเป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นการไปเที่ยวที่มีความดิ้นรนตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องเนื่องจากคนที่ดอนเมืองเยอะมากจ้า ขนาดเข้าแถวต่อเช็คอินกันได้เรียกได้ว่าเกือบชั่วโมง T_T ตอนนี้เช็คอินเรียบร้อย อีก 10 นาทีคือเรียก boarding แล้ว immigration ก็ยังไม่ได้ตรวจ กระเป็าก็ยังไม่ได้เช็ค มีอาการสติหลุดกันเรียบร้อย 555 สุดท้ายทุกคนเรียกว่าใส่เกียร์หมา ขึ้นเครื่องแบบเหงื่อตกกันไป แนะนำเลยว่าจะมาดอนเมืองมาล่วงหน้านายๆเลยจ้า 3 ชั่วโมงเลยก็ได้ สนามบินช่วง 4-8 โมงเย็นคนเยอะเหลือเกินน
เมื่อถึงไจปูร์
หลังจากบินอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งกับความวุ่นวายบนเครื่องของคนอินเดีย ได้ยินกิตติศัพท์มาเยอะ รู้สึกถึงของจริง และเทรนด์ selfie ของคนอินเดียที่มาแรงมากก คุณพี่จะถ่ายแต่เครื่องบิน ไม่ยอมขึ้นเครื่องกันแล้วค่ะจุดนี้ 555
เนื่องจากไฟลท์ Jaisalmer จะบินอีกในวันรุ่งขึ้น เราเลยจองโรงแรมหนึ่งคืนไว้นอนที่ไจปูร์ และแพลนที่จะเที่ยวกันในเมืองนิดหน่อย เนื่องจากไฟลท์เราเป็นไฟลท์บ่าย เราจองโรงแรมชื่อ Hotel Siler Pride ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินมาก มี Free Shuttle รับ-ส่งที่สนามบินด้วย ทำให้สบายกับการเดินทางในตอนดึกมาก อยากจะแนะนำเลยเพราะราคาไม่แพง สะอาด ห้องกว้างมากก พนักงานก็น่ารักมากเช่นกัน คือเป็นโรงแรมในอินเดียที่เรารู้สึกว่าโอเคมากในการมานอนหนึ่งคืนเพื่อทรานซิทที่เรามั่นใจว่าเวิคและสะอาดแน่นอน เราจองผ่าน booking.com สามารถคุยกับเค้าเครื่อง shuttle bus ได้เลย ทางโรงแรมจะถือป้ายชื่อเอาไว้ตอนเราออกมาหน้าประตู
 
การสั่งอาหาร Delivery India
ด้วยความที่พวกเราหิวมากจากไฟลท์ที่เรามาไม่มีอาหาร กว่าจะมาถึงก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ร้านอาหารก็ไม่มี โรงแรมเลยแนะนำให้เราใช้เข้าเว็บหรือแอพก็ได้ที่ชื่อว่า Zomato มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย + เมนูอาหารให้สั่งได้เลย เราสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเงินสดหรือจ่ายบัตร คล้ายๆ foodpanda, Lineman บ้านเรา เราเซฟๆตัวเองในวันแรกด้วยข้าวผัด จำได้ว่าราคาถูกมากจนน่าตกใจแต่ได้ข้าวมาเยอะมาก แต่ไม่มีเนื้อสัตว์ใดๆ  หลังจากสวาปามอาหารกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาแยกกันไปนอนตอนประมาณตี 4 
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
ต่อคอมเม้นต์ด้านล่างนะจ้า
 
ชื่อสินค้า:   อินเดีย India ราชสถาน Rajasthan รถไฟ Train ไจซาลเมอร์ Jaisalmer
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่