Café Society (Woody Allen,2016) คะแนน B+
By Form Corleone
" นิยามความรักเต็มไปหมดเลย " เป็นอีกครั้งที่เราได้ดูหนังของ ' วู้ดดี้ อัลเลน ' แล้วรู้สึกตอบโจทย์ในการหาความหมายของสิ่งที่เรียกว่าความรักได้เสมอ และแต่ละครั้งมักจะมีความหมายที่แอบแฝงระหว่างบทสนทนายาวๆผ่านตัวละครทำให้เราได้มีควาามสุขใน 'ความหวาน' อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความ 'โรแมนติก' และ 'เจ็บปวด' แบบไม่ทันตั้งตัวด้วยบทสนทนาเพียงไม่กี่คำที่ตัวละครเอ่ยออกมา 'Café Society' โดนใจเราอีกครั้งหนึ่ง ด้วยพล็อตเรื่อง 'รักสามเส้า' ของการมีความรักที่ไม่แปลกอะไร แต่พออยู่ในมือของ ' วู้ดดี้ อัลเลน ' แล้วมันกลับมีเสน่ห์เหมือนมีมนต์สะกดให้เรานิ่งเพื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ไดอะล็อก ก็เป็น 'อัลเลนๆ' จริงๆ เหมือนได้ดูหนังเก่าๆที่เคยชอบแล้วมารวมอยู่ในเรื่องนี้ (คงได้หยิบกลับมาดูใหม่แน่ๆ ดูแล้วนึกถึงหลายๆเรื่อง) ได้นั่งฟัง 'ปรัชญา' ความรักที่มีคำคมเท่ๆ คอยเสริมมาตลอดเวลา แถมด้วยมุกตลก ที่ฮ่ามาก แม้มันจะกลายร่างเป็นเรื่องราวตลกร้ายของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนหรือสามคนหรือหลายคนเลยก็ตาม หนังบรรเลงดนตรีแจ๊สประกอบอยู่ตลอดๆ เรียกว่า 'ติดหูเลย' เพลินมาก ฉากของหนังเรื่องนี้เล่าไปถึงช่วงยุค 30 เขาว่าเป็นยุคทองของ ' ฮอลลีวูด '
กระแสของหนังผ่านเราให้ สับสน เหงา เศร้า ไปพร้อมกับตัวละคร ผนวกกับความเพ้อฝันของตัวละคร 'บ๊อบบี้ ดอร์ฟแมน (เจสซี ไอเซนเบิร์ก) ' ชายหนุ่มชาวยิวเลือกที่จะมาทำงานที่ ' ฮอลลีวูด ' เพื่อตามหาความฝัน เขาต้องมาทำงานกับลุง ฟิล (สตีฟ คาเรล) ซึ่งเป็นผู้จัดการดารา และทั้นทีที่ บ็อบบี้ ได้เจอกับ วอนนี่ (คริสเตน สจ๊วต) เลขาส่วนตัวของ 'ฟิล' เขาก็ไม่รอที่จะให้ความรักที่ดันตกหลุมไปแล้วพลาดหลุดมือไป แต่โชคชะตามักเล่นตลกเสมอ และให้บทเรียนกลับเราเสมอในเรื่องของความรัก
“ ชีวิตคือเรื่องตลกที่เขียนโดยนักเขียนซาดิสท์ ” ประโยคเด็ด และเหมือนจะเป็นประโยคที่บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครได้เกือบทั้งเรื่อง เพราะคนที่เขียนบทก็คือ 'วู้ดดี้ อัลเลน' ด้วยการวางตัวละคร 'บ๊อบบี้กับวอนนี่' แบบโหดร้าย ทั้งสถานที่ เวลา โอกาส ซับซ้อนไปหมด แม้ตอนท้ายเรื่องก็ยังทิ้งทวนให้เราได้เจ็บปวดแต่รู้สึกดี ที่อย่างน้อยทั้งสองคนก็ยังมีความรู้สึกที่ยัง 'รักกัน' ความตลกร้ายบนโลกนี้ไม่เคยปราณีใคร เฉกเช่นกับความรักที่ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะจากไป เพราะเราไม่มีเวลาได้เตรียมตัว ทำได้ดีสุด เพียงแค่ยิ้มและหัวเราะกับมัน
บางทีเราก็อยากย้อนเวลาไปทำในสิ่งที่ผิดเหมือนกันนะ ถ้าผลที่ได้กลับมาคือการมีใครคนนั้นอยู่ข้างเราเหมือนเดิม แต่มันคงไม่ใช่ 'ความรัก' หรอก เราคิดว่านะ แล้วความรักคืออะไร?? ตอบยากเหมือนกันเพราะนิยามความรักมันเยอะซะเหลือเกิน
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Café Society (Woody Allen,2016)
