ทำไมบางคนถึงชอบบอกว่าอย่าจริงจังกับงานเกินไป

คือเราเป็นคนจริงจังแต่ไม่ได้เครียดอะไร ไม่ได้รู้สึกว่ามันกดดัน หรือหนักหนาอะไร แค่เวลางาน ก็จะทำแต่งาน ทำมันจนเสร็จแล้ว บางทีเสร็จแล้วก็ทำงานอื่นต่อ ถ้าหมดงานแล้วก็จะเเพลนของวันพรุ่งนี้ต่อ หรือไม่ก็หาความรู้เพิ่ม คือใช้เวลางานให้เต็มที่ที่สุด ไม่ไปโม้ไปเฮฮาอะไรตอนทำงาน แต่พอหมดเวลางาน ก็จะให้เวลากับตัวเองแบบสุดๆเหมือนกัน ยกตัวอย่าง เราทำงานคู่กับเพื่อนอีกคน แล้วมันมีงานที่ต้องไปทำต่อตอนค่ำ มันจะฟิคเวลาพอดี แต่เพื่อนเราไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนร่วมงานด้วยกัน แต่เราไม่ไป เหตุผลหลักคือำม่ชอบวุ่นวาย แล้วอีกอย่างคืออยู่เคลียร์งาน อ่านหนังสือไป แต่เพื่ิอนเราไป แล้วบอกว่ารอเค้ากลับมาก่อนได้ไหมช่วงดึก เราก็ไม่พอใจอีก ทั้งที่เวลางานมันแค่ช่วงค่ำแป๊บเดียว ช่วงดึกมันควรจะเป็นเวลาพักผ่อนเราสิ อุตส่าห์เคลียร์ทุกอย่างไว้เเล้ว ส่วนนิสัยในการทำงานอย่างอื่นคือจะ ตรงต่อเวลามาก ถ้าเรานัดใครหรือใครนัดเรา เราเองก็จะต้องไปก่อนราวๆครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าใครมาสายสักสิบห้านาทีเราจะไม่พอใจมาก เว้นแต่เค้าจะมาธุระจริงๆไม่ใช่เหตุผลตื่นสายหรือลืม อะไรทำนองนี้ ในหัวเราจะมีแพลนอยู่ตลอดว่าจะทำอะไรตอนไหน(งานด้านแลป ต้องวางแผน) ถ้าใครมาแบบมึนๆ เราก็จะไม่พอใจอีก ลืมโน่นลืมนี่บ่อยก็ไม่ได้ เพราะเราถือว่าเค้าได้รับมอบหมายงานไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบให้ได้ ประมาณนี้ มันเยอะเกินไปไหม แค่คิดว่าการทำงานมันก็ต้องแบบนี้สิ งานถึงจะเสร็จไว แล้วมีประสิทธิภาพ (หรือเปล่า..)

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
สิ่งที่คุณทำ มันไม่ใช่จริงจังเกินไปหรอก แต่มันคือความรับผิดชอบ ได้รับมอบหมายแล้วก็ต้องทำ
ซึ่งการทำงานถ้ามันมีการวางแผนเป็นเรื่องเป็นราว ปัญหามันก็จะไม่เยอะ และไม่มั่วซั่วด้วย
ไอ้ที่ทำ ๆ กันมา คือ เวลางานไม่ทำมัวแต่ไปเที่ยว แต่ชอบเอางานมาทำในเวลาส่วนตัว
บางคนบอกงานเยอะ เวลาไม่พอ งานหนักโน่นนี่ ก็เพราะนิสัยแบบนี้แหละ มันจะไม่เกิดขึ้นกับคนแบบจขกท. ยกเว้นงานเยอะจริง ๆ

ถ้าเพื่อนร่วมงานมันวิกฤติจริง ๆ ลองคุยกับหัวหน้างานดูว่ามันมีปัญหาแบบนี้ ๆ
ขอเปลี่ยนคนที่ทำคู่กันได้ไหม ครั้งต่อไปขอคู่กับคนอื่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่