ยาวหน่ผมอยนะครับ พยายามให้ข้อมูลเพื่อให้พี่ๆเพื่อนๆที่มีประสบการณ์ได้ช่วยออกแบบวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ของผมทีครับ ผมต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคู่ชายชายนะครับ
A สถานะผมก้อนหน้าคือคบซ้อน เป็นความสัมพันธ์ที่แย่มาก สัญญากับผมว่าจะเลิกกับคนเก่าแต่ก็ไม่เลิก็อารมณ์กั๊กไว้เผื่อเลือก
B สถานะของอีกคนคือเพิ่งโดนบอกเลิกมา ฝั่งใจมากค่อนข้างสลักจิต อยู่กรุงเทพไม่สามารถออกไปไหนได้เพราะภาพเก่าๆย้อนมาตลอด และย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ เพื่อลืมเรื่องราวในอดีต 3 เดือน เบื้องต้น หรืออาจจะนานกว่านั้น
เรื่องราวคือช่วงปีใหม่ผม(A)ไปเที่ยวเชียงใหม่ครับ ไปคนเดียว ไม่ได้คิดอะไรมาก เป้าหมายคือต้องการพักใจและออกจากความสัมพันธ์เก่า และจะแพลนไปอยู่อาศัยด้วยครับ ไปถึงเชียงใหม่ผมไปเที่ยวซาวน่าครับ เป็นซาวน่าเกย์อย่างว่า ผมไปมี Sex กับเขา(B)
เรื่องราวต่อไปนี้จะมีผมและเขานะครับ คือ AและB
ก่อนออกจากซาวน่า ปรากฎว่าผมโยนหินถามทางชวนเขาไปเที่ยวด้วย เขาก็ตอบตกลงไปครับ เราไปดอยหลวงกัน คือทุกอย่างดีมาก มากจริงๆ แบบมีการคุยกันเบาๆว่าจะลองคุยกัน ที่มีๆคุยกันคือ ถ้าคุยกันจะไม่คุยกับใครเพิ่ม ไม่ไปนัดมีsexกับใคร เขาเป็นอิสลามเคร่งขนาดเปิดเผยไม่ได้ แต่วันนึงชัดเจนเขายินดีเปิดครับ จนกลับลงดอยมา ผมจะบินกลับกรุงเทพนะครับ เขาขอร้องผมให้อยู่ก่อน เขาไม่อยากให้ไป ผมก็อยู่ครับ คือแพลนกันไว้ว่า จะไปเดินป่าต่อ แล้วบินกลับกรุงเทพพร้อมกัน(คือเขามีแพลนจะกลับบ้านที่หาดใหญ่นะครับเลยจะไปต่อเครื่องที่กรุงเทพก่อนด้วย) คืน31 จะเลือกไฟท์เค้าดาวน์กันบนฟ้า ปราฎว่าไม่ทริปเลยครับเพราะกระทันหัน เลยพากันนั่งเครื่องกลับ 30 ไปนอนคอนโดผมก่อนแล้วเขาบินกลับหาดใหญ่วันที่ 2 ครับ เขาบอกไม่เปิดนะครับแต่ไปถึงสนามบินเขากอดผมเต็มแรง โบกมือให้ 4-5 รอบ
ระหว่างคุยกันก็ดีๆครับ แต่มีช่วงผมไม่พอใจเขานะครับ ผมงอนเขา เพราะเขาไม่โทรหาตอนนอน เขาให้เหตุผลว่าคุยกับพี่ที่บ้าน แล้วก็โทรกลับมานะครับ เชิงง้อด้วย แบบโทรแล้ววาง โทรแล้ววาง ถามว่าโอเครไหม นอนหลับไหม จนผมโอเครนะครับ ระหว่างนั้นผมก็คุยกันไปครับ แพลนชีวิตตัวเองให้เขาฟัง บอกว่าอยากให้เขามาทำธุรกิจช่วยกันนะ จะได้มีเงินเก็บเยอะๆ ก็พูดไปแบบไม่คิดอะไรอะครับ แต่ก็แพลนเผื่อเขาเล็กๆ
