#แชร์ประสบการณ์ #รีวิว
การเข้าพักภาวนา ที่ "ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม"
#ทำไมเลือกมาที่นี่?
- สะดวกในเรื่องของการเดินทาง เพราะ ใกล้บ้านมาก เดินทางแป๊บเดียวก็ถึง
- คิดว่าพระอาจารย์มีเมตตามาก เพราะเคยเจอพระอาจารย์ก่อนแล้วครั้งนึง เซ้นต์มันบอก
- ไปสำรวจที่พัก+ห้องน้ำมาแล้ว คิดว่าสะดวก
- อยากลอง จะได้รู้
#พอเข้าไปแล้วเป็นยังไง? (ในความคิดเห็นส่วนตัว)
- วันแรกนะ พระอาจารย์ใจดีมาก ท่านตั้งใจสอนมากๆ
- ระหว่างรอคนมาสอน เขาให้เราอ่านหนังสือคู่มือฝึกสติปัฏฐานของสำนักรอ แต่เราอ่านจบมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เลยนั่งสมาธิ-เดินจงกรมรอ
- สอบอารมณ์ครั้งแรก โดนดุหนักเลย ด้วยบุคลิกที่ไม่สำรวม ไม่เรียบร้อย บวกกับความพยายามในการที่จะสื่อความเข้าใจกับพระอาจารย์ เลยโดนดุว่าพูดมาก
- ที่นี่เขาให้ปิดวาจา พูดได้เฉพาะตอนสอบอารมณ์ กับออกเสียงตอนสวดมนต์ ถ้าเผลอไปคุยเรื่องสัพเพเหระกับคนอื่น แล้วพระอาจารย์เห็นจะโดนดุหนักๆ แล้วโดนป้ายเตือนด้วย เคยเห็นแม่ชีโดนน่ะ
- เรื่องมื้ออาหาร มี 2 มื้อ คือ มื้อเช้า 6-7 โมง , มื้อกลางวัน 11-12 น. ท่านให้เดินจงกรมไปตักอาหารจนถึงหอฉัน ให้มีสติรู้อยู่กับอิริยาบถใหญ่-ย่อยของร่างกาย ตั้งแต่เดิน จนถึงตักอาหาร เดินไปหอฉัน พิจารณาอาหาร ดูการทำงานของร่างกายในการหยิบจับ การเคี้ยว การกลืน ห้ามวอกแวกไปมองที่อื่น ให้มองที่ถาดข้าวตัวเอง ต้องสำรวมสายตามากๆ กินเสร็จก็กราบพระ ยกถาดไปล้าง
- 12-13 น. เป็นเวลาส่วนตัว จะทำอะไรก็ได้ เช่น อาบน้ำ/ซักผ้า/ทำความสะอาดห้องพัก หรือจะนอน หรือจะไปนั่งสมาธิ-เดินจงกรมต่อ แล้วแต่
- ตอนเย็นๆ-หัวค่ำ เป็นเวลาสอบอารมณ์ (ทุกวัน ยกเว้นวันพระและวันเสาร์) ท่านให้สมุด-ปากกาไว้จดสภาวะมารายงาน สำหรับคนที่ขี้ลืม แต่ใครความจำดีก็ไม่ต้องจดก็ได้ แต่ของเราท่านให้จด เพราะเราจำไม่ได้ ก็รายงานไม่ได้ ขี้ลืมนั่นแหละ
- การรายงานสภาวะ ก็บอกท่านไปว่า นั่งสมาธิแต่ละบัลลังก์เกิดอะไรขึ้นบ้าง เจอสภาวะอะไรแบบไหนบ้าง เดินจงกรมก็เหมือนกัน เดินกี่ระยะ มีสภาวะอะไรบ้าง ตื่นนอน-อาบน้ำ-กินข้าว-ซักผ้า ไม่ว่าทำอะไรก็แล้วแต่ มีสติรู้ตัวรึเปล่า แม้แต่เกิดความคิดขึ้นมาก็ต้องมีสติรู้ว่าตัวเองคิด อย่าปล่อยไหลไปคิดนานๆ
- ไม่ว่าทำอะไร ต้องมีสติอยู่กับตัวตลอด ตอนนั่งสมาธิ เมื่อความเจ็บปวดทางกายเกิด ให้ทนดูทนรู้ให้ถึงที่สุดที่จะสามารถทนได้
- เสียงระฆังปลุก 3.45 น. ทำธุระส่วนตัวเสร็จให้ออกไปนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมที่ศาลาปฏิบัติธรรม 21.20 น. เสียงระฆังบอกว่าหมดเวลาฝึกของวันนั้นแล้ว เตรียมสวดมนต์กราบพระและกลับที่พัก
- 7 โมง ทำวัตรเช้า , ทำวัตรเย็นแค่วันเสาร์ 18 น.
