ชวนดู Abducted In Plain Sight ส่องดูความมืดดำของจิตใจมนุษย์
ตลอดเวลาที่ดู Abducted In Plain Sight ผมรู้สึกถูกรบกวนจิตใจเป็นอย่างยิ่ง ผมเริ่มต้นดูสารคดี ด้วยความที่คิดว่ามันน่าเป็นอีกคดีหนึ่งที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับการลักพาตัวเด็ก จากเพื่อนคนสนิทของครอบครัว แล้วจบลงที่การฆ่าคนส่วนใหญ่ของครอบครัวแล้วลักตัวลูกสาวไปสองคน เพื่อเอาไปเป็นภรรยา แต่อันนี้เป็นคนละคดีกัน ไม่มีใครตายในคดีนี้ แต่ความรู้สึกที่ดูรู้สึกรบกวนจิตใจ ปั่นป่วนมากมาย !
ช่วงแรกที่ดูก็รู้สึกว่า ทำไมพ่อแม่ของเด็กคนนี้ถึงได้โง่แบบนี้ แอบอารมณ์เสีย ลูกสาว อายุ สิบนิดๆ หายไปกับเพื่อนสนิทของครอบครัวชายอายุสี่สิบกว่า ทำไมถึงรอตั้งห้าวันกว่าจะแจ้งความ !!! ทำไมเล่าทิดดดด !!!
แล้วทำไมเด็กถึงไป ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยเหรอ ทำไมเล่าหลานนนนน !!!
พอดูไปเรื่อยๆ ถึงรู้ว่า จริงๆ แล้วเรื่องที่เราเห็นตอนแรกมันเป็นแค่ความจริงระดับผิวเท่านั้น มันมีอะไรมากมายที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของคน
บางส่วนถูกเปิดเผยออกมาในบทสัมภาษณ์ของสารคดีนี้ และผมเชื่อว่าอีกส่วนซึ่งใหญ่มากๆ ไม่ถูกพูดถึง
สารคดีนี้เป็นสารคดีแรกที่ทำให้ผมไม่เชื่อคำให้สัมภาษณ์ของครอบครัวผู้ถูกทำร้าย มันมีบางส่วน ที่ลึกกว่านั้น ที่เค้าไม่ได้พูดออกมา ซึ่งถ้าเค้าคิดหรือเชื่อแบบในสารคดีจริงๆ ก็เป็นครอบครัวที่ไร้เดียงสาอย่างแสนสาหัส (ซึ่งก็เป็นไปได้นะ แต่มันจะมีคนที่แสนดีขนาดนั้นอยู่รึ) หรือเค้าอาจจะอยากพูดถึงมันแค่นี้เพื่อไม่ให้มันเจ็บปวดเกินไป
การดู Abducted : In Plain Sight มันเหมือนการไปนั่งรถของคนอื่น ตอนแรก คุณอาจรู้สึกอารมณ์เสียกับคนขับ ในการตัดสินใจที่ไม่เมคเซนส์สำหรับคุณ ทำไมทำแบบนั้นแบบนี้ แล้วคุณก็เริ่มไปเข้าใจเขา ว่าทำไมเขาตัดสินใจแบบนี้ คุณเริ่มเห็นว่า รถที่คุณนั่งมาด้วย ทุกอุปกรณ์มันชำรุด รถมันพร้อมจะพังได้ทุกขณะ พอคุณนั่งไปถึงที่สุด คุณจะพบว่า นี่มันเป็นการเดินทางพาคุณไปสู่ สุดขอบเหวของความมืดดำ
