พาลพบุรีหนีเที่ยวยะลา ตานี บ้านฉัน

สวัสดีค่ะ ต้องขอสวัสดีอย่างเป็นทางการ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้แต่อ่านกระทู้อย่างเดียว แต่วันนี้จะขออนุญาตรีวิวทริปพาเพื่อนเที่ยว เนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่เกิดขึ้น จึงอยากนำภาพสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียงมาให้ชาวพันทิปได้เห็นถึงความสวยงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความรุนแรงและเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยให้ชื่อว่า "พาลพบุรีหนีเที่ยวยะลา ตานี บ้านฉัน"

ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3-6 เมษายน 2558 เรื่องมันมีอยู่ว่า เราได้ไปเที่ยวแถวๆ ป่าบาลา-ฮาลา เที่ยวอำเภอเบตง แล้วก็ส่งภาพสวยๆ ไปให้เพื่อนดู ปรากฏว่านางตอบตกลงและจองตั๋วเครื่องบินสายการบินหางแดงมาลงที่หาดใหญ่ ประมาณทุ่มกว่าๆ ของวันที่ 3 เราเห็นว่ามันยังพอมีรถสองแถวหลังคาสูงอยู่ เลยพานางนั่งสองแถวจากสนามบินเพื่อเข้าเมือง ประหยัดค่าแท็กซี่ไปค่ะ หลังจากถึงเมืองหาดใหญ่ จัดแจงเก็บของเข้าที่พักเราก็ลงความเห็นกันว่าจะไปหาของกินใกล้ๆ ที่พัก สรุปว่าได้เบอเกอร์คนละลูกค่ะ ใช้เวลาเก็บงานไม่ถึง 10 นาที ต่อด้วยเครื่องดื่มย่อยเบอเกอร์(อันนี้ข้ออ้างนะ) จบกิจกรรมวันแรกค่ะ


เริ่มวันที่ 2 เรานั่งวินมอไซด์ไปหาของขึ้นชื่อของหาดใหญ่กินกันค่ะ ติ่มซำ 3 คน 18 เข่ง +  บะกุ๊ดเต๋เล็กอีก 1 อิ่มสบายใจไปเลยค่ะ เนื่องจากสมาชิก 1 คนของเรา นางยังต้องทำงานวันเสาร์อีกครึ่งวัน เลยต้องรอนางเลิกงานถึงจะออกเดินทางได้
เราเช่ารถไว้กับร้านเช่ารถหน้าสนามบินหาดใหญ่ นัดรับรถ 10 โมงเพราะวางแผนจะเช่ารถแค่ 2 วันครึ่ง ค่าเช่าวันละ 800 บาท ค่าเสียหายก็ 2,000 บาทค่ะ หักมัดจำบัตรเครดิตอีก 10,000 บาทตามเงื่อนไขสัญญา ได้รถเช่าแล้วก็เตรียมของขึ้นรถจากนั้นไปรับสมาชิกที่ยังคงนั่งทำงานอยู่ เราออกเดินทางจากหาดใหญ่เวลาประมาณ 12.30 น.

ถึงอ.เมืองยะลาเวลา 14.00 น. แวะพาเพื่อนสาวจากลพบุรีไปไหว้คุณแม่พร้อมขอพรให้เดินทางปลอดภัย มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองยะลาสู่อ.เบตง ผ่านอ.กรงปีนัง อ.บันนังสตา ผ่านโค้งปราบเซียนที่อ.ธารโต เข้าสู่เมืองเบตงเวลา 16.30 น. พร้อมกับคำพูดของเพื่อนชาวลพบุรีที่ว่า “เบตงนี่ ไม่เห็นจะตรงเลยหวะ” 555+ นางเมารถค่ะ หลังจากนั้นเราตะเวนหาที่พักได้พักที่ที่ที่.. อ้าว จำชื่อไม่ได้ซะงั้น แต่จำได้ว่าราคา 690 บาท/คืน บวกมัดจำอีกเท่าไหร่ไม่รู้ ลืมเหมือนกันค่ะ เอาเป็นว่าที่พักก็พอหลับนอนได้ค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นมาเลผิวสี กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ มาเบตงก็ต้องกินไก่เบตง จัดไปเลยค่ะที่ร้านต้าเหยินซึ่งขึ้นชื่อของกินเบตง สั่งเมนูไก่เบตง ผัดผักน้ำเบตง แล้วก็ต้มยำปลาน้ำข้น รูปมาค่ะ
ไก่เบตงเนื้อนุ่มหนังกรอบ อร่อยมากค่ะ



พวกเราใช้เวลาในการเก็บงาน 12 นาทีโดยประมาณ และนี่คือผลงานค่ะ 555 (งานละเอียดค่ะ) ถามลพบุรีว่ารสชาติอาหารเป็นไงบ้าง ถูกปากหรือเปล่า นางตอบว่า"พรุ่งนี้มากินอีกนะ" ฮ่าๆ แสดงว่านางติดใจ

