คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เป็นประเพณีที่เพี้ยนมาจากการทำบุญ ให้ญาติที่เกิดในภพเปรตอนุโมทนาบุญเพื่อให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบากหิวโหย เพราะ เมื่อตนยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ให้ทาน สั่งสมบุญให้กับตัวเอง ต้องไปอาศัยลูกหลาน ทำเพื่อตนจะได้อนุโมทนาและมีส่วนแห่งบุญนั้น....
ในสมัยโบราณ ญาติของกษัตริย์สิ้นชีวิตแล้วไปเกิดเป็นเปรต มาขอให้กษัติย์ (จีนสมัยนั้นนับถือศาสนาพุทธ) ทำบุญกับพระที่บริสุทธิ์ (โสดา สกทาคา อนาคม อรหันต์) เพื่อที่จะได้อนุโมทนา (พระทุศีล ผลน้อย อานิสงส์น้อย) เพื่อให้พ้นจากความทุกข์ยากที่อดอยาก ขาดแคลนอาหาร และเครื่ีองดำรงค์ชีพในภพเปรต กษัตริยฺ์จึงจัดทำบุญใหญ่เพื่อ ให้เปรตญาติได้อนุโมทนาพ้นจากความทุกข์ยากลำบาก
ฮ่องเต้ได้จัดทำบุญใหญ่ มีเครื่องอุปโภคบริโภคมากมาย ถวายแด่พระสงฆ์ เมื่อสิ้นการทำบุญญาติ ๆ ทั้งหลายที่เป็นเปรตเมื่อได้รับความแช่มชื่นใจอนุโมทนาที่ หลานของตนได้ถวายแด่สงฆ์ที่บริสุทธิ์ ก็พ้นจากวิบากกรรมชั่ว ตายจุติจากเปรตกลายเป็นเทวดาเสวยทิพยสมบัติ แล้วมาเข้าฝันขอบคุณ
ฮ่องเต้ อัศจรรย์ใจ เลยประกาศเรื่องที่ญาติมาเข้าฝันขอบคุณไปทั่วแผ่นดิน ประชาชนตื่นเต้นไม่เคยรู้มากก่อน อยากทำบุญให้ญาติตัวเองมาอนุโมทนาบาง บ้างมีทรัพย์ก็ทำของจริง หาพระแท้ถวาย แต่คนจนอยากทำบ้างแต่ไม่มีเลยเกิดการทำกระดาษเผาไปให้ญาติ (แต่ความจริงไม่ได้หรอก เสียกระดาษไม่พอ เสียแรงเปล่าตัวเองไม่ได้บุญ ญาติก็ไม่ได้ เสียของทิ้งอีกนะ) แทน (ประเทศจีนสมัยนั้นคนจนมากว่าคนรวยต่างจากสมัยนี้ที่คนรวยมากกว่าคนจน)
เปรตที่รับส่วนบุญได้และไม่ได้
บรรดาเปรตทั้งมีทั้งสิ้น มี 12 จำพวกบ้าง 4 จำพวกบ้าง 21 จำพวกบ้าง ในจำนวนเปรตทั้งหมดนี้ เปรตที่มีโอกาสจะได้รับส่วนบุญจากญาติอุทิศให้ คือ เปรตจำพวกปรทัตตูปชีวิกเปรต และเป็นเปรตจำพวกเดียวที่รับส่วนบุญจากการพลอยยินดีอนุโมทนาได้เท่านั้น
ส่วนเปรตอื่นๆ นอกจากนี้ ไม่สามารถจะรับส่วนบุญที่ญาติทำบุญแล้วให้อนุโมทนาไปให้ได้ แต่ถ้าไม่รู้ว่าเขาแผ่ส่วนบุญให้ ก็ไม่สามารถที่จะรับส่วนบุญนั้นได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าไม่รู้แล้วก็ไม่สามารถจะอนุโมทนา ว่า สาธุ สาธุ เมื่อไม่สามารถจะอนุโมทนาว่าสาธุ ก็เป็นอันว่าไม่ได้รับส่วนบุญที่ญาติอุทิศมาให้ เพราะเป็นธรรมดาของเปรตทั้งหลายที่จะต้องเป็นเช่นนั้น
ฉะนั้นปรทัตตูปชีวิกเปรตจำพวกนี้ ก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจะได้รับส่วนบุญจากญาติที่อุทิศให้เสมอไป ในเรื่องของการอุทิศส่วนบุญให้เปรตนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ติโรกุฑฑสูตร ว่าด้วยการให้ส่วนบุญแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วอนุโมทนา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระเจ้าพิมพิสาร เป็นคาถาว่า
