เมืองหลวง Dehli , เมืองหลัก Agra
Jaipur นครสีชมพู , Jodhpur นครสีฟ้า และ Jaisalmer นครสีทอง
- เมื่อพูดถึงประเทศอินเดียคุณนึกถึงอะไรกันบ้าง ??
โรตี ส่าหรี ทัสมาฮาล ชาวมุสลิม แขกโพกผ้า อาบังขายถั่ว แม่น้ำคงคา ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา หรือรถไฟที่คนเบียดเสียดกันขึ้นเยอะๆ ความเป็นจริงมันไม่ได้มีแค่นี้ พวกเราอาจจะได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ่อย หรือเห็นจากภาพจากที่ต่างๆ ที่ทำให้เราจำภาพของประเทศอินเดียเป็นแบบนี้ แต่มันมีอะไรอีกเยอะแยะมากมายที่น่าสนใจ ดึงดูดให้เราไปเที่ยว ไม่อันตรายเลย สำหรับเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ภาพคนถิ่นเดิมๆ วิถีชีวิตเดิมๆ ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไปตามท้องถนน ทุกคนยิ้มแย้มอัธยาศัยดี พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ลองไปเที่ยวแล้วคุณจะติดใจ
- สิ่งที่จะลืมไม่ได้สำหรับการมาเที่ยวอินเดีย ครีมกันแดด แว่นตากันแดด กระดาษทิชชุ่ธรรมดา กระดาษทิชชุ่เปียก และหน้ากากกันฝุ่น เพื่อการท่องเที่ยวที่เพลิดเพลิน 55+
- สำหรับนักท่องเที่ยวยังต้องใช้ Visa สามารถทำ E-Visa หรือ Visa ออนไลน์ง่ายๆ แต่ครั้งนี้ราคาปรับขึ้นจาก 50$ เป็น 80$ รวมค่าธรรรมเนียมเพิ่มอีก 2.xx$ เดินทางเข้าอินเดียรอบ 2 ให้ดูวันที่หมดอายุที่ ตม. เขียนไว้ให้ตอนเข้าครั้งแรก ถ้ายังอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ก็เข้าได้เลย สนามบินไหนก็ได้ในอินเดีย รีวิวการทำ E-Visa
https://neetiewdiary.com/2018/07/17/how-to-visa-india-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A-e-visa/
- ทริปครั้งก่อนที่เคยเขียนไว้เกี่ยวกับชัยปุระ เพิ่มเติมเผื่อใครที่ยังไม่เคยอ่าน
https://ppantip.com/topic/37696378
- ติดตามหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ ทาง FB เพจ ตะลุยอินเดีย
https://www.facebook.com/taluiindia/
ตอบคำถามและแนะนำได้นิดหน่อย ถ้าตอบได้นะยินดีเลยค่า
- ทริปนี้เราเริ่มต้นการเดินทางจากเดลี เนื่องจากมีภารกิจที่ต้องทำที่นั่นก่อน หลังจากนั้นก็ตามไปสมทบกับเพื่อนที่ชัยปุระ
เนื่องจากทริปเก่าๆก่อนๆ ทำให้เพื่อนที่เห็นรูปแล้วร้องงอแงตามมาเที่ยว การเดินทางครั้งนี้ เราเลือกการเดินทางโดยรถไฟ เนื่องจากความเหมาะสมด้านราคา เวลาออกเดินทาง เวลาที่ถึงชัยปุระ และระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางไม่มากนัก
-ขบวนรถไฟเป็นตู้แบบ 2 ชั้น เป็นครั้งแรกกับรถไฟขบวนแบบนี้ แอบตื่นเต้น รายละเอียดขบวนรถไฟตามนี้นะคะ ขบวนที่เราใช้ในการเดินทาง JP Double Dcker (12986) ออกเดินทาง 17.35 น. ถึงชัยปุระเวลา 22.05 น. ใช้เวลาในการเดินทาง 4.5 ชั่วโมง ตั๋วอยู่ที่ราคา640 รูปี/คน ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่ม แต่มีพนักงานเดินขายอาหาร เครื่องดื่ม ขนมคบเคี้ยวตลอดการเดินทาง แอร์เย็นๆ ที่นั่งนั่งสบาย ขบวนสะอาดมากก นั่งหลับไปอึดใจเดียวก็ถึงชัยปุระแล้วว
- ระยะเวลาของทริปนี้ 16 ส.ค.2561-24ส.ค.2561
- 16 ส.ค. เดินทางจากเดลี – ชัยปุระ
- 17 ส.ค. ชัยปุระ Birla Mandir-Laxmi Narayan , Amber Fort , Panna Meena Kund Step Well , City Palace , Pratika Gate , Albert Hall Museum , Hawa Mahal , Market
- 18 ส.ค. Desert National Park Jaisalmer , Camel Safari Sunset , Rajputana Desert Camp
-19 ส.ค. Jaisalmer Fort ( Golden Fort ) , Jodhpur( Mehrangarh Fort , Umaid Bhawan Palace Museum ) กลับ Jaipur
-20 ส.ค. Ganesh Temple , Shopping ( ตลาดหน้า Hawa mahal ) กลับเดลี
-21 ส.ค. พักผ่อนในเดลี
-22 ส.ค. Agra ( Taj mahal , Agar Fort , Tomb of I'timad-ud-Daulah หรือ Baby Taj Mahal , Mehtab Bagh สวนตรงข้ามหลัง Taj Mahal )
-23 ส.ค. Janpath Market , ร้านอาหาร (DLF CyberHub)
- 24 ส..ค. เดินทางกลับ Indira Gandhi International Airport
- อีกหนึ่งคำแนะนำสำหรับผู้ที่คิดว่าอยากไปเที่ยวแล้วอยากไปเมืองต่างๆ เยอะๆหลายๆ เมืองด้วยเวลาสั้น หลังจากจบทริปนี้แล้ววววววว อยากจะบอกว่า ใจเย็นๆกันนะคะ เพราะยังไงเราก็ไม่สามารถเก็บเที่ยวทั้งหมดได้ด้วยการเดินทางไปแค่ไม่กี่ครั้งสำหรับประเทศนี้ กี่ครั้งก็ไม่พอบอกเลยยยยยยย เพราะด้วยสภาพอากาศ การเดินทางที่ยาวไกล ระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เหนื่อยมากกกกกกกกกกก แล้วก็เสียดายเที่ยวได้ไม่ทั่ว อย่าเที่ยวแบบเรานะ 555+
- ถ้าใครอยากไปเที่ยวอินเดีย แล้วอยากได้รูปภาพสถานที่และบรรยากาศที่สวยงาม อย่ากลัวแดด อย่ากลัวความร้อน ให้ภาวนาให้แดดร้อนๆ แดดแรงๆ ฟ้าเปิดเลยค่ะ จากประสบการณ์ 4 รอบที่เดินทางไป ทุกช่วงฤดูกาล ทริปนี้ท้องฟ้าครึ้มเต็มไปด้วยเมฆ แต่ก็ไม่ช่วยให้ความร้อนลดลงเท่าไหร่ แถมรูปที่ได้สวยสู้รูปรอบก่อนๆ ที่ท้องฟ้าเปิด แดดแรงๆ ไม่ได้เลย
- เที่ยวรอบๆ Jaipur พวกเราก็เหมารถแท็กซี่ของบริษัท Rajputana Cabs ด้วยรถ Innova ราคา 2,000 รูปี/วัน หารกันแล้วก็โอเคไม่แพงเลยสำหรับราคานี้ สะดวกสบายรอรับส่งที่หน้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ คนขับรถรู้เส้นทาง แนะนำการท่องเที่ยว และช่วยวางแผนได้ดี และยังได้พักบนรถแอร์เย็นๆ ระหว่างการเดินทางไปยังอีกสถานที่ หายเหนื่อยไปนิดนึงง สภาพข้างนอกอากาศร้อนมากก แดดแรงมากก
- City Palace VIP Zone (โซนที่สามารถเข้าไปข้างบนที่มีห้องสีฟ้า และห้องอื่นๆ ) ค่าบัตรเข้าดีดราคาขึ้นไปแรงมากกกกกกกกกกกก จากเราเคยไปเมื่อส.ค.2560 ด้วยคนต่างชาติราคา 1,100 รูปี แต่ตอนนี้ ค่าเข้าโซนนั้นอยู่ที่ 3000 รูปี ต่อคน โอ้ยยยย แอบคิดว่าเพราะคนไทยไปเยอะ จนไกด์ยังถามเลยว่า ทำไมคนไทยมาเที่ยวเยอะจัง บางวันมีคนไทยเข้าโซนนั้น ถึง 40 กว่าคน เฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวไทย City palace ทำเงินแสนกว่ารูปี วุ้ววว ส่วนสถานที่อื่นๆ ค่าเข้าชมยังราคาเท่าเดิมค่ะ
- การเดินทางจาก Jaipur ไป Jaisalmer ก็เช่นกันทริปนี้เรามีผู้ร่วมทริปทั้งสิ้น 5 คน ครั้งนี้เราก็ยังเลือกใช้บริการบริษัทรถเจ้าประจำเจ้าเดิมที่เราใช้ทุกครั้งที่ไปเที่ยวอินเดีย ด้วยรถฟอร์จูนเนอร์ ค่าใช้จ่าย 32,500 รูปี ราคานี้รวมค่าเช่ารถ น้ำมันและสำหรับคนขับด้วยแล้ว ไม่รวมค่าไฮเวย์นะคะ แต่พวกเราก็ให้เงินพิเศษกับคนขับไปด้วย อันนี้แล้วแต่เน๊อะ พวกเราให้ไป 500 รูปี บริการดี สุภาพ รถใหม่ ปลอดภัย แนะนำค่ะ สอบถามมาให้แล้ว มีรถบริการทุกเส้นทางสามารถสอบถามได้เลยนะคะ
ช่องทางการติดต่อ
Link : website
http://rajputanacabs.in
: website
http://tempotravellerjaipur.com
: Page FB
https://www.facebook.com/rajputanacabs/
: Whatapps +918209351141 โปรไฟล์เป็นรูปรถแท็กซี่สีเหลืองๆนะคะ
Line ID : 0824539462
- ระยะทางในการเดินทางสำหรับทริปนี้
-Jaipur – Rajputana Desert Camp ระยะทาง 600 Km. ใช้เวลาเดินทาง เกือบ 11 ชั่วโมง แวะพักเข้าห้องน้ำและดื่มชาด้วยเล็กน้อยระหว่างทาง
- Rajputana Desert Camp - Golden City Fort Jaisalmer ระยะทาง 44 Km. ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 40-50 นาทีจากแคมป์ก็จะถึง
-Golden City Fort Jaisalmer – Mehrangarh Fort และ Umaid Bhawan Palace Museum @Jodhpur ระยะทาง 278 Km. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.5-5 ชั่วโมง
-Jodhpur – Jaipur ระยะทาง 350 Km. ใช้เวลาการเดินทาง 6 ชั่วโมง
- ระหว่างการเดินทาง เส้นทาง ถนน สภาพโดยรอบ เป็นอย่างไร
การเดินทางบางครั้งระยะทางไม่ได้ไกลมากแต่ใช้ความเร็วได้ไม่มาก แต่เนื่องด้วยสภาพถนนบางช่วง พวกเราขับผ่านตัวเมือง และแหล่งชุมชน มีรถติดและการจลาจรคับคลั่ง มีการบีบแตรตลอดเวลา อันนี้จริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะมีรถหรือไม่มีรถก็จะมีการบีบแตรตลอดเวลา 555+ บางช่วงของเส้นทางไม่ได้เป็น ไฮเวย์ มีวัว แพะ ที่อยู่ตามธรรมชาติ อยากทำอะไรก็ได้ จะนั่ง เดิน ยืนหรือนอนที่ไหน ตอนไหนก็ได้เช่นกัน บางครั้งก็มีฝูงสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงต้อนไปกินหญ้า แต่ช่วงที่เป็นไฮเวย์ดีงามเลยแหล่ะ รถสามารถทำความเร็วได้ระดับหนึ่ง มันก็ตื่นเต้น สนุกไปอีกแบบ
- Jaisalmer เป็นเมืองสีทอง เอ่ออ มันทองจริงๆนะ ด้วยสีสิ่งปลูกสร้าง ที่ทำมาจากหินสีเหลืองๆ แต่มันมีเยอะกระทบกับแสงแดดจนรู้สึกว่ามันเป็นสีทอง ที่มีอยู่ทั่วไปทุกที่เลย พอเข้าเขตหรือใกล้ๆ เมือง เราจะเห็นตลอดสองข้างทาง เต็มไปด้วย หินสีเหลืองทอง เมื่อเดินทางไปเที่ยวมาทำให้เข้าใจแล้วว่าทำไมเค้าเรียกเมืองนี้ว่า เมืองสีทอง
