แชร์ประสบการณ์ การเข้าพักภาวนาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม กทม.



#แชร์ประสบการณ์  #รีวิว

การเข้าพักภาวนา ที่ "ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม"


#ทำไมเลือกมาที่นี่?
   - สะดวกในเรื่องของการเดินทาง เพราะ ใกล้บ้านมาก เดินทางแป๊บเดียวก็ถึง
   - คิดว่าพระอาจารย์มีเมตตามาก เพราะเคยเจอพระอาจารย์ก่อนแล้วครั้งนึง เซ้นต์มันบอก
   - ไปสำรวจที่พัก+ห้องน้ำมาแล้ว คิดว่าสะดวก
   - อยากลอง จะได้รู้


#พอเข้าไปแล้วเป็นยังไง? (ในความคิดเห็นส่วนตัว)
   - วันแรกนะ พระอาจารย์ใจดีมาก ท่านตั้งใจสอนมากๆ
   - ระหว่างรอคนมาสอน เขาให้เราอ่านหนังสือคู่มือฝึกสติปัฏฐานของสำนักรอ แต่เราอ่านจบมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เลยนั่งสมาธิ-เดินจงกรมรอ
   - สอบอารมณ์ครั้งแรก โดนดุหนักเลย ด้วยบุคลิกที่ไม่สำรวม ไม่เรียบร้อย บวกกับความพยายามในการที่จะสื่อความเข้าใจกับพระอาจารย์ เลยโดนดุว่าพูดมาก
   - ที่นี่เขาให้ปิดวาจา พูดได้เฉพาะตอนสอบอารมณ์ กับออกเสียงตอนสวดมนต์ ถ้าเผลอไปคุยเรื่องสัพเพเหระกับคนอื่น แล้วพระอาจารย์เห็นจะโดนดุหนักๆ แล้วโดนป้ายเตือนด้วย เคยเห็นแม่ชีโดนน่ะ
   - เรื่องมื้ออาหาร มี 2 มื้อ คือ มื้อเช้า 6-7 โมง , มื้อกลางวัน 11-12 น. ท่านให้เดินจงกรมไปตักอาหารจนถึงหอฉัน ให้มีสติรู้อยู่กับอิริยาบถใหญ่-ย่อยของร่างกาย ตั้งแต่เดิน จนถึงตักอาหาร เดินไปหอฉัน พิจารณาอาหาร ดูการทำงานของร่างกายในการหยิบจับ การเคี้ยว การกลืน ห้ามวอกแวกไปมองที่อื่น ให้มองที่ถาดข้าวตัวเอง ต้องสำรวมสายตามากๆ กินเสร็จก็กราบพระ ยกถาดไปล้าง
   - 12-13 น. เป็นเวลาส่วนตัว จะทำอะไรก็ได้ เช่น อาบน้ำ/ซักผ้า/ทำความสะอาดห้องพัก หรือจะนอน หรือจะไปนั่งสมาธิ-เดินจงกรมต่อ แล้วแต่
   - ตอนเย็นๆ-หัวค่ำ เป็นเวลาสอบอารมณ์ (ทุกวัน ยกเว้นวันพระและวันเสาร์)  ท่านให้สมุด-ปากกาไว้จดสภาวะมารายงาน สำหรับคนที่ขี้ลืม แต่ใครความจำดีก็ไม่ต้องจดก็ได้ แต่ของเราท่านให้จด เพราะเราจำไม่ได้ ก็รายงานไม่ได้ ขี้ลืมนั่นแหละ
   - การรายงานสภาวะ ก็บอกท่านไปว่า นั่งสมาธิแต่ละบัลลังก์เกิดอะไรขึ้นบ้าง เจอสภาวะอะไรแบบไหนบ้าง เดินจงกรมก็เหมือนกัน เดินกี่ระยะ มีสภาวะอะไรบ้าง ตื่นนอน-อาบน้ำ-กินข้าว-ซักผ้า ไม่ว่าทำอะไรก็แล้วแต่ มีสติรู้ตัวรึเปล่า แม้แต่เกิดความคิดขึ้นมาก็ต้องมีสติรู้ว่าตัวเองคิด อย่าปล่อยไหลไปคิดนานๆ
   - ไม่ว่าทำอะไร ต้องมีสติอยู่กับตัวตลอด ตอนนั่งสมาธิ เมื่อความเจ็บปวดทางกายเกิด ให้ทนดูทนรู้ให้ถึงที่สุดที่จะสามารถทนได้
   - เสียงระฆังปลุก 3.45 น. ทำธุระส่วนตัวเสร็จให้ออกไปนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมที่ศาลาปฏิบัติธรรม  21.20 น. เสียงระฆังบอกว่าหมดเวลาฝึกของวันนั้นแล้ว เตรียมสวดมนต์กราบพระและกลับที่พัก
   - 7 โมง ทำวัตรเช้า , ทำวัตรเย็นแค่วันเสาร์ 18 น.
   - มีกิจกรรมนุ่งผ้าไทยใส่บาตรทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน
   - การสวดมนต์ทำวัตรเช้าของที่นี่ยานและช้ามาก ไม่ถูกจริตใคร อาจง่วงนอนได้ เราแหละคนนึง 555
   - น้ำดื่มมีบริการหน้าศาลาปฏิบัติธรรม กระหายน้ำก็ออกมากินข้างนอก
   - มีที่พักรวม สำหรับคนไปไม่กี่วัน อย่าง 2-3 วันไรงี้ แต่ถ้าไปพักอยู่นานๆ อย่าง 7 วันขึ้นไป จะได้ที่พักเดี่ยว ถ้าห้องพักไม่เต็มนะ
   - เรื่องอาหาร มีแม่ครัวทำอาหาร กับอาหารบิณฑบาตของพระเณร และอาหารที่ญาติโยมนำมาทำโรงทาน
   - ห้ามใช้โทรศัพท์ระหว่างอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าหน้าที่เห็นว่าเอาไป จะให้ฝากไว้ที่ศาลา จะเบิกใช้ได้ต่อเมื่อมีธุระจำเป็นจริงๆ
