ไปเที่ยวยะลา-เบตงกัน !!!! เราจะมาเล่าประสบการณ์ ตลอด 3 วันที่เราและเพื่อน ๆ ไปตะลุยกิน เที่ยว เล่น และจะมาแชร์ สิ่งที่ไปเจอมาให้ทุกคนได้อ่านไปพร้อมกันว่าดินแดนใต้สุดแดนสยามนี้ มีของดีซ่อนอยู่ ครั้งหนึ่งเราเคยกังวลที่จะไปเที่ยวที่ 3 จังหวัดชายแดน เคยวางแผน แต่ในหลาย ๆ ครั้งก็จะเจอคำถามว่า “ไปทำไมม ไม่รู้จะเที่ยวไหนแล้วหรอ ไม่กลัวหรอ“ แต่สุดท้ายครับ เราก็เอาชนะข้อทักทานนั้น และไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง อ่านเราเล่าอินโทรมาเยอะ หละ ไปดูกันว่าตลอด 5 วันเราได้อะไรกลับมา
DAY1
สถานีรถไฟกรุงเทพอภิวัฒน์ จุดเริ่มต้นการเดินทางที่เรารอคอยกัน! พวกเรานั่งชั้น 1 จากกรุงเทพไปยะลา ในตั๋วบอกว่าออกเวลา 16.10 ถึง 08.47 และต้องบอกว่า มันออกเวลานั้นจริง ๆ นะทุกคน พอ 16.11 รถไฟก็เริ่มขยับเลย!
มาต่อที่รีวิวชั้น 1 กันดีกว่า ฟีลนี้มันดีงามมาก! มีพี่เจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระหว่างทางเชื่อม และห้องคือส่วนตัวนอนได้ 2 คน มีเตียงบนเตียงล่าง แถมยังมีมุมล้างหน้ากับซิงค์ให้ด้วยนะ ที่เด็ดสุดคือมีประตูเชื่อมไปอีกห้อง ฟีลเหมือนมีห้องใหญ่ 4 ห้องนอน ถ้ารู้จักกันก็เปิดประตูเชื่อมได้เลย พวกเราก็เปิดประตูคุยกันเฮฮา ตั้งกล้องถ่าย vlog ละตอนนั้นใกล้ 5 โมง แสงสวย ได้รูปสวย ๆ กลับบ้านเพียบ! อีกอย่างคือชั้นนี้มีห้องน้ำส่วนตัว 2 ห้อง ใครเดินทางมาเหนื่อย ๆ อาบน้ำก่อนอนได้นะ
พอทุกคนจัดของเข้าที่เรียบร้อย ผ่านไปสักพักก็มีเสียง ก๊อก ๆ จากประตู “ชาไทยไหมคะ?” ใช่แล้วครับ! ระหว่างทางไม่มีใครหิวเลย เพราะสถานีที่แวะมีพ่อค้าแม่ค้าขายของเต็มไปหมด! เรามีทั้งก๋วยเตี๋ยวราชบุรี ข้าวเหนียวหมูปิ้ง มะม่วงที่ทำให้เราฟินกันตลอดทาง ชิลสุด ๆ!