- มีกิจกรรมนุ่งผ้าไทยใส่บาตรทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน
- การสวดมนต์ทำวัตรเช้าของที่นี่ยานและช้ามาก ไม่ถูกจริตใคร อาจง่วงนอนได้ เราแหละคนนึง 555
- น้ำดื่มมีบริการหน้าศาลาปฏิบัติธรรม กระหายน้ำก็ออกมากินข้างนอก
- มีที่พักรวม สำหรับคนไปไม่กี่วัน อย่าง 2-3 วันไรงี้ แต่ถ้าไปพักอยู่นานๆ อย่าง 7 วันขึ้นไป จะได้ที่พักเดี่ยว ถ้าห้องพักไม่เต็มนะ
- เรื่องอาหาร มีแม่ครัวทำอาหาร กับอาหารบิณฑบาตของพระเณร และอาหารที่ญาติโยมนำมาทำโรงทาน
- ห้ามใช้โทรศัพท์ระหว่างอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าหน้าที่เห็นว่าเอาไป จะให้ฝากไว้ที่ศาลา จะเบิกใช้ได้ต่อเมื่อมีธุระจำเป็นจริงๆ
- สำหรับห้องพักเดี่ยว มีเงินค่ามัดจำกุญแจห้อง 100 บาท เอาคืนได้ตอนคืนกุญแจวันกลับ
- กะละมังซักผ้าที่นู่นมี เราเอาไปทิ้งไว้อันนึง
- ขาดเหลืออะไร ติดต่อเจ้าหน้าที่
- มีหมอน เสื่อ ผ้าห่ม ให้ยืม แต่เราเตรียมหมอนกับผ้าห่มไปเอง ไปยืมแค่เสื่อ
- ห้องพักมีพัดลม
- ห้องน้ำ มีราวแขวนผ้า ส้วมเป็นแบบชักโครกนั่ง
- เรามักสาย เพราะไม่รู้เวลา เนื่องจากไม่มีโทรศัพท์ไว้ดูเวลา พี่เจ้าหน้าที่จึงให้ยืมนาฬิกาปลุกมาไว้ที่ห้อง
- เราเตรียมไม้แขวนผ้ากับตัวหนีบผ้าไปเอง ผงซักฟอกก็นำไปเอง กะละมังก็เอาไปเอง เนื่องจากเกรงใจ ไม่อยากไปยืมเขา หรือไปขอเขาใช้ เลยเตรียมไปเอง แต่จริงๆ กะละมังไม่ต้องเอาไปก็ได้ เพราะที่นั่นมีเพียงพอ ส่วนผงซักฟอกกับไม้แขวน/ตัวหนีบผ้า เตรียมไปเองก็ดี
- ที่นี่มีกลดไว้ให้กางนั่งสมาธิ เพราะที่นี่มียุง ยิ่งกลางคืนยุงยิ่งเยอะ กลางวันก็มี แต่ไม่มากเท่ากลางคืน
- ศาลามีพัดลม แต่เราไม่ค่อยกล้าเปิด เพราะเกรงใจค่าไฟวัด ถ้าร้อนแบบหงุดหงิดมากๆ เราจะออกไปพักหน้าศาลา
- มีป้อมหน้าวัด กลางคืนปิดประตูล็อค ความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
- พระอาจารย์ เดี๋ยวก็ดุ เดี๋ยวก็ใจดี เดาไม่ถูกหรอกว่าตอนไหนท่านจะดุ หรือตอนไหนท่านจะใจดี แต่เราเพิ่งมารู้ตอนจะกลับบ้านเนี่ยว่าท่านใจดีมีเมตตามากๆ
- พยายามอย่าสาย ทำตามเวลาที่สำนักวางไว้ เราเคยสายด้วยเหตุผลต่างๆ พระอาจารย์ให้คนมาตามถึงห้อง
