มันมีอะไรที่ Tromso? เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เดินทั่วเมืองได้ภายในวันเดียว แต่มีปรากฎการณ์ธรรมชาติสำคัญที่ทำให้คนต้องแห่กันมาจากทั่วโลก แต่นอกจากแสงเหนือที่ต้องรอดูตอนกลางคืนจนจะแข็งตายแล้ว ยังมีอะไรให้เราได้เห็นอีกมั้ยนะ?
สวัสดีค่ะ หลังจากห่างหายไปนาน ได้มาลงกระทู้ซักที จขกทได้มีโอกาสไปเที่ยวนอร์เวย์มา นอร์เวย์เป็นประเทศในฝันของเรามาตลอด แต่ทริปนี้เป็นทริปฉุกเฉินสั้นๆ เมื่อพ่อได้ชวนไปดูแสงเหนือด้วยกันเป็นเวลา 4 วัน ทริปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2-7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ช่วงแห่งการเกิดแสงเหนือช่วงพีคๆเลยก็ว่าได้ เป็นอันว่าได้หาข้อมูลมาคร่าวๆ เตรียมเครื่องหนาวและออกเดินทางกันเล้ยย ตอนนี้มี Facebook Page แล้วน้าา ถ้าใครสนใจ เข้ามาทาง FB Page ได้เรื่อย จะลงกระทู้เรื่อยๆค่ะ
Facebook Page:
https://www.facebook.com/shortywander/
Blog:
https://shortywander.wordpress.com
การเดินทาง: BANGKOK-OSLO-TROMSO
เริ่มด้วยการจองตั๋วจากการบินไทย กรุงเทพ-ออสโล-ทรอมโซ จากที่ดูสายการบินมาทั้งหมด กลายเป็นว่าการบินไทยถูกสุดซะงั้น เป็นความโชคดีค่ะ
เราไปลงเครื่องกันที่ออสโล จากนั้นต่อ Domestic จากออสโลไปทรอมโซจะ operate โดย SAS เครื่องไม่ใหญ่ แต่บินได้นุ่มจริงๆ
Tips: แนะนำให้นั่งการบินไทยหรือ Norwegian Airline เพื่อ transitแค่ครั้งเดียว ถ้าไปสายการบินอื่นต้องทรานซิทสองรอบนะ ส่วนเรื่องราคา Norwegian Airlineจะถูกกว่าเนื่องจากเป็นสายการบิน Low Cost ค่ะ
ฤดูต่างๆ
ต้องเข้าใจว่า นอร์เวย์เป็นประเทศที่ค่อนข้างใหญ่และยาว (เพราะฉะนั้นสภาพอากาศและเรื่องของเวลาก็มีความต่างกันเช่นกัน
ฤดูหนาว - ธันวาคม, มกราคมและ กุมภาพันธ์
ฤดูใบไม้ผลิ - มีนาคม เมษายน และ พฤษภาคม
ฤดูร้อน มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม
ฤดูใบไม่ร่วง กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน
เรื่องของเวลาหละ
ด้วยความที่เมืองใกล้ขั้วโลกเหนือมากๆ ความยาวของกลางวันและกลางคืนมีผลอย่างมากต่อคนที่นี่ ถ้ามาช่วงฤดูหนาว ต้องแพลนการเที่ยวให้ดีมากๆเพราะพระอาทิตย์จะตกตั้งแต่ 3 โมง!! ซึ่งเราเจอมาแล้ว และคือมันมืดจริงๆ หน้าฤดูใบไ้ม้ผลิและหน้าร้อนจะตกประมาณ ก็จะตกช้าลง อยู่ที่สองทุ่ม-สี่ทุ่ม ซึ่งก็แล้ว
วันแรก