ก๋วยเตี๋ยวราชบุรีนี่เส้นคือดีงามมากเลยนะ มีความนุ่ม ไม่ติดกัน ทำให้เวลาตักขึ้นมากินแล้วรู้สึกสะใจสุด ๆ แต่ต้องบอกว่าไม่ได้มีขายตลอดนะ ประมาณ 6 โมงเย็นก็เริ่มไม่มีละ! พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ฝันดีรอบแรกของทริปนี้ ขอนอนเอาแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ก่อนนะ
DAY2
เริ่มต้นวันใหม่กันตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเลยครับ! เพื่อน ๆ อยากตื่นมารับแสงแรกกัน พร้อมชมวิวเพลิน ๆ บนรถไฟ เช้าหน่อยถึงสงขลาหาดใหญ่ ก็มีแม่ค้าขึ้นมาขายของเหมือนเดิม! รอบนี้เป็นไก่ทอดหาดใหญ่สำหรับมื้อเช้า หนังสีส้มแดงดูน่ากินมาก แถมเนื้อข้างในก็นุ่มสุด ๆ คนขายยังบอกอีกว่า “ถ้าหนังไม่เค็ม ไม่ใช่ไก่ทอดหาดใหญ่นะคะ” คนเขียนคอนเฟิร์มครับ เพราะพ่อผมเป็นคนหาดใหญ่ ทำไก่ทอดทีไรหนังเค็มทุกที 5555
ในที่สุดก็มาถึงสถานียะลาตอน 9 โมงเช้า ถือว่ารถไฟตรงเวลาใช้ได้เลยนะ เพราะเราขึ้นแบบด่วนพิเศษด้วยแหละ พอลงจากรถไฟปุ๊บ ก็มุ่งหน้าสู่ภารกิจแรกของเราทันที เช่ารถ! ลุงคนที่เอารถมาให้ก็แนะนำของดีประจำถิ่นแบบเต็มที่เลยครับ บอกว่า "ทุเรียนมูซานคิงนี่แหละ ของขึ้นชื่อยะลาเลยนะหนุ่ม ๆ มีโอกาสต้องลอง!" งานนี้ไม่ต้องพูดเยอะ จัดไปครับ พวกเราก็เริ่มที่ตลาดเช้ารถไฟยะลา เดินไปเดินมา ดูของน่ากินเพียบเลย ทั้งขนมหวานพื้นบ้าน ผลไม้สด ๆ แต่สายตาก็ยังคอยสอดส่องหาร้านทุเรียนอยู่ทุกแยก แต่ยังไงก็ไม่เจอทุเรียนซะที! ได้แต่ทำใจแล้วเดินทางกันต่อ 5555
ขับรถออดมาจากตลาดไม่กี่นาทีก็เจอ “อาคารสีรุ้ง” หรือที่คนเรียกกันว่า “ตึกสีรุ้ง” ที่ตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟยะลานี่แหละ! บอกเลยว่านี่เป็นตึกเก่าที่มีอายุมากกว่า 50 ปี แต่ตอนนี้เขาทำการปรับปรุงใหม่ทาสีสดใส ให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น! ทำไมถึงต้องทาสีสันสดใสขนาดนี้? เพราะคนยะลานี่เขาอยากเห็นเมืองตัวเองน่ารักและมีชีวิตชีวาขึ้นนั่นเอง! และยังมีความตั้งใจที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวและคนที่อ่านอยู่ทุกคนให้เข้ามาสัมผัสความสวยงามของเมืองที่ขึ้นชื่อว่า “ยะลา เมืองน่าอยู่”
ต่อมาก็เริ่มหาคาเฟ่ชิล ๆ นั่งพักกันหน่อยครับ พอขับรถผ่านไปมาแล้วลองดูใน Google Maps ถึงรู้ว่า ยะลานี่มีคาเฟ่สวย ๆ เยอะมาก! มีเรียงรายให้เลือกแทบทุกช่วงสองข้างทางเลย หลังจากเลือกกันนาน ในที่สุดก็ได้ร้านที่ถูกใจ นั่นก็คือ Make Cafe Yala ครับ! ได้เข้าไปนั่งตากแอร์เย็น ๆ กับขนมหวานอร่อย ๆ บอกเลยว่าฟินสุด ๆ โดยเฉพาะกับไอศกรีมชาเขียวของที่นี่! มันคือไอศกรีมชาเขียวทำมือ (handmade) ที่เข้มข้นสุด ๆ เนื้อไอศกรีมก็มีความหนึบ ไม่เละ หวานกำลังดี อร่อยมาก! แล้วที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ “เค้กทุเรียน” ครับ! เค้กเนื้อฟูนุ่ม เนื้อทุเรียนก็หอมหวาน ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ทุเรียนต้องไม่พลาดจริง ๆ! เค้กนี้กินแล้วเหมือนอยู่ในสวนทุเรียนเลยล่ะ อร่อยเด็ดแบบนี้ ต้องลอง! ไปต่อกันที่ร้าน ซุปเซ็งยะลา ครับ! พวกเราสั่งซุปเนื้อมา เนื้อมีความนุ่มอร่อย น้ำซุปรสชาติแซ่บ ถ้าใครชอบต้มยำแบบใส ๆ ต้องลองเลยนะ กินไปคุยไปชิลดีสุด ๆ!