- ถ้าป่วย ไปบอกพี่เจ้าหน้าที่ พี่เค้าหายาให้กิน
- เราเคยป่วยแบบไม่ไหวละ เพลียมาก ไปนอนพักที่ห้อง พระอาจารย์ใจดีมากที่ไม่ส่งคนไปตาม
- ที่นี่มีงูนะ เราเคยเจอ 2 ครั้ง ครั้งแรกเลื้อยมาหยุดอยู่ข้างๆ ครั้งที่2 เลื้อยอยู่ข้างๆ แต่ทั้งสองครั้ง งูดูปกติดี ไม่ตื่นคน เหมือนเค้าชินแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเจองู ไม่ต้องกลัว ก็กำหนดรู้แค่ว่าเห็น แล้วกำหนดเดินจงกรมผ่านไป เราก็ทำงี้แหละ
- นอกจากงู ยังมีกิ้งก่า มีตัวเงินตัวทอง กระแต ฯลฯ
- ให้สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไว้ให้ดี อย่าลอกแลก เวลากินอย่าเพลินกับรสอาหาร เวลาคิดก็ให้รู้ทัน ได้เห็น ได้กลิ่น ได้ยินเสียง ก็สักแต่ว่า ตัดอารมณ์ มาอยู่ที่กาย อยู่ที่นี่ให้สำรวมมากๆ จินตนาการว่าตัวเองเป็นพระก็ได้ ก็ต้องสำรวมเหมือนพระนั่นแหละ
- คนที่นี่ โดยเฉพาะคนที่นำอาหารมาเลี้ยง พวกเขาเหล่านั้นเคารพและให้เกียรติเรามาก เขามองว่าเราเป็นผู้ประพฤติธรรม เขาก็ยินดีในการสร้างกุศลของเรา อนุโมทนาสาธุกับเรา เราเองก็อนุโมทนาสาธุในทานของเขา
- อยู่ที่นี่เหมือนต้องฝึกพูดคำว่า "สาธุ" แทนคำว่า "ขอบคุณ" เพราะเป็นการยินดีที่เค้าสร้างกุศล พระอาจารย์สอนว่า การอนุโมทนาบุญกับเขา เป็นการช่วยต่อบุญให้เขาด้วย เราไม่มีโอกาสได้ทำแบบเขา เราก็อนุโมทนาบุญจากเขาเอา เราได้ เขาได้
- ช่วยกันทำความสะอาดเฉพาะวันพระ วันอื่นๆ แม่ชีกับพี่โยคีผู้เก่าช่วยดูแล
- พระอาจารย์ท่านช่วยเอื้อความสัปปายะแก่ผู้ปฏิบัติธรรม เต็มที่ตามกำลังความสามารถของท่าน
- เพราะฉะนั้น เราก็ต้องฝึกภาวนาทั้งในรูปแบบและในชีวิตประจำวันเต็มที่ตามกำลังความสามารถเหมือนกัน อย่าได้ทรยศพระอาจารย์และคนอื่นๆที่เขาช่วยเอื้อความสะดวกในการประพฤติธรรมแก่เรา ด้วยการไม่ตั้งใจภาวนา คิดแต่ว่าจะมาพักผ่อนอยู่สบาย กินข้าววัดไปวันๆ เพราะแทนที่จะได้บุญได้กุศลกลับไป จะติดหนี้กรรมกลับไปแทน ต้องสำเหนียกตรงนี้ไว้ดีๆ
- ฟรีหมด เรื่องทำบุญบริจาคทานแล้วแต่ศรัทธา
- คนไม่เยอะ พระอาจารย์ดูแลทั่วถึง
- กล้องวงจรปิดเยอะมาก แทบไม่มีจุดอับ
- การสอน เหมือนวัดอัมพวัน สิงห์บุรี
#อยู่ที่นี่ได้อะไร?
- เป็นสนามฝึกการกระทบอารมณ์อย่างดีเลย แล้วจะได้รู้กันว่าจิตใจมันพัฒนามั้ย
- ได้ทั้งสมถะ และวิปัสสนา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถ หรือพื้นฐานของแต่ละบุคคล
- แน่นอน มันเป็นกุศลปัจจัยสู่พระนิพพาน ตามที่เราอธิษฐาน
- ได้พิสูจน์รู้ด้วยตัวเองเกี่ยวกับการอธิษฐานใช้บุญและอุทิศบุญตามที่หลวงปู่จรัญสอนแล้ว ว่ามันเป็นจริงอย่างนั้น สามารถทำได้จริง สามารถใช้ได้จริง ต้องตั้งใจทำจริงๆนะ ทำได้แน่
#จะกลับไปฝึกที่นี่อีกมั้ย? เพราะอะไร?
- กลับไปสิ ตอบรับพระอาจารย์ไปแล้ว
- อีกเหตุผลนึงคือ ตั้งใจทำเหตุแห่งวิปัสสนาญาณปัญญา เหตุของพระนิพพาน
ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม
19 หมู่ 6 ซอยวัดสุขใจ ถนนนิมิตใหม่
แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา
กรุงเทพมหานคร 10510
หมายเหตุ1 : ภาพนี้คล้ายวิวหน้าห้องพักเรา ซึ่งตอนกลางคืนสวยมากกกกกก โดยเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวง เหมือนอยู่ในโลกวรรณคดี งดงามสุดๆ เรียกได้ว่าไปเข้าพักครั้งแรกก็ได้พักห้องที่วิวสวยที่สุดในวิริยะธัมโมเลย (ตามความรู้สึกนะ)
หมายเหตุ2 : ภาพประกอบเอามาจากเพจศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม (ตอนอยู่นู่นเขาไม่ให้ใช้โทรศัพท์ เลยไม่ได้ถ่ายภาพสวยๆไว้ด้วยตัวเอง)
>>> ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ถามได้นะคะ ถ้าตอบได้ จะตอบ
>>> หากรีวิวนี้ขาดตกบกพร่องประการใด ขออภัยด้วยนะคะ
แชร์ประสบการณ์ การเข้าพักภาวนาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม กทม.
#แชร์ประสบการณ์ #รีวิว
การเข้าพักภาวนา ที่ "ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม"
#ทำไมเลือกมาที่นี่?
- สะดวกในเรื่องของการเดินทาง เพราะ ใกล้บ้านมาก เดินทางแป๊บเดียวก็ถึง
- คิดว่าพระอาจารย์มีเมตตามาก เพราะเคยเจอพระอาจารย์ก่อนแล้วครั้งนึง เซ้นต์มันบอก
- ไปสำรวจที่พัก+ห้องน้ำมาแล้ว คิดว่าสะดวก
- อยากลอง จะได้รู้
#พอเข้าไปแล้วเป็นยังไง? (ในความคิดเห็นส่วนตัว)
- วันแรกนะ พระอาจารย์ใจดีมาก ท่านตั้งใจสอนมากๆ
- ระหว่างรอคนมาสอน เขาให้เราอ่านหนังสือคู่มือฝึกสติปัฏฐานของสำนักรอ แต่เราอ่านจบมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เลยนั่งสมาธิ-เดินจงกรมรอ
- สอบอารมณ์ครั้งแรก โดนดุหนักเลย ด้วยบุคลิกที่ไม่สำรวม ไม่เรียบร้อย บวกกับความพยายามในการที่จะสื่อความเข้าใจกับพระอาจารย์ เลยโดนดุว่าพูดมาก
- ที่นี่เขาให้ปิดวาจา พูดได้เฉพาะตอนสอบอารมณ์ กับออกเสียงตอนสวดมนต์ ถ้าเผลอไปคุยเรื่องสัพเพเหระกับคนอื่น แล้วพระอาจารย์เห็นจะโดนดุหนักๆ แล้วโดนป้ายเตือนด้วย เคยเห็นแม่ชีโดนน่ะ
- เรื่องมื้ออาหาร มี 2 มื้อ คือ มื้อเช้า 6-7 โมง , มื้อกลางวัน 11-12 น. ท่านให้เดินจงกรมไปตักอาหารจนถึงหอฉัน ให้มีสติรู้อยู่กับอิริยาบถใหญ่-ย่อยของร่างกาย ตั้งแต่เดิน จนถึงตักอาหาร เดินไปหอฉัน พิจารณาอาหาร ดูการทำงานของร่างกายในการหยิบจับ การเคี้ยว การกลืน ห้ามวอกแวกไปมองที่อื่น ให้มองที่ถาดข้าวตัวเอง ต้องสำรวมสายตามากๆ กินเสร็จก็กราบพระ ยกถาดไปล้าง
- 12-13 น. เป็นเวลาส่วนตัว จะทำอะไรก็ได้ เช่น อาบน้ำ/ซักผ้า/ทำความสะอาดห้องพัก หรือจะนอน หรือจะไปนั่งสมาธิ-เดินจงกรมต่อ แล้วแต่
- ตอนเย็นๆ-หัวค่ำ เป็นเวลาสอบอารมณ์ (ทุกวัน ยกเว้นวันพระและวันเสาร์) ท่านให้สมุด-ปากกาไว้จดสภาวะมารายงาน สำหรับคนที่ขี้ลืม แต่ใครความจำดีก็ไม่ต้องจดก็ได้ แต่ของเราท่านให้จด เพราะเราจำไม่ได้ ก็รายงานไม่ได้ ขี้ลืมนั่นแหละ
- การรายงานสภาวะ ก็บอกท่านไปว่า นั่งสมาธิแต่ละบัลลังก์เกิดอะไรขึ้นบ้าง เจอสภาวะอะไรแบบไหนบ้าง เดินจงกรมก็เหมือนกัน เดินกี่ระยะ มีสภาวะอะไรบ้าง ตื่นนอน-อาบน้ำ-กินข้าว-ซักผ้า ไม่ว่าทำอะไรก็แล้วแต่ มีสติรู้ตัวรึเปล่า แม้แต่เกิดความคิดขึ้นมาก็ต้องมีสติรู้ว่าตัวเองคิด อย่าปล่อยไหลไปคิดนานๆ
- ไม่ว่าทำอะไร ต้องมีสติอยู่กับตัวตลอด ตอนนั่งสมาธิ เมื่อความเจ็บปวดทางกายเกิด ให้ทนดูทนรู้ให้ถึงที่สุดที่จะสามารถทนได้
- เสียงระฆังปลุก 3.45 น. ทำธุระส่วนตัวเสร็จให้ออกไปนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมที่ศาลาปฏิบัติธรรม 21.20 น. เสียงระฆังบอกว่าหมดเวลาฝึกของวันนั้นแล้ว เตรียมสวดมนต์กราบพระและกลับที่พัก
- 7 โมง ทำวัตรเช้า , ทำวัตรเย็นแค่วันเสาร์ 18 น.
- มีกิจกรรมนุ่งผ้าไทยใส่บาตรทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน
- การสวดมนต์ทำวัตรเช้าของที่นี่ยานและช้ามาก ไม่ถูกจริตใคร อาจง่วงนอนได้ เราแหละคนนึง 555
- น้ำดื่มมีบริการหน้าศาลาปฏิบัติธรรม กระหายน้ำก็ออกมากินข้างนอก
- มีที่พักรวม สำหรับคนไปไม่กี่วัน อย่าง 2-3 วันไรงี้ แต่ถ้าไปพักอยู่นานๆ อย่าง 7 วันขึ้นไป จะได้ที่พักเดี่ยว ถ้าห้องพักไม่เต็มนะ
- เรื่องอาหาร มีแม่ครัวทำอาหาร กับอาหารบิณฑบาตของพระเณร และอาหารที่ญาติโยมนำมาทำโรงทาน
- ห้ามใช้โทรศัพท์ระหว่างอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าหน้าที่เห็นว่าเอาไป จะให้ฝากไว้ที่ศาลา จะเบิกใช้ได้ต่อเมื่อมีธุระจำเป็นจริงๆ
- สำหรับห้องพักเดี่ยว มีเงินค่ามัดจำกุญแจห้อง 100 บาท เอาคืนได้ตอนคืนกุญแจวันกลับ
- กะละมังซักผ้าที่นู่นมี เราเอาไปทิ้งไว้อันนึง
- ขาดเหลืออะไร ติดต่อเจ้าหน้าที่
- มีหมอน เสื่อ ผ้าห่ม ให้ยืม แต่เราเตรียมหมอนกับผ้าห่มไปเอง ไปยืมแค่เสื่อ
- ห้องพักมีพัดลม
- ห้องน้ำ มีราวแขวนผ้า ส้วมเป็นแบบชักโครกนั่ง
- เรามักสาย เพราะไม่รู้เวลา เนื่องจากไม่มีโทรศัพท์ไว้ดูเวลา พี่เจ้าหน้าที่จึงให้ยืมนาฬิกาปลุกมาไว้ที่ห้อง
- เราเตรียมไม้แขวนผ้ากับตัวหนีบผ้าไปเอง ผงซักฟอกก็นำไปเอง กะละมังก็เอาไปเอง เนื่องจากเกรงใจ ไม่อยากไปยืมเขา หรือไปขอเขาใช้ เลยเตรียมไปเอง แต่จริงๆ กะละมังไม่ต้องเอาไปก็ได้ เพราะที่นั่นมีเพียงพอ ส่วนผงซักฟอกกับไม้แขวน/ตัวหนีบผ้า เตรียมไปเองก็ดี
- ที่นี่มีกลดไว้ให้กางนั่งสมาธิ เพราะที่นี่มียุง ยิ่งกลางคืนยุงยิ่งเยอะ กลางวันก็มี แต่ไม่มากเท่ากลางคืน
- ศาลามีพัดลม แต่เราไม่ค่อยกล้าเปิด เพราะเกรงใจค่าไฟวัด ถ้าร้อนแบบหงุดหงิดมากๆ เราจะออกไปพักหน้าศาลา
- มีป้อมหน้าวัด กลางคืนปิดประตูล็อค ความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
- พระอาจารย์ เดี๋ยวก็ดุ เดี๋ยวก็ใจดี เดาไม่ถูกหรอกว่าตอนไหนท่านจะดุ หรือตอนไหนท่านจะใจดี แต่เราเพิ่งมารู้ตอนจะกลับบ้านเนี่ยว่าท่านใจดีมีเมตตามากๆ
- พยายามอย่าสาย ทำตามเวลาที่สำนักวางไว้ เราเคยสายด้วยเหตุผลต่างๆ พระอาจารย์ให้คนมาตามถึงห้อง
- ถ้าป่วย ไปบอกพี่เจ้าหน้าที่ พี่เค้าหายาให้กิน
- เราเคยป่วยแบบไม่ไหวละ เพลียมาก ไปนอนพักที่ห้อง พระอาจารย์ใจดีมากที่ไม่ส่งคนไปตาม
- ที่นี่มีงูนะ เราเคยเจอ 2 ครั้ง ครั้งแรกเลื้อยมาหยุดอยู่ข้างๆ ครั้งที่2 เลื้อยอยู่ข้างๆ แต่ทั้งสองครั้ง งูดูปกติดี ไม่ตื่นคน เหมือนเค้าชินแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเจองู ไม่ต้องกลัว ก็กำหนดรู้แค่ว่าเห็น แล้วกำหนดเดินจงกรมผ่านไป เราก็ทำงี้แหละ
- นอกจากงู ยังมีกิ้งก่า มีตัวเงินตัวทอง กระแต ฯลฯ
- ให้สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไว้ให้ดี อย่าลอกแลก เวลากินอย่าเพลินกับรสอาหาร เวลาคิดก็ให้รู้ทัน ได้เห็น ได้กลิ่น ได้ยินเสียง ก็สักแต่ว่า ตัดอารมณ์ มาอยู่ที่กาย อยู่ที่นี่ให้สำรวมมากๆ จินตนาการว่าตัวเองเป็นพระก็ได้ ก็ต้องสำรวมเหมือนพระนั่นแหละ
- คนที่นี่ โดยเฉพาะคนที่นำอาหารมาเลี้ยง พวกเขาเหล่านั้นเคารพและให้เกียรติเรามาก เขามองว่าเราเป็นผู้ประพฤติธรรม เขาก็ยินดีในการสร้างกุศลของเรา อนุโมทนาสาธุกับเรา เราเองก็อนุโมทนาสาธุในทานของเขา
- อยู่ที่นี่เหมือนต้องฝึกพูดคำว่า "สาธุ" แทนคำว่า "ขอบคุณ" เพราะเป็นการยินดีที่เค้าสร้างกุศล พระอาจารย์สอนว่า การอนุโมทนาบุญกับเขา เป็นการช่วยต่อบุญให้เขาด้วย เราไม่มีโอกาสได้ทำแบบเขา เราก็อนุโมทนาบุญจากเขาเอา เราได้ เขาได้
- ช่วยกันทำความสะอาดเฉพาะวันพระ วันอื่นๆ แม่ชีกับพี่โยคีผู้เก่าช่วยดูแล
- พระอาจารย์ท่านช่วยเอื้อความสัปปายะแก่ผู้ปฏิบัติธรรม เต็มที่ตามกำลังความสามารถของท่าน
- เพราะฉะนั้น เราก็ต้องฝึกภาวนาทั้งในรูปแบบและในชีวิตประจำวันเต็มที่ตามกำลังความสามารถเหมือนกัน อย่าได้ทรยศพระอาจารย์และคนอื่นๆที่เขาช่วยเอื้อความสะดวกในการประพฤติธรรมแก่เรา ด้วยการไม่ตั้งใจภาวนา คิดแต่ว่าจะมาพักผ่อนอยู่สบาย กินข้าววัดไปวันๆ เพราะแทนที่จะได้บุญได้กุศลกลับไป จะติดหนี้กรรมกลับไปแทน ต้องสำเหนียกตรงนี้ไว้ดีๆ
- ฟรีหมด เรื่องทำบุญบริจาคทานแล้วแต่ศรัทธา
- คนไม่เยอะ พระอาจารย์ดูแลทั่วถึง
- กล้องวงจรปิดเยอะมาก แทบไม่มีจุดอับ
- การสอน เหมือนวัดอัมพวัน สิงห์บุรี
#อยู่ที่นี่ได้อะไร?
- เป็นสนามฝึกการกระทบอารมณ์อย่างดีเลย แล้วจะได้รู้กันว่าจิตใจมันพัฒนามั้ย
- ได้ทั้งสมถะ และวิปัสสนา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถ หรือพื้นฐานของแต่ละบุคคล
- แน่นอน มันเป็นกุศลปัจจัยสู่พระนิพพาน ตามที่เราอธิษฐาน
- ได้พิสูจน์รู้ด้วยตัวเองเกี่ยวกับการอธิษฐานใช้บุญและอุทิศบุญตามที่หลวงปู่จรัญสอนแล้ว ว่ามันเป็นจริงอย่างนั้น สามารถทำได้จริง สามารถใช้ได้จริง ต้องตั้งใจทำจริงๆนะ ทำได้แน่
#จะกลับไปฝึกที่นี่อีกมั้ย? เพราะอะไร?
- กลับไปสิ ตอบรับพระอาจารย์ไปแล้ว
- อีกเหตุผลนึงคือ ตั้งใจทำเหตุแห่งวิปัสสนาญาณปัญญา เหตุของพระนิพพาน
ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม
19 หมู่ 6 ซอยวัดสุขใจ ถนนนิมิตใหม่
แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา
กรุงเทพมหานคร 10510
หมายเหตุ1 : ภาพนี้คล้ายวิวหน้าห้องพักเรา ซึ่งตอนกลางคืนสวยมากกกกกก โดยเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวง เหมือนอยู่ในโลกวรรณคดี งดงามสุดๆ เรียกได้ว่าไปเข้าพักครั้งแรกก็ได้พักห้องที่วิวสวยที่สุดในวิริยะธัมโมเลย (ตามความรู้สึกนะ)
หมายเหตุ2 : ภาพประกอบเอามาจากเพจศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม (ตอนอยู่นู่นเขาไม่ให้ใช้โทรศัพท์ เลยไม่ได้ถ่ายภาพสวยๆไว้ด้วยตัวเอง)
>>> ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ถามได้นะคะ ถ้าตอบได้ จะตอบ
>>> หากรีวิวนี้ขาดตกบกพร่องประการใด ขออภัยด้วยนะคะ