[CR] เมื่อผู้เฒ่าไปซิ่งที่เบตง

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เขียน แต่เพราะมีเรื่องเล่าอยากจะบันทึกไว้ และเผื่อใครอ่านแล้วจะมีไฟ ลุกออกไปเดินทางตามรอยคุณตาคุณยายที่บ้านบ้าง จะได้รู้ว่าเบตงน่าเที่ยวแค่ไหน และไม่อันตรายเลย

ก่อนอื่นต้องบอกว่าตัวเองไม่รู้จักเบตงเลย เคยได้ยินแต่ไก่เบตง และรู้ว่าอยู่ใต้สุดของประเทศไทย อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แค่ฟังชื่อก็น่ากลัวแล้ว แบบว่าแต่ก่อนก็มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ภาคใต้แล้ว ทำให้ยิ่งน่ากลัวใหญ่

แต่สำหรับพ่อ อายุ 79 ปี และแม่อายุ 70 ปี ได้ฟังเรื่องราวจากพี่ชายของแม่ว่าเพิ่งไปเที่ยวเบตงมา ไม่น่ากลัวเลยนะ สวยมาก ๆ อาหารอร่อยมาก ๆ พ่อเราซึ่งอยากไปเที่ยวเบตงอยู่แล้ว และเป็นคนชอบท่องเที่ยวและเป็นนักตามล่ากินของอร่อย (พวกร้านในตำนานในโซนกรุงเทพฯ นี่พ่อรู้จักทั้งนั้น) ก็วางแผนเดินทางทันที ส่วนเราก็ได้แต่ทำหน้าที่จองตั๋วเครื่องบินให้พ่อแม่ไปลงที่ตรัง ที่พี่ชายของแม่อยู่ แล้วก็สวดมนต์ คอยฟังข่าวจากพ่อแม่ และบอกให้เค้าถ่ายรูปส่งไลน์มาให้ดูเรื่อย ๆ จะได้ไม่กังวลมาก รูปในบทความนี้ก็มาจากที่ "วัยรุ่น" ทั้ง 4 ท่านถ่ายส่งมาให้ดูนี่แหละค่ะ ฝีมือถ่ายของวัยรุ่น บวกกับกล้องมือถือ ทำให้ภาพเบลอบ้าง แต่เราไม่อยากไปเอากภาพในเน็ทที่คนอื่นถ่ายมา ภาพเลยออกมาอย่างที่เห็นค่ะ ได้บรรยากาศท่องเที่ยวแบบผู้สูงอายุที่แท้จริง

ทริปนี้มีพ่อแม่เรา แล้วก็คุณลุงคุณป้า แต่ละคนซิ่ง ๆ กันทั้งน้านนน โดยคุณลุงเป็นผู้ขับรถตลอดการเดินทาง แล้วก็ถึงเวลาเดินทางไปเบตง ซึ่งเป็นช่วงปลายเดือนสิงหาคม

วันที่ 1

เริ่มต้นตรัง ออกจากตรังตี 5 ไปถึงหาดใหญ่ 7 โมง ทานอาหารเช้าที่หาดใหญ่ร้านโชคดีติ่มซำ วัยรุ่นเขาเจริญอาหารกัน มีบักกุดเต๋สุดเข้มข้นด้วย แค่เห็นรูปก็เหมือนจะได้กลิ่นเครื่องยาจีนหอมโชยมาเลย
อมยิ้ม36



เสร็จจากอาหารเช้า เหล่าผู้เฒ่าก็เดินทางต่อ ทานข้าวเช้าเสร็จ 8 โมงกว่า ๆ ถึงเบตงก็เกือบบ่ายโมง พ่อแม่กลับมาเล่าให้ฟังว่าระหว่างทางมีรถวิ่งไปมาตลอด ไม่เปลี่ยว ไม่น่ากลัวเลย ส่วนในเมืองก็คึกคัก เหมือนเมืองในต่างจังหวัดปกติ คนใช้ชีวิตกันตามปกติ ไม่ได้ดูน่ากลัวหรือว่ามีทหารเดินไปเดินมาให้ดูว่าปลอดภัย (แต่แอบน่ากลัว เพราะถ้ามีทหารเยอะก็แปลว่าบ้านเมืองไม่ปกติหนะสิ) แต่อย่างใด

อาหารมื้อแรกในเบตง แน่นอน.. ข้าวมันไก่ โดยผู้เฒ่า 4 คนสั่งไก่ 2 จาน ข้าว 6 จาน ^^
คุณลุงคุณป้าพาพ่อแม่ไปที่ร้านเจริญ ข้าวมันไก่เบตงพันธุ์แท้ ตามรูปเลยจ้า

ส่วนไก่เบตงที่กินกับข้าวมัน หน้าตาไม่เหมือนไก่ตอนที่เรากินกับข้าวมันไก่แบบปกติ มันจะต้มอยู่ในซอสสีน้ำตาล ๆ ตามรูป ส่วนรสชาติเป็นไงนั้น เดี๋ยวไปถามพ่อแม่มาเพิ่ม


หม่ำเสร็จแล้ว ก็พากันไปเช็คอินที่โรงแรม จองไว้ที่โรงแรมแกรนด์แมนดาริน อยู่ในเมือง ล้อมรอบไปด้วยภูเขา นี่เป็นรูปที่แม่ถ่ายจากห้องในโรงแรม (จากคำบอกเล่าของพ่อ โรงแรมนี้หรูและแพงสุดในเบตงแล้ว ตกคืนละพันกว่าบาทค่ะ)

พักผ่อน afternoon nap แบบวัยรุ่นกันสักพัก ก็พากันไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนเบตง เขียนว่าลวกไข่ (ใข่... ตามรูป) 7 นาทีสุกเลยนะ




แต่บ่อที่เค้าไปแช่เท้ากัน เป็นอีกบ่อที่น้ำไม่ร้อนจัดเท่าบ่อลวกไข่

จากนั้นก็มากินข้าวเย็นกันที่ภัตตาคารต้าเหยิน
เมนูมีผัดผักน้ำ (คล้าย ๆ ผักบุ้งหรือพวกวอเตอร์เครส ปลูกกันมาที่เบตง) เคาหยก (หมูสามชั้นอบเผือก) กบทอด หัวปลาจีนนึ่งซีอิ๊ว ผัดหมี่เบตง รวมแล้ว 880 บาท

ผัดผักน้ำ กับเคาหยก

อิ่มแล้วรีบเข้านอนค่ะ มีกิจกรรมอีกเพียบพรุ่งนี้

วันที่ 2
วัยรุ่นของเราตื่นกันตั้งแต่ตี 3 จ้าาาา ตื่นไปดูทะเลหมอกที่ตำบลอัยเยอร์เวง อยู่ห่างจากตัวเมืองไป 30 กว่ากิโลเมตร

ออกจากโรงแรมตี 4 ไปถึงอัยเยอร์เวงตี 5 พ่อบอกว่าเขามีที่ให้ถ่ายรูปหลายระดับความสูง

ไปคอยกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่หมอกเยอะจริง ๆ นักท่องเที่ยวไม่มากนัก อาจจะเป็นเพราะเป็นวันธรรมดา ไม่ใช่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ นี่เป็นอีกข้อดีของการท่องเที่ยววัยเกษียณ ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องไปเบียดกับใคร

ทะเลหมอก

พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว

ถ่ายรูปหมู่วัยรุ่นกันหน่อย นอกจากรูปนี้แล้วก็มีรูปแรกสุดที่ด้านบนของบล็อกนี้
พ่อแอบมาบอกว่าดูหมอกเยอะและแต่งตัวเตรียมหนาวขนาดนั้น ความจริงไม่หนาวมาก โรงแรมหนาวกว่า 555

ถ่ายรูปกันเต็มที่แล้วก็กลับมากินอาหารเช้าที่โรงแรม พักผ่อนอีกนิด ตอนเที่ยงไปกินที่ร้านข้าวมันไก่โกช้าง เคยมีชื่อเสียงเรื่องข้ามันไก่เบตง ตอนนี้ไม่ขายข้าวมันแล้ว แต่ยังขายไก่อยู่ พ่อบอกว่าร้านนี้คนแน่นมาก มีทัวร์ลงทีละ 2-3 คันรถบัส


แล้วออกไปดูอุโมงค์สมัยโจรจีนคอมมิวนิสท์

ต่อด้วยสวนไม้เมืองหนาวชื่อสวนหมื่นบุปผา ชื่อจริงคือ โครงการไม้ดอกเมืองหนาวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำแนวทางปลูกไม้เมืองหนาวขึ้น




