Friend Zone ก็เป็นหนังที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับ สถานะความสัมพันธ์แบบหนึ่งของผู้ชายกับผู้หญิงรู้สึกดีซึ่งกันและกันแต่ก็ไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน ซึ่งสถานะแบบนี้ค่อนข้างดูแลยากในการรักษาระยะห่าง อยากให้เค้าอยู่ใกล้ๆแต่ก็ไม่อยากให้ล้ำเข้ามาเป็นแฟน แถมยังต้องระมัดระวังการกระทบกระทั่งจิตใจซึ่งกันและกัน มีความรู้สึกที่ดีแต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ แต่ก็สามารถแสดงออกได้ด้วยการกระทำ ดูแลห่วงใยเทคแคร์กันได้มากกว่าเพื่อนทั่วไป
การดำเนินเรื่องนี้ก็ค่อนข้างจะโดดไปโดดมานิดนึง เหมือนกับไม่ได้มีฉากอะไรที่ยาวๆ หนังก็พยายามปูความสัมพันธ์ของเด็กวัยรุ่น ม ปลาย ชายหญิงสองคนในเรื่องก็คือ ปาล์ม กับ กิ๊ง ซึ่งถ้าดูจริงๆแล้วมันก็ปูนิดเดียวแหละ แต่เหตุการณ์ที่เค้าปูมันชวนให้เชื่อได้จริงๆว่าสองคนนี้สนิทกันมาก (อยู่ดีๆผมก็คงไม่นั่งเครื่องบินตามเพื่อนไปเชียงใหม่เพื่อจับชู้พ่อหรอกถ้าไม่ได้คิดไรกับมัน) มีช่องว่างระหว่างกันน้อย รวมถึงมีการปูเรื่องที่สำคัญประเด็นหนึ่งคือ ปาล์มปฏิเสธไม่ยอมคบกับกิ๊งทั้งที่ดูแววตาของกิ๊งก็ชอบปาล์มตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว ตรงนี้ความเห็นผมก็คือทั้งคู่มีปมจากการพ่อแม่เลิกกัน ทำให้ปาล์ม (ซึ่งดูจะโตกว่า มีวุฒิภาวะมากกว่า) ปฏิเสธกิ๊งไปเพราะอาจกลัวว่าถ้าคบไปแล้วความสัมพันธ์จะไปไม่รอดแล้วก็จะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไป
ในส่วนของนักแสดง น้องใบเฟิร์น ผมก็เห็นมาตั้งนานละ หนังที่น้องแสดงก็ดูมาบ้าง หนังที่ดังที่สุดที่นึกออกก็ที่แสดงกับมาริโอละมั้ง สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก หนังเรื่องนั้นก็เล่นได้ดีประมาณหนึ่งแต่ก็ไม่ถึงกับอะไรมาก แต่เรื่องนี้เค้าเล่นได้จนผมตะลึงว่าเค้าเล่นได้ดีจริงๆ ดีมาก เล่นเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายรอบข้างแม้แต่คนที่ดูหนังตกหลุมรักได้ไม่ยากรวมทั้งพระเอกของเรื่องด้วย ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เป็นนางฟ้านางสวรรค์ มีแบบฉบับความงี่เง่าในแบบผู้หญิงอยู่ มีความเป็นผู้หญิงสูงพอสมควร และก็มีลักษณะของผู้หญิงที่ลุยๆตรงๆไม่ได้เป็นลูกคุณหนู ไม่ได้รักสวยรักงามมาก ในมุมมองผมที่เคยอยู่ในลักษณะของ Friend Zone มาก่อนเนี่ย กิ๊งเนี่ยเป็นผู้หญิงที่ โห โคตรเจ็บ เป็นผู้หญิงที่อยากเก็บเราไว้กับตัวข้างๆ แต่ก็ยังมีแฟนไปเรื่อยๆ ซึ่งในความเป็นจริงกิ๊งเนี่ยรู้อยู่แล้วว่าปาล์มอะชอบแต่ก็ยังแสดงออกกับปาล์มว่ายังมีผู้ชายคนอื่นสำคัญกว่าตัวเองอยู่เสมอ มันก็เลยเจ็บจี๊ดๆ อยู่ตลอด แต่เราคนที่เป็นผู้ชายก็ยังอยู่ตรงนั้นนะ (
โคตรทนอะ) แต่ไอ้สิ่งเหล่านี้มันก็มาพีคท้ายๆเรื่อง
