คนที่ใช่ คนที่ไม่ใช่

กระทู้สนทนา
.            “พี่ชอบน้องนะครับ แต่ว่าถ้าจะให้เราสองคนคบกันเป็นแฟน พี่คงทำไม่ได้”

             เสียงประโยคดังท่ามกลางโต๊ะอาหารในร้าน บรรยากาศระหว่างคนสองคนเงียบลงโดยไม่มีใครพูดอะไร หญิงสาวในโต๊ะปล่อยให้น้ำไหลออกมาจากตาหลังจากที่ได้ทบทวนกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้ ชายเจ้าของประโยคได้แต่นั่งนิ่งไม่แสดงอาการหรืออารมณ์อะไรออกมา เขาคงคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ควรพูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

             จากสายน้ำตาไม่กี่หยด เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ค่อนข้างฟูมฟาย สีหน้าของคนที่ผิดหวังอย่างรุนแรงกำลังแสดงออกมา

             “พี่นพพูดคำนี้ออกมาได้อย่างไร แล้วที่ผ่านมามันคืออะไรกัน”

             ชายหนุ่มคิดไว้ในหัวแล้วว่าถึงอย่างไรก็ต้องเจอประโยคนี้จากคนตรงหน้าอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไรให้สมเหตุสมผลที่สุด ในใจเขาคิดเพียงแต่ว่าหากไม่จำเป็นจนถึงที่สุด เขาจะไม่เอ่ยถึงเหตุผลส่วนตัวที่เก็บซ่อนไว้ไม่เคยเผยให้ใครรู้เลย

             จากเคยรักเคยหลง แต่เมื่อเจอกับคำพูดที่เหมือนกับจะทรยศหักหลังกันถึงเพียงนี้ หญิงสาวเปลี่ยนเป็นโกรธแค้นชิงชังจนอยากจะเดินหนีออกไปให้พ้นจากหน้าชายคนนี้ แต่ทว่าเธอยังมีคำถามอีกมากมายในหัวที่ต้องถามออกไป

             “ที่ผ่านมามันคืออะไรกัน ทุกวันนี้เราคบกันยิ่งกว่าคนรักอีก ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกันเกือบทุกวัน พูดคุยปรึกษากันได้ทุกเรื่อง คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งเรื่องเงินและเรื่องงาน นุชไปกราบพ่อกับแม่พี่ก็หลายครั้ง พี่ก็ไปกราบพ่อแม่นุชก็หลายครั้ง คงมีไม่กี่อย่างที่เราไม่เคยทำกัน...”

             “นุช” เสียงอุทานจากชายหนุ่มดังออกมาอย่างแผ่วเบา แต่นั่นก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรกับสิ่งที่หญิงสาวกำลังจะพูด

             “เราแค่ยังไม่ได้นอนด้วยกันแค่นั้นเอง”

             จากอารมณ์โกรธเกลียดเปลี่ยนเป็นคำพูดที่ตัดพ้อต่อความรักที่เธอเคยมีให้ชายตรงหน้า

             “มันไม่ได้เป็นอย่างที่นุชคิด นุชใจเย็น ๆ ก่อนเถอะ”

             น้ำตาจากใบหน้าแห้งไปหมดแล้ว จากอารมณ์ที่น้อยอกน้อยใจเริ่มหาย จังหวะของหัวใจที่เต้นเร็วรัวเริ่มสงบลงจนเกือบจะปกติ นุชนั่งนิ่งพร้อมสูดหายใจลึกเข้าออกหลายครั้งจนมั่นใจว่าดึงสติกลับมาได้แล้ว เธอจึงเริ่มพูดต่อ

             “เอาล่ะค่ะ นุชใจเย็นลงตามที่พี่บอกแล้ว ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่นุชคิด แล้วมันคืออะไรล่ะคะ เหตุผลของพี่นพคืออะไร”

             นพยังจนปัญญาที่จะหาพูดไหนที่จะไม่ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ เขาจึงเลือกใช้ความเงียบเป็นคำตอบอีกครั้ง

             “นุชถามตรง ๆ เถอะ เราเจอกันทุกวันนี้พี่ก็น่าจะรู้ว่านุชคิดอย่างไรกับพี่ แต่มาในวันนี้พอนุชเผยความในใจออกไปให้พี่รับรู้แต่พี่ปฏิเสธมัน แล้วก่อนหน้านี้ทำไมยังปล่อยให้นุชคิดเองเออเองตลอด พี่ไม่กลัวว่าสักวันหนึ่งนุชจะรู้ว่ามันไม่ใช่แล้วจะต้องมานั่งเสียใจอย่างตอนนี้เหรอ” ดวงตาดุของหญิงสาวเฝ้ามองความเป็นไปตรงหน้า และเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เธอจึงพูดต่อ “พี่คงไม่แคร์ความรู้สึกของนุช”

             “พี่แคร์...” ฝ่ายชายรีบพูดแก้ตัว

             “นี่แคร์แล้วหรือ”

            

             ในห้องอาหารตู้กระจก ยามค่ำคืนย่อมเต็มไปด้วยผู้ที่ต้องการออกมาแสวงหาความผ่อนคลาย เสียงดนตรีคลอเบา ๆ ในบทเพลงที่คุ้นหูและร่วมสมัย อาหารรสชาติแสนอร่อยที่ถูกปรุงโดยพ่อครัวมากประสบการณ์ แต่ในค่ำคืนนี้มันคงไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้วสำหรับทั้งคู่

             ชายหนุ่มยังนั่งอยู่ที่เดิม เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกรังเกียจ ขยะแขยงและน่าสมเพศจากหญิงสาวในโต๊ะที่มีต่อตัวเขาเอง แต่แปลกที่ความรู้สึกนี้กับทำให้เจ้าของความคิดกลับผ่อนคลายขึ้นเพราะความรู้สึกผิดที่เขาทำไว้

             “แต่เราสองคนยังเป็นพี่เป็นน้องกันได้นะ” คนที่กำลังสมองตันพยายามพูดอะไรก็ได้ออกมา แต่หารู้ไม่ว่าในเวลานี้ยิ่งเขาพูดแก้ตัวอะไรออกมามากเท่าไหร่ นั่นยิ่งแสดงถึงความเห็นแก่ตัวจากสายตาของอีกฝ่าย

             “ใช่สิคะ เราสองคนก็เริ่มต้นจากเป็นพี่เป็นน้องกันนี่แหละ พี่มาตามตื๊อชวนนุชไปกินข้าวด้วยบ่อย ๆ พาไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ สิ่งที่ทำไปนั้นเพราะอะไร หรือแค่เพราะว่าพี่เหงา พี่ไม่มีใครก็เลยหาใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนแค่นั้นเอง แล้วตอนที่เราไปนอนค้างที่ทะเลกัน เรายืนจูบกันที่ชายหาดโดยที่ไม่สนใจสายตาของใคร นี่หรือที่พี่น้องเขาทำกัน”

             “พี่ขอยอมรับว่าสิ่งที่พี่ทำไปนั้นไม่ถูกต้อง”

             คนน้ำท่วมปากพยายามพูด แต่ทว่าตราบใดถ้าเขาไม่ยอมเปิดอกพูดความจริงอะไรบางอย่างออกมา มันก็คงไม่สามารถคลี่คลายอะไรได้อย่างแน่นอน นพรู้ซึ้งถึงเงื่อนไขในข้อนี้ดี

             จากความเสียใจเปลี่ยนเป็นความโกรธเกลียด อารมณ์ที่ถูกทำให้เย็นลงจึงเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดเป็นความเห็นใจ ไม่มีแววตาแห่งความน้อยใจอีกต่อไปแล้วบนใบหน้าของนุช คงเหลือไว้แต่แววตาแสนอาทรต่อชายตรงหน้า ชายที่เธอเคยรักและไว้ใจ

             หญิงสาวเอื้อมมือไปวางไว้บนแขนของนพ เธอออกแรงบีบเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจเพราะรู้ว่าต่างคนต่างก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ สักพักเธอเลื่อนมือมากุมมือของฝ่ายชายแทน

             “นุชรู้ดีว่าทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเอง นุชก็มีเหตุผลของนุช พี่ก็มีเหตุผลของพี่เอง และถ้าหากจะกรุณานุชสักครั้ง ช่วยบอกได้ไหมว่าทำไมพี่ถึงคบกับนุชเป็นแฟนไม่ได้ ทำไมเราถึงไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ของเราจนนำไปสู่การแต่งงานได้”

             ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวตรงหน้า เขาพลิกมือขึ้นมากุมมือของฝ่ายหญิงบ้าง

             “ความจริงพี่มีคนที่อยู่ในใจอยู่แล้ว” นพกลั้นใจพูด และพยายามสังเกตอาการของผู้ฟัง

             รอยยิ้มเล็ก ๆ เริ่มปรากฏบนใบหน้าที่รอยคราบน้ำตาเพิ่งจะจางไป

             “ไม่ใช่ว่านุชไม่ดีพอใช่ไหมคะ”

             “นุชเป็นหญิงสาวที่ดี เพียงแต่ว่า...”

             “ค่ะ...” นุชรีบพูด “นุชเข้าใจดีว่าถึงอย่างไรคนที่อยู่ในใจก็คือคนที่ใช่ แต่คนที่อยู่ตรงหน้า...”

             เธอหยุดพูดเพราะเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องของตัวเองแล้ว

             “แต่นุชเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดที่พี่เคยเจอมา”

             “ขอบคุณค่ะพี่นพ”

             เธอพูดจบก็พยายามดึงมือออกมาจากอุ้งมือของฝ่ายชาย แม้อุ้งมือใหญ่จะรั้งมือบางนั้นไว้เพียงใด แต่นุชก็ดึงมือออกมาได้สำเร็จ

             “เธอเป็นใครค่ะ อยู่ที่ไหน”

             “บุบผาคือคนที่พี่เคยคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เราคบกันมาจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างเรียนจบและเริ่มทำงาน เราวางแผนว่าจะแต่งงานมีลูกด้วยกัน และอาจจะเปิดร้านอะไรสักอย่างเล็ก ๆ เราวาดความฝันในอนาคตเหมือนวัยรุ่นทั่วไปในสมัยนั้น แต่ว่าความฝันกับความจริงมันช่างห่างไกลกันจนต่างคนก็มองไม่ออกว่าจะไปให้ถึงจุด ๆ นั้นได้อย่างไร พี่เริ่มงานในตำแหน่งวิศกรทั่วไปในบริษัท ต้องทำงานทั้งเอกสารตรวจงานและการจัดซื้อ บางครั้งยังต้องคอยไปรับรองลูกค้าของบริษัท...

             “เราทั้งคู่ไม่ค่อยได้เจอกัน พี่ทุ่มเทให้กับงานเพราะได้แต่คาดหวังถึงตำแหน่งและความก้าวหน้าในสายงาน ทั้งหมดนั้นก็เพื่อความฝันที่เคยวาดไว้ แต่แล้วพอมาวันหนึ่งถึงทำให้รู้ว่าแม้จะพยายามมากมายเพียงใด แต่สุดท้ายความฝันนั้นก็เพียงแค่จินตนาการและอากาศ”

             “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ” นุชถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

             “พอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าบุปผาไปทำงานต่างประเทศแล้ว”

             “ไม่ล่ำรากันเลยเหรอ”

             “เธอทิ้งแค่ข้อความไว้ว่า ‘ถ้าชาตินี้เราได้พบเจอกันอีกค่อยกลับมาคบกันใหม่’”

             “เพราะคำพูดนี้เลยทำให้พี่คิดว่ายังมีความหวัง”

             นพไม่ตอบอะไร นั่นหมายถึงยอมรับ

             “วันนี้นุชเหนื่อยมากแล้ว” หญิงสาวขยับตัวเตรียมลุกออกจากโต๊ะ “วันนี้นุชกลับแท็กซี่ละกัน”

             ไม่มีเสียงรั้งคนที่กำลังจะจากไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่