   - สำหรับห้องพักเดี่ยว มีเงินค่ามัดจำกุญแจห้อง 100 บาท เอาคืนได้ตอนคืนกุญแจวันกลับ
   - กะละมังซักผ้าที่นู่นมี เราเอาไปทิ้งไว้อันนึง
   - ขาดเหลืออะไร ติดต่อเจ้าหน้าที่
   - มีหมอน เสื่อ ผ้าห่ม ให้ยืม แต่เราเตรียมหมอนกับผ้าห่มไปเอง ไปยืมแค่เสื่อ
   - ห้องพักมีพัดลม
   - ห้องน้ำ มีราวแขวนผ้า ส้วมเป็นแบบชักโครกนั่ง
   - เรามักสาย เพราะไม่รู้เวลา เนื่องจากไม่มีโทรศัพท์ไว้ดูเวลา พี่เจ้าหน้าที่จึงให้ยืมนาฬิกาปลุกมาไว้ที่ห้อง
   - เราเตรียมไม้แขวนผ้ากับตัวหนีบผ้าไปเอง ผงซักฟอกก็นำไปเอง กะละมังก็เอาไปเอง เนื่องจากเกรงใจ ไม่อยากไปยืมเขา หรือไปขอเขาใช้ เลยเตรียมไปเอง แต่จริงๆ กะละมังไม่ต้องเอาไปก็ได้ เพราะที่นั่นมีเพียงพอ ส่วนผงซักฟอกกับไม้แขวน/ตัวหนีบผ้า เตรียมไปเองก็ดี
   - ที่นี่มีกลดไว้ให้กางนั่งสมาธิ เพราะที่นี่มียุง ยิ่งกลางคืนยุงยิ่งเยอะ กลางวันก็มี แต่ไม่มากเท่ากลางคืน
   - ศาลามีพัดลม แต่เราไม่ค่อยกล้าเปิด เพราะเกรงใจค่าไฟวัด ถ้าร้อนแบบหงุดหงิดมากๆ เราจะออกไปพักหน้าศาลา
   - มีป้อมหน้าวัด กลางคืนปิดประตูล็อค ความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
   - พระอาจารย์ เดี๋ยวก็ดุ เดี๋ยวก็ใจดี เดาไม่ถูกหรอกว่าตอนไหนท่านจะดุ หรือตอนไหนท่านจะใจดี แต่เราเพิ่งมารู้ตอนจะกลับบ้านเนี่ยว่าท่านใจดีมีเมตตามากๆ
   - พยายามอย่าสาย ทำตามเวลาที่สำนักวางไว้ เราเคยสายด้วยเหตุผลต่างๆ พระอาจารย์ให้คนมาตามถึงห้อง
   - ถ้าป่วย ไปบอกพี่เจ้าหน้าที่ พี่เค้าหายาให้กิน
   - เราเคยป่วยแบบไม่ไหวละ เพลียมาก ไปนอนพักที่ห้อง พระอาจารย์ใจดีมากที่ไม่ส่งคนไปตาม
   - ที่นี่มีงูนะ เราเคยเจอ 2 ครั้ง ครั้งแรกเลื้อยมาหยุดอยู่ข้างๆ  ครั้งที่2 เลื้อยอยู่ข้างๆ  แต่ทั้งสองครั้ง งูดูปกติดี ไม่ตื่นคน เหมือนเค้าชินแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเจองู ไม่ต้องกลัว  ก็กำหนดรู้แค่ว่าเห็น แล้วกำหนดเดินจงกรมผ่านไป เราก็ทำงี้แหละ  
   - นอกจากงู ยังมีกิ้งก่า มีตัวเงินตัวทอง กระแต ฯลฯ
   - ให้สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไว้ให้ดี อย่าลอกแลก เวลากินอย่าเพลินกับรสอาหาร เวลาคิดก็ให้รู้ทัน ได้เห็น ได้กลิ่น ได้ยินเสียง ก็สักแต่ว่า ตัดอารมณ์ มาอยู่ที่กาย อยู่ที่นี่ให้สำรวมมากๆ จินตนาการว่าตัวเองเป็นพระก็ได้ ก็ต้องสำรวมเหมือนพระนั่นแหละ
   - คนที่นี่ โดยเฉพาะคนที่นำอาหารมาเลี้ยง พวกเขาเหล่านั้นเคารพและให้เกียรติเรามาก เขามองว่าเราเป็นผู้ประพฤติธรรม เขาก็ยินดีในการสร้างกุศลของเรา อนุโมทนาสาธุกับเรา  เราเองก็อนุโมทนาสาธุในทานของเขา
   - อยู่ที่นี่เหมือนต้องฝึกพูดคำว่า "สาธุ"  แทนคำว่า "ขอบคุณ"  เพราะเป็นการยินดีที่เค้าสร้างกุศล  พระอาจารย์สอนว่า การอนุโมทนาบุญกับเขา เป็นการช่วยต่อบุญให้เขาด้วย เราไม่มีโอกาสได้ทำแบบเขา เราก็อนุโมทนาบุญจากเขาเอา เราได้ เขาได้
   - ช่วยกันทำความสะอาดเฉพาะวันพระ วันอื่นๆ แม่ชีกับพี่โยคีผู้เก่าช่วยดูแล
   - พระอาจารย์ท่านช่วยเอื้อความสัปปายะแก่ผู้ปฏิบัติธรรม เต็มที่ตามกำลังความสามารถของท่าน
   - เพราะฉะนั้น เราก็ต้องฝึกภาวนาทั้งในรูปแบบและในชีวิตประจำวันเต็มที่ตามกำลังความสามารถเหมือนกัน อย่าได้ทรยศพระอาจารย์และคนอื่นๆที่เขาช่วยเอื้อความสะดวกในการประพฤติธรรมแก่เรา ด้วยการไม่ตั้งใจภาวนา คิดแต่ว่าจะมาพักผ่อนอยู่สบาย กินข้าววัดไปวันๆ เพราะแทนที่จะได้บุญได้กุศลกลับไป จะติดหนี้กรรมกลับไปแทน ต้องสำเหนียกตรงนี้ไว้ดีๆ
   - ฟรีหมด เรื่องทำบุญบริจาคทานแล้วแต่ศรัทธา
   - คนไม่เยอะ พระอาจารย์ดูแลทั่วถึง
   - กล้องวงจรปิดเยอะมาก แทบไม่มีจุดอับ
   - การสอน เหมือนวัดอัมพวัน สิงห์บุรี