ไอ้ท้ายเรื่องที่ว่านี่ก็คือตอนที่พี่เทดแอบไปนอนกับกิ๊กที่ฮ่องกง ตรงเนี่ยเป็นส่วนที่ โอย แย่มากก คือไม่ว่าผู้ชายอีกฝ่ายมันจะเลว จะแย่ยังไงก็ตามเหอะ และต่อให้เราดียังไงก็เถอะมันก็ไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าเค้าจะมาหาเรา เพราะของแบบนี้มันไม่เหมือนกันและไม่เท่ากันอยู่แล้ว ซึ่งผมตอนที่ดูหนังก็พอเดาๆอยู่แล้วว่ามันต้องลงเอยในรูปนี้ ถึงแม้ว่าปาล์มกับกิ๊งจะตกลงว่าจะไปเคลียร์กับพี่เทดแล้วจะกลับมาคบกันก็เหอะ ผมคิดไปก่อนแล้วว่ามันต้องเคลียร์ไม่สำเร็จแน่นอนเพราะก็เคยผ่านประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน แล้วในที่สุดมันก็เคลียร์ไม่สำเร็จจริงๆ ส่วนตัวเป็นประสบการณ์ที่ฮาร์ดคอร์เอาเรื่อง ตอนดูในโรงฉากนั้นเล่นเอาน้ำตาซึมเลย พอผ่านตรงฉากนั้นมามันก็จริงอย่างหนังว่านะ พอเราล้ำเส้นบอกความรู้สึกเราไปแล้ว คือมันจะกลับไปตรงFriend Zone ไม่ได้อีกแล้วอ่ะ ความสัมพันธ์มันจะเปลี่ยนไปเลย มันไม่เหมือนเดิม และถ้ายิ่งโดนผู้หญิงทำแบบนี้มันยิ่งเจ็บ เจ็บมาก เจ็บมากกว่าปกติ
น้องกาย ถือว่าเล่นได้ดี มีจริตเป็นผู้ชายที่มีสไตส์นิดนึง หน้าตาดีมีรสนิยม (เสื้อที่ใส่ก็มีแบรนด์นะถึงจะโดนเอาไปเช็ดอึก็ตาม) ทำงานที่ต้องดูแลสภาพตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่บอบบางไม่ลุย ก็ลุยพอสมควร มีสกิลในการเอาตัวรอด ในหนังก็แสดงออกชัดมากในการเป็นผู้ชายที่รักเพื่อน คือไม่ว่าเราจะไม่ชอบทำอะไรก็ตามที แต่พออยู่กับเพื่อนที่เราชอบ เรา
ยอมได้ทุกอย่าง เช่น ฉากที่บอกกับคนมาชวนไปเที่ยวว่าจะไปไหนดี แต่ปาล์มปฏิเสธไปเพราะบอกว่าเหนื่อย ไม่อยากเดินทาง แต่สุดท้ายพอเจอกิ๊งที่จะไปฮ่องกง พี่แกก็เดินทางไปกับกิ๊งเฉยเลย แสดงให้เห็นว่าการที่เราหรือไม่ชอบอะไรก็ตามเหอะ พออยู่กับคนที่เราชอบมันคือข้อยกเว้นทั้งหมดเลย ขอให้เป็นคนที่เราชอบ ละทิ้งความเป็นตัวของตัวเองได้หมด ทำได้ทุกอย่างเทคแคร์ดูแล แต่ก็ไม่ได้รักแบบไร้สติ ยังสามารถบาลานซ์ชีวิตตัวเองได้ดี
ยอมรับว่าแคแรคเตอร์ผู้ชายคนนี้ทำมาได้ดีนะ เวลากิ๊งมีเหตุเรื่องพี่เทด ปาล์มก็ไม่เคยถือโอกาสใส่ไฟเพิ่มว่า พี่เทดเลว เลิกมันเหอะ ก็ไม่ใช่ ปาล์มพยายามปลอบและก็พยายามให้กิ๊งมองโลกในแง่ดี ผมดูก็เฮ้ย เมิงจะดีเกินไปแล้วน่ะ ทำไมต้องดีขนาดนี้ไม่จำเป็นเล้ยยย นอกจากนี้แล้วยังเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ บาลานซ์ในการดูแลกิ๊งกับงานได้เป็นอย่างดี อย่างตอนที่กลับจากฮ่องกงแล้วปาล์มต้องมีบิน เป็นผมสมัยวัยรุ่นก็คงจะทิ้งงานไปแล้ว แต่นี่เค้าก็เลือกพากิ๊งไปกับไฟล์ทตัวเองที่กระบี่แล้วตัวเองก็กลับไปกรุงเทพแล้วก็กลับมาอีกรอบ (ทำขนาดนี้ใครจะไม่รู้ว่ารักฟระ)
