หนังเก่าเล่าใหม่ 097: Midnight in Paris (Woody Allen, 2011)
"เที่ยงคืนในนครปารีสกับการหวนคือสู่ยุคทอง" Midnight in Paris ได้รางวัลออสการ์ครั้งที่ 84 สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ผู้กำกับ 'วูดดี อัลเลน' พาเราไปท่องเที่ยวในมหานครปารีสยามค่ำคืน พร้อมพาเราย้อนอดีตไปพบกับบุคคลสำคัญในแวดวงงานวรรณกรรม ศิลปะ และดนตรี โดยอาศัยตัวละครหลักสองตัวที่กำลังจะแต่งงานกัน แต่ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดีนักเพราะต่างฝ่ายต่างมีอะไรที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าตัวละครชาย (โอเวน วิลสัน) มีความละม้ายคล้ายกับตัว 'วูดดี อัลเลน' อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเท่าไหร่ เพราะตัวละครชายเกือบทุกตัวที่ผ่านมือของผู้กำกับท่านนี้มักทิ้งลายเซ็นในความเป็นตัวตนของเขาอยู่เสมอ แน่นอนว่าแก่นเรื่องของ 'Midnight in Paris' นั้นก็หนีไม่พ้นเรื่องราวความรัก ความโรแมติก ผนวกแฟนตาซีผ่านยุคสมัย เพียงแต่ความพิเศษของงานนี้คือการที่ตัวภาพยนตร์พาเราย้อนกลับไปอดีตเมื่อเสียงระฆังตีบอกเวลาเที่ยงคืน รถยนต์ปริศนาหลงยุคจะมารับพระเอกของเรื่องย้อนกลับไปสู่ยุคทอง เราจึงร่วมสนุกไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว แน่นอนว่า ทุกการผจญภัยในมิติย้อนเวลานั้นมีข้อคิดสอดแทรกและแฝงมาด้วยความตลกร้ายอยู่ในบทภาพยนตร์ตลอดเวลา นอกจากนี้ ตัวละครยังค่อย ๆ มีพัฒนาการในความสัมพันธ์ที่ก่อตัวเริ่มต้นและจบลงอย่างสวยงามอีกด้วย
องค์ประกอบต่าง ๆ ของ 'Midnight in Paris' แสดงศักยภาพออกมาได้แทบทุกส่วน ทั้งงานภาพโทนสีที่ให้น้ำหนักดูน่าค้นหาแฝงไปด้วยเสน่ห์ยามค่ำคืน ตัดกับเรื่องราวชวนโรแมนติก ดนตรีประกอบที่เคล้าอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ นักแสดงสมทบที่มารับบทเป็นบุคคลที่โดดดังในยุคนั้นแสดงกันได้ดี และร่วมกันสร้างเซอร์ไพรส์ได้อยู่ไม่น้อยเลย ไดอะล็อกที่สวยงามระหว่างตัวละคร ความหมายนัยยะที่แฝงไปด้วยเนื้อหามุมมองความรัก ความพอใจในปัจจุบันที่ดำรงอยู่ ความไม่เข้ากันของคนสองคนในเรื่องความรัก ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยกลิ่นไอความรักฟุ้งกระจายเต็มไปหมดแต่ลงตัวและกลมกล่อมอร่อยเพลิดเพลิน ด้วยความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ที่พอเหมาะพอดีให้เราได้ซึมซับบรรยากาศในเรื่องแบบไม่นานจนเกินไป สิ่งหนึ่งที่น่ายินดีและเราชอบมาก คือบทสรุปของตัวหนังที่หาทางลงและทิศทางได้สวยงามพร้อมรับกับบริบทภายในเรื่อง ส่วนหนึ่งเป็นความแยบยลของ 'วูดดี อัลเลน' ที่เขียนบทภาพยนตร์และเค้าโครงเรื่องได้รองรับกันมาก ๆ ทำให้บทสรุปที่ดูเหมือนไม่มีทางลงกลับกลายเป็นความสวยงามที่สุดแสนโรแมนติก...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ 🙂