By Form Corleone
" นิยามความรักเต็มไปหมดเลย " เป็นอีกครั้งที่เราได้ดูหนังของ ' วู้ดดี้ อัลเลน ' แล้วรู้สึกตอบโจทย์ในการหาความหมายของสิ่งที่เรียกว่าความรักได้เสมอ และแต่ละครั้งมักจะมีความหมายที่แอบแฝงระหว่างบทสนทนายาวๆผ่านตัวละครทำให้เราได้มีควาามสุขใน 'ความหวาน' อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความ 'โรแมนติก' และ 'เจ็บปวด' แบบไม่ทันตั้งตัวด้วยบทสนทนาเพียงไม่กี่คำที่ตัวละครเอ่ยออกมา 'Café Society' โดนใจเราอีกครั้งหนึ่ง ด้วยพล็อตเรื่อง 'รักสามเส้า' ของการมีความรักที่ไม่แปลกอะไร แต่พออยู่ในมือของ ' วู้ดดี้ อัลเลน ' แล้วมันกลับมีเสน่ห์เหมือนมีมนต์สะกดให้เรานิ่งเพื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ไดอะล็อก ก็เป็น 'อัลเลนๆ' จริงๆ เหมือนได้ดูหนังเก่าๆที่เคยชอบแล้วมารวมอยู่ในเรื่องนี้ (คงได้หยิบกลับมาดูใหม่แน่ๆ ดูแล้วนึกถึงหลายๆเรื่อง) ได้นั่งฟัง 'ปรัชญา' ความรักที่มีคำคมเท่ๆ คอยเสริมมาตลอดเวลา แถมด้วยมุกตลก ที่ฮ่ามาก แม้มันจะกลายร่างเป็นเรื่องราวตลกร้ายของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนหรือสามคนหรือหลายคนเลยก็ตาม หนังบรรเลงดนตรีแจ๊สประกอบอยู่ตลอดๆ เรียกว่า 'ติดหูเลย' เพลินมาก ฉากของหนังเรื่องนี้เล่าไปถึงช่วงยุค 30 เขาว่าเป็นยุคทองของ ' ฮอลลีวูด '
กระแสของหนังผ่านเราให้ สับสน เหงา เศร้า ไปพร้อมกับตัวละคร ผนวกกับความเพ้อฝันของตัวละคร 'บ๊อบบี้ ดอร์ฟแมน (เจสซี ไอเซนเบิร์ก) ' ชายหนุ่มชาวยิวเลือกที่จะมาทำงานที่ ' ฮอลลีวูด ' เพื่อตามหาความฝัน เขาต้องมาทำงานกับลุง ฟิล (สตีฟ คาเรล) ซึ่งเป็นผู้จัดการดารา และทั้นทีที่ บ็อบบี้ ได้เจอกับ วอนนี่ (คริสเตน สจ๊วต) เลขาส่วนตัวของ 'ฟิล' เขาก็ไม่รอที่จะให้ความรักที่ดันตกหลุมไปแล้วพลาดหลุดมือไป แต่โชคชะตามักเล่นตลกเสมอ และให้บทเรียนกลับเราเสมอในเรื่องของความรัก
“ ชีวิตคือเรื่องตลกที่เขียนโดยนักเขียนซาดิสท์ ” ประโยคเด็ด และเหมือนจะเป็นประโยคที่บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครได้เกือบทั้งเรื่อง เพราะคนที่เขียนบทก็คือ 'วู้ดดี้ อัลเลน' ด้วยการวางตัวละคร 'บ๊อบบี้กับวอนนี่' แบบโหดร้าย ทั้งสถานที่ เวลา โอกาส ซับซ้อนไปหมด แม้ตอนท้ายเรื่องก็ยังทิ้งทวนให้เราได้เจ็บปวดแต่รู้สึกดี ที่อย่างน้อยทั้งสองคนก็ยังมีความรู้สึกที่ยัง 'รักกัน' ความตลกร้ายบนโลกนี้ไม่เคยปราณีใคร เฉกเช่นกับความรักที่ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะจากไป เพราะเราไม่มีเวลาได้เตรียมตัว ทำได้ดีสุด เพียงแค่ยิ้มและหัวเราะกับมัน
บางทีเราก็อยากย้อนเวลาไปทำในสิ่งที่ผิดเหมือนกันนะ ถ้าผลที่ได้กลับมาคือการมีใครคนนั้นอยู่ข้างเราเหมือนเดิม แต่มันคงไม่ใช่ 'ความรัก' หรอก เราคิดว่านะ แล้วความรักคืออะไร?? ตอบยากเหมือนกันเพราะนิยามความรักมันเยอะซะเหลือเกิน
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/