- แคมป์ที่ Jaisalmer ช่วงเวลาที่สามารถท่องเที่ยวได้ คือตุลาคม-มีนาคม ตอนแรกก็เคยสงสัยว่าปิดทำไม เพราะทริปก่อนเราไปตอนพฤษภาคม จริงๆก็อยากจะไปเที่ยวเลยตั้งแต่รอบที่แล้ว แต่!! พอไปเที่ยวในเมืองแล้วทำให้เข้าใจว่าทำไมแคมป์ถึงปิดช่วงนั้น โอ้วโหวววววววววววววววววววววว แค่ในเมืองยังร้อนมากกกกกกกกก 37-41 องศากันเลยทีเดียว ช่วงเวลาเปิดคือตุลาคม แล้วทำไมเราถึงไปเที่ยวตอนที่แคมป์ยังไม่เปิดได้ คืออยากไปมากกกก ด้วยภาระหน้าที่ทำให้มาได้ช่วงนี้ ก็เลยไปสอบถามจนได้ความมาว่าจริงๆ แล้วทีมงานเค้าเริ่มเตรียมการเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว ถ้าอยากไปตอนนี้เค้าก็อนุญาตแต่ที่พักและการบริการอาจจะยังไม่สะดวก เต็ม 100 ครบทุกสิ่ง อ๊ะได้ ด้วยความหน้ามืด อยากไปมากเราก็เลยตกลงที่จะไป
- สองข้างทางระหว่างเดินทางจากตัวเมืองไปที่แคมป์ เราจะเห็น Wind Turbine หรือกังหันลมผลิตไฟฟ้า เรียงรายเต็มสองข้างเกือบตลอด เยอะมากก สวยย แต่เราไม่ได้ลงไปเพราะแดดและอากาศที่ร้อนมาก และไม่มีเวลาแวะลงถ่ายรูป ด้วยเพราะ เดินทางมาไกล เหนื่อยแล้ว รีบกลัวไปไม่ทัน พระอาทิตย์ตกดินด้วย 55+ มีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านอยู่ที่ถนน ขอเรียกแบบนี้นะ เพื่อเก็บค่าเข้าอุทยาน แต่เราผ่านไปไม่ได้เสียเพราะไปกับรถของที่พัก แต่แอบไปดูข้อมูลมา ค่าธรรมเนียมสำหรับชาวชาติ 5,000 รูปีเลยยยย เท่ากับค่าที่พัก 1 คืน บ้าจริงงง
-เมื่อเราเดินทางจากในตัวเมืองมาก็จะเจอป้าย Rajputana Desert Camp ตามที่คุยไว้ในWhatapp เพื่อเช็คอิน ความรู้สึกประมาณนั้นนะ เป็นเพลิงหลังคามุมจาก อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แดดร้อน และแห้งแล้งมากกกกก ยังมองไม่เห็นทะเลทราย 555+ ต้อนรับด้วยชาร้อนอีกเช่นเคย ตรงข้ามมีอูฐนอนรอพวกเราอยู่ด้วย แอบตื่นเต้น หลังจากนั้นก็เป็น Camel Safari ขี่อุฐจากจุดเช็คอิน ไปที่ Thar Desert ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ขึ้นไปบนหลังอูฐพาเราเดินไปพักใหญ่ ไม่รู้เป็นเวลา หรือระยะทางเท่าไหร่ มัวตื่นเต้นกับการอยู่บนหลังอูฐ 555+ แต่พอเห็นทะเลทรายเท่านั้นแหล่ะ โอ้วโหววววววววววว หายเหนื่อย ลืมกลัวความสูงกลัวตกบนหลังอูฐ ลืมแดดที่ร้อนจ้าแผดเผา โอ้ยมันสวยมากกกกกกกกกกก ฟ้าจรดทรายย กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา สีทองอร่ามทั่วไปหมด
ช่องทางการติดต่อ
Www.rajputanadesertcamp.in
https://www.facebook.com/rajputanadesertcampjaisamler/
หรือ Whatapp No. +919783957913
: LINE ID : 0824539462 ,LINE INDIA No. +918209351141
ตะลุยอินเดีย 9 วันกับ Dehli Agra และ 3 มหานครแห่งสีสัน..... แล้วอินเดียของคุณจะเปลี่ยนไป ...
Jaipur นครสีชมพู , Jodhpur นครสีฟ้า และ Jaisalmer นครสีทอง
- เมื่อพูดถึงประเทศอินเดียคุณนึกถึงอะไรกันบ้าง ??
โรตี ส่าหรี ทัสมาฮาล ชาวมุสลิม แขกโพกผ้า อาบังขายถั่ว แม่น้ำคงคา ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา หรือรถไฟที่คนเบียดเสียดกันขึ้นเยอะๆ ความเป็นจริงมันไม่ได้มีแค่นี้ พวกเราอาจจะได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ่อย หรือเห็นจากภาพจากที่ต่างๆ ที่ทำให้เราจำภาพของประเทศอินเดียเป็นแบบนี้ แต่มันมีอะไรอีกเยอะแยะมากมายที่น่าสนใจ ดึงดูดให้เราไปเที่ยว ไม่อันตรายเลย สำหรับเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ภาพคนถิ่นเดิมๆ วิถีชีวิตเดิมๆ ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไปตามท้องถนน ทุกคนยิ้มแย้มอัธยาศัยดี พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ลองไปเที่ยวแล้วคุณจะติดใจ
- สิ่งที่จะลืมไม่ได้สำหรับการมาเที่ยวอินเดีย ครีมกันแดด แว่นตากันแดด กระดาษทิชชุ่ธรรมดา กระดาษทิชชุ่เปียก และหน้ากากกันฝุ่น เพื่อการท่องเที่ยวที่เพลิดเพลิน 55+
- สำหรับนักท่องเที่ยวยังต้องใช้ Visa สามารถทำ E-Visa หรือ Visa ออนไลน์ง่ายๆ แต่ครั้งนี้ราคาปรับขึ้นจาก 50$ เป็น 80$ รวมค่าธรรรมเนียมเพิ่มอีก 2.xx$ เดินทางเข้าอินเดียรอบ 2 ให้ดูวันที่หมดอายุที่ ตม. เขียนไว้ให้ตอนเข้าครั้งแรก ถ้ายังอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ก็เข้าได้เลย สนามบินไหนก็ได้ในอินเดีย รีวิวการทำ E-Visa https://neetiewdiary.com/2018/07/17/how-to-visa-india-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A-e-visa/
- ทริปครั้งก่อนที่เคยเขียนไว้เกี่ยวกับชัยปุระ เพิ่มเติมเผื่อใครที่ยังไม่เคยอ่าน https://ppantip.com/topic/37696378
- ติดตามหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ ทาง FB เพจ ตะลุยอินเดีย https://www.facebook.com/taluiindia/
ตอบคำถามและแนะนำได้นิดหน่อย ถ้าตอบได้นะยินดีเลยค่า
- ทริปนี้เราเริ่มต้นการเดินทางจากเดลี เนื่องจากมีภารกิจที่ต้องทำที่นั่นก่อน หลังจากนั้นก็ตามไปสมทบกับเพื่อนที่ชัยปุระ
เนื่องจากทริปเก่าๆก่อนๆ ทำให้เพื่อนที่เห็นรูปแล้วร้องงอแงตามมาเที่ยว การเดินทางครั้งนี้ เราเลือกการเดินทางโดยรถไฟ เนื่องจากความเหมาะสมด้านราคา เวลาออกเดินทาง เวลาที่ถึงชัยปุระ และระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางไม่มากนัก
-ขบวนรถไฟเป็นตู้แบบ 2 ชั้น เป็นครั้งแรกกับรถไฟขบวนแบบนี้ แอบตื่นเต้น รายละเอียดขบวนรถไฟตามนี้นะคะ ขบวนที่เราใช้ในการเดินทาง JP Double Dcker (12986) ออกเดินทาง 17.35 น. ถึงชัยปุระเวลา 22.05 น. ใช้เวลาในการเดินทาง 4.5 ชั่วโมง ตั๋วอยู่ที่ราคา640 รูปี/คน ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่ม แต่มีพนักงานเดินขายอาหาร เครื่องดื่ม ขนมคบเคี้ยวตลอดการเดินทาง แอร์เย็นๆ ที่นั่งนั่งสบาย ขบวนสะอาดมากก นั่งหลับไปอึดใจเดียวก็ถึงชัยปุระแล้วว