ขึ้นเครื่องในเวลา 12.45ค่ะซึ่งจะใช้เวลากินประมาณ 11 ชั่วโมง ถึงเวลาเก็บพลังงาน ก็พยายามนอนยาวเลยค่ะ
แอบถ่ายมาหารมาให้ชมกันนิดหน่อยด้วย
เราถึงกันที่ท่าอากาศยานออสโลประมาณเกือบ 6 โมง ยังมืดๆอยู่เลยค่ะอากาศข้างนอกอยู่ที่ประมาณ -4 องศา หนาวสุดใจไปเลย ข้างในสนามบินที่ดีมีความ modern และสวยมากๆ ชอบการก่อสร้างแบบสแกนดิเนเวียนจริงๆนะ อยากสร้างบ้านแบบนี้ (ไปอิเกียกัน)
เวลาต่อเครื่องมา Domestic ที่นี่ เป็นกฎที่เราต้องไปเอากระเป๋าก่อนทุกครั้งนะคะ ฉะนั้นอย่าลืมที่จะไปรับกระเป๋าใหญ่กันก่อนด้วย มีคนลืมมาแล้ว วุ่นวายเลยค่ะ จากนั้นกลับมาที่ Departure zone ชั้น3 ซึ่งเราสามารถdropกระเป๋าเรากับเจ้าหน้าที่ได้หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาก็ตรงนี้เลยค่ะ Bag Drop อัตโนมัติ
ง่ายๆแค่เอาบาร์โค้ดตรงboarding pass เราไปสแกน ทันก็จะขึ้นให้เราเอากนะเป๋าใส่ลงไปแล้วไปตามทางของมันเลย สะดวกมากๆ
จากออสโลเราใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชั่วโมง 50นาที เรานั่ง Scandinavian มาเนื่องจากเปนpartner กับการบินไทย เครื่องบินลำไม่ใหญ่ อาหารมีบริการเป็นแบบต้องจ่ายแยก แต่จะมีฟรีชากับกาแฟให้เติมได้ตลอดเวลา วิวจากเครื่องสวยมาก เห็นภูเขาขาวๆชัดเลย
บินกับ SAS ครั้งแรก เครื่องเล็กแต่บินนุ่มมาก ชอบบ
เริ่มลดระดับลงเพื่อลงจอดที่ท่าอากาศยานเมือง Tromso แล้วค่ะ
ไม่นานก้ลงจอดที่สนามบินทรอมโซค่ะ เป็นสนามบินไม่ใหญ่มาก หากันง่ายดี จากนั้นนั่งแท็กซี่ต่อไปที่โรงแรมที่เราพักกันในทริปนี้
ไม่ต้องกลัวว่ามาที่นี่ละจะสื่อสารไม่ได้ คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันได้หมดเลยย
Carion The Edge tromso. เค้าบอกกันว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในทรอมโซแล้ว จะเป็นโรงแรมโมเดิร์นหน่อยๆ วัยรุ่นชอบมานั่งดื่มคึกคักตลอดเวลา คอนเสิร์ตยังมีจัด ครบเครื่องจริงๆ ความโชคดีคือ ทริปที่จองไว้ รวม 3 คืน สี่วันอยู่ที่ 8,000 กว่าบาทซึ่งรวมกิจกรรมอื่นด้วย เพราะจริงๆราคาคืนนึงน่าจะอยู่6,000-8,000 เนี่ยแหละ เลยรีวิวโรงแรมให้ดูด้วยนิดนึงค่ะ
ในห้องตกแต่งแบบโมเดิร์นมากๆ สวยดีค่ะ มีทุกอย่างให้พร้อมสมราคาค่ะ
ชอบที่กระจกมีไฟ ดูมีความโลกอนาคตมากๆ
ด้านนอกโรงแรม