สังเกตว่าปาล์มจะหาโอกาสบอกรักกิ๊งตลอดเวลาแบบอ้อมๆ ซึ่งดูในเรื่องกิ๊งก็รู้อยู่แล้ว เหมือนที่ผมบอกแหละกิ๊งน่ะเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก กิ๊งอ่ะรู้ตลอดเวลาว่าปาล์มอะรัก แต่ก็ทำทุกอย่างเหมือนปกติ แต่มันก็มาพีคตรงคำพูดของปาล์มที่ทำให้กิ๊งคิดได้ ประโยคที่ประมาณว่า “ถ้าไม่ได้รักกุ อย่ามาทำแบบนี้กับกุเลย” มันจริงเลย อย่ามารักอย่ามาให้ความหวังแบบนี้ ถ้าไม่ได้รักกันจริงมันจะทำให้เรื่องหลังจากนี้เจ็บเยอะหลายเท่า แต่กิ๊งก็ทำแบบนั้นจริงๆ กิ๊งค่อนข้างเห็นแก่ตัวนิดนึง ในกรณีที่ไม่อยากเสียปาล์มไป แต่ก็ไม่ได้คบกันเป็นเรื่องเป็นราวจริงจัง เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงปาล์มก็อยู่ด้วย ก็เหมือนคำพูดอีกประโยคนึงน่ะแหละที่ปาล์มอัดอั้นตันใจจนระเบิดออกมาว่า “ก็เพราะรู้ว่ากูชอบไง ถึงทำอะไรกับกูก็ได้ใช่มั้ย” ทำนองนี้ แต่สุดท้ายก็ค่อนข้างเซอร์ไพร์สนะ
คือหนังไทยหลังๆนี่โทนการจบเรื่องมันค่อนข้างออกไปทางเรียลหลายเรื่อง ไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งอ่ะแหละ บางทีก็จบแบบให้คิดเอง จบแบบกลางๆ คือพอเราดูจบแล้วกลับมาคิดเอออ ชีวิตจริง
ก็แบบนี้แหละ จนผมก็คิดไปว่าหนังเรื่องนี้ก็คงจบแบบเรียลๆน่ะแหละ ประมาณว่ากิ๊งก็คงไปแต่งงานกับพี่เทดคงไม่ได้กลับมาคบกับปาล์มหรอก กลับกลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้หักมุมกลับให้กลายเป็นแฮปปี้เอ็นดิ้ง พอกิ๊งรู้ว่าต้องเสียปาล์มไปจริงๆเนี่ย เสียไปแบบไม่ได้อยู่ในฐานะเพื่อนหรือฐานะอะไรเลย กิ๊งก็นึกถึงเรื่องเก่าๆก็เลยไตร่ตรองกลายเป็นว่ากลับมาคบกับปาล์ม
ส่วนตัวคิดว่าเป็นการตัดสินใจค่อนข้างยากนะ ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์อะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ ผู้หญิงมักเลือกไปกับคนที่เค้าชอบเค้ารักจริง ซึ่งในเรื่องนี้ถ้าว่าถึงแคแรคเตอร์ของพี่เทดถ้าตัดเรื่องที่เค้านอกใจออกไป เค้าคือผู้ชายที่หยั่งกะเทพบุตรลงมาเดินดิน เรื่องหน้าตาพี่เจสันแกก็กินขาดอยู่แล้ว สกิลดนตรีแบบเลยว่าสุดเท้าทั้งการเล่นโซโล่ในงานแต่งเพื่อน หรือการเล่นแบรคกิ้งแทรคใหม่สดๆ (ตอนที่กิ๊งทำ EXT HD หล่น) ภายใน 15 นาที โอ้โห้นี่มันสุดยอดไปเลย ในฉากนี้แฝงประเด็นใหญ่อยู่ถึงสองประเด็นคือ สกิลดนตรีและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพี่เทดที่เข้าขั้นเทพแล้ว อีกเรื่องคือเค้าสามารถสงบอารมณ์หลังจากที่เห็นกิ๊งทำ EXT HD หล่นจนทำให้เสียงานแน่นอนแล้ว คือมันทำยากมากนะภาวะแบบนั้นใครไม่โกรธคือเก่งมากแสดงว่าเค้ารักกิ๊งและทะนุทะนอมกิ๊งจริงๆ ไม่ยอมให้เสียความรู้สึกเลย นอกจากสกิลดนตรีที่ขั้นเทพและการคุมอารมณ์แล้ว อีกเรื่องที่พี่แกโคตรแมนก็คือ หลังจากกิ๊งรู้เรื่องแล้วพี่แกสารภาพหมดเปลือกเลย (ถ้าเป็นผู้ชายหลายคนนี่คงไหลไปได้แหละ และผู้หญิงก็ดันเชื่อด้วย แม้แต่กิ๊งยังบอกเลยว่าทำไมพี่
ไม่โกหกวะ) สรุปคือแคแรคเตอร์พี่เค้าสุดจริง ผู้หญิงคนไหนจะปฏิเสธได้ละ ดังนั้นกลับไปผมพูดไว้ว่า เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นยากนะ ในชีวิตจริงเพราะผู้หญิงรักหรือหลงใครไปแล้วยากที่เค้าจะตัดใจได้ ยิ่งถ้าเป็นเทพบุตรแบบพี่เทดนะโอ้โห้ จบข่าว ไปแกะไม่ออกหรอก และถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะเลวแค่ไหนก็เหอะ มันก็ยากกลับมาคบกับเพื่อนแล้วจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