ความรู้สึกสะเอียนของผมมันเกิดจากหลายอย่าง อย่างแรกคือการกระทำของคนลักพา ที่ผมคิดว่าหนังบรรยายมากเกินไป ใช้ภาพประกอบของเหยื่อจริงๆ มากเกินไป มันทำให้รู้สึกแย่มากๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันดีมั้ย ที่หนังสารคดีมันต้องลงรายละเอียด สร้างความรุนแรงขนาดนี้ มันทำ เรารู้สึกสงสารมากๆ ยิ่งถ้าคนเป็นพ่อได้ดูสารคดีเรื่องนี้ ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์เดือดดาลที่ปะทุขึ้นมาได้ง่ายๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคำถามเหมือนกันว่าถ้าไม่ทำแบบนี้เราจะรู้สึกขนาดนี้มั้ย (แต่ก็แอบคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรถูกเล่าด้วยท่าทีเยอะขนาดนี้ก็ได้)
อย่างที่สองคือ ท่าทีของคนในครอบครัวที่มันบิดเบี้ยวไปหมด ทุกจังหวะของการตัดสินใจ มันดูมืด มันดูไม่มีเหตุผล แต่ก็เข้าใจว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นเขาเราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมถึงทำสิ่งต่างๆ แบบนั้น
อย่างสุดท้ายคือถึงจุดหนึ่ง ผมทนไม่ไหว และคิดว่า เออ คนพวกนี้น่าสงสารนะ แต่ฉันไม่ยุ่งละ เท ปลดเปลื้องภาระทางอารมณ์ (ฮ่า)
ถ้าคุณอยากเข้าใจความหมายของคำว่า พรากผู้เยาว์ ที่เราเห็นในข่าว ว่ามันมีความหมายว่ายังไง มิใช่แค่ ความหมายตาม กฎหมายว่าพรากเด็กไปจากผู้ปกครอง แต่มันยังมีความหมายของการกระชากความเป็นเด็กออกจากตัวคน คนหนึ่งให้เขาสูญเสียวัยเยาว์ไปตลอดกาลเป็นยังไง ลองดูครับ สารคดี ชั่วโมงครึ่ง แต่สร้างความรู้สึกมากมาย
แต่อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะครับ มีการพรรณาการล่วงเกินทางเพศที่ค่อนข้างรบกวนจิตใจ อยู่มาก อาจทำให้คุณรู้สึกว่าโลกมันดำมืดมากๆ ได้
เขียนโดย แมวนูน
Page :
https://www.facebook.com/maewnoonyoutuber/
ชวนดู Abducted In Plain Sight ส่องดูความมืดดำของจิตใจมนุษย์
ตลอดเวลาที่ดู Abducted In Plain Sight ผมรู้สึกถูกรบกวนจิตใจเป็นอย่างยิ่ง ผมเริ่มต้นดูสารคดี ด้วยความที่คิดว่ามันน่าเป็นอีกคดีหนึ่งที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับการลักพาตัวเด็ก จากเพื่อนคนสนิทของครอบครัว แล้วจบลงที่การฆ่าคนส่วนใหญ่ของครอบครัวแล้วลักตัวลูกสาวไปสองคน เพื่อเอาไปเป็นภรรยา แต่อันนี้เป็นคนละคดีกัน ไม่มีใครตายในคดีนี้ แต่ความรู้สึกที่ดูรู้สึกรบกวนจิตใจ ปั่นป่วนมากมาย !
ช่วงแรกที่ดูก็รู้สึกว่า ทำไมพ่อแม่ของเด็กคนนี้ถึงได้โง่แบบนี้ แอบอารมณ์เสีย ลูกสาว อายุ สิบนิดๆ หายไปกับเพื่อนสนิทของครอบครัวชายอายุสี่สิบกว่า ทำไมถึงรอตั้งห้าวันกว่าจะแจ้งความ !!! ทำไมเล่าทิดดดด !!!
แล้วทำไมเด็กถึงไป ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยเหรอ ทำไมเล่าหลานนนนน !!!
พอดูไปเรื่อยๆ ถึงรู้ว่า จริงๆ แล้วเรื่องที่เราเห็นตอนแรกมันเป็นแค่ความจริงระดับผิวเท่านั้น มันมีอะไรมากมายที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของคน
บางส่วนถูกเปิดเผยออกมาในบทสัมภาษณ์ของสารคดีนี้ และผมเชื่อว่าอีกส่วนซึ่งใหญ่มากๆ ไม่ถูกพูดถึง
สารคดีนี้เป็นสารคดีแรกที่ทำให้ผมไม่เชื่อคำให้สัมภาษณ์ของครอบครัวผู้ถูกทำร้าย มันมีบางส่วน ที่ลึกกว่านั้น ที่เค้าไม่ได้พูดออกมา ซึ่งถ้าเค้าคิดหรือเชื่อแบบในสารคดีจริงๆ ก็เป็นครอบครัวที่ไร้เดียงสาอย่างแสนสาหัส (ซึ่งก็เป็นไปได้นะ แต่มันจะมีคนที่แสนดีขนาดนั้นอยู่รึ) หรือเค้าอาจจะอยากพูดถึงมันแค่นี้เพื่อไม่ให้มันเจ็บปวดเกินไป
การดู Abducted : In Plain Sight มันเหมือนการไปนั่งรถของคนอื่น ตอนแรก คุณอาจรู้สึกอารมณ์เสียกับคนขับ ในการตัดสินใจที่ไม่เมคเซนส์สำหรับคุณ ทำไมทำแบบนั้นแบบนี้ แล้วคุณก็เริ่มไปเข้าใจเขา ว่าทำไมเขาตัดสินใจแบบนี้ คุณเริ่มเห็นว่า รถที่คุณนั่งมาด้วย ทุกอุปกรณ์มันชำรุด รถมันพร้อมจะพังได้ทุกขณะ พอคุณนั่งไปถึงที่สุด คุณจะพบว่า นี่มันเป็นการเดินทางพาคุณไปสู่ สุดขอบเหวของความมืดดำ
ความรู้สึกสะเอียนของผมมันเกิดจากหลายอย่าง อย่างแรกคือการกระทำของคนลักพา ที่ผมคิดว่าหนังบรรยายมากเกินไป ใช้ภาพประกอบของเหยื่อจริงๆ มากเกินไป มันทำให้รู้สึกแย่มากๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันดีมั้ย ที่หนังสารคดีมันต้องลงรายละเอียด สร้างความรุนแรงขนาดนี้ มันทำ เรารู้สึกสงสารมากๆ ยิ่งถ้าคนเป็นพ่อได้ดูสารคดีเรื่องนี้ ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์เดือดดาลที่ปะทุขึ้นมาได้ง่ายๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคำถามเหมือนกันว่าถ้าไม่ทำแบบนี้เราจะรู้สึกขนาดนี้มั้ย (แต่ก็แอบคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรถูกเล่าด้วยท่าทีเยอะขนาดนี้ก็ได้)
อย่างที่สองคือ ท่าทีของคนในครอบครัวที่มันบิดเบี้ยวไปหมด ทุกจังหวะของการตัดสินใจ มันดูมืด มันดูไม่มีเหตุผล แต่ก็เข้าใจว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นเขาเราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมถึงทำสิ่งต่างๆ แบบนั้น
อย่างสุดท้ายคือถึงจุดหนึ่ง ผมทนไม่ไหว และคิดว่า เออ คนพวกนี้น่าสงสารนะ แต่ฉันไม่ยุ่งละ เท ปลดเปลื้องภาระทางอารมณ์ (ฮ่า)
ถ้าคุณอยากเข้าใจความหมายของคำว่า พรากผู้เยาว์ ที่เราเห็นในข่าว ว่ามันมีความหมายว่ายังไง มิใช่แค่ ความหมายตาม กฎหมายว่าพรากเด็กไปจากผู้ปกครอง แต่มันยังมีความหมายของการกระชากความเป็นเด็กออกจากตัวคน คนหนึ่งให้เขาสูญเสียวัยเยาว์ไปตลอดกาลเป็นยังไง ลองดูครับ สารคดี ชั่วโมงครึ่ง แต่สร้างความรู้สึกมากมาย
แต่อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะครับ มีการพรรณาการล่วงเกินทางเพศที่ค่อนข้างรบกวนจิตใจ อยู่มาก อาจทำให้คุณรู้สึกว่าโลกมันดำมืดมากๆ ได้
เขียนโดย แมวนูน
Page : https://www.facebook.com/maewnoonyoutuber/