หลังจากจัดการ check-in เรียบร้อย เราก็เริ่มสำรวจเมืองกันแล้วค่ะ บอกไว้ก่อนว่าเป็นเมืองค่อนข้างเล็ก สามารถเดินทางเท้าได้หมด แต่เมืองจะมีสองฝั่งถ้าขี้เกียจซึ่งจะใช้เวลาเดินข้ามฝั่งเกือบครึ่งชั่วโมง ใครขี้เกียจแนะนำนั่ง public bus ทั้นั่นได้ ซื้อตั๋วได้ที่ tourist information ค่ะ มีตั๋ว One Day ด้วยราคา 100 NOK (ประมาณ 400กว่าบาท) แต่จริงๆ ไม่แนะนำเพราะใช่จริงๆมากสุดก็น่าจะสองเที่ยวค่ะ จริงๆตอนไปใช้เที่ยวเดียวด้วยซ้ำ
ว่าด้วยเรื่องของเซเว่น ยินดีด้วย นี่เป็นตัวช่วยที่ดีมากเวลาหิว อยากให้ลองกินฮอทดอกเซเว่น เค้าบอกอร่อยมาก แต่อดกิน ใครได้กินช่วยมาบอกหน่อยว่าอร่อยจริงมั้ย เซเว่นทำน่ารักมากๆ เหมือนเป็นบ้านสไตล์สแกน อาหารมีให้อุ่นทานร้อน ไอติมโยเกิร์ต แต่ของในเซเว่นไม่เยอะมากน้า ถ้าจะซื้อของใช้ให้แนะนำ SPAR หรือห้างค่ะ อยู่ใกล้กับเซเว่นเลย ใครอยากจะมาลองเดินห้างที่นี่ รีบไปเร็วๆน้า 5-6โมงก็ปิดแล้วว
นมหน้าตาน่ากินจากนอร์เวย์ ไปลองกินกันดูนะ
แผนกทำของร้อนน
จากนั้นเดินไปทางขวาของเซเว่นนิดนึง จะเจอร้านอาหารเก๋ๆ ที่คำแนะนำมา ชื่อ Riso อาหารเป็นแนว All Day Breakfast หน่อยๆ เน้นแซนวิชค่ะ Main course มีบ้างและมีซุบ เครื่องดื่มที่นี่ก็ขึ้นชื่อค่ะ สั่งโกโก้น่ารักมาก พนักงานก็น่ารัก 55 เอาใจไปเลย ราคาไม่โหดมาก ตกอยู่จานละประมาณ 400-500 ปกติที่ได้ยินมาก็ตกจานละ 1,000 นะ
เมนูอะไรจำไม่ได้แล้วว แต่อร่อยดี
เมนู Signature ทางร้าน
พนักงานหนุ่มหน้าตาดี
เราเดินสำรวจเมืองต่อไปเรื่อยๆค่ะ ไปเจอโบสถ์ที่อยู่ทางฟากที่เราอยู่กันค่ะ ความโชคดีอีกแล้วคือเปิดเข้าไปเห็นคนมีคอนเสิร์ตไวโอลินอยู่พอดี เลยได้อานิสงค์ไปด้วย ข้างในโบสถ์ไม่มีอะไรมากค่ะ ตกแต่งแบบธรรมดาทั่วไปด้วยไม้ ไม่ได้มีลวดลายอะไร แล้วก็ได้ถ่ายบริเวณนั้นมานิดหน่อย ต้องบอกก่อนว่าประเทศนี้ไม่ได้เน้นศิลปะลวดลายหวือหวา แต่จะเน้นความเรียบเงียบที่แฝงด้วยความชิค คือชอบตั้งแต่ยังไม่ออกจากสนามบิน เดินไปมาในดาวทาวน์ก็มาเจอ
ใกล้ๆโบสถ์จะเป็น City centre เล็กๆน่ารักมาก มีร้านค้าอยู่พอสมคควร แต่ด้วยว่าเมืองมีความน่ารักอยู่แล้ว ทุกอย่างมันเลยดูน่ารักจิ้มลิ้มไปหมด (ยกเว้นค่าครองชีพไม่น่ารักเลยยย)
ถ่ายใบเมเปิ้ลกันเล่นๆ
เบอร์เกอร์คิงที่นี่เท่ห์มาก ไม่ได้ลองกิน ใครได้มาลองบอกหน่อยน้าอร่อยมั้ยย
เจอเด็กน้อยมาทักศศึกษาในเสื้อสีส้มน่ารักมากกๆ เห็นแล้วอยากหยิกแก้มเลย