กินข้าวเสร็จยังไม่มีกิจกรรมอะไรทำ เลยคิดว่าไปแช่บ่อน้ำร้อนดีกว่า ขับรถออกไปไม่ไกลมาก พอไปถึงที่บ่อน้ำร้อนคนเยอะเลยค่ะ มีทั้งมาแบบครอบครัว มากับแฟน คืนนั้นเป็นคืนที่มีจันทรุปราคาพอดี ที่นั่นเลยมืดสนิทตอนเราไปถึง  

หลังจากเสร็จที่บ่อน้ำร้อนก็ย้อนกลับมาเที่ยวงานในเบตงค่ะ และไม่พลาดที่จะแวะถ่ายรูปที่ป้าย
OK Betong

ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่จัดงานไก่เบตงพอดีค่ะ เลยได้ไปเดินเล่นถ่ายรูปวิถีไก่เบตง อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ นั่งถ่ายรูปกันสบายๆ เลยค่ะ

หลังจากไปเห็นไก่เบตงตัวเป็นๆ มาแล้ว ก็กลับมาถ่ายรูปคู่กับตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แล้วก็วงเวียนหอนาฬิกาประจำเมืองเบตงค่ะ .


ถ่ายรูปกันเสร็จก็กลับเข้าที่พัก ที่พักเราอยู่ไม่ไกลจากวงเวียนมากนัก กลับไปถึงที่พักเราก็เปิดทีวีเปิดแอร์กันตามปกติ แต่ทีวีมันดันเปิดช่องฉายหนังกำลังภายนอกสู่ภายในกันอยู่จ้า 3 สาวได้แต่กรี๊ดกร๊าดตามประสาวัยใสค่ะ ฮ่าๆ  คืนนั้นเราวางแผนกันว่าพรุ่งนี้เช้าจะออกไปดูทะเลหมอกที่ อัยเยอร์เวงกัน มาแล้วต้องไม่พลาดค่ะ นัดกันตื่นตี 5 สุดท้าย ตื่นกันเกือบ 6 โมงเช้าแล้ว รีบเลยค่ะ น้ำท่าไม่อาบแล้ว ซักแห้งแต่องค์เสร็จก็ซิ่งเลย ระหว่างทางก็ไม่พลาดที่จะแวะซื้อเฉาก๊วยเบตง ตรงบริเวณทางเข้าบ่อน้ำร้อนค่ะ เพราะเฉาก๊วยที่นี่ขึ้นชื่อและอร่อยมาก ถ้ามาสายหน่อยก็หมดแล้ว นี่ขนาดไปถึงร้านตอน 7 โมงเช้านะคะ สั่งไป 3 กิโล ได้แค่ 2 กิโลเอง เพราะมีคนจองหมดแล้ว

มุ่งหน้าสู่ทะเลหมอกกันต่อค่ะ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อยู่ห่างจากตัวอำเภอเบตงประมาณ 40 กิโลเมตร กว่าเราจะไปถึงแดดก็เริ่มแรง หมอกก็เริ่มจาง ภาพที่ได้ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ


เห็นภูเขาไปสุดลูกหูลูกตา สบายตาดีค่ะ หลังจากลงมาจากทะเลหมอกแล้ว ก็พาลพบุรีแวะเที่ยวที่สะพานค่ะ เรียกสะพานอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่า มันตั้งอยู่หลังที่ทำการกำนันตำบลอัยเยอร์เวง แวะถ่ายรูปกันเล่นๆ สบายใจค่ะ นี่เป็นสะพานที่ใช้สัญจรข้ามแม่น้ำ ระหว่างที่เราถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่ง ก็จะมีรถมอเตอไซด์สวนไปมาอยู่ตลอดค่ะ แต่คนที่นี่ใจดี มีน้ำใจค่ะ เห็นเราถ่ายรูปกันก็ขอโทษเราใหญ่ ขอทางบ้างหละ ถามพวกเราว่ามาจากไหนกัน แสดงน้ำจิตน้ำใจและต้อนรับแขกผู้มาเยือน เป็นมิตรกับเรามากค่ะ ลพบุรีพูดกับเรามาประโยคนึงว่า “คนที่นี่ดูใจดีเนาะ ไม่เห็นจะดูรุนแรงเหมือนในข่าวเลย” เห็นมั้ยหละ นางเริ่มมองที่นี่เปลี่ยนไปแล้วค่ะ  

หลังจากออกจากสะพานเราก็กลับไปเก็บของที่โรงแรม หาข้าวกินกันค่ะ และไก่เบตงก็เป็นเมนูที่คิดล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันนี้เราสั่ง ผัดหมี่เบตงค่ะ ไก่เบตง แล้วก็ต้มยำทะเลน้ำใส อันที่จริงอยากกินปลาจีนมากกว่า แต่มันหนักไปสำหรับเรา 3 คน ภาพมาค่ะ