จนเขากลับมาครับวันที่ 5 ต้องมาคอนโดผมก่อที่กรุงเทพ เพื่อนั่งเครื่องไปเชียงใหม่เพื่อกลับไปทำงานในวันที่ 6 ระหว่างนั้นอยู่ด้วยกัน ผมก็รู้สึกแปลกๆนิดๆครับ รู้สึกเขาเหมือนไม่เข้าหาผมเหมือนเดิม ผมก็สไตล์เดิมครับ แพลนชีวิตเรื่อยเปื่อย เทียบจากรอบก่อนคือจะแอบได้ยินคำว่ารักเผลอหลุดออกมา คำว่าคิดถึงเผลอหลุดออกมา แต่รอบนี้ผมถามเขาเงียบนะครับ ลองคุยกันว่าตกลงเรายังไงกันดี เขาบอกเป็นแค่เพื่อนก่อนนะ ค่อยๆคุยกันไป ผมก็เหมือนไม่อยากได้สถานะเพื่อนอะครับ งอแง ผมบอกงั้นพอแค่นี้ก็ได้ เขากลับเชียงใหม่ครับผมไปส่งที่สนามบิน รอบนี้ไม่ทันได้กอดลาเพราะเกือบตกเครื่อง หลังจากนั้นก็คุยกันปกติ
วันที่ 8 ผมตัดสินใจบินมาเชียงใหม่เลยครับ ไปธุระด้วย ไปเคลียร์เรื่องที่คาใจด้วย ผมงี่เง่ามากครับอันนี้รู้ตัวเพราะผมบอกเขาว่าไปเชียงใหม่ไม่ต้องเจอกันผมไม่อยากเจอ และผมจะออกจากความสัมพันธ์เมื่อคุณยังไม่พร้อม แต่พอมาถึงผมงอแงที่เขาไม่บอกให้ผมไปหา พอไปหาผมไม่ให้เขาโดนตัว ผมก็งงตัวเองนะครับ จะเอาอะไร
และใจความที่เราคุยกันได้คือ
เขา
- เขาบอกว่าผมดีมาก อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมาก เป็นตัวเองจริงๆ แต่รู้สึกว่าผมเร็วไป ผมจริงจังมากไป เขากดดันเขากลัว กลัวการอยู่ด้วยกัน กลัวมันไม่ใช่
- แพลนเดิมของเขาคือ ต้องการอยู่คนเดียว แต่พอเจอผมไม่ใช่แล้วครับ เขาบอกว่าเขามีความคิดแว๊บมาในหัวว่าหรือเขาต้องการอยู่คนเดียวก่อน เขากลัวผมจะเสียใจ
- เขารู้สึกฝั่งใจกับรักครั้งก่อนมาก เข้ามาขอเขาเป็นแฟนแล้วก็บอกเลิกเขา เหตุผลเพราะการกินการอยู่เรื่องศาสนา ความไกล ไม่ไว้ใจ เขากลัวมันเกิดขึ้นอีกครับ
- เขาอยากให้คุยกันแบบเพื่อนไปก่อน พัฒนาได้ก็ไปต่อ แล้วให้สถานะครับ
ผม
- ลื่นหินมาครับตอนอยู่สนามบิน ฝาเท้าเป็นแผลลึก หงุดหงิดน้อยใจ พาลใส่เขา ว่าเขาไม่ถามเลยว่าเข้าที่พักยังไง ไม่สนใจผมเลยทั้งๆที่ผมมาเชียงใหม่แล้ว มาถึงห้องเขา เขาขอละหมาด เสร็จเขาเดินไปซื้อยาให้ผม กลับมาทำแผลให้