เสร็จแล้วก็ขับรถไปที่พักกันเลย โรงแรม THE GUEST YALA ครับทุกคน! อาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ลุยต่อกันเลย! ลุยหาของกินกันต่อ 5555 ที่ต่อไปเราจะไปที่คาเฟ่ K COFF อยู่ตรงข้ามสวนขวัญเมือง เป็นการรีโนเวตบ้านไม้เก่า ๆ มาทำเป็นคาเฟ่สุดชิค เบเกอรี่กับขนมคือทำสวยน่ากิน แถมอร่อยด้วย กินอิ่มแล้วจะมีพลังไปเดินเล่นต่อที่สวนขวัญเมืองได้สบาย ๆ
พูดถึงสวนขวัญเมืองหรือพรุบาโกย เป็นสวนสาธารณะใหญ่โตสุด ๆ ของเทศบาลเมืองยะลา พื้นที่กว้างถึง 207 ไร่! มีสระน้ำใหญ่ขนาด 69 ไร่ ที่เทศบาลเขาตกแต่งแบบให้ฟีลชายทะเลเลย มีต้นไม้ใหญ่เรียงรายเหมือนต้นสนให้บรรยากาศเหมือนทะเลจริง ๆ เพราะจังหวัดนี้ไม่ติดทะเลไง ทางเทศบาลเลยจัดบรรยากาศทะเลจำลองไว้ให้คนยะลามาเที่ยวพักผ่อนกัน
ความเจ๋งคือเขาจัดการดีมากจริง ๆ นะ มีเลนปั่นจักรยานแยกชัดเจนเลย ตอนพวกเราขับรถวนดูก็ไม่เห็นมีรถจอดขวางหรือเข้ามาวุ่นวายในเลนจักรยานเลย อากาศก็สดชื่นมาก ๆ วิวก็สวย เพราะสวนกว้างใหญ่ติดเลนจักรยานไปตลอดทาง สายปั่นต้องฟินแน่นอน บอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริง ๆ!
พอลงมาเดินเล่นในสวนแล้วต้องบอกว่าสวยมาก ร่มรื่นสุด ๆ ที่นี่เหมือนเป็นศูนย์รวมของคนในละแวกนี้เลย มีครอบครัวมานั่งปิกนิกกันเต็มไปหมด แถมยังมีแม่ค้าพ่อค้าเปิดแผงลอยขายอาหาร ของเล่น ให้เลือกช้อปกันแบบเพลิน ๆ ข้างริมแม่น้ำก็เจอเด็ก ๆ นักเรียน นักศึกษา มานั่งคุยเล่นกันเป็นกลุ่ม ๆ เห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของชุมชนเลย ส่วนใครมากับคนรู้ใจ เขาก็มีเรือเป็ดให้พายกันด้วยนะ หวานเจี๊ยบ 555
ตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็น พวกเรามาหยุดพักกันตรงริมน้ำที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาเย็นสบาย มีท่อนไม้วางไว้เป็นที่นั่งข้าง ๆ นั่งลงแล้วมีลมเย็นพัดมาอ่อน ๆ วิวตรงหน้าเป็นน้ำที่มีคลื่นกระเพื่อมเบา ๆ มองขึ้นไปเจอท้องฟ้าใสกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านกิ่งไม้ พอมีเมฆขาวปุยลอยอยู่ บรรยากาศช่วงนั้นมันช่างเงียบสงบและเรียบง่ายจนรู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุน เรานั่งปล่อยใจไปกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว เหมือนได้หลุดออกจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันไปพักหนึ่ง เสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงน้ำกระทบฝั่งเบา ๆ ทุกอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองจริง ๆ ได้สูดหายใจลึก ๆ รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ เหมือนใจมันได้รับการเติมเต็มจนสดชื่นอีกครั้ง จนอดคิดไม่ได้ว่า…อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ให้นานกว่านี้สักหน่อย
เริ่มมื้อเย็นกันต่อแบบทันที! ช็อตฟีลกันไปเลยสิ 5555 เอาเป็นว่าอารมณ์ซึ้ง ๆ เมื่อกี้ก็พักไว้ก่อน เพราะตอนนี้ท้องเริ่มนำทางแล้วจ้า! ตอนแรกตั้งใจจะไปกินข้าวยำร้านดังในตลาดเก่า แต่เพื่อนพามาผิดที่ พามาที่ร้านอาบูคอลี (ธงฟ้า) แทน 5555 แต่บอกเลยว่าอาหารที่นี่คือดีมากทุกคน! เราสั่งมาเต็มโต๊ะทั้ง เนื้อแดดเดียวทอด ที่กรอบอร่อย ยำเนื้อ รสจัดจ้าน ข้าวผัดเนื้อเค็ม ที่หอมกลิ่นเนื้อ และ ต้มยำกุ้ง ที่เข้มข้นสุด ๆ! เนื้อไม่เหนียวเลยนะ ฟินมาก ตอนเคี้ยวมีความหอมของเนื้อโชยขึ้นมา ส่วนต้มยำกุ้งก็จัดเต็ม กุ้งตัวโต ๆ จุก ๆ ถึง 4 ตัวเลย! ถ้าผมได้กลับมายะลาอีกครั้ง รับรองว่าต้องแวะร้านนี้อีกแน่นอน!