เปรตกินมูถ
เปรตกินน้ำมูถ ด้วยผลกรรมที่ถ่มน้ำลายลงบริเวณพื้นวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
“ ฝูงเปรตพากันมายังเรือนของตน ยืนอยู่ที่นอกฝาเรือนบ้าง ยืนอยู่ที่ทาง 4 แพร่ง 3 แพร่งบ้าง ยืนอยู่ใกล้บานประตูบ้าง เมื่อข้าวน้ำ ของเคี้ยว ของกิน เขาวางไว้เป็นอันมาก ญาติไรๆ ของเปรตเหล่านั้น ก็ระลึกไม่ได้ เพราะกรรมของสัตว์ทั้งหลายเป็นปัจจัย ชนเหล่าใดเป็นผู้เอ็นดู ชนเหล่านั้นย่อมให้น้ำ ข้าว อันสะอาด ประณีต อันสมควร ตามกาล อุทิศเพื่อญาติทั้งหลายอย่างนี้ว่า ขอทานนี้แล จงมีแก่ญาติทั้งหลาย ขอญาติทั้งหลาย จงมีสุขเถิด”
“ ส่วนฝูงเปรตที่เป็นญาติเหล่านั้น มาแล้ว พร้อมแล้ว ก็ชุมนุมกันในที่ให้ทานนั้น ย่อมอนุโมทนาโดยเคารพ ในข้าวน้ำเป็นอันมากว่า เราได้สมบัติเพราะเหตุแห่งญาติเหล่าใด ขอญาติเหล่านั้นของเรา จงมีชีวิตยั่งยืน ทั้งการบูชาญาติผู้เป็นทายกก็ได้กระทำแก่พวกเราแล้ว ”
“ อนึ่ง ทายกทั้งหลาย ย่อมไม่ไร้ผล ก็ในปิตติวิสัยนั้น ไม่มีกสิกรรมการทำไร่ การทำนา ไม่มีโครักขกรรม การเลี้ยงโค ในปิตติวิสัยนั้น การค้าเช่นนั้น การซื้อขายด้วยเงิน ก็ไม่มี ผู้ทำกาลกิริยาละไปแล้ว ย่อมยังอัตภาพให้เป็นไปในปิตติวิสัยนั้น ด้วยทานที่ญาติให้แล้วจากมนุษย์โลกนี้”
ในสมัยโบราณ ญาติของกษัตริย์สิ้นชีวิตแล้วไปเกิดเป็นเปรต มาขอให้กษัติย์ (จีนสมัยนั้นนับถือศาสนาพุทธ) ทำบุญกับพระที่บริสุทธิ์ (โสดา สกทาคา อนาคม อรหันต์) เพื่อที่จะได้อนุโมทนา (พระทุศีล ผลน้อย อานิสงส์น้อย) เพื่อให้พ้นจากความทุกข์ยากที่อดอยาก ขาดแคลนอาหาร และเครื่ีองดำรงค์ชีพในภพเปรต กษัตริยฺ์จึงจัดทำบุญใหญ่เพื่อ ให้เปรตญาติได้อนุโมทนาพ้นจากความทุกข์ยากลำบาก
ฮ่องเต้ได้จัดทำบุญใหญ่ มีเครื่องอุปโภคบริโภคมากมาย ถวายแด่พระสงฆ์ เมื่อสิ้นการทำบุญญาติ ๆ ทั้งหลายที่เป็นเปรตเมื่อได้รับความแช่มชื่นใจอนุโมทนาที่ หลานของตนได้ถวายแด่สงฆ์ที่บริสุทธิ์ ก็พ้นจากวิบากกรรมชั่ว ตายจุติจากเปรตกลายเป็นเทวดาเสวยทิพยสมบัติ แล้วมาเข้าฝันขอบคุณ
ฮ่องเต้ อัศจรรย์ใจ เลยประกาศเรื่องที่ญาติมาเข้าฝันขอบคุณไปทั่วแผ่นดิน ประชาชนตื่นเต้นไม่เคยรู้มากก่อน อยากทำบุญให้ญาติตัวเองมาอนุโมทนาบาง บ้างมีทรัพย์ก็ทำของจริง หาพระแท้ถวาย แต่คนจนอยากทำบ้างแต่ไม่มีเลยเกิดการทำกระดาษเผาไปให้ญาติ (แต่ความจริงไม่ได้หรอก เสียกระดาษไม่พอ เสียแรงเปล่าตัวเองไม่ได้บุญ ญาติก็ไม่ได้ เสียของทิ้งอีกนะ) แทน (ประเทศจีนสมัยนั้นคนจนมากว่าคนรวยต่างจากสมัยนี้ที่คนรวยมากกว่าคนจน)
เปรตที่รับส่วนบุญได้และไม่ได้
บรรดาเปรตทั้งมีทั้งสิ้น มี 12 จำพวกบ้าง 4 จำพวกบ้าง 21 จำพวกบ้าง ในจำนวนเปรตทั้งหมดนี้ เปรตที่มีโอกาสจะได้รับส่วนบุญจากญาติอุทิศให้ คือ เปรตจำพวกปรทัตตูปชีวิกเปรต และเป็นเปรตจำพวกเดียวที่รับส่วนบุญจากการพลอยยินดีอนุโมทนาได้เท่านั้น
ส่วนเปรตอื่นๆ นอกจากนี้ ไม่สามารถจะรับส่วนบุญที่ญาติทำบุญแล้วให้อนุโมทนาไปให้ได้ แต่ถ้าไม่รู้ว่าเขาแผ่ส่วนบุญให้ ก็ไม่สามารถที่จะรับส่วนบุญนั้นได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าไม่รู้แล้วก็ไม่สามารถจะอนุโมทนา ว่า สาธุ สาธุ เมื่อไม่สามารถจะอนุโมทนาว่าสาธุ ก็เป็นอันว่าไม่ได้รับส่วนบุญที่ญาติอุทิศมาให้ เพราะเป็นธรรมดาของเปรตทั้งหลายที่จะต้องเป็นเช่นนั้น
ฉะนั้นปรทัตตูปชีวิกเปรตจำพวกนี้ ก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจะได้รับส่วนบุญจากญาติที่อุทิศให้เสมอไป ในเรื่องของการอุทิศส่วนบุญให้เปรตนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ติโรกุฑฑสูตร ว่าด้วยการให้ส่วนบุญแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วอนุโมทนา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระเจ้าพิมพิสาร เป็นคาถาว่า
เปรตกินมูถ
เปรตกินน้ำมูถ ด้วยผลกรรมที่ถ่มน้ำลายลงบริเวณพื้นวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
“ ฝูงเปรตพากันมายังเรือนของตน ยืนอยู่ที่นอกฝาเรือนบ้าง ยืนอยู่ที่ทาง 4 แพร่ง 3 แพร่งบ้าง ยืนอยู่ใกล้บานประตูบ้าง เมื่อข้าวน้ำ ของเคี้ยว ของกิน เขาวางไว้เป็นอันมาก ญาติไรๆ ของเปรตเหล่านั้น ก็ระลึกไม่ได้ เพราะกรรมของสัตว์ทั้งหลายเป็นปัจจัย ชนเหล่าใดเป็นผู้เอ็นดู ชนเหล่านั้นย่อมให้น้ำ ข้าว อันสะอาด ประณีต อันสมควร ตามกาล อุทิศเพื่อญาติทั้งหลายอย่างนี้ว่า ขอทานนี้แล จงมีแก่ญาติทั้งหลาย ขอญาติทั้งหลาย จงมีสุขเถิด”
“ ส่วนฝูงเปรตที่เป็นญาติเหล่านั้น มาแล้ว พร้อมแล้ว ก็ชุมนุมกันในที่ให้ทานนั้น ย่อมอนุโมทนาโดยเคารพ ในข้าวน้ำเป็นอันมากว่า เราได้สมบัติเพราะเหตุแห่งญาติเหล่าใด ขอญาติเหล่านั้นของเรา จงมีชีวิตยั่งยืน ทั้งการบูชาญาติผู้เป็นทายกก็ได้กระทำแก่พวกเราแล้ว ”
“ อนึ่ง ทายกทั้งหลาย ย่อมไม่ไร้ผล ก็ในปิตติวิสัยนั้น ไม่มีกสิกรรมการทำไร่ การทำนา ไม่มีโครักขกรรม การเลี้ยงโค ในปิตติวิสัยนั้น การค้าเช่นนั้น การซื้อขายด้วยเงิน ก็ไม่มี ผู้ทำกาลกิริยาละไปแล้ว ย่อมยังอัตภาพให้เป็นไปในปิตติวิสัยนั้น ด้วยทานที่ญาติให้แล้วจากมนุษย์โลกนี้”
แสดงความคิดเห็น
เทศกาลตรุษจีน สารทจีน กงเต็ก ไหว้พระตามวัด ถ้ากราบไหว้ โดยไม่ต้องจุดธูป จุดเทียน เผากระดาษ เทน้ำมันตะเกียง ไม่ได้หรือ?
มาทำพิธี เสียหมดได้อย่างไร?
ไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว