พันธุ์อาจ ขอบคุณชาวเชียงใหม่ ดีใจคะแนนเลือก นายก อบจ.สูสี ยืนยันจะทำงานต่อเพื่อประชาชน.
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5030186
 
 
พันธุ์อาจ ขอบคุณชาวเชียงใหม่ ดีใจคะแนนเลือก นายก อบจ.สูสี ยืนยันจะทำงานต่อเพื่อประชาชน 
 
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์  ที่ร้าน Sol Bar Chiangmai at lake ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ พรรคประชาชน พร้อมผู้สมัคร ส.อบจ. ทีมงาน และ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน แถลงขอบคุณชาวเชียงใหม่ ที่ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนให้กับผู้สมัครนายก อบจ. และ ส.อบจ.ของพรรค
 
หลังการนับคะแนนผ่านไปกว่า 80% นายพันธุ์อาจ มีคะแนนแพ้คู่แข่ง นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครนายก อบจ.จากพรรคเพื่อไทย นายพันธุ์อาจ ได้แถลงยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมแสดงความยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้ง อบจ.ในครั้งนี้ ซึ่งผู้สมัคร ส.อบจ.ที่ชนะเลือกตั้งบางคนถึงกับกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจ ขณะเดียวกันก็เสียใจที่นายพันธุ์อาจไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้าไปด้วย

นายพันธุ์อาจ กล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ที่ออกมาร่วมแรงร่วมใจเลือกตั้งท้องถิ่นที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่อีกหน้าหนึ่ง คะแนนทุกคะแนนที่ได้รับขอน้อมรับด้วยความถ่อมสุภาพ และดีใจมากที่มาได้ไกลขนาดนี้ ตอนนี้เรามีว่าที่ ส.อบจ.จากพรรคประชาชนแล้ว เท่าที่ตรวจสอบมี 14 คน จากทั้งหมด 42 คน ขอขอบคุณประชาชนทุกอำเภอที่ลงคะแนนเลือกผู้สมัคร ส.อบจ.ของพรรค
 
นอกจากนี้ขอขอบคุณทีมงาน และ ส.ส.ของพรรคทั้ง 7 เขต ที่ระดมสรรพกำลัง ความคิดและเวลามาช่วยในการหาเสียงตลอดระยะเวลายาวนาน รวมทั้งทีมงานเบื้องหลัง อาสาสมัคร และที่ปรึกษาด้านนโยบาย ทำให้เราได้นโยบายดีๆ เชื่อมั่นว่า ส.อบจ.ของพรรค ที่ได้เข้าไปในสภาแล้ว จะทำหน้าที่อย่างเหมาะสม และนำนโยบายของพรรคไปพัฒนาต่อยอด และทำงานร่วมกับอีกฝั่ง รวมทั้ง นายก อบจ.คนใหม่ ได้
 
นายพันธุ์อาจ ยังกล่าวขอบคุณแกนนำของพรรคประชาชน ที่ให้โอกาสตนเองได้ทำงานกับพรรค ได้สานต่ออุดมการณ์ ได้สานต่อความฝันทำให้เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ดีขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต เชื่อมั่นว่าผู้สมัคร ส.อบจ.ที่ได้รับการเลือกตั้งจะเริ่มทำงานกันตั้งแต่วันนี้ ทำให้เรามีความภาคภูมิใจว่าทุกคะแนนเสียงที่ได้รับมาคือเสียงสวรรค์ และทำเชียงใหม่ในอีก 4 ปี เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
 
“ดีใจมากที่มาถึงวันนี้ได้ ตนเองเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ และมาลงการเมืองท้องถิ่นด้วย จึงมีวิธีคิดและมองการเมืองอีกแบบหนึ่ง ทำได้ขนาดนี้เชื่อว่าพี่น้องชาวเชียงใหม่มีความไว้วางใจ และเราเห็นว่าทุกเสียงที่เลือกเรามีค่า จากนี้สัญญาว่า ส.อบจ.ของพรรคจะทำงานอย่างหนัก ทำงานเป็นทีม ประชาชนสามารถตรวจสอบได้” นายพันธุ์อาจกล่าว
 
นายพันธุ์ ยังได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายพิชัยที่ชนะการเลือกตั้ง และได้เป็นนายก อบจ.เชียงใหม่สมัยที่ 2 ขอให้สามารถแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทายของเชียงใหม่ ที่มีความหลากหลาย ซึ่งการดีเบตที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีหลายประเด็นที่ประชาชนสอบถามมาและเฝ้ารอให้มีการแก้ไข ทางพรรคจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในการนำนโยบายที่ดีไปสานต่อ และแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างเป็นระบบ โดยตนเองจะยังทำงานกับพรรคต่อไป และสานต่องานที่ตนเองถนัด.

