#FriendZone
#ระวังสิ้นสุดทางเพื่อน
“เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้วเนอะ”
“ชอบกันแล้วให้เป็นเพื่อนกัน เพื่อนพ่อดิ!”
คะแนน : 8.5/10
ระดับความสปอยล์ : น้อยมาก (ประมาณร้อยละ5-10 ยังไม่ได้ดูก็อ่านได้)
เรายังคงเป็นติ่งหนังค่ายจีดีเอชอย่างเหนียวแน่น เรียกได้ว่าตั้งแต่ขึ้นมหาวิทยาลัยมา หนังค่ายนี้เข้าเมื่อไหร่ จะต้องไปดูเป็นวันแรก และถึงแม้จะกล้าบอกว่าหนัง2 เรื่องก่อนหน้าอย่าง น้อง.พี่.ที่รัก และ Homestay จะไม่ใช่หนังที่เราชอบมาก ว้าวมาก หรือประทับใจในภาพรูปของเรื่องมากถึงขั้นบอกต่อ แต่พอ Friend Zone เข้าฉาย ก็ไม่รอช้าที่จะไปดู (ติ่งที่ดีมันต้องแบบนี้ ชอบบอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่!!!)
ก่อนจะเริ่มรีวิว หรือพูดถึงเนื้อหนัง ขอเล่าความห้าวของตัวเองหน่อย อยากจะเปลี่ยนนามแฝงตัวเองจากอุ้มสมเป็น “ผู้ชายที่ดูหนังรักคนเดียวในวันวาเลนไทน์” ใครไปดูคนเดียวในวันแห่งความรักมาเหมือนเราบ้าง ยกมือหน่อย หาเพื่อน!!!
เรื่องราวของ Friend Zone ถูกเล่าในมุมมองของ “ปาล์ม” (ณภัทร เสียงสมบุญ) ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในสถานะ Friend Zone มา 10 ปี เมื่อในงานแต่งงานแห่งหนึ่ง เขาเจอเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 3 ชีวิต ชายหนุ่มจึงไม่รีรอที่จะบอกเล่า เพื่อระบาย เพื่อแชร์ประสบการณ์ และเพื่อ... ซึ่ง Friend Zone ของปาล์มก็คือ “กิ๊ง” (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เพื่อนสนิทของเขา ที่ไม่ว่าพ่อจะมีบ้านเล็ก เธอจะมีแฟนคนแรก จะเลิกรากับผู้ชายไปอีกกี่คน เรื่องราวของกิ๊งก็ยังอยู่ในความทรงจำของปาล์ม เพราะทุกความเศร้าของเธอ ปาล์มคือคนแรกที่กิ๊งจะนึกถึง!
หากเปรียบเป็นอาหาร ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คืออาหารที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นกะเพราไก่ไข่ดาว เป็นต้มเลือดหมู หรือเป็นเมนูใดๆ ก็ตาม แต่เชื่อได้เลยว่าหากปรุงรสแบบนี้ ปรุงโดยพ่อครัวจากจีดีเอชภัตตาคาร แน่นอนว่ายังไงอาหารจานนี้ก็ออกมาอร่อยถูกใจนักชิม
หากถามหาความคิดสร้างสรรค์ ความเก๋ไก๋ หรือแปลกใหม่ Friend Zone อาจไม่ตอบโจทย์คุณเท่าที่ควร แต่ถ้าคุณอยากชมภาพยนตร์รักสักเรื่อง ที่เล่าเรื่องได้อย่างน่ารัก มุกตลกคมคายไม่ฝืด เสน่ห์ของนักแสดงหลักที่ดึงดูดให้ตามจนจบ ออกจากโรงหนังด้วยความสุขและไม่ต้องคิดอะไรมาก Friend Zone ก็คืออีกเรื่องที่ตอบโจทย์เหล่านั้น
เมื่อพล็อตเรื่องธรรมดา เล่าเรื่องในแบบที่คนดูเดาได้ สิ่งที่ทีมงานต้องทำการบ้านเพื่อให้หนังเรื่องนี้อยู่ในความทรงจำคนดู ก็คือองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งที่เรามองเห็นชัดเจนคือ นักแสดง บท โลเกชัน และกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ
ในส่วนนักแสดง ต้องขอชื่นชมพระนางของเรื่อง นาย-ณภัทร ในบทบาทปาล์ม ลบภาพชายหนุ่มผู้สุขุม พูดน้อยออกไปเลย สิ่งที่เราจะเห็นนายในเรื่องนี้คือความนิ่งแต่ทะเล้น ความกวน ความทะลึ่งตึงตังที่มีเสน่ห์ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เราเชื่อว่าผู้ชายคนนี้เป็นเสือผู้หญิง ถึงจะยังรัก Friend Zone ของตัวเอง แต่ก็ไม่แปลกที่จะมีสาวๆ เข้ามาในชีวิตมาก และในขณะเดียวกันก็ทำให้เราเชื่อว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่เป็นความสบายใจเพียงหนึ่งเดียวของกิ๊ง
ส่วนกิ๊งที่รับบทโดยใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ก็เป็นภาพใบเฟิร์นในแบบที่เราไม่เคยเห็น ความบ้า ความรั่ว ความเพี้ยน ความจู้จี้จุกจิก ความทำอะไรโดยไม่แคร์โลก ไม่สนสี่สนแปด เชื่อว่าผู้หญิงคงต้องแอบรู้สึกหมั่นไส้จนถึงขั้นอยากตบ เชื่อว่าผู้ชายคงเกิดคำถามว่าไอ้ปาล์มมันรักยัยนี่ไปได้วะ!
นักแสดงรองอย่างเจสัน ยัง ในบทของพี่เท็ด ก็ดูเป็นผู้ชายที่อ้อนแฟนเก่ง น่ารัก แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะไว้ลาย จนทำให้แฟนสาวอย่างกิ๊งต้องหวาดระแวงอยู่บ่อยๆ แต่ที่ขอชื่นชมเป็นพิเศษคือทีมพันธมิตร Friend Zone ทั้ง 3 ของปาล์ม คือเล่นกันได้อย่างเข้าขา ให้ความรู้สึกว่าสนิทสนมกันมาแต่ชาติปางไหน โดยไม่จำเป็นต้องใช้สรรพนาม-กู (ทั้งที่ก็เป็นผู้ชายกันหมด) แสดงดีจนสุพรรณหงส์ปีหน้า อยากให้เข้าชิงสมทบชายกันไปทั้ง 3 คนเล้ย!
ในความธรรมดาของหนัง Friend Zone กลับมีกิมมิคที่ไม่ธรรมดาหลายอย่างที่ทำให้เราจำได้ ไม่ว่าจะการโฆษณาอย่างหน้าด้านๆ แต่กลับไม่น่าเกลียด และเราให้ผ่าน เรื่องราวที่บอกเล่าเกี่ยวกับวงการเพลง นางเอกชอบร้องเพลง นางเอกกับแฟนทำอาชีพเกี่ยวกับเพลง จึงมีบทเพลงหลายเพลงที่อยู่ในความทรงจำของผู้คน ปรากฏอยู่ในเรื่อง และเพลงที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องเลยคือเพลงคิดมาก จากต้นฉบับปาล์มมี่ สู่นักร้องนานาประเทศ
ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องโลเกชันก็ดีงามไม่แพ้กัน ทั้งในประเทศ และนานาประเทศเพื่อนบ้าน ภาพสวย สถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดให้ไปตามรอย เราชอบตอนที่พระนางอยู่กระบี่แล้วกล้องก็แพลนให้เห็นถึงภาพรวมของหมู่เกาะที่นั่น คือแค่ไปดูเรื่องสถานที่ ความสวยงาม ความน่าตามรอยเท่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว
ส่วนเรื่องบท การเล่าเรื่องทำได้ดี แม้จะเล่าในมุมมองของปาล์ม แต่คนดูอย่างเราๆ ก็สามารถคาดเดาความรู้สึก ความคิดของกิ๊งได้ไม่ยาก จุดที่เนือยคือช่วงกลางเรื่องที่นางเอกตามหึงพี่เท็ดไปแทบทุกประเทศ แล้วก็มีเหตุให้ต้องลากหรือมีเหตุให้ดึงพระเอกเข้ามาเกี่ยวด้วย ช่วงนั้นค่อนข้างเนือยในความรู้สึกเรา (มาติดลมก็ตอนอยู่ฮ่องกง)
มุกตลกไหลรื่น ไม่ฝืด มีตั้งแต่ระดับอมยิ้มไปจนถึงระดับขำกร๊าก ฮากระจาย หลายซีนมากที่เป็นซีนตลกแล้วทำให้เราชอบ ประทับใจจนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้ ไม่ว่าจะเป็น การแปลงเพลงของพระเอก ซีนโหนที่ฮ่องกง สารพีดซีนที่นางเอกร้องเพลง ซีน 4 หนุ่ม Friend Zone ประชุมกัน ซีนขับมอเตอร์ไซค์ที่กระบี่ ซีนซื้อถุงยาง ฯลฯ ถ้ายกมาหมดเชื่อว่ากระทู้นี้คงยาวยิ่งกว่านี้แน่
Friend Zone เป็นหนังรักที่การเล่าเรื่องมีเสน่ห์มาก แม้จะเล่าในมุมมองความรู้สึกของปาล์ม แต่คนดูสามารถรับรู้ คาดเดา และเข้าใจความคิด ความรู้สึกของกิ๊งได้ไม่ยาก (ตั้งแต่ซีนแรกๆ บนเครื่องบินก่อนถึงสุวรรณภูมิเลย) บทสนทนาเป็นธรรมดา นาย กับ ใบเฟิร์น ทำให้เราเชื่อได้ว่าเป็นเพื่อนกันมาสิบปีจริงๆ เล่นได้เข้ากันจนเรารู้สึกได้ว่าสองคนนี้อินกับบทบาทที่ตนได้รับมาก
ซีนที่เราประทับใจมาเป็นพิเศษมีอยู่สองซีน ซีนแรกคือสปาเบียร์ ปกติหนังค่ายนี้ ต่อให้เป็นโทนคอเมดี้ แต่ช่วงท้ายเรื่องก็จะต้องมีจุดดราม่าจี๊ด ๆ ที่ทำให้คนดูรู้สึกเศร้าตาม หน่วงหัวใจตาม แต่สำหรับ Friend Zone ซีนดราม่าที่สปาเบียร์ ไม่ได้ดราม่าหนักหน่วงอะไร แต่มันผสมกับความคอเมดี้ลงไป ซึ่งมันกลมกลืนมากๆ กลายเป็นว่าจะหน่วงก็หน่วงไม่มากเพราะยังมีอารมณ์ขำ แต่จะขำก็ขำได้ไม่สุดเพราะรู้ว่าในสถานการณ์นี้ ในความรู้สึก ณ ตอนนั้นของปาล์มกับอิ๊ง ยังไงก็ขำไม่ออก เป็นสองความรู้สึกที่ดูจะไม่เข้ากัน แต่เมื่อมารวมอยู่ซีนเดียวกันใน Friend Zone สปาเบียร์ค่ำคืนนั้นก็ทำให้เราเชื่อได้ว่านี่จะเป็นอีกซีนที่อยู่ในความทรงจำของผู้ชมไปอีกนาน (แอบเมาท์ว่าสาเหตุที่ปาล์มลุกออกมาจากอ่างไม่ได้ ไม่ต้องรอให้เฉลยเลย คนสัปดนอย่างเราก็เข้าใจได้แล้ว ฮาาา รู้สึกว่าถ้าไม่เฉลยว่าทำไมถึงลุกไม่ได้ ปล่อยให้คนดูคิด น่าจะให้ความฮาไปอีกแบบนึง)
อีกซีนคือซีนที่พระนางไปสักการะพระธาตุชเวดากองด้วยกัน ด้วยบรรยากาศ ด้วยแสงในยามกลางคืน ด้วยแสงเทียนในมือของปาล์ม มันสร้างความโรแมนติกได้อย่างกลมกลืน และสวยงาม เป็นความสวยงามที่ทำให้เรเกิดความรู้สึกอยากไปเที่ยวพระธาตุชเวดากองในทันทีทันใด แสงเทียนในมือปาล์มที่ถูกส่งต่อไปยังเทียนในมือกิ๊ง ทำให้เรารู้ว่าความหวังของกิ๊งที่อับแสงไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ความหวังเรื่องความรักที่ดับมอดลง แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในความมืดมนของกิ๊งก็คือปาล์ม เขาคือแสงสว่างที่โชนฉานในชีวิตกิ๊ง นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่ามกลางผู้ชายที่ผ่านมาในชีวิตของกิ๊ง ผ่านไปเพื่อผ่านไป แต่ปาล์มคือผู้ชายคนเดียวที่เธอไม่ต้องการสูญเสีย