โดยรวมหนังเรื่องนี้ก็ดีนะ ถ้าคนที่ไมชอบอาจจะบอกว่าหนังมันหลวมๆหน่อย ปูไม่แน่น โดดไปโดดมาทำนองนี้ แต่สำหรับผมหรือสำหรับคนที่ผ่านอะไรแบบ Friend Zone มาแล้วนี่มันโคตรกระแทกเลย แถมการที่กิ๊งทำแบบนี้กับปาล์มในตอนที่ไปจับกิ๊กกลับมาที่กระบี่แล้วก็สัญญากับปาล์มว่าจะไปเคลียร์แล้วกลับมาคบด้วยเนี่ย มันเกิดมีความหวังขึ้นมานะ ทุกคนแหละมันต้องเคยผ่านช่วงนี้มาก่อน แต่มันก็จะมา เอี่ยยย ตรงสุดท้ายเนี่ยแหละ ถึงแม้ว่ามันจะทำผิดมาแค่ไหนนะ แต่ถ้าปล่อยให้เค้าไปเคลียร์กันนะ จบบบบบบ เชื่อดิ๊ ไม่มีทางหรอกที่เค้าจะกลับมาคบกับเรา ยากกกก เค้าก็ต้องไปกับแฟนเค้าอยู่แล้ว พอถึงตอนนั้นนะถ้าเราบอกความรู้สึกเราไปจริงจังแล้ว เรากลับไปอยู่ตรงนั้นไม่ได้จริงๆ หนึ่งคือเราเจ็บกับเรื่องที่โดน สองคือถ้ากลับมาได้มันจะกลายเป็นความสัมพันธ์อีกแบบนึงไป ต้องมาระมัดระวังทุกอย่าง ผู้ชายอาจจะมีประชดหรืองอนไม่มีเหตุผลทั้งๆที่ไม่ใช่แฟนแต่ถือว่ากุบอกไปแล้วนี่ หรือผู้หญิงก็ต้องระมัดระวังถ่างช่องว่างออกไปเพราะกลัวว่าจะทำให้ผู้ชายเสียใจเวลาจะเล่าเรื่องตัวเองกับแฟนเพราะดันรู้ไปแล้วนี่ว่าเพื่อนมันรักอยู่ ต้องละเอียดและอึดอัดขึ้นนิดนึงและจะกลายเป็นต้องห่างกันไป
อีกประเด็นนึงคือหนังเรื่องนี้มันสะท้อนความเป็นจริงของสังคมได้เรื่องหนึ่ง ผมเป็นคนชอบหนังวัยรุ่นนะ หนังวัยรุ่น เช่น Seasons Change หรือ เพื่อนสนิท สังเกตว่าจะไม่มีการแวะในประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศเลย แต่หนังวัยรุ่นสมัยนี้มันปรับไปให้การมีอะไรกันเป็นเรื่องปกติ มันกลายเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ผูกมัดอะไรกันได้ ถึงแม้มีอะไรกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องแต่งงาน (ถ้าเมื่อก่อนพลาดเสียตัวให้กันนี่โดนจับแต่งลูกเดียว) ซึ่งจะเห็นได้ว่ากิ๊งเนี่ยมีไรกับแฟนคนแรกของเค้าด้วย (น่าจะสมัยประมาณนักศึกษา) ส่วนกับพี่เทดนี่ไม่ต้องห่วง สุดซอยแน่นอน ในส่วนของปาล์มก็มองเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องรับไม่ได้แต่อย่างใด ซึ่งตัวผมเองก็คล้ายกันนะ ตอนอยู่กับเค้าก็รู้นะว่าเค้ามีแฟนนะ และก็มีอะไรกับแฟนโดยที่ยังไม่ได้แต่งด้วย กลายเป็นเรื่องปกติ มันคงเป็นธรรมดาของคนยุคนี้ และในหนังก็ไม่ได้บอกนะว่ามันถูกหรือผิด แต่ถ้าคนรุ่นปู่รุ่นย่ารุ่นพ่อรุ่นแม่มาดูคงก็แอบบ่นอยู่
สรุป Friend Zone ก็สำหรับคนที่เจออะไรแบบนี้คงจะค่อนข้างกำไรหน่อย เพราะดูแล้วมันจะอินไปตามหนังตามบท ผมก็น้ำตาซึมบ้างตอนที่กิ๊งไปเคลียร์กับพี่เทดแล้วกลับมาบอกว่าจะให้โอกาสพี่เทดอีกครั้งนึง โอ้เยสสสส กุว่าแล้ว มันก็คงต้องเป็นแบบนี้แหละ ส่วนสำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยเจอไรแบบนี้ก็ถือว่าเป็นหนังที่ฟีลกู๊ดเรื่องนึงแถมจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งอีก สำหรับคะแนนให้ 8/10 สำหรับคนทั่วๆไป และ 9.5/10 สำหรับคนที่มีประสบการณ์อยู่ใน Friend Zone แบบนี้โดยเฉพาะผู้ชายมันจะจี๊ดๆหน่อย ก็เท่านี้ละครับ ถ้ามีโอกาสจะมาชวนคุยใหม่ สวัสดีครับ
