แต่ก่อนจะไปเที่ยวกัน ขอเริ่มเหมือนเดิมด้วย “ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค” นะครับ

ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: ปลอดภัยและสะดวกสบายกว่าที่คิด
แม้ว่าโมรอคโคจะอยู่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีภาพจำเรื่องความปลอดภัยที่ไม่สูงนักและทุรกันดาร แต่ประเทศนี้มีความเจริญค่อนข้างมากแล้ว โดยเฉพาะเมืองใหญ่ 4 เมืองหลัก (คาซาบล็องก้า, เฟซ, เม็คเนส, มาร์ราเกช) ที่เป็นจุดหมายหลักของการท่องเที่ยวนั้น มีสาธารณูปโภค และการเดินทางที่สะดวกสบายทั้งรถราง รถไฟ และแท็กซี่ที่หาได้ง่าย

Note: แม้จะเกริ่นว่าปลอดภัยกว่าที่คิด แต่เนื่องจากแต่ละเมืองท่องเที่ยวอยู่ห่างกันค่อนข้างมาก เราจึงควรท่องเที่ยว “ตามเส้นทางหลัก” เท่านั้นครับ เพราะจะทำให้หน่วยงานราชการสามารถคอยสังเกต และติดตามความปลอดภัยเราได้ง่ายด้วยครับ
อีกเรื่องก็คือ เนื่องจากโมรอคโคเพิ่งประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาไม่นานนัก ก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย ทำให้จำนวนมิจฉาชีพเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะพวกล้วงกระเป๋า โดยมักพบได้ตามเมืองใหญ่ๆและแออัด เช่น มาร์ราเกช และเฟซ ครับ
ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: ต้องขอวีซ่า(แต่ขั้นตอนง่ายมากกกก)
ผู้ถือพาสปอร์ตไทย ต้องขอวีซ่านะครับ แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนี้ เพราะการยื่นขอนั้นสามารถยื่นออนไลน์ ชำระเงินออนไลน์ และได้รับวีซ่าออนไลน์ (E-VISA) ได้ง่ายๆเลย โดยใช้เวลาอนุมัติหลังการชำระเงินไม่เกินครึ่งชั่วโมง!!! 😮
ซึ่งสามารถยื่นได้ที่เว็บไซต์นี้ครับ http://www.acces-maroc.ma/
ส่วนการเดินทางเข้าโมรอคโคนั้น ให้ปรินท์ E-VISA ไปด้วย โดยยื่นให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นของสายการบินตอนเช็คอินเลย และเมื่อไปถึงแล้วทาง immigration อาจขอดูอีกครั้ง
(ส่วนเอกสารต่างๆที่ระบุไว้บนเว็บไซต์ตอนยื่นออนไลน์ เช่น หลักฐานทางการเงิน เอกสารรับรองการทำงาน เอกสารการจองที่พัก ให้นำติดไปด้วยนะครับ)

ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: ฤดูกาลท่องเที่ยวและ เวลา 
ฤดูกาลที่เหมาะกับการท่องเที่ยวโมรอคโค ได้แก่ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน-พฤศจิกายน) และฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศดี โดยเฉพาะปลายเมษายนฝนเบาลง และเต็มไปด้วยสีเขียวของพืชพรรณครับ
ส่วนฤดูร้อน(ปลายมิถุนายน-กลางกันยายน) นั้น สภาพอากาศร้อนอบอ้าว โดยเฉพาะในทะเลทรายอาจพุ่งสูงมากกว่า 50 องศาทีเดียว! และเนื่องจากโมรอคโคก็อยู่ใกล้กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ดูหนาว (ปลายพฤศจิกายน-มกราคม) อากาศเย็นก็จริง แต่ก็เป็นช่วงเดือนที่มีฝนตกมากที่สุดซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวบ้างครับ
ส่วนเวลาที่โมรอคโคช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง (GMT+1) ครับ
ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: ค่าเงินและค่าครองชีพ
- โมรอคโช้ 2 สกุลเงินหลักได้แก่ โมรอคกัน ดิรัมห์ (Moroccan Dirham) และยูโร (Euro) ร้านค้าส่วนใหญ่รับชำระทั้ง 2 สกุลเงิน แต่การชำระด้วยสกุลเงินยูโรจะเสียเปรียบอัตราแลกเปลี่ยนอีกเล็กน้อย
- 1 Dirham เท่ากับ 3.5-3.8 บาท 
- สำหรับการแลก “เงินสด” จากประเทศไทยไปนั้น ไม่สามารถแลกเป็นสกุลดิรัมห์ได้ แนะนำให้แลกสกุลเงิน Euro มาก่อน แล้วค่อยมาแลกอีกต่อที่โมรอคโคครับ (แน่นอนว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่สนามบินแพงที่สุด)
- ไม่ค่อยมีระบบสแกนจ่าย หรือความเป็นสังคมไร้เงินสดเท่าไรนัก นักท่องเที่ยวนิยมมากดเงินสดจากตู้ ATM ตามเมืองใหญ่ๆครับ
- ข้อเสียเปรียบของโมรอคโคต่อการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งก็คือ *ค่ากินไม่ได้ถูกครับ* เราอาจจะประหลาดใจเมื่อเทียบคุณภาพอาหารกับราคาหลายๆครั้งเลยทีเดียวครับ

ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: ศาสนา วัฒนธรรม ภาษา อาหารการกิน
- ชื่อเต็มคือ “ราชอาณาจักรโมรอคโค” (Kingdom of Morocco) มีการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์มีอำนาจในการถอดถอนรัฐมนตรีได้ นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่จะพบขบวนเสด็จได้บ้างด้วยครับ
- ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่การแต่งกายไม่ค่อยเคร่งครัด แม้แต่ประชากรชาวโมรอคโคเองก็ไม่ได้สวมใส่ฮิญาบกันมากนัก การแต่งกายค่อนข้างเป็นสากลเลยทีเดียว
- แม้การแต่งกายไม่ได้เคร่ง แต่เรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็คงต้องถือว่าเคร่งครัดทีเดียวครับ หาร้านที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกฮอล์ได้น้อยมาก ไม่ค่อยมีจำหน่ายโดยทั่วไป แม้แต่เมืองท่องเที่ยวอย่างเชฟชาอูนเองก็มีแค่ 1-2 ร้าน และคนเต็ม 😅
- ภาษาราชการของโมรอคโคคือภาษาเบอร์เบอร์ (Berber) แต่หลายท้องที่ก็สามารถพูดภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปนได้
- อาหารท้องถิ่นโมรอคโคไม่ค่อยถูกปากผมนัก (ยกเว้นหอยทาก) ดีที่พก Nissin cup noodle ไปหลายถ้วยครับ 
- เนื้อหมูเป็นสิ่งต้องห้ามในโมรอคโค แม้แต่ร้านอาหารจีนในโมรอคโคก็ไม่มีเนื้อหมูจำหน่ายนะครับ
 - สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมมีความผสมผสานตามอิทธิพลของชาวเบอร์เบอร์ ซึ่งเป็นชนท้องถิ่นเดิม ชาวอาหรับ และยุโรป ซึ่งมีเสน่ห์ สวยงาม น่าประทับใจทีเดียวครับ
ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: ไฟฟ้า
ใช้ไฟฟ้าความต่างศักย์ 220 โวลต์เหมือนไทย ส่วนเต้าเสียบส่วนใหญ่ก็ใช้แบบไทยเลย แต่บางสถานที่จะเสียบไม่ได้ ดังนั้นพก travel adapter ไปด้วยก็ดีครับ

ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: การเดินทางจากประเทศไทย
- เครื่องบิน: ไม่มีเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศไทยและเมืองต่างๆในประเทศโมรอคโค แต่มีหลายสายการบินที่สามารถเดินทางได้โดยการเปลี่ยนเครื่อง เช่น Emirates, Qatar นะครับ โดยเมืองที่มีสนามบินนานาชาติได้แก่ คาซาบล็องก้า (Casablanca), มาร์ราเกช (Marrakesh) และราบัต (Rabat) ซึ่งสนามบินที่สะดวกสำหรับการเดินทางจากประเทศไทยมากที่สุดก็คือสนามบินที่เมือง Casablanca เนื่องจากค่าตั๋วถูกกว่าการลงที่สนามบินอื่น และมักจะใช้จำนวนครั้งในการเปลี่ยนเครื่องน้อยกว่าด้วยครับ

ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: เน็ตมือถือ
เนื่องจากเหตุผลเรื่องความปลอดภัยจากการจารกรรมทางไซเบอร์ ทำให้ระยะหลังผมเลือกใช้วิธีเปิด roaming จากประเทศไทยไป โดยไม่ได้หาข้อมูลเรื่องผู้ให้บริการที่ประเทศปลายทางเลยครับ โดยทั้ง AIS และ TRUE มีบริการโรมมิ่งที่ประเทศโมรอคโคทั้งคู่ สำหรับสัญญาณเน็ตก็ถือว่าค่อนข้างดี ขาดๆหายๆบ้างในแถบชนบท และทะเลทราย
ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: ของที่ระลึก/ของฝากน่าซื้อ 😁
สินค้าพวกเครื่องปั้นดินเผาเคลือบ เช่น จาน ชาม ทำมาได้สวยงาม และเป็นของขึ้นชื่อของโมรอคโค เหมาะกับการนำตกแต่งบ้านมากเลยครับ
สินค้าชื่อดังอีกอย่างก็คือ “พรม” ที่มีลวดลาย และความหนาให้เลือกหลากหลายตามแต่วัตถุประสงค์การใช้งาน
ส่วนเครื่องหนังของโมรอคโคยังคงกรรมวิธีการย้อมแบบดั้งเดิมไว้กว่า 800 ปี! ด้วยการนำหนังสัตว์ต่างๆมาฟอกและย้อมสีด้วยวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ขี้นกพิราบ! อ่านถึงตรงนี้แล้วก็อย่าเพิ่งยี้นะครับ เพราะตัวผลิตภัณฑ์สุดท้ายแล้วทำออกมาได้สวยงาม ไม่มีกลิ่นเหม็น ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า และอื่นๆ
ข้อควรรู้ก่อนไปโมรอคโค: ประเทศแห่งแมว 😺
โมรอคโคมีแมวเยอะจริงๆครับ โดยเราสามารถพบได้ทุกตรอก ซอย ตลอดทริปเลย ไม่ว่าจะเป็นแมวเลี้ยงหรือแมวจร โดยแมวจรก็จะมีคนคอยให้อาหารตลอด เหมือนกับชาวโมรอคโคช่วยกันเลี้ยงแมวนอกบ้านครับ 
เราเลือกใช้บริการรถพร้อมคนขับ (taxi with driver) เพื่อความสะดวกสะดวกสบายในการขนย้ายสัมภาระระหว่างการเดินทางในแต่ละเมืองนั่นเองครับ สำหรับบริษัทที่ใช้บริการก็คือ Real Morocco tours
โดยเราจะใช้เวลาเที่ยว 8-9 วัน บินไปและกลับที่ Casablanca โดยมีไฮไลต์สำคัญคือ การไปชมมัสยิดที่สูงเป็นอันดับ 2 ในทวีปแอฟริกาแต่ความสวยงามไม่เป็นรองใคร เที่ยวเมืองชายทะเลติดมหาสมุทรแอตแลนติก เดินเล่นในเมืองที่บ้านเรือนพร้อมใจกันทาสีฟ้าเหมือนกันทั้งเมือง ไปขี่อูฐและนอนค้างคืนกลางทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง “ทะเลทรายซาฮาร่า” และตามรอยแม่มังกร (mother of dragons) “เดเนรีส ทาร์แกเรียน” จากซีรีย์สชื่อดัง อย่าง Game of Thrones ครับ 😘
เอาล่ะ เมื่อพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย