ยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝาก17% ตลาดหุ้นไทยเป็นยังไงบ้างครับ?

ผมเคยได้ยินว่า ช่วงฟองสบู่ก่อนแตก(ปี2540) ดอกเบี้ยเงินฝากสูงมากๆ ถึง17% ผมเกิดทัน แต่ตอนนั้นยังเด็กไม่รู้เรื่อง

อยากทราบว่า
1. มนุษย์เงินเดือนออฟฟิศทั่วๆไป นิยมเล่นหุ้นกันมั้ยครับ?
2.สำหรับคนเล่นที่เล่นหุ้น โดยทั่วไปตั้งเป้าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีกี่% ในเมื่อแค่นอนอยู่บ้านเฉยๆแล้วฝากเงิน ก็ได้ผลตอบแทนถึง17%ต่อปีแล้ว
3.ธุรกิจต้องกำไรแค่ไหนครับ ผลตอบแทนถึงจะไม่แพ้เงินฝาก (ผมสงสัยว่าจะมีกี่ธุรกิจ ที่กำไรดีมากๆขนาดนี้)
4.แค่เป็นคนธรรมดา ไม่ต้องทะเยอทะยานมากแค่ทำงาน แล้วหมั่นออมเงิน(ฝากเงิน) แค่นี้ก็มีฐานะการเงินที่ดีแล้ว รึเปล่าครับ? ถ้าเทียบกับปัจจุบันนี้ ที่เด็กๆเพิ่งเริ่มทำงาน ก็ต้องศึกษาการลงทุน ต้องวางแผนการลงทุน เพื่อไม่ให้เงินในกระเป๋าด้อยค่า

ขอบคุณครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
1. ดอกเบี้ยเงินฝากสูง 17% เป็นพวกทรัสน่ะครับ ถ้าธนาคารประจำ 12 เดือน จะอยู่ประมาณ 10% ออมทรัพย์ทั่วไปอยู่ประมาณ 5% แต่ระบบธนาคารเละเทะมากน่ะครับ  ระดับชาวบ้านกู้เได้สบายมากๆและเอาเงินสดได้เลย
เช่น บอกจะกู้ไปทำธุรกิจ แต่เอาเงินสดไปปั่นที่ดิน ซื้อบ้าน ซื้ออาคารพาณิชย์เก็งกำไร มีเยอะแยะครับ
ที่ดินในยุคนั้น ซื้อเช้าขายเย็น  แบบราคาทองคำเลย

2. ตลาดหุ้นยุคนั้นเฟื้องฟูมาก เมื่อก่อนเวลาซื้อหุ้นมีทางเดียวคือ ไปที่ตลาดหรือโบรกเกอร์ หรือไม่ก็โทรศัพท์ ไม่มีอินเตอร์เน็ตครับ
สั่งมาร์ทางโทรศัพท์ โดนค่าคอมไป 0.5% ฉะนั้นยุคนั้น คุณจะถูกไดร์ ให้ซื้อเร็วขายเร็ว

3. การดูข้อมูลราคาหุ้น ดูผ่านทีวีอย่างเดียวครับ หรือไม่ก็ต้องโทรไปถามมาร์ ราคาเท่าไหร่ ฉะนั้นมาร์เก็ตติ้ง โครตมีอิทธิพลเลย เป็นอาชีพที่รายได้สูงมาก แตกต่างฟ้ากับเหวแบบในปัจจุบัน

4. ข้อมูลหุ้นดูได้ทาง ทีวี กับ หนังสือพิมพ์ เท่านั้นครับ ที่จะรับรู้กันได้ คำว่า VI  ไม่มีใครรู้จักคืออะไร

5. การซื้อขายในอดีต ต่างชาติ มีอิทธพลอย่างมาก ยอดซื้อยอดขาย  ไปตามต่างชาติแทบจะ 100% ไม่เหมือนในยุคนี้ ต่างชาติขาย ตลาดเป็นบวกเห็นจนเคยชิน ตรงนี้เห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงกันได้ ตามกาลเวลา

6. พวกปั่นหุ้น หรือนักเลงหุ้น ไม่มี TFEX หรือ DW ให้เล่นครับ ตัวที่ปั่นแรงจะเป็น วอแรน หุ้นเน่าๆในยุคนั้นมีไหม มีแน่นอนครับ ตัวหนึงที่จำได้ ชื่อ ยูนิคอด ทำพวกอาหารกระป๋อง ตอนหลังล้มละลาย เจ้าของเป็นนักเล่นพนันมืออาชีพ ยุคนั้นการซื้อขายหุ้น คุณไม่รู้อะไรจริงๆเลย ตามมาร์ตลอด หรือตามกระแสตลอด ตัดสินใจเองเป็นไปได้ยากมากๆ

7. ยุคนั้น ตลาดอ่อนไหวมากๆๆ ไม่เหมือนปัจจุบัน เช่น มีเหตุระเบิดหุ้นร่วงเลย นายกลาออกหุ้นร่วงเลย  หรือแค่ เปิดประชุมสภาไม่ไว้วางใจหุ้นร่วงเลย มีข่าวอะไรเล็กๆน้อยๆ หุ้นพร้อมร่วงทันที ทั้งๆที่เหตุการณ์นั้นไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะการรับรู้ข่าวสารได้แค่ทางทีวี กับ หนังสือพิมพ์

8. อยากรู้ไหมครับ ยุคร่วงของของตลาดหุ้นขาลง จาก 1700 จุดเหลือ 200 กว่าจุด เป็นยังไง ก็ไม่มีอะไรมาก เช่น กระโดดตึกฆ่าตัวตาย เอาปีนยิงขมับที่ตลาดหลักทรัพย์ บางคนเป็นข้าราชการเกษ๊ยณอายุโดนหลอกให้ซื้อกองทุน จาก 10 บาทเหลือ 2 บาท เอาขี้ราดตัวไปประท้วงที่ธนาคาร

9. พอตลาดเหลือ 200 จุด ตลาดหุ้นไม่ได้รับการเหลียวแลอีกต่อไป ไม่มีใครสนใจอีกต่อไป หลังจากนั้น 5 ปี ตลาดเริ่มบูมใหม่ มีคนรวยเกิดขึ้น เช่น ดร นิเวศ พร้อมกับคำว่า VI  เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยให้คนได้รู้จักการลงทุนแบบใหม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่