- ผมบอกเขาว่า ผมอยู่ต่อไม่ได้ถ้าต้องให้อยู่กับความไม่ชัวร์ วันนึงคุณไม่ต้องการผม มันก็เหมือนกั๊กผมไหม(ซึ่งผมก็ยังลืมกับสิ่งที่คนเก่าที่ทำกับผมไม่ได้คือกั๊กผมไว้เลือก)
- ผมไม่ชอบคำว่าเป็นเพื่อนไปก่อน เป็นไปถึงเมื่อไหร่ เพื่อนเขาโทรหาก่อนนอน รายงานกันทุกวันไหม สิ่งที่เป็นมันเกินเพื่อนไปแล้ว
- จากวันนั้นที่บอกว่าให้ปิดความสัมพันธ์และคุยกันสองคนก่อน กลายเป็นวันนี้เขาบอกว่าอยากให้ผมเปิด ไม่อยากให้ปิดตัวเองผมไม่พอใจนะครับ ผมบอกเขางั้นคุณคุยกับคนอื่นได้ เขาบอกอย่าไล่ให้เขาทำแบบนั้นเลยเขาขอร้อง เขาไม่โอเคร ผมก็ไม่โอเครนะ มาให้ผมเอาคนอื่นเข้ามาในความสัมพันธ์ทำไม
*ผมมีไม่กี่ข้อครับวนเวียนไปมาเหมือนคนประสาท จะเอาให้ได้ดั่งใจผม ผมรู้ตัวเลย งอแงไม่ให้เขาเข้าใกล้ด้วย อะไรของผมไม่รู้
ข้อตกลงที่ได้แบบยังไม่โอเครนะครับ คือผมจะหายไป(บล็อกทุกช่องทาง) เพื่อให้ความสัมพันธ์ที่มันไม่พร้อมนี้จบลง แต่เราทั้งคู่นั่งร้องไห้กอดกัน ไม่อยากได้แบบนี้ เขาขอร้องไม่ให้ผมหายไปได้ไหม คุยกันก่อน ถ้าจะหายไป พร้อมแล้วกลับมาก็ได้
ข้อมูลทั้งหมดนี้ ผมอยากถามว่า
1.ความรู้สึกคาดหวังที่มากไปของอีกฝ่าย ปรับลดให้เท่ากันได้ไหม
2.การคบกันแบบไม่ให้สถานะ แต่ก็คล้ายๆจะเป็นแฟน มีสิทธิ์พัฒนาไหมครับ ของผมคุยกันไว้ว่า 3 เดือนก่อน นานไปหรือสั้นไปไหมครับ
3.แล้วปัญหาข้างบนที่ผมคุยกันวันนี้ มันควรลงตัวแบบไหนครับ เข้าใจว่ามันเร็วไปหมด แต่มันดีมากเลยครับในรายละเอียด ตัวผมก็กลัวจะเจอความสัมพันธ์แบบกั๊กไว้เหมือนเดิม ตัวเขาก็กลัวว่าหรือจริงๆเขายังไม่พร้อมมีใคร ผมควรไปจริงๆ
4.เรื่อง LTR ผมศึกษามาแล้วครับ ผมไหว ผมทำได้ ทุกคนมีอะไรแนะนำเพิ่มไหมครับ
5.เรื่องศานาที่มาพร้อมกับการต้องปิดบัง ผมเข้าใจครับ แต่ขอไม่ใช่ปิดบังเพื่อเรื่องอื่นก็พอ มีใครมีความสัมพันธ์แล้วศาสนาเป็นปัญหาไหมครับ ในแง่อื่นๆ
สำคัญคือวันนี้ผมเป็นผู้ใหญ่อายุ 36 ที่นิสัยเสียกับน้องอายุ 34 มากๆ มีโอกาสไหมที่เขาจะยังอยากมีผมอยู่ ส่วนนี้จะทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปอีกไหมครับ ผมขอความเห็นและเผื่อใครมีประสบการณ์ลองบอกผมหน่อยครับว่า ตรงกลางของทั้งคู่คืออะไร ตอนนี้บอบช้ำกันทั้งคู่เลยครับ กอดกันน้ำตาไหลครับ เหมือนเราหาตรงกลางกันไม่ได้ แต่เราต้องการกันไว้ในชีวิตทั้งคู่ครับ ช่วยผมสองคนหน่อยครับ ความสัมพันธ์ที่เรารู้กันแค่สองคนจริงๆ
ใครพอมีประสบการณ์ความรักที่ไม่ทีสถานะบ้างไปต่อได้ไหม
A สถานะผมก้อนหน้าคือคบซ้อน เป็นความสัมพันธ์ที่แย่มาก สัญญากับผมว่าจะเลิกกับคนเก่าแต่ก็ไม่เลิก็อารมณ์กั๊กไว้เผื่อเลือก
B สถานะของอีกคนคือเพิ่งโดนบอกเลิกมา ฝั่งใจมากค่อนข้างสลักจิต อยู่กรุงเทพไม่สามารถออกไปไหนได้เพราะภาพเก่าๆย้อนมาตลอด และย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ เพื่อลืมเรื่องราวในอดีต 3 เดือน เบื้องต้น หรืออาจจะนานกว่านั้น
เรื่องราวคือช่วงปีใหม่ผม(A)ไปเที่ยวเชียงใหม่ครับ ไปคนเดียว ไม่ได้คิดอะไรมาก เป้าหมายคือต้องการพักใจและออกจากความสัมพันธ์เก่า และจะแพลนไปอยู่อาศัยด้วยครับ ไปถึงเชียงใหม่ผมไปเที่ยวซาวน่าครับ เป็นซาวน่าเกย์อย่างว่า ผมไปมี Sex กับเขา(B)
เรื่องราวต่อไปนี้จะมีผมและเขานะครับ คือ AและB
ก่อนออกจากซาวน่า ปรากฎว่าผมโยนหินถามทางชวนเขาไปเที่ยวด้วย เขาก็ตอบตกลงไปครับ เราไปดอยหลวงกัน คือทุกอย่างดีมาก มากจริงๆ แบบมีการคุยกันเบาๆว่าจะลองคุยกัน ที่มีๆคุยกันคือ ถ้าคุยกันจะไม่คุยกับใครเพิ่ม ไม่ไปนัดมีsexกับใคร เขาเป็นอิสลามเคร่งขนาดเปิดเผยไม่ได้ แต่วันนึงชัดเจนเขายินดีเปิดครับ จนกลับลงดอยมา ผมจะบินกลับกรุงเทพนะครับ เขาขอร้องผมให้อยู่ก่อน เขาไม่อยากให้ไป ผมก็อยู่ครับ คือแพลนกันไว้ว่า จะไปเดินป่าต่อ แล้วบินกลับกรุงเทพพร้อมกัน(คือเขามีแพลนจะกลับบ้านที่หาดใหญ่นะครับเลยจะไปต่อเครื่องที่กรุงเทพก่อนด้วย) คืน31 จะเลือกไฟท์เค้าดาวน์กันบนฟ้า ปราฎว่าไม่ทริปเลยครับเพราะกระทันหัน เลยพากันนั่งเครื่องกลับ 30 ไปนอนคอนโดผมก่อนแล้วเขาบินกลับหาดใหญ่วันที่ 2 ครับ เขาบอกไม่เปิดนะครับแต่ไปถึงสนามบินเขากอดผมเต็มแรง โบกมือให้ 4-5 รอบ
ระหว่างคุยกันก็ดีๆครับ แต่มีช่วงผมไม่พอใจเขานะครับ ผมงอนเขา เพราะเขาไม่โทรหาตอนนอน เขาให้เหตุผลว่าคุยกับพี่ที่บ้าน แล้วก็โทรกลับมานะครับ เชิงง้อด้วย แบบโทรแล้ววาง โทรแล้ววาง ถามว่าโอเครไหม นอนหลับไหม จนผมโอเครนะครับ ระหว่างนั้นผมก็คุยกันไปครับ แพลนชีวิตตัวเองให้เขาฟัง บอกว่าอยากให้เขามาทำธุรกิจช่วยกันนะ จะได้มีเงินเก็บเยอะๆ ก็พูดไปแบบไม่คิดอะไรอะครับ แต่ก็แพลนเผื่อเขาเล็กๆ
จนเขากลับมาครับวันที่ 5 ต้องมาคอนโดผมก่อที่กรุงเทพ เพื่อนั่งเครื่องไปเชียงใหม่เพื่อกลับไปทำงานในวันที่ 6 ระหว่างนั้นอยู่ด้วยกัน ผมก็รู้สึกแปลกๆนิดๆครับ รู้สึกเขาเหมือนไม่เข้าหาผมเหมือนเดิม ผมก็สไตล์เดิมครับ แพลนชีวิตเรื่อยเปื่อย เทียบจากรอบก่อนคือจะแอบได้ยินคำว่ารักเผลอหลุดออกมา คำว่าคิดถึงเผลอหลุดออกมา แต่รอบนี้ผมถามเขาเงียบนะครับ ลองคุยกันว่าตกลงเรายังไงกันดี เขาบอกเป็นแค่เพื่อนก่อนนะ ค่อยๆคุยกันไป ผมก็เหมือนไม่อยากได้สถานะเพื่อนอะครับ งอแง ผมบอกงั้นพอแค่นี้ก็ได้ เขากลับเชียงใหม่ครับผมไปส่งที่สนามบิน รอบนี้ไม่ทันได้กอดลาเพราะเกือบตกเครื่อง หลังจากนั้นก็คุยกันปกติ
วันที่ 8 ผมตัดสินใจบินมาเชียงใหม่เลยครับ ไปธุระด้วย ไปเคลียร์เรื่องที่คาใจด้วย ผมงี่เง่ามากครับอันนี้รู้ตัวเพราะผมบอกเขาว่าไปเชียงใหม่ไม่ต้องเจอกันผมไม่อยากเจอ และผมจะออกจากความสัมพันธ์เมื่อคุณยังไม่พร้อม แต่พอมาถึงผมงอแงที่เขาไม่บอกให้ผมไปหา พอไปหาผมไม่ให้เขาโดนตัว ผมก็งงตัวเองนะครับ จะเอาอะไร
และใจความที่เราคุยกันได้คือ
เขา
- เขาบอกว่าผมดีมาก อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมาก เป็นตัวเองจริงๆ แต่รู้สึกว่าผมเร็วไป ผมจริงจังมากไป เขากดดันเขากลัว กลัวการอยู่ด้วยกัน กลัวมันไม่ใช่
- แพลนเดิมของเขาคือ ต้องการอยู่คนเดียว แต่พอเจอผมไม่ใช่แล้วครับ เขาบอกว่าเขามีความคิดแว๊บมาในหัวว่าหรือเขาต้องการอยู่คนเดียวก่อน เขากลัวผมจะเสียใจ
- เขารู้สึกฝั่งใจกับรักครั้งก่อนมาก เข้ามาขอเขาเป็นแฟนแล้วก็บอกเลิกเขา เหตุผลเพราะการกินการอยู่เรื่องศาสนา ความไกล ไม่ไว้ใจ เขากลัวมันเกิดขึ้นอีกครับ
- เขาอยากให้คุยกันแบบเพื่อนไปก่อน พัฒนาได้ก็ไปต่อ แล้วให้สถานะครับ
ผม
- ลื่นหินมาครับตอนอยู่สนามบิน ฝาเท้าเป็นแผลลึก หงุดหงิดน้อยใจ พาลใส่เขา ว่าเขาไม่ถามเลยว่าเข้าที่พักยังไง ไม่สนใจผมเลยทั้งๆที่ผมมาเชียงใหม่แล้ว มาถึงห้องเขา เขาขอละหมาด เสร็จเขาเดินไปซื้อยาให้ผม กลับมาทำแผลให้
- ผมบอกเขาว่า ผมอยู่ต่อไม่ได้ถ้าต้องให้อยู่กับความไม่ชัวร์ วันนึงคุณไม่ต้องการผม มันก็เหมือนกั๊กผมไหม(ซึ่งผมก็ยังลืมกับสิ่งที่คนเก่าที่ทำกับผมไม่ได้คือกั๊กผมไว้เลือก)