เดินถ่ายรูปมาเรื่อยๆ ก็มาถึงห้องสมุดประจำเมืองค่ะ แปปเดียวก็เจอไม่หลงแน่ๆค่ะเมืองนี้ ไม่ได้ใหญ่มากมายแต่สวยงามใช้ได้เลย นับว่าเป็นเมืองเล็กๆที่มีความเจริญอยู่มากๆ ห้องสมุดหน้ามาอ่านหนังสือ ชั้นบนสุดเปิดโปร่งเห็นวิวภูเขา สวยดีค่ะ มีที่อ่านหนังสือชิวๆแบบนี้ อยากมาอ่านทุกวันเลย
เจอน้องหมาหน้าห้องสมุดน่ารักมากๆ ลืมเล่าไปว่าหมาที่นี่ว่าง่ายมากๆ แทบไม่เคยพวกเห็นหมาที่นี่เห่าเลย มนเครื่องบินเองก็เอาหมาขึ้นเครื่องได้ คือเงียบมากจนยืนขึ้นถึงรู้ว่าคนที่นั่งข้างหน้าเอาหมามาด้วย!! ถ้ามาบ้านเราเลี้ยงง่ายแบบนี้ก็ดีเนอะ 555
เดินไปเดินมา มากันที่ลานกล้างของเมือง เจอคุณป้าคนไทยร้องเรียกถามว่าเป็นคนไทยรึปล่าวค่ะ ป้าแกน่ารักมากๆ ชื่อป้าต้อย มาขายของกินเล่นแนวปอเปี๊ยะ คุยกันไปมาสนุกสนาน ป้าก็เล่าเรื่องในเมืองและเรื่องคนไทยที่มาที่นี่ให้ฟัง จากการรู้จักป้าครั้งนี้ ได้เจอโอกาสดีๆเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวจะเล่าต่อว่าได้อะไรจากป้ามั่ง
เราเดินเล่นกันต่อจนถึงเย็นๆ และกลับเข้าโรงแรมค่ะ อากาศอยู่ที่ -5 องศามาพร้อมกับลม จะถ่ายรูปมือก็แข็งไปเรียบร้อย ชาจนต้องรีบหาที่หลบภัย ก็คือโรงแรมนั่นเอง
ภาพภูเขาสวยๆใกล้ท่าเรือ
กลับมาอุ่นตัวเอง ลองกินเบียร์นอร์เวย์ดูค่ะ รสชาติก็พอใช้ได้นะ รู้สึกอุ่นขึ้นเลย
หลังจากนั่งคุยกันซักพัก ก็ได้ข่าวว่าเราสามารถมองเห็น
[CR] a small northern light town - มันมีอะไรที่ Tromsø?
สวัสดีค่ะ หลังจากห่างหายไปนาน ได้มาลงกระทู้ซักที จขกทได้มีโอกาสไปเที่ยวนอร์เวย์มา นอร์เวย์เป็นประเทศในฝันของเรามาตลอด แต่ทริปนี้เป็นทริปฉุกเฉินสั้นๆ เมื่อพ่อได้ชวนไปดูแสงเหนือด้วยกันเป็นเวลา 4 วัน ทริปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2-7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ช่วงแห่งการเกิดแสงเหนือช่วงพีคๆเลยก็ว่าได้ เป็นอันว่าได้หาข้อมูลมาคร่าวๆ เตรียมเครื่องหนาวและออกเดินทางกันเล้ยย ตอนนี้มี Facebook Page แล้วน้าา ถ้าใครสนใจ เข้ามาทาง FB Page ได้เรื่อย จะลงกระทู้เรื่อยๆค่ะ
Facebook Page: https://www.facebook.com/shortywander/
Blog: https://shortywander.wordpress.com
การเดินทาง: BANGKOK-OSLO-TROMSO
เริ่มด้วยการจองตั๋วจากการบินไทย กรุงเทพ-ออสโล-ทรอมโซ จากที่ดูสายการบินมาทั้งหมด กลายเป็นว่าการบินไทยถูกสุดซะงั้น เป็นความโชคดีค่ะ
เราไปลงเครื่องกันที่ออสโล จากนั้นต่อ Domestic จากออสโลไปทรอมโซจะ operate โดย SAS เครื่องไม่ใหญ่ แต่บินได้นุ่มจริงๆ