หลังจากนั้นก็นั่งรถเล่นลอดอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ที่กลางเมืองเบตง ทะลุภูเขาไปออกอีกด้านหนึ่งของเมืองเบตง เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย มีความยาวตลอดอุโมงค์ประมาณ 273 เมตร เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2544 อีกฝั่งของอุโมงค์มีรูปปั้นไก่เบตงตัวโต



จากนั้นก็กลับไปกินข้าวที่ร้านต้าเหยินอีกรอบ พ่อติดใจปลาจีนนึ่งซีอิ๊วกับผัดหมี่เบตง ตามด้วยผัดถั่วฝักยาวและเต้าหูทอด พ่อบอกว่า "อร่อยเหลือประมาณ" แปลว่าต้องอร่อยสุด ๆ ไปเลย เกิดมายังไม่เคยกินเต้าหู้ทอดอร่อยเท่านี้ เนื้อเต้าหู้นุ่มมากกก มื้อนี้ราคารวม 560 บาท ร้านนี้คนแน่นมาก เป็นร้านขึ้นชื่อของเบตง อาหารอร่อย

วันที่ 3
วันนี้วัยรุ่นของเราไปเที่ยวเขื่อนบางลาง อยู่ที่อ.ธารโต ระหว่าง อ.บันนังสตากับเบตง พอได้ยินชื่อบันนังสตา ทำให้ความกังวลเราสูงขึ้นทันที เพราะได้ยินชื่ออำเภอนี้จากข่าวเกี่ยวกับความไม่สงบในภาคใต้


เขื่อนและถนนระหว่างไปเขื่อนสวยดี เขียวชอุ่ม แต่มีร้านอาหารอยู่ร้านเดียว เลยต้องคอยอาหารนานหน่อย

เสร็จจากที่นี่ พ่อแม่ก็กลับไปนอนค้างที่ตรัง 1 คืน ก่อนกลับกรุงเทพ
เป็นอันจบทริปเบตงในครั้งนี้ค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านมาจนถึงตรงนี้ค่ะ อย่างที่เกริ่นว่าอันนี้เป็นกระทู้แรกที่เขียน ดังนั้นหากขาดตกบกพร่องไปก็ขออภัยด้วยค่ะ

**ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัย**
แม่นับจุดตรวจตำรวจ-ทหารระหว่างตัวจังหวัดยะลาถึงเบตง ระยะทางประมาณ 100 กม. แม่นับได้ 21 จุด (แม่เราเป็นคนวิตกกังวลง่ายกว่าเรามาก) พ่อบอกว่าส่วนใหญ่เขาจะตรวจเฉพาะขาไปเบตง ส่วนขาลงไม่ค่อยตรวจ ของรถพ่อแม่แค่ลดกระจก เขาเห็นเป็นคนไทย (ชรา  ^^) ก็โบกมือให้ไป แต่ถ้าเป็นพวกอื่นอาจจะตรวจละเอียดหน่อย
เพิ่มอีกนิด คือพ่อบอกว่าทางไปเบตงถนนรถมาก ขับสนุกดี ไม่มีตรงไหนเปลี่ยวเลย มีบ้านคนตลอดทาง รถวิ่งไม่ขาดสาย รถมากกว่าเส้นเขาใหญ่-วังน้ำเขียวอีก !!!

** ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับไก่เบตง **
ไก่เบตง หรือ “ห่ายิ้นไก้” หรือ “ไก่แลงซาน” ถูกนำเข้ามาโดยคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่อพยพเข้ามาอยู่บริเวณแหลมมลายูกว่า 100 กว่าปีแล้ว โดยชาวจีนเข้ามากับชาวอังกฤษในสมัยเหมืองแร่ในคาบสมุทรแห่งนี้ยังเฟื่องฟู โดยเฉพาะเหมืองแร่เงิน แร่ดีบุกและทองคำ ซึ่งเบตงนั้นอยู่บนเทือกเขาสันกะลาคีรี อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 2,000 ฟุต ไก่พันธุ์จากจีนแผ่นดินใหญ่ จึงสามารถปรับตัว และขยายพันธุ์จนมีชื่อเสียงตั้งแต่นั้นมา
ชื่อสินค้า:   อ.เบตง จ.ยะลา
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่