- ระยะเวลาของทริปนี้ 16 ส.ค.2561-24ส.ค.2561
- 16 ส.ค. เดินทางจากเดลี – ชัยปุระ
- 17 ส.ค. ชัยปุระ Birla Mandir-Laxmi Narayan , Amber Fort , Panna Meena Kund Step Well , City Palace , Pratika Gate , Albert Hall Museum , Hawa Mahal , Market
- 18 ส.ค. Desert National Park Jaisalmer , Camel Safari Sunset , Rajputana Desert Camp
-19 ส.ค. Jaisalmer Fort ( Golden Fort ) , Jodhpur( Mehrangarh Fort , Umaid Bhawan Palace Museum ) กลับ Jaipur
-20 ส.ค. Ganesh Temple , Shopping ( ตลาดหน้า Hawa mahal ) กลับเดลี
-21 ส.ค. พักผ่อนในเดลี
-22 ส.ค. Agra ( Taj mahal , Agar Fort , Tomb of I'timad-ud-Daulah หรือ Baby Taj Mahal , Mehtab Bagh สวนตรงข้ามหลัง Taj Mahal )
-23 ส.ค. Janpath Market , ร้านอาหาร (DLF CyberHub)
- 24 ส..ค. เดินทางกลับ Indira Gandhi International Airport
- อีกหนึ่งคำแนะนำสำหรับผู้ที่คิดว่าอยากไปเที่ยวแล้วอยากไปเมืองต่างๆ เยอะๆหลายๆ เมืองด้วยเวลาสั้น หลังจากจบทริปนี้แล้ววววววว อยากจะบอกว่า ใจเย็นๆกันนะคะ เพราะยังไงเราก็ไม่สามารถเก็บเที่ยวทั้งหมดได้ด้วยการเดินทางไปแค่ไม่กี่ครั้งสำหรับประเทศนี้ กี่ครั้งก็ไม่พอบอกเลยยยยยยย เพราะด้วยสภาพอากาศ การเดินทางที่ยาวไกล ระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เหนื่อยมากกกกกกกกกกก แล้วก็เสียดายเที่ยวได้ไม่ทั่ว อย่าเที่ยวแบบเรานะ 555+
- ถ้าใครอยากไปเที่ยวอินเดีย แล้วอยากได้รูปภาพสถานที่และบรรยากาศที่สวยงาม อย่ากลัวแดด อย่ากลัวความร้อน ให้ภาวนาให้แดดร้อนๆ แดดแรงๆ ฟ้าเปิดเลยค่ะ จากประสบการณ์ 4 รอบที่เดินทางไป ทุกช่วงฤดูกาล ทริปนี้ท้องฟ้าครึ้มเต็มไปด้วยเมฆ แต่ก็ไม่ช่วยให้ความร้อนลดลงเท่าไหร่ แถมรูปที่ได้สวยสู้รูปรอบก่อนๆ ที่ท้องฟ้าเปิด แดดแรงๆ ไม่ได้เลย
- เที่ยวรอบๆ Jaipur พวกเราก็เหมารถแท็กซี่ของบริษัท Rajputana Cabs ด้วยรถ Innova ราคา 2,000 รูปี/วัน หารกันแล้วก็โอเคไม่แพงเลยสำหรับราคานี้ สะดวกสบายรอรับส่งที่หน้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ คนขับรถรู้เส้นทาง แนะนำการท่องเที่ยว และช่วยวางแผนได้ดี และยังได้พักบนรถแอร์เย็นๆ ระหว่างการเดินทางไปยังอีกสถานที่ หายเหนื่อยไปนิดนึงง สภาพข้างนอกอากาศร้อนมากก แดดแรงมากก