เรื่องราวดำเนินเรื่องแบบเรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง ค่อยๆ ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพระนาง ว่าจะเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นมากกว่าเพื่อนได้อย่างไร แต่จุดที่เราเสียดายมากที่สุด คือจู่ๆ ก็เล่ารวบรัดเอาดื้อๆ กับตอนที่กิ๊งตัดสินใจกระทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อที่เธอจะได้ไปดูแสงเหนือ คือเรามองว่านั่นคือจุดพีคของเรื่อง ควรจะเป็นซีนที่สำคัญอีกซีนของหนังเรื่องนี้เลยนะ แทนที่จะเรารวบรัดผ่านคำพูดของนางเอก น่าจะขยายรายละเอียดเหตุการณ์นั้นเพิ่มขึ้นอีกสักนิด
โดยรวมแล้วสาระสำคัญที่เราได้จากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คือเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน คนที่คบกันเป็นเพื่อนมากกว่า 10 ปี เป็นมากกว่าเพื่อน เป็นทุกอย่างให้กันและกัน การจะฝ่าฟันอะไรมาได้จนคบกันได้ยาวนานขนาดนี้ สิ่งสำคัญคือการยอมรับข้อเสียของกันและกัน ยอมรับในสิ่งที่ต่างฝ่ายมี การอยู่เคียงข้างกันและกันทั้งยามสุขสุดสุด และยามทุกข์สัดสัด เมื่อยอมรับ เมื่อเปิดใจ และเมื่อรักกัน ไม่ว่าจะในสถานะใดก็คบกันรอด จะ 10 ปี หรือ 20 ปีก็เถอะ
ข้อเสียของนางเอกมีเยอะมาก งี่เง่า เจ้าอารมณ์ จู้จี้ เอาแต่ใจ ขี้ระแวง ใจร้อน ในขณะที่พระเอกเหมือนจะไม่มีข้อเสียอะไร แต่ความยอมไปเสียทุกเรื่อง ความตามใจสาวเจ้าทุกเรื่องของเขานี่แหละที่เรามองว่าเป็นข้อเสีย มันยิ่งทำให้ยัยกิ๊งทวีความน่าลำไย แต่ก็นั่นละ...เมื่อยอมรับกันได้ เมื่อไม่ทอดทิ้งกัน เมื่อรักกัน เมื่อเวลาที่ยาวนานเพียงใดก็ไม่อาจทำลายหรือพรากหนุ่มสาวคู่นี้ให้ไกลกัน ไม่ว่าจะคบกัน หรือจะอยู่ในความสัมพันธ์แบบไหน จะเพื่อน หรือแฟน อย่างไรก็ไปกันรอด.
ใครไปดูมาแล้ว มีความคิดเห็นอะไร มาคุยกันได้นะครับ
#อุ้มสม
ปล. --- หากชื่นชอบการเขียนรีวิวของเรา สามารถไปกดไลก์แฟนเพจ “อุ้มสม” ของเราได้ ซึ่งในเพจจะมีทั้งการรีวิวนิยาย ละคร ละครเวทีสลับกันไป
https://www.facebook.com/aumsomjakkri/?ref=br_rs
[CR] รีวิว :: Friend Zone...ระวังสิ้นสุดทางเพื่อน : เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้วเนอะ ::
#ระวังสิ้นสุดทางเพื่อน
“เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้วเนอะ”
“ชอบกันแล้วให้เป็นเพื่อนกัน เพื่อนพ่อดิ!”
คะแนน : 8.5/10
ระดับความสปอยล์ : น้อยมาก (ประมาณร้อยละ5-10 ยังไม่ได้ดูก็อ่านได้)
เรายังคงเป็นติ่งหนังค่ายจีดีเอชอย่างเหนียวแน่น เรียกได้ว่าตั้งแต่ขึ้นมหาวิทยาลัยมา หนังค่ายนี้เข้าเมื่อไหร่ จะต้องไปดูเป็นวันแรก และถึงแม้จะกล้าบอกว่าหนัง2 เรื่องก่อนหน้าอย่าง น้อง.พี่.ที่รัก และ Homestay จะไม่ใช่หนังที่เราชอบมาก ว้าวมาก หรือประทับใจในภาพรูปของเรื่องมากถึงขั้นบอกต่อ แต่พอ Friend Zone เข้าฉาย ก็ไม่รอช้าที่จะไปดู (ติ่งที่ดีมันต้องแบบนี้ ชอบบอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่!!!)
ก่อนจะเริ่มรีวิว หรือพูดถึงเนื้อหนัง ขอเล่าความห้าวของตัวเองหน่อย อยากจะเปลี่ยนนามแฝงตัวเองจากอุ้มสมเป็น “ผู้ชายที่ดูหนังรักคนเดียวในวันวาเลนไทน์” ใครไปดูคนเดียวในวันแห่งความรักมาเหมือนเราบ้าง ยกมือหน่อย หาเพื่อน!!!
เรื่องราวของ Friend Zone ถูกเล่าในมุมมองของ “ปาล์ม” (ณภัทร เสียงสมบุญ) ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในสถานะ Friend Zone มา 10 ปี เมื่อในงานแต่งงานแห่งหนึ่ง เขาเจอเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 3 ชีวิต ชายหนุ่มจึงไม่รีรอที่จะบอกเล่า เพื่อระบาย เพื่อแชร์ประสบการณ์ และเพื่อ... ซึ่ง Friend Zone ของปาล์มก็คือ “กิ๊ง” (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เพื่อนสนิทของเขา ที่ไม่ว่าพ่อจะมีบ้านเล็ก เธอจะมีแฟนคนแรก จะเลิกรากับผู้ชายไปอีกกี่คน เรื่องราวของกิ๊งก็ยังอยู่ในความทรงจำของปาล์ม เพราะทุกความเศร้าของเธอ ปาล์มคือคนแรกที่กิ๊งจะนึกถึง!
หากเปรียบเป็นอาหาร ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คืออาหารที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นกะเพราไก่ไข่ดาว เป็นต้มเลือดหมู หรือเป็นเมนูใดๆ ก็ตาม แต่เชื่อได้เลยว่าหากปรุงรสแบบนี้ ปรุงโดยพ่อครัวจากจีดีเอชภัตตาคาร แน่นอนว่ายังไงอาหารจานนี้ก็ออกมาอร่อยถูกใจนักชิม
หากถามหาความคิดสร้างสรรค์ ความเก๋ไก๋ หรือแปลกใหม่ Friend Zone อาจไม่ตอบโจทย์คุณเท่าที่ควร แต่ถ้าคุณอยากชมภาพยนตร์รักสักเรื่อง ที่เล่าเรื่องได้อย่างน่ารัก มุกตลกคมคายไม่ฝืด เสน่ห์ของนักแสดงหลักที่ดึงดูดให้ตามจนจบ ออกจากโรงหนังด้วยความสุขและไม่ต้องคิดอะไรมาก Friend Zone ก็คืออีกเรื่องที่ตอบโจทย์เหล่านั้น
เมื่อพล็อตเรื่องธรรมดา เล่าเรื่องในแบบที่คนดูเดาได้ สิ่งที่ทีมงานต้องทำการบ้านเพื่อให้หนังเรื่องนี้อยู่ในความทรงจำคนดู ก็คือองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งที่เรามองเห็นชัดเจนคือ นักแสดง บท โลเกชัน และกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ
ในส่วนนักแสดง ต้องขอชื่นชมพระนางของเรื่อง นาย-ณภัทร ในบทบาทปาล์ม ลบภาพชายหนุ่มผู้สุขุม พูดน้อยออกไปเลย สิ่งที่เราจะเห็นนายในเรื่องนี้คือความนิ่งแต่ทะเล้น ความกวน ความทะลึ่งตึงตังที่มีเสน่ห์ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เราเชื่อว่าผู้ชายคนนี้เป็นเสือผู้หญิง ถึงจะยังรัก Friend Zone ของตัวเอง แต่ก็ไม่แปลกที่จะมีสาวๆ เข้ามาในชีวิตมาก และในขณะเดียวกันก็ทำให้เราเชื่อว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่เป็นความสบายใจเพียงหนึ่งเดียวของกิ๊ง
ส่วนกิ๊งที่รับบทโดยใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ก็เป็นภาพใบเฟิร์นในแบบที่เราไม่เคยเห็น ความบ้า ความรั่ว ความเพี้ยน ความจู้จี้จุกจิก ความทำอะไรโดยไม่แคร์โลก ไม่สนสี่สนแปด เชื่อว่าผู้หญิงคงต้องแอบรู้สึกหมั่นไส้จนถึงขั้นอยากตบ เชื่อว่าผู้ชายคงเกิดคำถามว่าไอ้ปาล์มมันรักยัยนี่ไปได้วะ!
นักแสดงรองอย่างเจสัน ยัง ในบทของพี่เท็ด ก็ดูเป็นผู้ชายที่อ้อนแฟนเก่ง น่ารัก แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะไว้ลาย จนทำให้แฟนสาวอย่างกิ๊งต้องหวาดระแวงอยู่บ่อยๆ แต่ที่ขอชื่นชมเป็นพิเศษคือทีมพันธมิตร Friend Zone ทั้ง 3 ของปาล์ม คือเล่นกันได้อย่างเข้าขา ให้ความรู้สึกว่าสนิทสนมกันมาแต่ชาติปางไหน โดยไม่จำเป็นต้องใช้สรรพนาม-กู (ทั้งที่ก็เป็นผู้ชายกันหมด) แสดงดีจนสุพรรณหงส์ปีหน้า อยากให้เข้าชิงสมทบชายกันไปทั้ง 3 คนเล้ย!
ในความธรรมดาของหนัง Friend Zone กลับมีกิมมิคที่ไม่ธรรมดาหลายอย่างที่ทำให้เราจำได้ ไม่ว่าจะการโฆษณาอย่างหน้าด้านๆ แต่กลับไม่น่าเกลียด และเราให้ผ่าน เรื่องราวที่บอกเล่าเกี่ยวกับวงการเพลง นางเอกชอบร้องเพลง นางเอกกับแฟนทำอาชีพเกี่ยวกับเพลง จึงมีบทเพลงหลายเพลงที่อยู่ในความทรงจำของผู้คน ปรากฏอยู่ในเรื่อง และเพลงที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องเลยคือเพลงคิดมาก จากต้นฉบับปาล์มมี่ สู่นักร้องนานาประเทศ
ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องโลเกชันก็ดีงามไม่แพ้กัน ทั้งในประเทศ และนานาประเทศเพื่อนบ้าน ภาพสวย สถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดให้ไปตามรอย เราชอบตอนที่พระนางอยู่กระบี่แล้วกล้องก็แพลนให้เห็นถึงภาพรวมของหมู่เกาะที่นั่น คือแค่ไปดูเรื่องสถานที่ ความสวยงาม ความน่าตามรอยเท่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว
ส่วนเรื่องบท การเล่าเรื่องทำได้ดี แม้จะเล่าในมุมมองของปาล์ม แต่คนดูอย่างเราๆ ก็สามารถคาดเดาความรู้สึก ความคิดของกิ๊งได้ไม่ยาก จุดที่เนือยคือช่วงกลางเรื่องที่นางเอกตามหึงพี่เท็ดไปแทบทุกประเทศ แล้วก็มีเหตุให้ต้องลากหรือมีเหตุให้ดึงพระเอกเข้ามาเกี่ยวด้วย ช่วงนั้นค่อนข้างเนือยในความรู้สึกเรา (มาติดลมก็ตอนอยู่ฮ่องกง)
มุกตลกไหลรื่น ไม่ฝืด มีตั้งแต่ระดับอมยิ้มไปจนถึงระดับขำกร๊าก ฮากระจาย หลายซีนมากที่เป็นซีนตลกแล้วทำให้เราชอบ ประทับใจจนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้ ไม่ว่าจะเป็น การแปลงเพลงของพระเอก ซีนโหนที่ฮ่องกง สารพีดซีนที่นางเอกร้องเพลง ซีน 4 หนุ่ม Friend Zone ประชุมกัน ซีนขับมอเตอร์ไซค์ที่กระบี่ ซีนซื้อถุงยาง ฯลฯ ถ้ายกมาหมดเชื่อว่ากระทู้นี้คงยาวยิ่งกว่านี้แน่
Friend Zone เป็นหนังรักที่การเล่าเรื่องมีเสน่ห์มาก แม้จะเล่าในมุมมองความรู้สึกของปาล์ม แต่คนดูสามารถรับรู้ คาดเดา และเข้าใจความคิด ความรู้สึกของกิ๊งได้ไม่ยาก (ตั้งแต่ซีนแรกๆ บนเครื่องบินก่อนถึงสุวรรณภูมิเลย) บทสนทนาเป็นธรรมดา นาย กับ ใบเฟิร์น ทำให้เราเชื่อได้ว่าเป็นเพื่อนกันมาสิบปีจริงๆ เล่นได้เข้ากันจนเรารู้สึกได้ว่าสองคนนี้อินกับบทบาทที่ตนได้รับมาก
ซีนที่เราประทับใจมาเป็นพิเศษมีอยู่สองซีน ซีนแรกคือสปาเบียร์ ปกติหนังค่ายนี้ ต่อให้เป็นโทนคอเมดี้ แต่ช่วงท้ายเรื่องก็จะต้องมีจุดดราม่าจี๊ด ๆ ที่ทำให้คนดูรู้สึกเศร้าตาม หน่วงหัวใจตาม แต่สำหรับ Friend Zone ซีนดราม่าที่สปาเบียร์ ไม่ได้ดราม่าหนักหน่วงอะไร แต่มันผสมกับความคอเมดี้ลงไป ซึ่งมันกลมกลืนมากๆ กลายเป็นว่าจะหน่วงก็หน่วงไม่มากเพราะยังมีอารมณ์ขำ แต่จะขำก็ขำได้ไม่สุดเพราะรู้ว่าในสถานการณ์นี้ ในความรู้สึก ณ ตอนนั้นของปาล์มกับอิ๊ง ยังไงก็ขำไม่ออก เป็นสองความรู้สึกที่ดูจะไม่เข้ากัน แต่เมื่อมารวมอยู่ซีนเดียวกันใน Friend Zone สปาเบียร์ค่ำคืนนั้นก็ทำให้เราเชื่อได้ว่านี่จะเป็นอีกซีนที่อยู่ในความทรงจำของผู้ชมไปอีกนาน (แอบเมาท์ว่าสาเหตุที่ปาล์มลุกออกมาจากอ่างไม่ได้ ไม่ต้องรอให้เฉลยเลย คนสัปดนอย่างเราก็เข้าใจได้แล้ว ฮาาา รู้สึกว่าถ้าไม่เฉลยว่าทำไมถึงลุกไม่ได้ ปล่อยให้คนดูคิด น่าจะให้ความฮาไปอีกแบบนึง)
อีกซีนคือซีนที่พระนางไปสักการะพระธาตุชเวดากองด้วยกัน ด้วยบรรยากาศ ด้วยแสงในยามกลางคืน ด้วยแสงเทียนในมือของปาล์ม มันสร้างความโรแมนติกได้อย่างกลมกลืน และสวยงาม เป็นความสวยงามที่ทำให้เรเกิดความรู้สึกอยากไปเที่ยวพระธาตุชเวดากองในทันทีทันใด แสงเทียนในมือปาล์มที่ถูกส่งต่อไปยังเทียนในมือกิ๊ง ทำให้เรารู้ว่าความหวังของกิ๊งที่อับแสงไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ความหวังเรื่องความรักที่ดับมอดลง แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในความมืดมนของกิ๊งก็คือปาล์ม เขาคือแสงสว่างที่โชนฉานในชีวิตกิ๊ง นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่ามกลางผู้ชายที่ผ่านมาในชีวิตของกิ๊ง ผ่านไปเพื่อผ่านไป แต่ปาล์มคือผู้ชายคนเดียวที่เธอไม่ต้องการสูญเสีย
เรื่องราวดำเนินเรื่องแบบเรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง ค่อยๆ ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพระนาง ว่าจะเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นมากกว่าเพื่อนได้อย่างไร แต่จุดที่เราเสียดายมากที่สุด คือจู่ๆ ก็เล่ารวบรัดเอาดื้อๆ กับตอนที่กิ๊งตัดสินใจกระทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อที่เธอจะได้ไปดูแสงเหนือ คือเรามองว่านั่นคือจุดพีคของเรื่อง ควรจะเป็นซีนที่สำคัญอีกซีนของหนังเรื่องนี้เลยนะ แทนที่จะเรารวบรัดผ่านคำพูดของนางเอก น่าจะขยายรายละเอียดเหตุการณ์นั้นเพิ่มขึ้นอีกสักนิด
โดยรวมแล้วสาระสำคัญที่เราได้จากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คือเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน คนที่คบกันเป็นเพื่อนมากกว่า 10 ปี เป็นมากกว่าเพื่อน เป็นทุกอย่างให้กันและกัน การจะฝ่าฟันอะไรมาได้จนคบกันได้ยาวนานขนาดนี้ สิ่งสำคัญคือการยอมรับข้อเสียของกันและกัน ยอมรับในสิ่งที่ต่างฝ่ายมี การอยู่เคียงข้างกันและกันทั้งยามสุขสุดสุด และยามทุกข์สัดสัด เมื่อยอมรับ เมื่อเปิดใจ และเมื่อรักกัน ไม่ว่าจะในสถานะใดก็คบกันรอด จะ 10 ปี หรือ 20 ปีก็เถอะ
ข้อเสียของนางเอกมีเยอะมาก งี่เง่า เจ้าอารมณ์ จู้จี้ เอาแต่ใจ ขี้ระแวง ใจร้อน ในขณะที่พระเอกเหมือนจะไม่มีข้อเสียอะไร แต่ความยอมไปเสียทุกเรื่อง ความตามใจสาวเจ้าทุกเรื่องของเขานี่แหละที่เรามองว่าเป็นข้อเสีย มันยิ่งทำให้ยัยกิ๊งทวีความน่าลำไย แต่ก็นั่นละ...เมื่อยอมรับกันได้ เมื่อไม่ทอดทิ้งกัน เมื่อรักกัน เมื่อเวลาที่ยาวนานเพียงใดก็ไม่อาจทำลายหรือพรากหนุ่มสาวคู่นี้ให้ไกลกัน ไม่ว่าจะคบกัน หรือจะอยู่ในความสัมพันธ์แบบไหน จะเพื่อน หรือแฟน อย่างไรก็ไปกันรอด.
ใครไปดูมาแล้ว มีความคิดเห็นอะไร มาคุยกันได้นะครับ
#อุ้มสม
ปล. --- หากชื่นชอบการเขียนรีวิวของเรา สามารถไปกดไลก์แฟนเพจ “อุ้มสม” ของเราได้ ซึ่งในเพจจะมีทั้งการรีวิวนิยาย ละคร ละครเวทีสลับกันไป https://www.facebook.com/aumsomjakkri/?ref=br_rs
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้