แล้วก็เหมือนเดิมค่ะ ใช้เวลาเก็บงานไม่ถึง 15 นาที ทุกอย่างก็อย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ

หลังจากกินเสร็จเราก็ขับรถกับไปที่ด่านชายแดนค่ะ ไปแบบให้รู้ว่ามาถึงชายแดนแล้วนะ แล้วเราก็กลับกันค่ะ

เราแวะเติมน้ำมัน 800 บาท แก๊ส 91 ที่นี่ ราคาลิตรละ 30 บาทกว่าๆ แล้วแผนก็มาค่ะ เราจะแวะเข้าไปที่อุโมงค์ปิยะมิตร สวนไม้ดอกเมืองหนาว แต่พอไปถึงหน้าทางเข้าอุโมงค์ ลพบุรีก็ถามว่าข้างในมีอะไร เราก็เล่าให้ฟัง นางก็บอกว่า “ได้ฟังแล้วงั้นขอถ่ายรูปแค่หน้าอุโมงค์ก็พอนะ แดดร้อนมาก ไม่ไหวจะละลาย” เอาค่ะ ตามนั้น

หลังจากถ่ายเสร็จก็ขับรถไปต่อที่สวนไม้ดอกเมืองหนาวค่ะ

ที่นี่เรียกว่า “สวนหมื่นบุปผา” อากาศที่นี่เย็นแต่ถ้ามาช่วงเวลาที่เหมาะสม อากาศจะเย็นกว่านี้และแดดไม่ร้อนค่ะ ที่นี่มีที่พักรับรองสำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อนก็ลองมาดูได้นะคะ

เราออกจากเบตงเกือบบ่าย2 ขับรถ โดยใช้เส้นทางสายล่าง เพื่อสอบถามและติดต่อจะเข้าไปเที่ยวถ่ายรูปที่ป่าบาลา-ฮาลา เราสอบถามข้อมูลจากชมรมการท่องเที่ยวบริเวณท่าเรือตาพะเยา ได้ความว่าค่าเรือไปเที่ยวป่าบาลา-ฮาลา วันละ 3,000 บาท ใช้เวลาประมาณ 8 ชม. วันนี้คงไม่ทันแล้วคร๊า จบข่าว สรุปไปได้แค่ไว้พระที่เกาะใกล้ๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที มีเรือให้พายเล่นราคา 500 บาท โอเคค่ะตกลงนัดเวลากัน 4 โมงเย็น ว่าด้วยเรื่องที่พักได้ความว่า ที่นี่ยังไม่มีที่พักรับรอง มีแต่ที่พักแบบล่องแพซึ่งเราไม่เอาค่ะ แล้วก็มีรีสอร์ทห่างจากท่าเรือไปประมาณ 3 กม. ให้พวกเราลองไปติดต่อดู ไปถึงที่พักมีห้องว่างราคา 500 บาท เป็นห้องพัดลม วิวทะเลสาบ ที่ตั้งของรีสอร์ทอยู่ใกล้ๆ สะพานข้ามทะเลสาบ ชื่ออะไรจำไม่ได้เช่นกัน
    
พอใกล้เวลานัด เราเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวเล่นน้ำ ไปถึงจุดนัดพบ เจอกับพี่คนขับเรือให้พวกเราชื่อพี่โอ๋ พี่โอ๋ขับรถนำพวกเราไปที่ท่าเรือ เราขึ้นเรือลำขนาดกลางประมาณ 12 ที่นั่ง แต่พวกเราไปกัน 3 คน อากาศกำลังดี เรานั่งเรือมาถึงเกาะทวดใช้เวลา 20 นาที ที่เกาะทวดเป็นที่พักชั่วคราวของทหาร มีศาลขนาดกลางซึ่งเป็นที่เคารพของคนที่นั่น รวมทั้งชาวมาเลเซียที่มักเดินทางมาเที่ยวที่เกาะ มาดูภาพบรรยากาศที่นี่กันค่ะ

แถมรูปพี่โอ๋ คนขับเรือนำเรามาเที่ยวด้วยค่ะ   เราใช้เวลาที่นั่นเกือบ 2 ชม.ค่ะ เราจ่ายค่าเสียหายให้พี่โอ๋ ไป 500 บาท ก่อนกลับพี่โอ๋ก็เตือนเราเรื่องอย่าออกไปไหนตอนกลางคืนถ้าไม่จำเป็น ถ้าหิวก็สั่งอาหารตามสั่งที่รีสอร์ทได้เลย จะปลอดภัยกว่า พวกเราขอบคุณและกล่าวคำลา
v
v
v
ขออนุญาตต่อใน comment นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่