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หนังเก่าเล่าใหม่ 097: Midnight in Paris (Woody Allen, 2011) รีวิวโดย Form Corleone
"เที่ยงคืนในนครปารีสกับการหวนคือสู่ยุคทอง" Midnight in Paris ได้รางวัลออสการ์ครั้งที่ 84 สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ผู้กำกับ 'วูดดี อัลเลน' พาเราไปท่องเที่ยวในมหานครปารีสยามค่ำคืน พร้อมพาเราย้อนอดีตไปพบกับบุคคลสำคัญในแวดวงงานวรรณกรรม ศิลปะ และดนตรี โดยอาศัยตัวละครหลักสองตัวที่กำลังจะแต่งงานกัน แต่ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดีนักเพราะต่างฝ่ายต่างมีอะไรที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าตัวละครชาย (โอเวน วิลสัน) มีความละม้ายคล้ายกับตัว 'วูดดี อัลเลน' อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเท่าไหร่ เพราะตัวละครชายเกือบทุกตัวที่ผ่านมือของผู้กำกับท่านนี้มักทิ้งลายเซ็นในความเป็นตัวตนของเขาอยู่เสมอ แน่นอนว่าแก่นเรื่องของ 'Midnight in Paris' นั้นก็หนีไม่พ้นเรื่องราวความรัก ความโรแมติก ผนวกแฟนตาซีผ่านยุคสมัย เพียงแต่ความพิเศษของงานนี้คือการที่ตัวภาพยนตร์พาเราย้อนกลับไปอดีตเมื่อเสียงระฆังตีบอกเวลาเที่ยงคืน รถยนต์ปริศนาหลงยุคจะมารับพระเอกของเรื่องย้อนกลับไปสู่ยุคทอง เราจึงร่วมสนุกไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว แน่นอนว่า ทุกการผจญภัยในมิติย้อนเวลานั้นมีข้อคิดสอดแทรกและแฝงมาด้วยความตลกร้ายอยู่ในบทภาพยนตร์ตลอดเวลา นอกจากนี้ ตัวละครยังค่อย ๆ มีพัฒนาการในความสัมพันธ์ที่ก่อตัวเริ่มต้นและจบลงอย่างสวยงามอีกด้วย
องค์ประกอบต่าง ๆ ของ 'Midnight in Paris' แสดงศักยภาพออกมาได้แทบทุกส่วน ทั้งงานภาพโทนสีที่ให้น้ำหนักดูน่าค้นหาแฝงไปด้วยเสน่ห์ยามค่ำคืน ตัดกับเรื่องราวชวนโรแมนติก ดนตรีประกอบที่เคล้าอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ นักแสดงสมทบที่มารับบทเป็นบุคคลที่โดดดังในยุคนั้นแสดงกันได้ดี และร่วมกันสร้างเซอร์ไพรส์ได้อยู่ไม่น้อยเลย ไดอะล็อกที่สวยงามระหว่างตัวละคร ความหมายนัยยะที่แฝงไปด้วยเนื้อหามุมมองความรัก ความพอใจในปัจจุบันที่ดำรงอยู่ ความไม่เข้ากันของคนสองคนในเรื่องความรัก ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยกลิ่นไอความรักฟุ้งกระจายเต็มไปหมดแต่ลงตัวและกลมกล่อมอร่อยเพลิดเพลิน ด้วยความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ที่พอเหมาะพอดีให้เราได้ซึมซับบรรยากาศในเรื่องแบบไม่นานจนเกินไป สิ่งหนึ่งที่น่ายินดีและเราชอบมาก คือบทสรุปของตัวหนังที่หาทางลงและทิศทางได้สวยงามพร้อมรับกับบริบทภายในเรื่อง ส่วนหนึ่งเป็นความแยบยลของ 'วูดดี อัลเลน' ที่เขียนบทภาพยนตร์และเค้าโครงเรื่องได้รองรับกันมาก ๆ ทำให้บทสรุปที่ดูเหมือนไม่มีทางลงกลับกลายเป็นความสวยงามที่สุดแสนโรแมนติก...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ 🙂
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/