#อยู่ที่นี่ได้อะไร?
   - เป็นสนามฝึกการกระทบอารมณ์อย่างดีเลย แล้วจะได้รู้กันว่าจิตใจมันพัฒนามั้ย
   - ได้ทั้งสมถะ และวิปัสสนา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถ หรือพื้นฐานของแต่ละบุคคล
   - แน่นอน มันเป็นกุศลปัจจัยสู่พระนิพพาน ตามที่เราอธิษฐาน
   - ได้พิสูจน์รู้ด้วยตัวเองเกี่ยวกับการอธิษฐานใช้บุญและอุทิศบุญตามที่หลวงปู่จรัญสอนแล้ว ว่ามันเป็นจริงอย่างนั้น สามารถทำได้จริง สามารถใช้ได้จริง ต้องตั้งใจทำจริงๆนะ ทำได้แน่


#จะกลับไปฝึกที่นี่อีกมั้ย? เพราะอะไร?
   - กลับไปสิ ตอบรับพระอาจารย์ไปแล้ว
   - อีกเหตุผลนึงคือ ตั้งใจทำเหตุแห่งวิปัสสนาญาณปัญญา เหตุของพระนิพพาน


ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม
19  หมู่ 6  ซอยวัดสุขใจ  ถนนนิมิตใหม่
แขวงทรายกองดิน  เขตคลองสามวา
กรุงเทพมหานคร  10510



หมายเหตุ1 : ภาพนี้คล้ายวิวหน้าห้องพักเรา ซึ่งตอนกลางคืนสวยมากกกกกก โดยเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวง เหมือนอยู่ในโลกวรรณคดี งดงามสุดๆ  เรียกได้ว่าไปเข้าพักครั้งแรกก็ได้พักห้องที่วิวสวยที่สุดในวิริยะธัมโมเลย (ตามความรู้สึกนะ)

หมายเหตุ2 : ภาพประกอบเอามาจากเพจศูนย์ปฏิบัติธรรมวิริยะธัมโม (ตอนอยู่นู่นเขาไม่ให้ใช้โทรศัพท์ เลยไม่ได้ถ่ายภาพสวยๆไว้ด้วยตัวเอง)


>>> ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ถามได้นะคะ ถ้าตอบได้ จะตอบ


>>> หากรีวิวนี้ขาดตกบกพร่องประการใด ขออภัยด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่