วันนี้คือวันแห่งการกินเลยครับ! 55555 และร้านสุดท้ายของเราคือ ร้านโรตีการาจกาญจนา 1ที่ต้องแวะ! โรตีมะตะบะ ที่นี่คือเด็ดมากกก! หลายคนอาจสงสัยว่า “มะตะบะคืออะไร?” มันก็คือแป้งสาลีที่ห่อเนื้อสัตว์ผสมเครื่องเทศแล้วนำไปทอดนั่นเอง บอกเลยว่ากรอบอร่อยมาก ได้ทั้งรสเนื้อและกลิ่นเครื่องเทศเต็ม ๆ อีกอย่างที่ห้ามพลาดคือ แป้งโรตีกินคู่กับแกงมัสมั่นเนื้อ คือที่สุด! แป้งโรตีหนึบ ๆ ที่จิ้มกับเนื้อนุ่ม ๆ ในแกงมัสมั่นนี่ บอกเลย ไม่ลองคือพลาด! (กว่าจะเขียนจบวัน คนเขียนหิวมากนะ 5555)
หลังจากอิ่มกันแล้ว เราก็กลับไปที่พักกันครับ! แต่ก่อนจะนอน ต้องรีบจัดการตัวเองหน่อย เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ 04.30 ขึ้นรถเบนซ์ไป "เบตง" กันนั่นเอง! นอนหลับฝันดีนะทุกคน!
เที่ยวยะลา-เบตง 5 วัน 5 คืน นั่งรถไฟสุดชิล สัมผัสดินแดนใต้สุดของไทย
DAY1
สถานีรถไฟกรุงเทพอภิวัฒน์ จุดเริ่มต้นการเดินทางที่เรารอคอยกัน! พวกเรานั่งชั้น 1 จากกรุงเทพไปยะลา ในตั๋วบอกว่าออกเวลา 16.10 ถึง 08.47 และต้องบอกว่า มันออกเวลานั้นจริง ๆ นะทุกคน พอ 16.11 รถไฟก็เริ่มขยับเลย!
มาต่อที่รีวิวชั้น 1 กันดีกว่า ฟีลนี้มันดีงามมาก! มีพี่เจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระหว่างทางเชื่อม และห้องคือส่วนตัวนอนได้ 2 คน มีเตียงบนเตียงล่าง แถมยังมีมุมล้างหน้ากับซิงค์ให้ด้วยนะ ที่เด็ดสุดคือมีประตูเชื่อมไปอีกห้อง ฟีลเหมือนมีห้องใหญ่ 4 ห้องนอน ถ้ารู้จักกันก็เปิดประตูเชื่อมได้เลย พวกเราก็เปิดประตูคุยกันเฮฮา ตั้งกล้องถ่าย vlog ละตอนนั้นใกล้ 5 โมง แสงสวย ได้รูปสวย ๆ กลับบ้านเพียบ! อีกอย่างคือชั้นนี้มีห้องน้ำส่วนตัว 2 ห้อง ใครเดินทางมาเหนื่อย ๆ อาบน้ำก่อนอนได้นะ
พอทุกคนจัดของเข้าที่เรียบร้อย ผ่านไปสักพักก็มีเสียง ก๊อก ๆ จากประตู “ชาไทยไหมคะ?” ใช่แล้วครับ! ระหว่างทางไม่มีใครหิวเลย เพราะสถานีที่แวะมีพ่อค้าแม่ค้าขายของเต็มไปหมด! เรามีทั้งก๋วยเตี๋ยวราชบุรี ข้าวเหนียวหมูปิ้ง มะม่วงที่ทำให้เราฟินกันตลอดทาง ชิลสุด ๆ!
ก๋วยเตี๋ยวราชบุรีนี่เส้นคือดีงามมากเลยนะ มีความนุ่ม ไม่ติดกัน ทำให้เวลาตักขึ้นมากินแล้วรู้สึกสะใจสุด ๆ แต่ต้องบอกว่าไม่ได้มีขายตลอดนะ ประมาณ 6 โมงเย็นก็เริ่มไม่มีละ! พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ฝันดีรอบแรกของทริปนี้ ขอนอนเอาแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ก่อนนะ
DAY2
เริ่มต้นวันใหม่กันตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเลยครับ! เพื่อน ๆ อยากตื่นมารับแสงแรกกัน พร้อมชมวิวเพลิน ๆ บนรถไฟ เช้าหน่อยถึงสงขลาหาดใหญ่ ก็มีแม่ค้าขึ้นมาขายของเหมือนเดิม! รอบนี้เป็นไก่ทอดหาดใหญ่สำหรับมื้อเช้า หนังสีส้มแดงดูน่ากินมาก แถมเนื้อข้างในก็นุ่มสุด ๆ คนขายยังบอกอีกว่า “ถ้าหนังไม่เค็ม ไม่ใช่ไก่ทอดหาดใหญ่นะคะ” คนเขียนคอนเฟิร์มครับ เพราะพ่อผมเป็นคนหาดใหญ่ ทำไก่ทอดทีไรหนังเค็มทุกที 5555
ในที่สุดก็มาถึงสถานียะลาตอน 9 โมงเช้า ถือว่ารถไฟตรงเวลาใช้ได้เลยนะ เพราะเราขึ้นแบบด่วนพิเศษด้วยแหละ พอลงจากรถไฟปุ๊บ ก็มุ่งหน้าสู่ภารกิจแรกของเราทันที เช่ารถ! ลุงคนที่เอารถมาให้ก็แนะนำของดีประจำถิ่นแบบเต็มที่เลยครับ บอกว่า "ทุเรียนมูซานคิงนี่แหละ ของขึ้นชื่อยะลาเลยนะหนุ่ม ๆ มีโอกาสต้องลอง!" งานนี้ไม่ต้องพูดเยอะ จัดไปครับ พวกเราก็เริ่มที่ตลาดเช้ารถไฟยะลา เดินไปเดินมา ดูของน่ากินเพียบเลย ทั้งขนมหวานพื้นบ้าน ผลไม้สด ๆ แต่สายตาก็ยังคอยสอดส่องหาร้านทุเรียนอยู่ทุกแยก แต่ยังไงก็ไม่เจอทุเรียนซะที! ได้แต่ทำใจแล้วเดินทางกันต่อ 5555
ขับรถออดมาจากตลาดไม่กี่นาทีก็เจอ “อาคารสีรุ้ง” หรือที่คนเรียกกันว่า “ตึกสีรุ้ง” ที่ตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟยะลานี่แหละ! บอกเลยว่านี่เป็นตึกเก่าที่มีอายุมากกว่า 50 ปี แต่ตอนนี้เขาทำการปรับปรุงใหม่ทาสีสดใส ให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น! ทำไมถึงต้องทาสีสันสดใสขนาดนี้? เพราะคนยะลานี่เขาอยากเห็นเมืองตัวเองน่ารักและมีชีวิตชีวาขึ้นนั่นเอง! และยังมีความตั้งใจที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวและคนที่อ่านอยู่ทุกคนให้เข้ามาสัมผัสความสวยงามของเมืองที่ขึ้นชื่อว่า “ยะลา เมืองน่าอยู่”
ต่อมาก็เริ่มหาคาเฟ่ชิล ๆ นั่งพักกันหน่อยครับ พอขับรถผ่านไปมาแล้วลองดูใน Google Maps ถึงรู้ว่า ยะลานี่มีคาเฟ่สวย ๆ เยอะมาก! มีเรียงรายให้เลือกแทบทุกช่วงสองข้างทางเลย หลังจากเลือกกันนาน ในที่สุดก็ได้ร้านที่ถูกใจ นั่นก็คือ Make Cafe Yala ครับ! ได้เข้าไปนั่งตากแอร์เย็น ๆ กับขนมหวานอร่อย ๆ บอกเลยว่าฟินสุด ๆ โดยเฉพาะกับไอศกรีมชาเขียวของที่นี่! มันคือไอศกรีมชาเขียวทำมือ (handmade) ที่เข้มข้นสุด ๆ เนื้อไอศกรีมก็มีความหนึบ ไม่เละ หวานกำลังดี อร่อยมาก! แล้วที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ “เค้กทุเรียน” ครับ! เค้กเนื้อฟูนุ่ม เนื้อทุเรียนก็หอมหวาน ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ทุเรียนต้องไม่พลาดจริง ๆ! เค้กนี้กินแล้วเหมือนอยู่ในสวนทุเรียนเลยล่ะ อร่อยเด็ดแบบนี้ ต้องลอง! ไปต่อกันที่ร้าน ซุปเซ็งยะลา ครับ! พวกเราสั่งซุปเนื้อมา เนื้อมีความนุ่มอร่อย น้ำซุปรสชาติแซ่บ ถ้าใครชอบต้มยำแบบใส ๆ ต้องลองเลยนะ กินไปคุยไปชิลดีสุด ๆ!
เสร็จแล้วก็ขับรถไปที่พักกันเลย โรงแรม THE GUEST YALA ครับทุกคน! อาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ลุยต่อกันเลย! ลุยหาของกินกันต่อ 5555 ที่ต่อไปเราจะไปที่คาเฟ่ K COFF อยู่ตรงข้ามสวนขวัญเมือง เป็นการรีโนเวตบ้านไม้เก่า ๆ มาทำเป็นคาเฟ่สุดชิค เบเกอรี่กับขนมคือทำสวยน่ากิน แถมอร่อยด้วย กินอิ่มแล้วจะมีพลังไปเดินเล่นต่อที่สวนขวัญเมืองได้สบาย ๆ
พูดถึงสวนขวัญเมืองหรือพรุบาโกย เป็นสวนสาธารณะใหญ่โตสุด ๆ ของเทศบาลเมืองยะลา พื้นที่กว้างถึง 207 ไร่! มีสระน้ำใหญ่ขนาด 69 ไร่ ที่เทศบาลเขาตกแต่งแบบให้ฟีลชายทะเลเลย มีต้นไม้ใหญ่เรียงรายเหมือนต้นสนให้บรรยากาศเหมือนทะเลจริง ๆ เพราะจังหวัดนี้ไม่ติดทะเลไง ทางเทศบาลเลยจัดบรรยากาศทะเลจำลองไว้ให้คนยะลามาเที่ยวพักผ่อนกัน
ความเจ๋งคือเขาจัดการดีมากจริง ๆ นะ มีเลนปั่นจักรยานแยกชัดเจนเลย ตอนพวกเราขับรถวนดูก็ไม่เห็นมีรถจอดขวางหรือเข้ามาวุ่นวายในเลนจักรยานเลย อากาศก็สดชื่นมาก ๆ วิวก็สวย เพราะสวนกว้างใหญ่ติดเลนจักรยานไปตลอดทาง สายปั่นต้องฟินแน่นอน บอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริง ๆ!
พอลงมาเดินเล่นในสวนแล้วต้องบอกว่าสวยมาก ร่มรื่นสุด ๆ ที่นี่เหมือนเป็นศูนย์รวมของคนในละแวกนี้เลย มีครอบครัวมานั่งปิกนิกกันเต็มไปหมด แถมยังมีแม่ค้าพ่อค้าเปิดแผงลอยขายอาหาร ของเล่น ให้เลือกช้อปกันแบบเพลิน ๆ ข้างริมแม่น้ำก็เจอเด็ก ๆ นักเรียน นักศึกษา มานั่งคุยเล่นกันเป็นกลุ่ม ๆ เห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของชุมชนเลย ส่วนใครมากับคนรู้ใจ เขาก็มีเรือเป็ดให้พายกันด้วยนะ หวานเจี๊ยบ 555
ตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็น พวกเรามาหยุดพักกันตรงริมน้ำที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาเย็นสบาย มีท่อนไม้วางไว้เป็นที่นั่งข้าง ๆ นั่งลงแล้วมีลมเย็นพัดมาอ่อน ๆ วิวตรงหน้าเป็นน้ำที่มีคลื่นกระเพื่อมเบา ๆ มองขึ้นไปเจอท้องฟ้าใสกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านกิ่งไม้ พอมีเมฆขาวปุยลอยอยู่ บรรยากาศช่วงนั้นมันช่างเงียบสงบและเรียบง่ายจนรู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุน เรานั่งปล่อยใจไปกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว เหมือนได้หลุดออกจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันไปพักหนึ่ง เสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงน้ำกระทบฝั่งเบา ๆ ทุกอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองจริง ๆ ได้สูดหายใจลึก ๆ รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ เหมือนใจมันได้รับการเติมเต็มจนสดชื่นอีกครั้ง จนอดคิดไม่ได้ว่า…อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ให้นานกว่านี้สักหน่อย
เริ่มมื้อเย็นกันต่อแบบทันที! ช็อตฟีลกันไปเลยสิ 5555 เอาเป็นว่าอารมณ์ซึ้ง ๆ เมื่อกี้ก็พักไว้ก่อน เพราะตอนนี้ท้องเริ่มนำทางแล้วจ้า! ตอนแรกตั้งใจจะไปกินข้าวยำร้านดังในตลาดเก่า แต่เพื่อนพามาผิดที่ พามาที่ร้านอาบูคอลี (ธงฟ้า) แทน 5555 แต่บอกเลยว่าอาหารที่นี่คือดีมากทุกคน! เราสั่งมาเต็มโต๊ะทั้ง เนื้อแดดเดียวทอด ที่กรอบอร่อย ยำเนื้อ รสจัดจ้าน ข้าวผัดเนื้อเค็ม ที่หอมกลิ่นเนื้อ และ ต้มยำกุ้ง ที่เข้มข้นสุด ๆ! เนื้อไม่เหนียวเลยนะ ฟินมาก ตอนเคี้ยวมีความหอมของเนื้อโชยขึ้นมา ส่วนต้มยำกุ้งก็จัดเต็ม กุ้งตัวโต ๆ จุก ๆ ถึง 4 ตัวเลย! ถ้าผมได้กลับมายะลาอีกครั้ง รับรองว่าต้องแวะร้านนี้อีกแน่นอน!
วันนี้คือวันแห่งการกินเลยครับ! 55555 และร้านสุดท้ายของเราคือ ร้านโรตีการาจกาญจนา 1ที่ต้องแวะ! โรตีมะตะบะ ที่นี่คือเด็ดมากกก! หลายคนอาจสงสัยว่า “มะตะบะคืออะไร?” มันก็คือแป้งสาลีที่ห่อเนื้อสัตว์ผสมเครื่องเทศแล้วนำไปทอดนั่นเอง บอกเลยว่ากรอบอร่อยมาก ได้ทั้งรสเนื้อและกลิ่นเครื่องเทศเต็ม ๆ อีกอย่างที่ห้ามพลาดคือ แป้งโรตีกินคู่กับแกงมัสมั่นเนื้อ คือที่สุด! แป้งโรตีหนึบ ๆ ที่จิ้มกับเนื้อนุ่ม ๆ ในแกงมัสมั่นนี่ บอกเลย ไม่ลองคือพลาด! (กว่าจะเขียนจบวัน คนเขียนหิวมากนะ 5555)
หลังจากอิ่มกันแล้ว เราก็กลับไปที่พักกันครับ! แต่ก่อนจะนอน ต้องรีบจัดการตัวเองหน่อย เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ 04.30 ขึ้นรถเบนซ์ไป "เบตง" กันนั่นเอง! นอนหลับฝันดีนะทุกคน!