[Spoil แหลก] ชวนคุยหลังดูหนังเรื่อง Friend Zone ประสาคนเคยมีประสบการณ์
การดำเนินเรื่องนี้ก็ค่อนข้างจะโดดไปโดดมานิดนึง เหมือนกับไม่ได้มีฉากอะไรที่ยาวๆ หนังก็พยายามปูความสัมพันธ์ของเด็กวัยรุ่น ม ปลาย ชายหญิงสองคนในเรื่องก็คือ ปาล์ม กับ กิ๊ง ซึ่งถ้าดูจริงๆแล้วมันก็ปูนิดเดียวแหละ แต่เหตุการณ์ที่เค้าปูมันชวนให้เชื่อได้จริงๆว่าสองคนนี้สนิทกันมาก (อยู่ดีๆผมก็คงไม่นั่งเครื่องบินตามเพื่อนไปเชียงใหม่เพื่อจับชู้พ่อหรอกถ้าไม่ได้คิดไรกับมัน) มีช่องว่างระหว่างกันน้อย รวมถึงมีการปูเรื่องที่สำคัญประเด็นหนึ่งคือ ปาล์มปฏิเสธไม่ยอมคบกับกิ๊งทั้งที่ดูแววตาของกิ๊งก็ชอบปาล์มตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว ตรงนี้ความเห็นผมก็คือทั้งคู่มีปมจากการพ่อแม่เลิกกัน ทำให้ปาล์ม (ซึ่งดูจะโตกว่า มีวุฒิภาวะมากกว่า) ปฏิเสธกิ๊งไปเพราะอาจกลัวว่าถ้าคบไปแล้วความสัมพันธ์จะไปไม่รอดแล้วก็จะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไป
ในส่วนของนักแสดง น้องใบเฟิร์น ผมก็เห็นมาตั้งนานละ หนังที่น้องแสดงก็ดูมาบ้าง หนังที่ดังที่สุดที่นึกออกก็ที่แสดงกับมาริโอละมั้ง สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก หนังเรื่องนั้นก็เล่นได้ดีประมาณหนึ่งแต่ก็ไม่ถึงกับอะไรมาก แต่เรื่องนี้เค้าเล่นได้จนผมตะลึงว่าเค้าเล่นได้ดีจริงๆ ดีมาก เล่นเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายรอบข้างแม้แต่คนที่ดูหนังตกหลุมรักได้ไม่ยากรวมทั้งพระเอกของเรื่องด้วย ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เป็นนางฟ้านางสวรรค์ มีแบบฉบับความงี่เง่าในแบบผู้หญิงอยู่ มีความเป็นผู้หญิงสูงพอสมควร และก็มีลักษณะของผู้หญิงที่ลุยๆตรงๆไม่ได้เป็นลูกคุณหนู ไม่ได้รักสวยรักงามมาก ในมุมมองผมที่เคยอยู่ในลักษณะของ Friend Zone มาก่อนเนี่ย กิ๊งเนี่ยเป็นผู้หญิงที่ โห โคตรเจ็บ เป็นผู้หญิงที่อยากเก็บเราไว้กับตัวข้างๆ แต่ก็ยังมีแฟนไปเรื่อยๆ ซึ่งในความเป็นจริงกิ๊งเนี่ยรู้อยู่แล้วว่าปาล์มอะชอบแต่ก็ยังแสดงออกกับปาล์มว่ายังมีผู้ชายคนอื่นสำคัญกว่าตัวเองอยู่เสมอ มันก็เลยเจ็บจี๊ดๆ อยู่ตลอด แต่เราคนที่เป็นผู้ชายก็ยังอยู่ตรงนั้นนะ (โคตรทนอะ) แต่ไอ้สิ่งเหล่านี้มันก็มาพีคท้ายๆเรื่อง