- City Palace VIP Zone (โซนที่สามารถเข้าไปข้างบนที่มีห้องสีฟ้า และห้องอื่นๆ ) ค่าบัตรเข้าดีดราคาขึ้นไปแรงมากกกกกกกกกกกก จากเราเคยไปเมื่อส.ค.2560 ด้วยคนต่างชาติราคา 1,100 รูปี แต่ตอนนี้ ค่าเข้าโซนนั้นอยู่ที่ 3000 รูปี ต่อคน โอ้ยยยย แอบคิดว่าเพราะคนไทยไปเยอะ จนไกด์ยังถามเลยว่า ทำไมคนไทยมาเที่ยวเยอะจัง บางวันมีคนไทยเข้าโซนนั้น ถึง 40 กว่าคน เฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวไทย City palace ทำเงินแสนกว่ารูปี วุ้ววว ส่วนสถานที่อื่นๆ ค่าเข้าชมยังราคาเท่าเดิมค่ะ
- การเดินทางจาก Jaipur ไป Jaisalmer ก็เช่นกันทริปนี้เรามีผู้ร่วมทริปทั้งสิ้น 5 คน ครั้งนี้เราก็ยังเลือกใช้บริการบริษัทรถเจ้าประจำเจ้าเดิมที่เราใช้ทุกครั้งที่ไปเที่ยวอินเดีย ด้วยรถฟอร์จูนเนอร์ ค่าใช้จ่าย 32,500 รูปี ราคานี้รวมค่าเช่ารถ น้ำมันและสำหรับคนขับด้วยแล้ว ไม่รวมค่าไฮเวย์นะคะ แต่พวกเราก็ให้เงินพิเศษกับคนขับไปด้วย อันนี้แล้วแต่เน๊อะ พวกเราให้ไป 500 รูปี บริการดี สุภาพ รถใหม่ ปลอดภัย แนะนำค่ะ สอบถามมาให้แล้ว มีรถบริการทุกเส้นทางสามารถสอบถามได้เลยนะคะ
ช่องทางการติดต่อ
Link : website http://rajputanacabs.in
: website http://tempotravellerjaipur.com
: Page FB https://www.facebook.com/rajputanacabs/
: Whatapps +918209351141 โปรไฟล์เป็นรูปรถแท็กซี่สีเหลืองๆนะคะ
Line ID : 0824539462
- ระยะทางในการเดินทางสำหรับทริปนี้
-Jaipur – Rajputana Desert Camp ระยะทาง 600 Km. ใช้เวลาเดินทาง เกือบ 11 ชั่วโมง แวะพักเข้าห้องน้ำและดื่มชาด้วยเล็กน้อยระหว่างทาง
- Rajputana Desert Camp - Golden City Fort Jaisalmer ระยะทาง 44 Km. ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 40-50 นาทีจากแคมป์ก็จะถึง
-Golden City Fort Jaisalmer – Mehrangarh Fort และ Umaid Bhawan Palace Museum @Jodhpur ระยะทาง 278 Km. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.5-5 ชั่วโมง
-Jodhpur – Jaipur ระยะทาง 350 Km. ใช้เวลาการเดินทาง 6 ชั่วโมง
- ระหว่างการเดินทาง เส้นทาง ถนน สภาพโดยรอบ เป็นอย่างไร
การเดินทางบางครั้งระยะทางไม่ได้ไกลมากแต่ใช้ความเร็วได้ไม่มาก แต่เนื่องด้วยสภาพถนนบางช่วง พวกเราขับผ่านตัวเมือง และแหล่งชุมชน มีรถติดและการจลาจรคับคลั่ง มีการบีบแตรตลอดเวลา อันนี้จริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะมีรถหรือไม่มีรถก็จะมีการบีบแตรตลอดเวลา 555+ บางช่วงของเส้นทางไม่ได้เป็น ไฮเวย์ มีวัว แพะ ที่อยู่ตามธรรมชาติ อยากทำอะไรก็ได้ จะนั่ง เดิน ยืนหรือนอนที่ไหน ตอนไหนก็ได้เช่นกัน บางครั้งก็มีฝูงสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงต้อนไปกินหญ้า แต่ช่วงที่เป็นไฮเวย์ดีงามเลยแหล่ะ รถสามารถทำความเร็วได้ระดับหนึ่ง มันก็ตื่นเต้น สนุกไปอีกแบบ
- Jaisalmer เป็นเมืองสีทอง เอ่ออ มันทองจริงๆนะ ด้วยสีสิ่งปลูกสร้าง ที่ทำมาจากหินสีเหลืองๆ แต่มันมีเยอะกระทบกับแสงแดดจนรู้สึกว่ามันเป็นสีทอง ที่มีอยู่ทั่วไปทุกที่เลย พอเข้าเขตหรือใกล้ๆ เมือง เราจะเห็นตลอดสองข้างทาง เต็มไปด้วย หินสีเหลืองทอง เมื่อเดินทางไปเที่ยวมาทำให้เข้าใจแล้วว่าทำไมเค้าเรียกเมืองนี้ว่า เมืองสีทอง
