"หญิงหน่อย"ยันหลักประกันสุขภาพ แยกคนจนออกไม่ได้ หวั่นเกิดสองมาตรฐาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1358810
“หญิงหน่อย” ยันหลักประกันสุขภาพ แยกคนจนออกไม่ได้ หวั่นเกิดสองมาตรฐาน เชื่ออนาคตสร้างสุขภาพผ่านมือถือนัดคิวล่วงหน้าได้ เหน็บ”บิ๊กตู่”รับไม่ได้คนบ่นแก้ปัญหาฝุ่น
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน เวิร์คพอยท์ จัดเวที
“ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย” โดยนาย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นาย
สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และคุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย
คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวถึงการให้สิทธิรักษาพยาบาลฟรีเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น ว่า ในฐานะอดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข ผู้ริเริ่มโครงการสุขภาพถ้วนหน้า ขอยืนยันหลักคิดให้ทุกคนเกิดความเท่าเทียมและทั่วถึง ให้ทุกคนมีสุขภาพยืนยาว เพราะหากไปแยกให้คนจนเท่านั้นที่มีสิทธิจะทำให้เกิดสองมาตรฐานได้ ทั้งนี้ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ณ จุดบริการ เพราะหากเราเข้าใจ หลักประกันสุขภาพไม่ใช่เรื่องการแข่งการรักษาฟรีเป็น Health Care ไม่ใช่ Sick Care ทุกคนในโรงพยาบาลมีหน้าที่ทำให้คนแข็งแรง ลดการเจ็บป่วย ทำให้คนไม่ต้องล้มละลายจากการรักษาพยาบาล และลดงบ แต่เมื่อคนไม่เข้าใจ แข่งกันเป็นประชานิยม ทำให้คนป่วยมากขึ้น เพราะจะได้งบมากขึ้น อย่างไรก็ตามไม่มีความจำเป็นที่จะรวมกองทุนข้าราชการ ประกันสังคม และโครงการ 30 บาท เพื่อให้ได้สิทธิเท่าเทียมกัน เพราะคนรวยก็ล้มละลายได้ เราจึงต้องทำให้ทุกคนเท่าเทียมกันในการรักษา ซึ่งใน 3 กองทุนนั้น มีสิทธิและคุณภาพการรักษาขั้นพื้นฐานเท่ากัน แต่สิทธิพิเศษคือการจ่ายเพิ่มของประกันสังคม และการจ่ายที่มากกว่าของข้าราชการ หากหลักประกันสุขภาพไม่มีข้อดีเราก็คงไม่เริ่มต้นเมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา แต่การลดสิทธิคงทำไม่ได้ เราจะต้องมีการปรับปรุงงบประมาณ เพิ่มงบประมาณให้เพียงพอ จัดสรรไปสู่การเสริมสร้างสุขภาพ ได้ก่อนป่วย แข็งแรงก่อนแก่ และหากใครดูแลสุขภาพได้ดีจะต้องได้สิทธิในด้านภาษี ให้ประชาชนสามารถเลือกโรงพยาบาล สามารถแชร์ข้อมูลและนัดคิวแต่ละโรงพยาบาลได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างสุขภาพผ่านมือถือ ทั้งนี้ปรากฎการณ์พี่ตูนวิ่งระดมทุน ส่งสัญญาณว่ารัฐต้องแก้ไข ไม่เช่นนั้นพี่ตูนวิ่งรอบโลก 3 รอบ ก็ยังแก้ไม่ได้ หากรัฐไม่เห็นปัญหา แต่การวิ่งของพี่ตูนก็ทำให้คนไทยรวมใจกันเป็นหนึ่งในเรื่องของระบบรักษาพยาบาล
คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ว่า ถึงแม้จะไม่มีได้มีการแก้ไขปัญหา pm 2.5 แต่การเป็นผู้นำต้องยอมรับฟัง ไม่ใช่ใครบ่นขึ้นมาแล้วไม่ยอมรับความจริง มองประชาชนเหมือนพลทหาร ผู้นำต้องเข้าใจ จริงใจและฟัง pm2.5เรามองไม่เห็น เหมือนกับโรคซาร์ส ที่เราขอความร่วมมือประชาชน และในเรื่องของหน้ากาก เราต้องบอกความจริงกับประชาชน ขออย่ามุ่งแจกฟรีอย่างเดียว และรัฐจะต้องมีการดูแลหน้ากากให้ได้มาตรฐาน บังคับใช้กฎหมายควบคุมฝุ่นละออง และการก่อสร้าง ส่วนระยะยาวตนอยากเห็นวิสัยทัศน์ในเรื่องพลังงาน ซึ่งภายในปี 2565 เราจะสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ
"ธนาธร" ปลุกกระจายอำนาจ ท้องถิ่นมีส่วนช่วยจัดการด้านสาธารณสุข-ดูแลสุขภาพคนไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_1358809
“ธนาธร” ขออย่าทำให้นโยบายที่ดีถูกโยงเป็นการเมือง เชื่ออนาคตกองทุนสุขภาพรวมกันได้ บอกเป็นรบ.พี่ตูนคงไม่ได้วิ่งระดมทุน เชื่อไทยมีศักยภาพแก้ปัญหาฝุ่นละอองได้
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน เวิร์คพอยท์ จัดเวที
“ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย” โดยนาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการให้สิทธิรักษาพยาบาลฟรีเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น ว่า นโยบายประกันสุขภาพเป็นมิติใหม่ด้านนโยบาย เป็นการต่อยอดที่สำคัญ นับตั้งแต่มีหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า แสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยกินได้จริง คือ ทุหคนมีสิทธิและใช้ได้ร่วมกันได้ ส่วนแนวคิดให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ณ จุดบริการนั้น เรามีงบเพียงพอดูแลคนป่วย แต่ในการบริหารจัดการยังมีช่องว่างที่เราสามารถ นำ อสม. มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่านี้ โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถทำได้ ซึ่งจะทำให้ลดงบประมาณ และอาจเพิ่มผลตอบแทนให้ อสม.ได้ด้วย ทั้งนี้ตนขอเสนอว่าควรให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารช่วยในการป้องกันมากกว่ารักษา อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2546-2549 เงินในระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8 เปอร์เซ็นต่อหัว เท่ากับงบข้าราชการที่เพิ่มขึ้น แต่ก็มากกว่างบบัตรทอง ซึ่งแม้เราเชื่อว่าทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ทุกกองทุนก็ยังไม่เท่ากันไม่ว่าจะใช้เวลากี่ปีก็ต้องทำให้เท่ากันและรวมกองทุนให้ได้ อย่างไรก็ตามเราจึงต้องทำให้การเติบโตของงบประมาณของบัตรทองเพิ่มขึ้น และดึงการเติบโตของระบบอื่นไว้เพื่อให้เท่ากันในที่สุด ทั้งนี้ข้อเสียของหลักประกันสุขภาพคือถูกทำให้เป็นการเมือง การพัฒนาต่อถูกตราหน้าว่าเป็นประชานิยม แม้แต่นายกฯคนปัจจุบันยังพูดตลอดว่าจะเอาเงินที่ไหน ฉะนั้นหากนโยบายดีอย่าทำให้เป็นการเมือง ควรจะผลักดันให้ดีขึ้น ไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นผู้เสนอก็ตาม และจากการร่วมเสวนาในวันนี้ถือเป็นเรื่องดีที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน ทั้งนี้หากพรรคได้เป็นรัฐบาลพี่ตูนหรือพี่ตู่ไม่ควรต้องวิ่งเพื่อระดมเงิน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐ ควรจะรณรงค์เพื่อนำอำนาจการจัดสรรทรัพยากรกลับไปสู่ท้องถิ่นมากกว่า
นาย
ธนาธร กล่าวว่าหากตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีปัญหาฝุ่นละออง ว่า pm2.5 แก้ไขไม่ได้ด้วยการสวดมนต์แน่ๆแต่ต้องแก้ไขด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือการรับหลักเกณฑ์รถยูโร 5 หรือ การใช้รถเมล์ไฟฟ้า สามารถทำได้ทันที และทำให้เกิดอุตสาหกรรมการแข่งขันในไทยได้ อย่างไรก็ตามในการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่มีต่อประชาชน นายกฯต้องนั่งหัวโต๊ะไม่ใช่ พล.ต.อ.
อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. หรือ ให้ผู้ว่าฯเขตจัดการ แล้วเมื่อค่าฝุ่นเพิ่มจะสั่งลงโทษ เพราะแค่ลมพัดก็ไม่เขตอื่นแล้ว ทั้งนี้การจัดการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่เยอะขนาดนี้จะต้องมีผู้นำ เราเคยดึงหน่วยงานต่างๆเข้ามาแก้ไขปัญหาได้สำเร็จในกรณีช่วยทีมหมูป่าที่ถ้ำหลวง เรามีศักยภาพเพียงพอ
JJNY : 4in1 หญิงหน่อยยันหลักประกันสุขภาพ แยกคนจนไม่ได้/ธนาธรปลุกกระจายอำนาจ/ค้าปลีก62น่าห่วง/สื่อจีนถามหลังเรือล่มอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_1358810
“หญิงหน่อย” ยันหลักประกันสุขภาพ แยกคนจนออกไม่ได้ หวั่นเกิดสองมาตรฐาน เชื่ออนาคตสร้างสุขภาพผ่านมือถือนัดคิวล่วงหน้าได้ เหน็บ”บิ๊กตู่”รับไม่ได้คนบ่นแก้ปัญหาฝุ่น
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน เวิร์คพอยท์ จัดเวที “ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย” โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงการให้สิทธิรักษาพยาบาลฟรีเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น ว่า ในฐานะอดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข ผู้ริเริ่มโครงการสุขภาพถ้วนหน้า ขอยืนยันหลักคิดให้ทุกคนเกิดความเท่าเทียมและทั่วถึง ให้ทุกคนมีสุขภาพยืนยาว เพราะหากไปแยกให้คนจนเท่านั้นที่มีสิทธิจะทำให้เกิดสองมาตรฐานได้ ทั้งนี้ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ณ จุดบริการ เพราะหากเราเข้าใจ หลักประกันสุขภาพไม่ใช่เรื่องการแข่งการรักษาฟรีเป็น Health Care ไม่ใช่ Sick Care ทุกคนในโรงพยาบาลมีหน้าที่ทำให้คนแข็งแรง ลดการเจ็บป่วย ทำให้คนไม่ต้องล้มละลายจากการรักษาพยาบาล และลดงบ แต่เมื่อคนไม่เข้าใจ แข่งกันเป็นประชานิยม ทำให้คนป่วยมากขึ้น เพราะจะได้งบมากขึ้น อย่างไรก็ตามไม่มีความจำเป็นที่จะรวมกองทุนข้าราชการ ประกันสังคม และโครงการ 30 บาท เพื่อให้ได้สิทธิเท่าเทียมกัน เพราะคนรวยก็ล้มละลายได้ เราจึงต้องทำให้ทุกคนเท่าเทียมกันในการรักษา ซึ่งใน 3 กองทุนนั้น มีสิทธิและคุณภาพการรักษาขั้นพื้นฐานเท่ากัน แต่สิทธิพิเศษคือการจ่ายเพิ่มของประกันสังคม และการจ่ายที่มากกว่าของข้าราชการ หากหลักประกันสุขภาพไม่มีข้อดีเราก็คงไม่เริ่มต้นเมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา แต่การลดสิทธิคงทำไม่ได้ เราจะต้องมีการปรับปรุงงบประมาณ เพิ่มงบประมาณให้เพียงพอ จัดสรรไปสู่การเสริมสร้างสุขภาพ ได้ก่อนป่วย แข็งแรงก่อนแก่ และหากใครดูแลสุขภาพได้ดีจะต้องได้สิทธิในด้านภาษี ให้ประชาชนสามารถเลือกโรงพยาบาล สามารถแชร์ข้อมูลและนัดคิวแต่ละโรงพยาบาลได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างสุขภาพผ่านมือถือ ทั้งนี้ปรากฎการณ์พี่ตูนวิ่งระดมทุน ส่งสัญญาณว่ารัฐต้องแก้ไข ไม่เช่นนั้นพี่ตูนวิ่งรอบโลก 3 รอบ ก็ยังแก้ไม่ได้ หากรัฐไม่เห็นปัญหา แต่การวิ่งของพี่ตูนก็ทำให้คนไทยรวมใจกันเป็นหนึ่งในเรื่องของระบบรักษาพยาบาล
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ว่า ถึงแม้จะไม่มีได้มีการแก้ไขปัญหา pm 2.5 แต่การเป็นผู้นำต้องยอมรับฟัง ไม่ใช่ใครบ่นขึ้นมาแล้วไม่ยอมรับความจริง มองประชาชนเหมือนพลทหาร ผู้นำต้องเข้าใจ จริงใจและฟัง pm2.5เรามองไม่เห็น เหมือนกับโรคซาร์ส ที่เราขอความร่วมมือประชาชน และในเรื่องของหน้ากาก เราต้องบอกความจริงกับประชาชน ขออย่ามุ่งแจกฟรีอย่างเดียว และรัฐจะต้องมีการดูแลหน้ากากให้ได้มาตรฐาน บังคับใช้กฎหมายควบคุมฝุ่นละออง และการก่อสร้าง ส่วนระยะยาวตนอยากเห็นวิสัยทัศน์ในเรื่องพลังงาน ซึ่งภายในปี 2565 เราจะสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ
"ธนาธร" ปลุกกระจายอำนาจ ท้องถิ่นมีส่วนช่วยจัดการด้านสาธารณสุข-ดูแลสุขภาพคนไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_1358809
“ธนาธร” ขออย่าทำให้นโยบายที่ดีถูกโยงเป็นการเมือง เชื่ออนาคตกองทุนสุขภาพรวมกันได้ บอกเป็นรบ.พี่ตูนคงไม่ได้วิ่งระดมทุน เชื่อไทยมีศักยภาพแก้ปัญหาฝุ่นละอองได้
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน เวิร์คพอยท์ จัดเวที “ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย” โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการให้สิทธิรักษาพยาบาลฟรีเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น ว่า นโยบายประกันสุขภาพเป็นมิติใหม่ด้านนโยบาย เป็นการต่อยอดที่สำคัญ นับตั้งแต่มีหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า แสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยกินได้จริง คือ ทุหคนมีสิทธิและใช้ได้ร่วมกันได้ ส่วนแนวคิดให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ณ จุดบริการนั้น เรามีงบเพียงพอดูแลคนป่วย แต่ในการบริหารจัดการยังมีช่องว่างที่เราสามารถ นำ อสม. มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่านี้ โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถทำได้ ซึ่งจะทำให้ลดงบประมาณ และอาจเพิ่มผลตอบแทนให้ อสม.ได้ด้วย ทั้งนี้ตนขอเสนอว่าควรให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารช่วยในการป้องกันมากกว่ารักษา อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2546-2549 เงินในระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8 เปอร์เซ็นต่อหัว เท่ากับงบข้าราชการที่เพิ่มขึ้น แต่ก็มากกว่างบบัตรทอง ซึ่งแม้เราเชื่อว่าทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ทุกกองทุนก็ยังไม่เท่ากันไม่ว่าจะใช้เวลากี่ปีก็ต้องทำให้เท่ากันและรวมกองทุนให้ได้ อย่างไรก็ตามเราจึงต้องทำให้การเติบโตของงบประมาณของบัตรทองเพิ่มขึ้น และดึงการเติบโตของระบบอื่นไว้เพื่อให้เท่ากันในที่สุด ทั้งนี้ข้อเสียของหลักประกันสุขภาพคือถูกทำให้เป็นการเมือง การพัฒนาต่อถูกตราหน้าว่าเป็นประชานิยม แม้แต่นายกฯคนปัจจุบันยังพูดตลอดว่าจะเอาเงินที่ไหน ฉะนั้นหากนโยบายดีอย่าทำให้เป็นการเมือง ควรจะผลักดันให้ดีขึ้น ไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นผู้เสนอก็ตาม และจากการร่วมเสวนาในวันนี้ถือเป็นเรื่องดีที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน ทั้งนี้หากพรรคได้เป็นรัฐบาลพี่ตูนหรือพี่ตู่ไม่ควรต้องวิ่งเพื่อระดมเงิน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐ ควรจะรณรงค์เพื่อนำอำนาจการจัดสรรทรัพยากรกลับไปสู่ท้องถิ่นมากกว่า
นายธนาธร กล่าวว่าหากตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีปัญหาฝุ่นละออง ว่า pm2.5 แก้ไขไม่ได้ด้วยการสวดมนต์แน่ๆแต่ต้องแก้ไขด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือการรับหลักเกณฑ์รถยูโร 5 หรือ การใช้รถเมล์ไฟฟ้า สามารถทำได้ทันที และทำให้เกิดอุตสาหกรรมการแข่งขันในไทยได้ อย่างไรก็ตามในการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่มีต่อประชาชน นายกฯต้องนั่งหัวโต๊ะไม่ใช่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. หรือ ให้ผู้ว่าฯเขตจัดการ แล้วเมื่อค่าฝุ่นเพิ่มจะสั่งลงโทษ เพราะแค่ลมพัดก็ไม่เขตอื่นแล้ว ทั้งนี้การจัดการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่เยอะขนาดนี้จะต้องมีผู้นำ เราเคยดึงหน่วยงานต่างๆเข้ามาแก้ไขปัญหาได้สำเร็จในกรณีช่วยทีมหมูป่าที่ถ้ำหลวง เรามีศักยภาพเพียงพอ