Tips: แนะนำให้นั่งการบินไทยหรือ Norwegian Airline เพื่อ transitแค่ครั้งเดียว ถ้าไปสายการบินอื่นต้องทรานซิทสองรอบนะ ส่วนเรื่องราคา Norwegian Airlineจะถูกกว่าเนื่องจากเป็นสายการบิน Low Cost ค่ะ
ฤดูต่างๆ
ต้องเข้าใจว่า นอร์เวย์เป็นประเทศที่ค่อนข้างใหญ่และยาว (เพราะฉะนั้นสภาพอากาศและเรื่องของเวลาก็มีความต่างกันเช่นกัน
ฤดูหนาว - ธันวาคม, มกราคมและ กุมภาพันธ์
ฤดูใบไม้ผลิ - มีนาคม เมษายน และ พฤษภาคม
ฤดูร้อน มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม
ฤดูใบไม่ร่วง กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน
เรื่องของเวลาหละ
ด้วยความที่เมืองใกล้ขั้วโลกเหนือมากๆ ความยาวของกลางวันและกลางคืนมีผลอย่างมากต่อคนที่นี่ ถ้ามาช่วงฤดูหนาว ต้องแพลนการเที่ยวให้ดีมากๆเพราะพระอาทิตย์จะตกตั้งแต่ 3 โมง!! ซึ่งเราเจอมาแล้ว และคือมันมืดจริงๆ หน้าฤดูใบไ้ม้ผลิและหน้าร้อนจะตกประมาณ ก็จะตกช้าลง อยู่ที่สองทุ่ม-สี่ทุ่ม ซึ่งก็แล้ว
วันแรก
ขึ้นเครื่องในเวลา 12.45ค่ะซึ่งจะใช้เวลากินประมาณ 11 ชั่วโมง ถึงเวลาเก็บพลังงาน ก็พยายามนอนยาวเลยค่ะ
แอบถ่ายมาหารมาให้ชมกันนิดหน่อยด้วย
เราถึงกันที่ท่าอากาศยานออสโลประมาณเกือบ 6 โมง ยังมืดๆอยู่เลยค่ะอากาศข้างนอกอยู่ที่ประมาณ -4 องศา หนาวสุดใจไปเลย ข้างในสนามบินที่ดีมีความ modern และสวยมากๆ ชอบการก่อสร้างแบบสแกนดิเนเวียนจริงๆนะ อยากสร้างบ้านแบบนี้ (ไปอิเกียกัน)
เวลาต่อเครื่องมา Domestic ที่นี่ เป็นกฎที่เราต้องไปเอากระเป๋าก่อนทุกครั้งนะคะ ฉะนั้นอย่าลืมที่จะไปรับกระเป๋าใหญ่กันก่อนด้วย มีคนลืมมาแล้ว วุ่นวายเลยค่ะ จากนั้นกลับมาที่ Departure zone ชั้น3 ซึ่งเราสามารถdropกระเป๋าเรากับเจ้าหน้าที่ได้หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาก็ตรงนี้เลยค่ะ Bag Drop อัตโนมัติ
ง่ายๆแค่เอาบาร์โค้ดตรงboarding pass เราไปสแกน ทันก็จะขึ้นให้เราเอากนะเป๋าใส่ลงไปแล้วไปตามทางของมันเลย สะดวกมากๆ
จากออสโลเราใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชั่วโมง 50นาที เรานั่ง Scandinavian มาเนื่องจากเปนpartner กับการบินไทย เครื่องบินลำไม่ใหญ่ อาหารมีบริการเป็นแบบต้องจ่ายแยก แต่จะมีฟรีชากับกาแฟให้เติมได้ตลอดเวลา วิวจากเครื่องสวยมาก เห็นภูเขาขาวๆชัดเลย
บินกับ SAS ครั้งแรก เครื่องเล็กแต่บินนุ่มมาก ชอบบ