ไอ้ท้ายเรื่องที่ว่านี่ก็คือตอนที่พี่เทดแอบไปนอนกับกิ๊กที่ฮ่องกง ตรงเนี่ยเป็นส่วนที่ โอย แย่มากก คือไม่ว่าผู้ชายอีกฝ่ายมันจะเลว จะแย่ยังไงก็ตามเหอะ และต่อให้เราดียังไงก็เถอะมันก็ไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าเค้าจะมาหาเรา เพราะของแบบนี้มันไม่เหมือนกันและไม่เท่ากันอยู่แล้ว ซึ่งผมตอนที่ดูหนังก็พอเดาๆอยู่แล้วว่ามันต้องลงเอยในรูปนี้ ถึงแม้ว่าปาล์มกับกิ๊งจะตกลงว่าจะไปเคลียร์กับพี่เทดแล้วจะกลับมาคบกันก็เหอะ ผมคิดไปก่อนแล้วว่ามันต้องเคลียร์ไม่สำเร็จแน่นอนเพราะก็เคยผ่านประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน แล้วในที่สุดมันก็เคลียร์ไม่สำเร็จจริงๆ ส่วนตัวเป็นประสบการณ์ที่ฮาร์ดคอร์เอาเรื่อง ตอนดูในโรงฉากนั้นเล่นเอาน้ำตาซึมเลย พอผ่านตรงฉากนั้นมามันก็จริงอย่างหนังว่านะ พอเราล้ำเส้นบอกความรู้สึกเราไปแล้ว คือมันจะกลับไปตรงFriend Zone ไม่ได้อีกแล้วอ่ะ ความสัมพันธ์มันจะเปลี่ยนไปเลย มันไม่เหมือนเดิม และถ้ายิ่งโดนผู้หญิงทำแบบนี้มันยิ่งเจ็บ เจ็บมาก เจ็บมากกว่าปกติ
น้องกาย ถือว่าเล่นได้ดี มีจริตเป็นผู้ชายที่มีสไตส์นิดนึง หน้าตาดีมีรสนิยม (เสื้อที่ใส่ก็มีแบรนด์นะถึงจะโดนเอาไปเช็ดอึก็ตาม) ทำงานที่ต้องดูแลสภาพตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่บอบบางไม่ลุย ก็ลุยพอสมควร มีสกิลในการเอาตัวรอด ในหนังก็แสดงออกชัดมากในการเป็นผู้ชายที่รักเพื่อน คือไม่ว่าเราจะไม่ชอบทำอะไรก็ตามที แต่พออยู่กับเพื่อนที่เราชอบ เรายอมได้ทุกอย่าง เช่น ฉากที่บอกกับคนมาชวนไปเที่ยวว่าจะไปไหนดี แต่ปาล์มปฏิเสธไปเพราะบอกว่าเหนื่อย ไม่อยากเดินทาง แต่สุดท้ายพอเจอกิ๊งที่จะไปฮ่องกง พี่แกก็เดินทางไปกับกิ๊งเฉยเลย แสดงให้เห็นว่าการที่เราหรือไม่ชอบอะไรก็ตามเหอะ พออยู่กับคนที่เราชอบมันคือข้อยกเว้นทั้งหมดเลย ขอให้เป็นคนที่เราชอบ ละทิ้งความเป็นตัวของตัวเองได้หมด ทำได้ทุกอย่างเทคแคร์ดูแล แต่ก็ไม่ได้รักแบบไร้สติ ยังสามารถบาลานซ์ชีวิตตัวเองได้ดี
ยอมรับว่าแคแรคเตอร์ผู้ชายคนนี้ทำมาได้ดีนะ เวลากิ๊งมีเหตุเรื่องพี่เทด ปาล์มก็ไม่เคยถือโอกาสใส่ไฟเพิ่มว่า พี่เทดเลว เลิกมันเหอะ ก็ไม่ใช่ ปาล์มพยายามปลอบและก็พยายามให้กิ๊งมองโลกในแง่ดี ผมดูก็เฮ้ย เมิงจะดีเกินไปแล้วน่ะ ทำไมต้องดีขนาดนี้ไม่จำเป็นเล้ยยย นอกจากนี้แล้วยังเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ บาลานซ์ในการดูแลกิ๊งกับงานได้เป็นอย่างดี อย่างตอนที่กลับจากฮ่องกงแล้วปาล์มต้องมีบิน เป็นผมสมัยวัยรุ่นก็คงจะทิ้งงานไปแล้ว แต่นี่เค้าก็เลือกพากิ๊งไปกับไฟล์ทตัวเองที่กระบี่แล้วตัวเองก็กลับไปกรุงเทพแล้วก็กลับมาอีกรอบ (ทำขนาดนี้ใครจะไม่รู้ว่ารักฟระ)
สังเกตว่าปาล์มจะหาโอกาสบอกรักกิ๊งตลอดเวลาแบบอ้อมๆ ซึ่งดูในเรื่องกิ๊งก็รู้อยู่แล้ว เหมือนที่ผมบอกแหละกิ๊งน่ะเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก กิ๊งอ่ะรู้ตลอดเวลาว่าปาล์มอะรัก แต่ก็ทำทุกอย่างเหมือนปกติ แต่มันก็มาพีคตรงคำพูดของปาล์มที่ทำให้กิ๊งคิดได้ ประโยคที่ประมาณว่า “ถ้าไม่ได้รักกุ อย่ามาทำแบบนี้กับกุเลย” มันจริงเลย อย่ามารักอย่ามาให้ความหวังแบบนี้ ถ้าไม่ได้รักกันจริงมันจะทำให้เรื่องหลังจากนี้เจ็บเยอะหลายเท่า แต่กิ๊งก็ทำแบบนั้นจริงๆ กิ๊งค่อนข้างเห็นแก่ตัวนิดนึง ในกรณีที่ไม่อยากเสียปาล์มไป แต่ก็ไม่ได้คบกันเป็นเรื่องเป็นราวจริงจัง เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงปาล์มก็อยู่ด้วย ก็เหมือนคำพูดอีกประโยคนึงน่ะแหละที่ปาล์มอัดอั้นตันใจจนระเบิดออกมาว่า “ก็เพราะรู้ว่ากูชอบไง ถึงทำอะไรกับกูก็ได้ใช่มั้ย” ทำนองนี้ แต่สุดท้ายก็ค่อนข้างเซอร์ไพร์สนะ