---

 
“นิด้าโพล” ชี้ WFH ใช้ BTS-MRT ฟรีแก้ปัญหา PM2.5 กทม.ได้ไม่มาก
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_835989/

“นิด้าโพล”ชี้วิกฤตฝุ่นละออง PM 2.5 กทม.รุนแรงมาก บอกWFH ใช้BTS – MRT ฟรี 7 วัน แก้ปัญหาได้ไม่มาก หวังกรมควบคุมมลพิษช่วย
  
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “กรุงเทพฯ เมืองในฝุ่น” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 27-28 มกราคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง พบว่า
 
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ถึงความรุนแรงของวิกฤตฝุ่นละออง PM 2.5 ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ตัวอย่าง ร้อยละ 74.43 ระบุว่า มีความรุนแรงมาก รองลงมา ร้อยละ 18.55 ระบุว่า ค่อนข้างมีความรุนแรง ร้อยละ 5.88 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความรุนแรง และร้อยละ 1.14 ระบุว่า ไม่มีความรุนแรงเลย
 
ด้านความคิดเห็นต่อการสั่งการหรือขอความร่วมมือให้ปิดสถานศึกษาและทำงานที่บ้าน ( Work from Home ) ช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพฯ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 33.82 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้พอสมควร รองลงมา ร้อยละ 33.21 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้น้อยมาก ร้อยละ 24.50 ระบุว่า ไม่ช่วยแก้ไขปัญหาเลย และร้อยละ 8.47 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้มาก
 
สำหรับการให้ประชาชนใช้บริการรถเมล์และรถไฟฟ้า BTS – MRT ฟรี 7 วัน ช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพฯ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.89 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้น้อยมาก รองลงมา ร้อยละ 33.89 ระบุว่า ไม่ช่วยแก้ไขปัญหาเลย ร้อยละ 24.50 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้พอสมควร และร้อยละ 6.72 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้มาก
 
ด้านประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพฯ ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.15 ระบุว่า ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ รองลงมา ร้อยละ 35.34 ระบุว่า ไม่มีประสิทธิภาพเลย ร้อยละ 20.38 ระบุว่า ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ และร้อยละ 3.13 ระบุว่า มีประสิทธิภาพมาก
 
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงหน่วยงานที่ประชาชนคาดหวังให้แก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพฯ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.15 ระบุว่า กรมควบคุมมลพิษ รองลงมา ร้อยละ 34.27 ระบุว่า กรุงเทพฯ ร้อยละ 27.02 ระบุว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร้อยละ 20.23 ระบุว่า กรมการขนส่งทางบก ร้อยละ 17.56 ระบุว่า ไม่มีความหวังกับหน่วยงานราชการใด ๆ
 
 
ร้อยละ 16.34 ระบุว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ร้อยละ 13.89 ระบุว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 12.67 ระบุว่า สำนักนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 12.44 ระบุว่า กระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 10.46 ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร้อยละ 9.39 ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ ร้อยละ 8.70 ระบุว่า กระทรวงกลาโหม ร้อยละ 8.47 ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ และร้อยละ 7.79 ระบุว่า กระทรวงการคลัง
 

---

We Watch แถลงจี้กกต. 2 ข้อ หลังพบเหตุสวมสิทธิ เลือกตั้งอบจ.สมุทรปราการ
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5030078

We Watch แถลงจี้ 2 ข้อ หลังพบ ‘สวมสิทธิเลือกตั้ง’ อบจ.สมุทรปราการ
 
เมื่อเวลา 22.45 น.วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เครือข่ายเยาวชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย หรือ We Watch เปิดเผยว่า เมื่อ 15.51 น. ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 28 หมู่ที่ 2 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีรายงานผู้ใช้สิทธิในจังหวัดสมุทรปราการคนหนึ่ง เมื่อตรวจสอบรายชื่อตัวเองในขั้นตอนการรับบัตรเลือกตั้ง ปรากฏว่า มีคนมาเขียนชื่อตน ทั้งในบัญชีรายชื่อ และลงนามในต้นขั้วบัตรเลือกตั้งทั้งบัตรเลือกนายก อบจ. และ บัตรเลือกตั้ง ส.อบจ. จึงได้โต้แย้งกับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) เพื่อบอกว่า ตนโดนสวมสิทธิ
 
แต่กลับได้รับการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ว่า “ทำอะไรไม่ได้ ให้ไปแจ้งความร้องเรียนเอาเอง” เพราะถือว่า ใช้สิทธิไปแล้ว ซึ่งตนยืนกรานไม่ยอม มองว่ามันเป็นสิทธิของตนที่จะได้เลือกตั้ง และตั้งคำถามถึงว่า “ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงผลักภาระให้ประชาชน”
 
เมื่อพูดคุยถกเถียงกันอยู่สักพัก สุดท้าย ประธานกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ได้เชิญ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาที่หน่วยเพื่อสอบถาม จึงได้บัตรเลือกตั้งมาใหม่และได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่คะแนนที่ลงไปแล้วสำหรับคนที่ไปสวมสิทธิ ก็ยังคงจะถูกนับ เพราะบัตรลงคะแนนนั้นได้ปนอยู่ในหีบไปแล้ว
 
จากกรณี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นพฤติกรรมที่ส่อเจตนาทุจริตอย่างชัดเจน และกระทบต่อการใช้สิทธิของประชาชน ทาง We Watch จึงมีข้อเรียกร้อง 2 ประการ
 
1. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องตรวจสอบ และสืบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมถึงเอาตัวคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้
2. เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้นกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกในอนาคต ควรมีมาตรการป้องกัน อย่างการติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อให้มีหลักฐานที่ตรวจสอบได้ และเนื่องจากในปัจจุบัน การติดตั้งกล้องวงจรปิดมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และยังสามารถลดโอกาสในการเกิดเหตุรุนแรงอื่น ๆ ในอนาคตได้อีก