เริ่มลดระดับลงเพื่อลงจอดที่ท่าอากาศยานเมือง Tromso แล้วค่ะ
ไม่นานก้ลงจอดที่สนามบินทรอมโซค่ะ เป็นสนามบินไม่ใหญ่มาก หากันง่ายดี จากนั้นนั่งแท็กซี่ต่อไปที่โรงแรมที่เราพักกันในทริปนี้
ไม่ต้องกลัวว่ามาที่นี่ละจะสื่อสารไม่ได้ คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันได้หมดเลยย
Carion The Edge tromso. เค้าบอกกันว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในทรอมโซแล้ว จะเป็นโรงแรมโมเดิร์นหน่อยๆ วัยรุ่นชอบมานั่งดื่มคึกคักตลอดเวลา คอนเสิร์ตยังมีจัด ครบเครื่องจริงๆ ความโชคดีคือ ทริปที่จองไว้ รวม 3 คืน สี่วันอยู่ที่ 8,000 กว่าบาทซึ่งรวมกิจกรรมอื่นด้วย เพราะจริงๆราคาคืนนึงน่าจะอยู่6,000-8,000 เนี่ยแหละ เลยรีวิวโรงแรมให้ดูด้วยนิดนึงค่ะ
ในห้องตกแต่งแบบโมเดิร์นมากๆ สวยดีค่ะ มีทุกอย่างให้พร้อมสมราคาค่ะ
ชอบที่กระจกมีไฟ ดูมีความโลกอนาคตมากๆ
ด้านนอกโรงแรม
หลังจากจัดการ check-in เรียบร้อย เราก็เริ่มสำรวจเมืองกันแล้วค่ะ บอกไว้ก่อนว่าเป็นเมืองค่อนข้างเล็ก สามารถเดินทางเท้าได้หมด แต่เมืองจะมีสองฝั่งถ้าขี้เกียจซึ่งจะใช้เวลาเดินข้ามฝั่งเกือบครึ่งชั่วโมง ใครขี้เกียจแนะนำนั่ง public bus ทั้นั่นได้ ซื้อตั๋วได้ที่ tourist information ค่ะ มีตั๋ว One Day ด้วยราคา 100 NOK (ประมาณ 400กว่าบาท) แต่จริงๆ ไม่แนะนำเพราะใช่จริงๆมากสุดก็น่าจะสองเที่ยวค่ะ จริงๆตอนไปใช้เที่ยวเดียวด้วยซ้ำ
ว่าด้วยเรื่องของเซเว่น ยินดีด้วย นี่เป็นตัวช่วยที่ดีมากเวลาหิว อยากให้ลองกินฮอทดอกเซเว่น เค้าบอกอร่อยมาก แต่อดกิน ใครได้กินช่วยมาบอกหน่อยว่าอร่อยจริงมั้ย เซเว่นทำน่ารักมากๆ เหมือนเป็นบ้านสไตล์สแกน อาหารมีให้อุ่นทานร้อน ไอติมโยเกิร์ต แต่ของในเซเว่นไม่เยอะมากน้า ถ้าจะซื้อของใช้ให้แนะนำ SPAR หรือห้างค่ะ อยู่ใกล้กับเซเว่นเลย ใครอยากจะมาลองเดินห้างที่นี่ รีบไปเร็วๆน้า 5-6โมงก็ปิดแล้วว
นมหน้าตาน่ากินจากนอร์เวย์ ไปลองกินกันดูนะ
แผนกทำของร้อนน
จากนั้นเดินไปทางขวาของเซเว่นนิดนึง จะเจอร้านอาหารเก๋ๆ ที่คำแนะนำมา ชื่อ Riso อาหารเป็นแนว All Day Breakfast หน่อยๆ เน้นแซนวิชค่ะ Main course มีบ้างและมีซุบ เครื่องดื่มที่นี่ก็ขึ้นชื่อค่ะ สั่งโกโก้น่ารักมาก พนักงานก็น่ารัก 55 เอาใจไปเลย ราคาไม่โหดมาก ตกอยู่จานละประมาณ 400-500 ปกติที่ได้ยินมาก็ตกจานละ 1,000 นะ
เมนูอะไรจำไม่ได้แล้วว แต่อร่อยดี
เมนู Signature ทางร้าน