คือหนังไทยหลังๆนี่โทนการจบเรื่องมันค่อนข้างออกไปทางเรียลหลายเรื่อง ไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งอ่ะแหละ บางทีก็จบแบบให้คิดเอง จบแบบกลางๆ คือพอเราดูจบแล้วกลับมาคิดเอออ ชีวิตจริงก็แบบนี้แหละ จนผมก็คิดไปว่าหนังเรื่องนี้ก็คงจบแบบเรียลๆน่ะแหละ ประมาณว่ากิ๊งก็คงไปแต่งงานกับพี่เทดคงไม่ได้กลับมาคบกับปาล์มหรอก กลับกลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้หักมุมกลับให้กลายเป็นแฮปปี้เอ็นดิ้ง พอกิ๊งรู้ว่าต้องเสียปาล์มไปจริงๆเนี่ย เสียไปแบบไม่ได้อยู่ในฐานะเพื่อนหรือฐานะอะไรเลย กิ๊งก็นึกถึงเรื่องเก่าๆก็เลยไตร่ตรองกลายเป็นว่ากลับมาคบกับปาล์ม
ส่วนตัวคิดว่าเป็นการตัดสินใจค่อนข้างยากนะ ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์อะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ ผู้หญิงมักเลือกไปกับคนที่เค้าชอบเค้ารักจริง ซึ่งในเรื่องนี้ถ้าว่าถึงแคแรคเตอร์ของพี่เทดถ้าตัดเรื่องที่เค้านอกใจออกไป เค้าคือผู้ชายที่หยั่งกะเทพบุตรลงมาเดินดิน เรื่องหน้าตาพี่เจสันแกก็กินขาดอยู่แล้ว สกิลดนตรีแบบเลยว่าสุดเท้าทั้งการเล่นโซโล่ในงานแต่งเพื่อน หรือการเล่นแบรคกิ้งแทรคใหม่สดๆ (ตอนที่กิ๊งทำ EXT HD หล่น) ภายใน 15 นาที โอ้โห้นี่มันสุดยอดไปเลย ในฉากนี้แฝงประเด็นใหญ่อยู่ถึงสองประเด็นคือ สกิลดนตรีและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพี่เทดที่เข้าขั้นเทพแล้ว อีกเรื่องคือเค้าสามารถสงบอารมณ์หลังจากที่เห็นกิ๊งทำ EXT HD หล่นจนทำให้เสียงานแน่นอนแล้ว คือมันทำยากมากนะภาวะแบบนั้นใครไม่โกรธคือเก่งมากแสดงว่าเค้ารักกิ๊งและทะนุทะนอมกิ๊งจริงๆ ไม่ยอมให้เสียความรู้สึกเลย นอกจากสกิลดนตรีที่ขั้นเทพและการคุมอารมณ์แล้ว อีกเรื่องที่พี่แกโคตรแมนก็คือ หลังจากกิ๊งรู้เรื่องแล้วพี่แกสารภาพหมดเปลือกเลย (ถ้าเป็นผู้ชายหลายคนนี่คงไหลไปได้แหละ และผู้หญิงก็ดันเชื่อด้วย แม้แต่กิ๊งยังบอกเลยว่าทำไมพี่ไม่โกหกวะ) สรุปคือแคแรคเตอร์พี่เค้าสุดจริง ผู้หญิงคนไหนจะปฏิเสธได้ละ ดังนั้นกลับไปผมพูดไว้ว่า เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นยากนะ ในชีวิตจริงเพราะผู้หญิงรักหรือหลงใครไปแล้วยากที่เค้าจะตัดใจได้ ยิ่งถ้าเป็นเทพบุตรแบบพี่เทดนะโอ้โห้ จบข่าว ไปแกะไม่ออกหรอก และถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะเลวแค่ไหนก็เหอะ มันก็ยากกลับมาคบกับเพื่อนแล้วจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