- แคมป์ที่ Jaisalmer ช่วงเวลาที่สามารถท่องเที่ยวได้ คือตุลาคม-มีนาคม ตอนแรกก็เคยสงสัยว่าปิดทำไม เพราะทริปก่อนเราไปตอนพฤษภาคม จริงๆก็อยากจะไปเที่ยวเลยตั้งแต่รอบที่แล้ว แต่!! พอไปเที่ยวในเมืองแล้วทำให้เข้าใจว่าทำไมแคมป์ถึงปิดช่วงนั้น โอ้วโหวววววววววววววววววววววว แค่ในเมืองยังร้อนมากกกกกกกกก 37-41 องศากันเลยทีเดียว ช่วงเวลาเปิดคือตุลาคม แล้วทำไมเราถึงไปเที่ยวตอนที่แคมป์ยังไม่เปิดได้ คืออยากไปมากกกก ด้วยภาระหน้าที่ทำให้มาได้ช่วงนี้ ก็เลยไปสอบถามจนได้ความมาว่าจริงๆ แล้วทีมงานเค้าเริ่มเตรียมการเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว ถ้าอยากไปตอนนี้เค้าก็อนุญาตแต่ที่พักและการบริการอาจจะยังไม่สะดวก เต็ม 100 ครบทุกสิ่ง อ๊ะได้ ด้วยความหน้ามืด อยากไปมากเราก็เลยตกลงที่จะไป
- สองข้างทางระหว่างเดินทางจากตัวเมืองไปที่แคมป์ เราจะเห็น Wind Turbine หรือกังหันลมผลิตไฟฟ้า เรียงรายเต็มสองข้างเกือบตลอด เยอะมากก สวยย แต่เราไม่ได้ลงไปเพราะแดดและอากาศที่ร้อนมาก และไม่มีเวลาแวะลงถ่ายรูป ด้วยเพราะ เดินทางมาไกล เหนื่อยแล้ว รีบกลัวไปไม่ทัน พระอาทิตย์ตกดินด้วย 55+ มีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านอยู่ที่ถนน ขอเรียกแบบนี้นะ เพื่อเก็บค่าเข้าอุทยาน แต่เราผ่านไปไม่ได้เสียเพราะไปกับรถของที่พัก แต่แอบไปดูข้อมูลมา ค่าธรรมเนียมสำหรับชาวชาติ 5,000 รูปีเลยยยย เท่ากับค่าที่พัก 1 คืน บ้าจริงงง
-เมื่อเราเดินทางจากในตัวเมืองมาก็จะเจอป้าย Rajputana Desert Camp ตามที่คุยไว้ในWhatapp เพื่อเช็คอิน ความรู้สึกประมาณนั้นนะ เป็นเพลิงหลังคามุมจาก อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แดดร้อน และแห้งแล้งมากกกกก ยังมองไม่เห็นทะเลทราย 555+ ต้อนรับด้วยชาร้อนอีกเช่นเคย ตรงข้ามมีอูฐนอนรอพวกเราอยู่ด้วย แอบตื่นเต้น หลังจากนั้นก็เป็น Camel Safari ขี่อุฐจากจุดเช็คอิน ไปที่ Thar Desert ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ขึ้นไปบนหลังอูฐพาเราเดินไปพักใหญ่ ไม่รู้เป็นเวลา หรือระยะทางเท่าไหร่ มัวตื่นเต้นกับการอยู่บนหลังอูฐ 555+ แต่พอเห็นทะเลทรายเท่านั้นแหล่ะ โอ้วโหววววววววววว หายเหนื่อย ลืมกลัวความสูงกลัวตกบนหลังอูฐ ลืมแดดที่ร้อนจ้าแผดเผา โอ้ยมันสวยมากกกกกกกกกกก ฟ้าจรดทรายย กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา สีทองอร่ามทั่วไปหมด
ช่องทางการติดต่อ
Www.rajputanadesertcamp.in
https://www.facebook.com/rajputanadesertcampjaisamler/
หรือ Whatapp No. +919783957913
: LINE ID : 0824539462 ,LINE INDIA No. +918209351141