การปฏิเสธรับรัก และการปฏิบัติตัว

สิ่งหนึ่งที่เรามองว่ามันเป็นปัญหาทางการสื่อสาร อย่างหนึ่ง ก็คือ การปฏิเสธการรับรัก เช่น เมื่อมีคนหนึ่งมีใจให้ แล้วอีกคนคิดว่า ยังไม่ใช่ หรือ ไม่ใช่เลยก็จะปฎิเสธออกไป ทีนี้ขึ้นชื่อว่า การปฏิเสธย่อมทำให้คนเสียใจ ทำให้เกิดความผิดหวังทางความรัก ไม่ว่าจะพูดดียังไง ไพเราะยังไง ให้กำลังใจอย่างไร คำตอบที่ชัดเจนก็คือ "SAY NO" อย่างเดียว

แต่แล้วทีนี้ หลายคนที่ถูกปฏิเสธไป ก็จะเกิดความหวังขึ้นมาอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ คิดว่ายังเป็นไปได้อยู่อีก สิ่งนี้เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่มันเกิดขึ้น อาจจะเกิดจากความดื้อรั้นของอีกฝ่าย หรือ ความไม่ชัดเจนของผู้ปฏิเสธ ก็เป็นได้

ในกระทู้นี้ จะเป็นการเชิงให้ความรู้ การปฏิเสธการรับรักอย่างถูกวิธี ตามความคิดของเจ้าของกระทู้เท่านั้น โดยอาศัยประสบการณ์มาก่อน ที่เจ้าของกระทู้ก็เคยปฏิเสธชาวบ้าน รวมทั้งเคยถูกปฏิเสธด้วย T_T

กรณีที่เราเป็นผู้ปฏิเสธ อีกฝ่าย มีทางเลือกดังนี้

1. แสดงความชัดเจนต่อตนเอง ว่า คนนี้ไม่ใช่ และรักษาระยะห่างพอสมควร : ผู้ปฏิเสธบางคนมักจะมีพฤติกรรมที่เรียกว่า ทอดสะพาน หรือ ให้ความสนิทสนมกับเพศตรงข้ามเกินแก่ความเป็นเพื่อน หรือ คนรู้จักอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่ตนเองไม่ได้คิดอะไร จนทำให้อีกฝ่ายเหมือนมีความรู้สึกว่า เขากำลังชอบเราอยู่ แล้วก็จะเกิดปัญหาตามมาสารพัดไม่รู้จบ.... สิ่งนี้คือ แนวทางป้องกันอย่างหนึ่ง ทำให้อีกฝ่ายเกิดการวางตัวที่สามารถรักษาระยะห่างกับเราในทั้งด้าน กายและใจ เรียกง่าย ๆ ว่า ไม่ได้มีจุดชนวนอะไรให้เกิดความหวั่นไหว นั่นเอง เมื่อมีความชัดเจนด้านพฤติกรรมเกิดขึ้น ก็จะช่วยลดปัญหาด้าน การคิด การมโนอะไรไปเอง

2. ไม่สมควรปฏิเสธ ด้วยคำว่า เป็นเพื่อนและพี่น้อง : ผู้ที่มีความมุ่งหวังที่จะสมหวังทางด้านความรัก เชื่อมั่นว่า 100% ของผู้มุ่งหวังคือ ต้องการเป็นแฟน ซึ่งเป็นตัวเลือกเดียวในใจ ไม่ใช่ มาเป็นพี่น้อง หรือ เพื่อน

การปฏิเสธด้วยคำว่า เพื่อนหรือพี่น้อง เป็นการกระทำเฉกเช่นดังข้อที่ 1 คือ ไม่รู้จักในเรื่องของการวางตัวและกาลเทศะที่ชัดเจน เพราะคนที่ถูกปฏิเสธใหม่ ๆ ด้านความรักไปแล้ว แต่ผู้ปฏิเสธก็ยังพูดอีกว่า ให้เป็นพี่น้องกัน เป็นเพื่อนกัน ก็ได้ จะเป็นการทำให้อีกฝ่ายมองว่า ฉันยังมีโอกาสใกล้ชิด มีโอกาสเข้าหา มีโอกาสสานสัมพันธ์ หรือ อัพเกรดอะไรแต่อย่างไร และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ คุณกำลังไปปิดโอกาสให้เขาเลือกเส้นทางใหม่ ไปหาคนใหม่ หรือ ไปทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติ คนส่วนใหญ่จิตใจไม่ได้แข็งแกร่งมากกันทุกคนที่จะเข้าใจถึง ความชัดเจน ของผู้ปฏิเสธที่พูดออกมา

ดังนั้น ผู้ปฏิเสธ และ ผู้ถูกปฏิเสธ ควรหยุดพัก แยกไป ต่างคนต่างอยู่สักพัก ให้จิตใจสงบ เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ ไม่จมปลักและหมกมุ่นอยู่กับความผิดหวัง หรือ เดินทางผิดคิดว่า มีโอกาสเป็นไปได้ จนไม่เป็นอันทำอะไรกิน และควรหยุดพักจากโซเชี่ยลต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความฟุ้งซ่าน สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่โอเค และไม่เป็นมืออาชีพในการดำรงชีวิต หลังจากที่หยุดพักสงบจิตใจกันเรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกได้เริ่มต้นใหม่ ค่อยกลับมาเป็น พี่น้อง เป็นเพือนกัน อย่างที่ใจบริสุทธิ์

หวังว่า บทความที่เจ้าของกระทู้เขียนขึ้นให้นี้จะมีประโยชน์ต่อวัยรุ่น และทุก ๆ คน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่