โดยรวมหนังเรื่องนี้ก็ดีนะ ถ้าคนที่ไมชอบอาจจะบอกว่าหนังมันหลวมๆหน่อย ปูไม่แน่น โดดไปโดดมาทำนองนี้ แต่สำหรับผมหรือสำหรับคนที่ผ่านอะไรแบบ Friend Zone มาแล้วนี่มันโคตรกระแทกเลย แถมการที่กิ๊งทำแบบนี้กับปาล์มในตอนที่ไปจับกิ๊กกลับมาที่กระบี่แล้วก็สัญญากับปาล์มว่าจะไปเคลียร์แล้วกลับมาคบด้วยเนี่ย มันเกิดมีความหวังขึ้นมานะ ทุกคนแหละมันต้องเคยผ่านช่วงนี้มาก่อน แต่มันก็จะมา เอี่ยยย ตรงสุดท้ายเนี่ยแหละ ถึงแม้ว่ามันจะทำผิดมาแค่ไหนนะ แต่ถ้าปล่อยให้เค้าไปเคลียร์กันนะ จบบบบบบ เชื่อดิ๊ ไม่มีทางหรอกที่เค้าจะกลับมาคบกับเรา ยากกกก เค้าก็ต้องไปกับแฟนเค้าอยู่แล้ว พอถึงตอนนั้นนะถ้าเราบอกความรู้สึกเราไปจริงจังแล้ว เรากลับไปอยู่ตรงนั้นไม่ได้จริงๆ หนึ่งคือเราเจ็บกับเรื่องที่โดน สองคือถ้ากลับมาได้มันจะกลายเป็นความสัมพันธ์อีกแบบนึงไป ต้องมาระมัดระวังทุกอย่าง ผู้ชายอาจจะมีประชดหรืองอนไม่มีเหตุผลทั้งๆที่ไม่ใช่แฟนแต่ถือว่ากุบอกไปแล้วนี่ หรือผู้หญิงก็ต้องระมัดระวังถ่างช่องว่างออกไปเพราะกลัวว่าจะทำให้ผู้ชายเสียใจเวลาจะเล่าเรื่องตัวเองกับแฟนเพราะดันรู้ไปแล้วนี่ว่าเพื่อนมันรักอยู่ ต้องละเอียดและอึดอัดขึ้นนิดนึงและจะกลายเป็นต้องห่างกันไป
อีกประเด็นนึงคือหนังเรื่องนี้มันสะท้อนความเป็นจริงของสังคมได้เรื่องหนึ่ง ผมเป็นคนชอบหนังวัยรุ่นนะ หนังวัยรุ่น เช่น Seasons Change หรือ เพื่อนสนิท สังเกตว่าจะไม่มีการแวะในประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศเลย แต่หนังวัยรุ่นสมัยนี้มันปรับไปให้การมีอะไรกันเป็นเรื่องปกติ มันกลายเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ผูกมัดอะไรกันได้ ถึงแม้มีอะไรกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องแต่งงาน (ถ้าเมื่อก่อนพลาดเสียตัวให้กันนี่โดนจับแต่งลูกเดียว) ซึ่งจะเห็นได้ว่ากิ๊งเนี่ยมีไรกับแฟนคนแรกของเค้าด้วย (น่าจะสมัยประมาณนักศึกษา) ส่วนกับพี่เทดนี่ไม่ต้องห่วง สุดซอยแน่นอน ในส่วนของปาล์มก็มองเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องรับไม่ได้แต่อย่างใด ซึ่งตัวผมเองก็คล้ายกันนะ ตอนอยู่กับเค้าก็รู้นะว่าเค้ามีแฟนนะ และก็มีอะไรกับแฟนโดยที่ยังไม่ได้แต่งด้วย กลายเป็นเรื่องปกติ มันคงเป็นธรรมดาของคนยุคนี้ และในหนังก็ไม่ได้บอกนะว่ามันถูกหรือผิด แต่ถ้าคนรุ่นปู่รุ่นย่ารุ่นพ่อรุ่นแม่มาดูคงก็แอบบ่นอยู่
สรุป Friend Zone ก็สำหรับคนที่เจออะไรแบบนี้คงจะค่อนข้างกำไรหน่อย เพราะดูแล้วมันจะอินไปตามหนังตามบท ผมก็น้ำตาซึมบ้างตอนที่กิ๊งไปเคลียร์กับพี่เทดแล้วกลับมาบอกว่าจะให้โอกาสพี่เทดอีกครั้งนึง โอ้เยสสสส กุว่าแล้ว มันก็คงต้องเป็นแบบนี้แหละ ส่วนสำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยเจอไรแบบนี้ก็ถือว่าเป็นหนังที่ฟีลกู๊ดเรื่องนึงแถมจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งอีก สำหรับคะแนนให้ 8/10 สำหรับคนทั่วๆไป และ 9.5/10 สำหรับคนที่มีประสบการณ์อยู่ใน Friend Zone แบบนี้โดยเฉพาะผู้ชายมันจะจี๊ดๆหน่อย ก็เท่านี้ละครับ ถ้ามีโอกาสจะมาชวนคุยใหม่ สวัสดีครับ