- ผมไม่ชอบคำว่าเป็นเพื่อนไปก่อน เป็นไปถึงเมื่อไหร่ เพื่อนเขาโทรหาก่อนนอน รายงานกันทุกวันไหม สิ่งที่เป็นมันเกินเพื่อนไปแล้ว
- จากวันนั้นที่บอกว่าให้ปิดความสัมพันธ์และคุยกันสองคนก่อน กลายเป็นวันนี้เขาบอกว่าอยากให้ผมเปิด ไม่อยากให้ปิดตัวเองผมไม่พอใจนะครับ ผมบอกเขางั้นคุณคุยกับคนอื่นได้ เขาบอกอย่าไล่ให้เขาทำแบบนั้นเลยเขาขอร้อง เขาไม่โอเคร ผมก็ไม่โอเครนะ มาให้ผมเอาคนอื่นเข้ามาในความสัมพันธ์ทำไม
*ผมมีไม่กี่ข้อครับวนเวียนไปมาเหมือนคนประสาท จะเอาให้ได้ดั่งใจผม ผมรู้ตัวเลย งอแงไม่ให้เขาเข้าใกล้ด้วย อะไรของผมไม่รู้
ข้อตกลงที่ได้แบบยังไม่โอเครนะครับ คือผมจะหายไป(บล็อกทุกช่องทาง) เพื่อให้ความสัมพันธ์ที่มันไม่พร้อมนี้จบลง แต่เราทั้งคู่นั่งร้องไห้กอดกัน ไม่อยากได้แบบนี้ เขาขอร้องไม่ให้ผมหายไปได้ไหม คุยกันก่อน ถ้าจะหายไป พร้อมแล้วกลับมาก็ได้
ข้อมูลทั้งหมดนี้ ผมอยากถามว่า
1.ความรู้สึกคาดหวังที่มากไปของอีกฝ่าย ปรับลดให้เท่ากันได้ไหม
2.การคบกันแบบไม่ให้สถานะ แต่ก็คล้ายๆจะเป็นแฟน มีสิทธิ์พัฒนาไหมครับ ของผมคุยกันไว้ว่า 3 เดือนก่อน นานไปหรือสั้นไปไหมครับ
3.แล้วปัญหาข้างบนที่ผมคุยกันวันนี้ มันควรลงตัวแบบไหนครับ เข้าใจว่ามันเร็วไปหมด แต่มันดีมากเลยครับในรายละเอียด ตัวผมก็กลัวจะเจอความสัมพันธ์แบบกั๊กไว้เหมือนเดิม ตัวเขาก็กลัวว่าหรือจริงๆเขายังไม่พร้อมมีใคร ผมควรไปจริงๆ
4.เรื่อง LTR ผมศึกษามาแล้วครับ ผมไหว ผมทำได้ ทุกคนมีอะไรแนะนำเพิ่มไหมครับ
5.เรื่องศานาที่มาพร้อมกับการต้องปิดบัง ผมเข้าใจครับ แต่ขอไม่ใช่ปิดบังเพื่อเรื่องอื่นก็พอ มีใครมีความสัมพันธ์แล้วศาสนาเป็นปัญหาไหมครับ ในแง่อื่นๆ
สำคัญคือวันนี้ผมเป็นผู้ใหญ่อายุ 36 ที่นิสัยเสียกับน้องอายุ 34 มากๆ มีโอกาสไหมที่เขาจะยังอยากมีผมอยู่ ส่วนนี้จะทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปอีกไหมครับ ผมขอความเห็นและเผื่อใครมีประสบการณ์ลองบอกผมหน่อยครับว่า ตรงกลางของทั้งคู่คืออะไร ตอนนี้บอบช้ำกันทั้งคู่เลยครับ กอดกันน้ำตาไหลครับ เหมือนเราหาตรงกลางกันไม่ได้ แต่เราต้องการกันไว้ในชีวิตทั้งคู่ครับ ช่วยผมสองคนหน่อยครับ ความสัมพันธ์ที่เรารู้กันแค่สองคนจริงๆ