พนักงานหนุ่มหน้าตาดี
เราเดินสำรวจเมืองต่อไปเรื่อยๆค่ะ ไปเจอโบสถ์ที่อยู่ทางฟากที่เราอยู่กันค่ะ ความโชคดีอีกแล้วคือเปิดเข้าไปเห็นคนมีคอนเสิร์ตไวโอลินอยู่พอดี เลยได้อานิสงค์ไปด้วย ข้างในโบสถ์ไม่มีอะไรมากค่ะ ตกแต่งแบบธรรมดาทั่วไปด้วยไม้ ไม่ได้มีลวดลายอะไร แล้วก็ได้ถ่ายบริเวณนั้นมานิดหน่อย ต้องบอกก่อนว่าประเทศนี้ไม่ได้เน้นศิลปะลวดลายหวือหวา แต่จะเน้นความเรียบเงียบที่แฝงด้วยความชิค คือชอบตั้งแต่ยังไม่ออกจากสนามบิน เดินไปมาในดาวทาวน์ก็มาเจอ
ใกล้ๆโบสถ์จะเป็น City centre เล็กๆน่ารักมาก มีร้านค้าอยู่พอสมคควร แต่ด้วยว่าเมืองมีความน่ารักอยู่แล้ว ทุกอย่างมันเลยดูน่ารักจิ้มลิ้มไปหมด (ยกเว้นค่าครองชีพไม่น่ารักเลยยย)
ถ่ายใบเมเปิ้ลกันเล่นๆ
เบอร์เกอร์คิงที่นี่เท่ห์มาก ไม่ได้ลองกิน ใครได้มาลองบอกหน่อยน้าอร่อยมั้ยย
เจอเด็กน้อยมาทักศศึกษาในเสื้อสีส้มน่ารักมากกๆ เห็นแล้วอยากหยิกแก้มเลย
เดินถ่ายรูปมาเรื่อยๆ ก็มาถึงห้องสมุดประจำเมืองค่ะ แปปเดียวก็เจอไม่หลงแน่ๆค่ะเมืองนี้ ไม่ได้ใหญ่มากมายแต่สวยงามใช้ได้เลย นับว่าเป็นเมืองเล็กๆที่มีความเจริญอยู่มากๆ ห้องสมุดหน้ามาอ่านหนังสือ ชั้นบนสุดเปิดโปร่งเห็นวิวภูเขา สวยดีค่ะ มีที่อ่านหนังสือชิวๆแบบนี้ อยากมาอ่านทุกวันเลย
เจอน้องหมาหน้าห้องสมุดน่ารักมากๆ ลืมเล่าไปว่าหมาที่นี่ว่าง่ายมากๆ แทบไม่เคยพวกเห็นหมาที่นี่เห่าเลย มนเครื่องบินเองก็เอาหมาขึ้นเครื่องได้ คือเงียบมากจนยืนขึ้นถึงรู้ว่าคนที่นั่งข้างหน้าเอาหมามาด้วย!! ถ้ามาบ้านเราเลี้ยงง่ายแบบนี้ก็ดีเนอะ 555
เดินไปเดินมา มากันที่ลานกล้างของเมือง เจอคุณป้าคนไทยร้องเรียกถามว่าเป็นคนไทยรึปล่าวค่ะ ป้าแกน่ารักมากๆ ชื่อป้าต้อย มาขายของกินเล่นแนวปอเปี๊ยะ คุยกันไปมาสนุกสนาน ป้าก็เล่าเรื่องในเมืองและเรื่องคนไทยที่มาที่นี่ให้ฟัง จากการรู้จักป้าครั้งนี้ ได้เจอโอกาสดีๆเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวจะเล่าต่อว่าได้อะไรจากป้ามั่ง
เราเดินเล่นกันต่อจนถึงเย็นๆ และกลับเข้าโรงแรมค่ะ อากาศอยู่ที่ -5 องศามาพร้อมกับลม จะถ่ายรูปมือก็แข็งไปเรียบร้อย ชาจนต้องรีบหาที่หลบภัย ก็คือโรงแรมนั่นเอง
ภาพภูเขาสวยๆใกล้ท่าเรือ
กลับมาอุ่นตัวเอง ลองกินเบียร์นอร์เวย์ดูค่ะ รสชาติก็พอใช้ได้นะ รู้สึกอุ่นขึ้นเลย
หลังจากนั่งคุยกันซักพัก ก็ได้ข่าวว่าเราสามารถมองเห็น
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น