https://youtu.be/GDk2PNTe5jw
ญี่ปุ่นนับเป็นประเทศหนึ่งที่มีเรื่องเล่าและตำนานเกี่ยวกับผีมากที่สุดในโลก ตามความเชื่อพื้นบ้าน ญี่ปุ่นเป็นเกาะที่มีพลังงานเหนือธรรมชาติสั่งสมอยู่ ทำให้ไม่แปลกที่จะมีเรื่องเล่าถึงสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติอยู่มากมาย อีกทั้งนับตั้งแต่โบราณ ชาวญี่ปุ่นยังมีการละเล่นหนึ่งในช่วงฤดูร้อนซึ่งเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือ ตำนานร้อยเรื่องเล่า (Hyakumonogatari Kaidankai) ที่ผู้เล่นจะจุดเทียนร้อยเล่มในห้องมืด แต่ละคนนั่งล้อมรอบเป็นวงกลมผลัดเล่าเรื่องสยองขวัญ เมื่อเล่าจบหนึ่งเรื่องก็ให้ดับเทียนลงเล่มหนึ่ง โดยเชื่อว่ายามที่เรื่องสยองขวัญเรื่องที่ร้อยจบลง เทียนเล่มสุดท้ายดับลง ภูติผีวิญญาณก็จะปรากฏตัวขึ้น
และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวสยองขวัญ กระปุกดอทคอมก็ได้หยิบยกตำนานผีญี่ปุ่น 10 เรื่อง จากเว็บไซต์ hyakumonogatari.com มาให้เราได้ร่วมสัมผัสเรื่องราวผี ๆ ในแบบของญี่ปุ่นกันแล้ว มาตามไปร่วมเปิดกรุ 10 ตำนานผีญี่ปุ่นอันเลื่องลือ กันได้เลย
1. วิญญาณอาฆาตตระกูลไทระ
ในปี 1125 มินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะ ที่ขึ้นเรือเพื่อหลบหนีพี่ชายของตัวเอง ซึ่งเพิ่งทำลายตระกูลไทระแล้วแต่งตั้งตัวเองเป็นโชกุน ได้พบกับเหล่าวิญญาณอาฆาตจากนักรบของตระกูลไทระที่หวังล้างแค้นและล่มเรือของโยชิซึเนะกลางทะเล โดยระหว่างที่เรือแล่นด้วยความเร็วผ่านอ่าวไดโมสึ ก็เกิดมีหมอกลงหนาจัดโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ทัศนวิสัยถูกบดบัง เรือของโยชิซึเนะถูกคลื่นลมรุนแรงโยนไปในทะเลอย่างควบคุมไม่ได้ ทว่าเมื่อพวกเขามองออกไปที่นอกเรือก็พบว่าไม่มีพายุเกิดขึ้น สิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในคลื่นก็คือร่างสีขาวของกลุ่มนักรบตระกูลไทระที่ถูกโยชิซึเนะทำลายไป
วิญญาณอาฆาตกลุ่มนี้พยายามที่จะจมเรือของเขา ในขณะที่ผีนักรบตนหนึ่งได้กระโดดขึ้นมาบนเรือ โยชิซึเนะได้เผชิญหน้าและต่อสู้กับผีตนนั้นอย่างอาจหาญ ในขณะที่ มุซาชิโบ เบ็งเค พระนักรบผู้ติดตามโยชิซึเนะได้พยายามสวดมนต์และอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนกระทั่งในที่สุดกลุ่มวิญญาณอาฆาตก็ไม่สามารถทนทานต่อพลังปกป้องจากพระเจ้าได้ หมอกได้จางหายไป คลื่นลมสงบลง โยชิซึเนะสามารถเอาชนะวิญญาณนักรบนั่นได้ ก่อนที่โยชิซึเนะและพวกพ้องจะเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป
2. ผีนักดนตรีหญิงตาบอด
ตำนานนี้เกิดขึ้นในช่วงยุค 1716-1736 ซามูไรรายหนึ่งชื่อ โฮสุมิ คันจิ ซึ่งเป็นนายอำเภอของจังหวัดคาตาคุนิ ได้เดินทางไปทำธุระที่เมืองเอโดะ และได้แวะพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งระหว่างเดินทาง ในค่ำคืนนั้นเขาได้ยินเสียงเพลงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา มันเป็นเสียงร้องของหญิงตาบอดที่เดินทางมาเพื่อแสดงซามิเซ็นในโรงแรมแห่งนี้
เพราะคิดว่าเจ้าของเสียงอันไพเราะจะต้องมีหน้าตาที่งดงาม โฮสุมิจึงแอบย่องไปที่ห้องของเธอและซ่อนตัวจนกระทั่งเธอกลับมาในห้อง โฮสุมิลุกออกจากที่ซ่อนและขืนใจเธอ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งรุ่งเช้าโฮสุมิจึงพบว่าหญิงสาวเจ้าของเสียงนั้นกลับกลายเป็นหญิงตาบอดที่อัปลักษณ์ยิ่ง เขาจึงได้วางแผนพาเธอเดินทางมายังเอโดะด้วย แล้วระหว่างเดินทางผ่านภูเขาลูกหนึ่ง เขาก็ผลักเธอลงไปในหุบเขาเพื่อกำจัดเธอทิ้ง และเดินทางไปทำธุระต่อ
ในปีต่อมา โฮสุมิถึงกำหนดจะต้องเดินทางไปเอโดะอีกครั้ง เขาซึ่งลืมเรื่องของหญิงสาวคนดังกล่าวไปหมดแล้วได้แวะพักที่วัดเล็ก ๆ บนเขา โดยไม่คาดคิดว่าพอตกดึกหญิงสาวจะปรากฏตัวต่อหน้าเขาและคว้าข้อเท้าของโฮสุมิ ลากเขาไปยังสุสานของวัด แม้ว่าโฮสุมิจะดิ้นรนแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของเธอได้ จนในที่สุดหญิงสาวก็ลากเขามาถึงสุสาน เธอยิ้มและกอดเขาไว้ก่อนจะดึงเขาลงสู่ใต้ดินด้วยกัน
ทางด้านพระที่อยู่ในวัดได้ยินเสียงเอะอะจึงรีบวิ่งออกมาดูยังสุสาน พวกเขาช่วยกันขุดดินบริเวณนั้นก่อนจะพบศพของโฮสุมิที่มีโครงกระดูกของหญิงสาวโอบกอดอยู่ อาจเป็นโชคร้ายของซามูไรหนุ่มที่วัดแห่งนี้ คือสถานที่ฝังร่างของหญิงสาวหลังมีผู้พบร่างของเธอในหุบเขา
3. มือลึกลับในช่วงกลางดึก
กลางดึกคืนหนึ่ง มีเจ้าอาวาสรายหนึ่งกำลังเดินทางไปยังหมู่บ้านอากิยามะ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินย่ำอยู่ด้านหลัง ก็ตระหนักรู้ทันทีว่ามีวิญญาณเดินตามเขามา และด้วยญาณวิเศษทำให้เขารู้ว่าวิญญาณดวงนี้เป็นวิญญาณที่ถูกลืม ซึ่งเสียชีวิตลงในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่นานแล้วก็ยังไม่ไปไหน
แม้จะรู้เช่นนั้นแต่เจ้าอาวาสก็ยังคงเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงหมู่บ้าน เขาก็เตรียมตัวทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณดวงนี้ โดยกลับไปยังที่ที่เขาได้ยินเสียงย่ำเท้าในความมืด และทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏมือขาวซีดปริศนาขึ้นในความมืดมิด กวักมือให้เขาเดินเข้าไปหา เจ้าอาวาสรายนี้จึงทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้ และหลังจากนั้นวิญญาณดวงนี้ก็ไม่ปรากฏตัวหรือปรากฏเสียงย่ำเท้าให้ได้ยินอีกเลย
จากเรื่องเล่าข้างต้นทำให้ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า หากพวกเขาเดินอยู่ในความมืดมิดแล้วมีมือขาวซีดปริศนาปรากฏให้เห็น กวักมือเรียกไปที่ไหนสักแห่ง แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบใครเลยสักคน นั่นแสดงว่ามีวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่ วิญญาณเหล่านี้จะไม่หลอกหลอนหรือทำร้ายใคร พวกเขาเพียงอยากให้ใครสักคนเห็นการมีอยู่ของพวกเขา เพื่ออุทิศส่วนบุญให้เท่านั้น
4. วิญญาณผู้หิวโหย
วิญญาณผู้หิวโหย หรือ ฮิดารุกามิ คือผู้ที่อดตายลงกลางป่าเขาระหว่างเดินทาง พวกเขาตายลงโดยไร้คนมารับรู้ ไม่มีแม้การทำศพ หรือการตั้งศาลนำของมาเซ่นไหว้ วิญญาณเหล่านี้จึงหิวโหยอยู่ตลอดเวลา ชาวญี่ปุ่นมักเตือนกันว่าหากไปเข้าป่าหรือไต่เขาละก็ ให้เตรียมข้าวปั้นก้อนเล็ก ๆ ไปด้วย หรือไม่ก็อย่ากินอาหารในข้าวกล่องของตนจนเกลี้ยง แต่ให้เหลือข้าวไว้ติดก้นกล่องนิดหน่อย จะช่วยปัดเป่าภัยจากวิญญาณผู้หิวโหยได้
ว่ากันว่าหากโดนฮิดารุกามิจู่โจม นักเดินป่าผู้นั้นจะรู้สึกหิวกระหายโดยไร้สาเหตุ อ่อนแรง ร่างกายชาขยับไม่ได้ และหมดสติในที่สุด หากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็จะเสียชีวิตไปทั้งอย่างนั้น และกลายเป็นวิญญาณผู้หิวโหยสิงสู่อยู่ในป่านั้นไปอีกตน หากแต่ถ้ามีข้าวปั้นก้อนเล็ก ๆ หรือจะเป็นธัญพืชใด ๆ ก็ได้ ให้รีบนำออกมา สิ่งนั้นจะเป็นเครื่องสังเวยบูชาแก่เหล่าวิญญาณผู้หิวโหยไม่ให้เข้ามาจู่โจมเอาชีวิตของนักเดินป่าไป
ตำนานของฮิดารุกามิในแต่ละท้องถิ่นของญี่ปุ่นมีความแตกต่างกันออกไปบ้าง อย่างที่จังหวัดชิกะ วิญญาณผู้หิวโหยที่นี่ค่อนข้างโหดร้าย มันจะเข้าสิงร่างผู้ที่เข้ามาเดินป่า พลันท้องก็จะป่องออกเหมือนคนพุงโรเพราะขาดสารอาหาร ผู้ถูกสิงจะเที่ยวขอข้าวกับน้ำชาจากนักเดินทางคนอื่น ๆ กิน หากใครตอบว่ามีข้าวแต่กินไปหมดแล้วก็จะถูกจู่โจมทันที ด้วยการฉีกหน้าท้องเพื่อเอาของที่ยังย่อยไม่หมดในกระเพาะออกมากิน ในขณะที่ฮิดารุกามิในจังหวัดมิเอะ ไม่เพียงจู่โจมนักเดินป่าเท่านั้น มันยังจู่โจมสัตว์อย่างวัวด้วย
ส่วนในจังหวัดโคจิ นางาซากิ และคาโกชิมะ จะมีการตั้งศาลเล็ก ๆ ไว้ตามรายทางในป่า พร้อมนำอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ วางเอาไว้ เพื่อเป็นการเซ่นเหล่าวิญญาณผู้หิวโหย เพื่อที่จะได้ไม่ทำร้ายนักเดินป่านั่นเอง
ตำนานผีญี่ปุ่น
5. สะพานที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าด
ในหมู่บ้านโอะซากะของจังหวัดฮิดะ (ปัจจุบันคือจังหวัดกิฟู) มีชาวบ้านผู้หนึ่งชื่อว่าคาเนะเอมอนอาศัยอยู่ ที่หน้าบ้านของเขามีสะพานแขวนเก่า ๆ ที่ทำจากไม้อยู่ มันเป็นทางข้ามระหว่างหุบเขาเพื่อเดินทางไปสู่หมู่บ้านข้างเคียง
ค่ำคืนหนึ่งขณะที่คาเนะเอมอนกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้าน ก็พลันได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดลั่นมาจากสะพานราวกับกำลังมีคนเดินข้าม พร้อมกับได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันกระซิบกระซาบแว่วมา ด้วยความเป็นห่วงว่าการเดินข้าวสะพานเก่า ๆ นี้ในยามวิกาลเช่นนี้ช่างอันตรายเหลือใจ คาเนะเอมอนจึงรุดออกไปเพื่อจะเตือนใครก็ตามที่กำลังจะข้ามมา ..แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะไม่พบเห็นผู้ใดอยู่ที่สะพานเลยแม้แต่คนเดียว
เหตุการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไปคืนแล้วคืนเล่า เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังมาจากสะพานพร้อมกับเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยกันลอยมาให้ได้ยินทุกค่ำคืน แถมในบางคืนก็ยังจะได้ยินเสียงร่ำไห้ด้วย ในที่สุดคาเนะเอมอนก็อดทนต่อไปไม่ไหว เขาจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้ตรวจดวงชะตา และได้รับคำตอบว่า เสียงที่เขาได้ยินนั้นคือเสียงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ที่กำลังเดินทางไปยังทาจิยามะ (ปัจจุบันคือจังหวัดโทะยามะ) ซึ่งที่จริงนั้นหนทางสู่นรกภูมิในเขตทาจิยามะนั้นมีมากมาย แต่วิญญาณพวกนี้อาจเพิ่งค้นพบเส้นทางใหม่ จึงพากันมาใช้สะพานแขวนนี้เดินข้ามไปนั่นเอง
เมื่อได้รับฟังดังนั้น คาเนะเอมอนก็ตัดสินใจย้ายบ้านของตนออกไปให้ไกลจากสะพาน แต่ใช่ว่าเขาจะหนีจากไปเฉย ๆ คาเนะเอมอนยังกลับมาสร้างสุสานพร้อมสวดส่งเหล่าดวงวิญญาณที่กำลังเดินทางไปสู่ดินแดนของการชดใช้กรรมในชีวิตหลังความตาย และหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่เคยได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากสะพานอีกเลย อย่างไรก็ดีสะพานแขวนแห่งนี้ก็ได้รับการขนานนามว่า "สะพานที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าด" นับแต่นั้นเป็นต้นมา
6. หัวกะโหลกพูดได้
ตำนานลี้ลับนี้ถูกเล่าสืบต่อกันมากว่า 1,300 ปี ที่วัดแห่งหนึ่งชื่อคันโคจิ ในจังหวัดนารา มีนักบวชผู้มีเมตตาชื่อว่าโดโต ใคร ๆ ก็ต่างให้ความเคารพนับถือนักบวชรูปนี้เป็นอย่างมาก
ในวันหนึ่งท่านโดโตเดินผ่านเข้าไปในป่าบนภูเขานารา กับลูกศิษย์ที่ชื่อว่ามังเรียว พลันทั้งคู่ก็เห็นกะโหลกศีรษะกลิ้นหลุน ๆ ออกมาจากแห่งหนใดมิอาจทราบได้ หัวกะโหลกนั้นมีเนื้อหนังติดอยู่หน่อยหนึ่ง และเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้ดินขี้โคลน เป็นสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก ดูท่าคล้ายจะโดนใครก็ตามที่เดินผ่านไปมาใช้ขาเขี่ยเตะออกไปให้พ้นทางมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน นักบวชโดโตจึงกล่าวกับมังเรียวว่า ให้เก็บหัวกะโหลกที่น่าสงสารนี้ให้พ้นจากวิถีบาทาของผู้คน ด้วยการนำมันขึ้นไปไว้บนต้นไม้เสียเถิด ลูกศิษย์หนุ่มจึงทำตามแต่โดยดี นำหัวกะโหลกขึ้นไปวางบนกิ่งไม้ แล้วยังดึงพุ่มไม้ลงมาบังให้ลับตาคน
เหตุการณ์นี้ผ่านล่วงไป จวบจนกระทั่งเย็นวันหนึ่งของวันสุดท้ายแห่งปี ชายนิรนามผู้หนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูวัดคันโคจิ เอ่ยปากอย่างสุภาพกับเด็กวัดว่า เขาต้องการพบบุคคลที่ชื่อว่ามังเรียว เมื่อเห็นมารยาทสุภาพเรียบร้อยเช่นนั้น เด็กวัดจึงพาเข้าไปพบกับมังเรียวแต่โดยดี ทันทีที่บุรุษปริศนาได้พบกับมังเรียว ก็เอ่ยปากด้วยความสุภาพนอบน้อมเช่นเดิมว่า เขาเป็นหนี้บุญคุณต่อมังเรียวมากมายเหลือเกิน และต้องการที่จะตอบแทน หากแต่มังเรียวต้องตามไปที่บ้านของเขาก่อน จึงจะสามารถตอบแทนให้ได้
แม้จะฉงนสนเท่ห์ยิ่งนัก แต่ท่าทางสุภาพนอบน้อมของชายผู้นี้ทำให้มังเรียวไม่สามารถปฏิเสธได้ลง จึงออกจากวัดเดินติดตามชายผู้นี้ไปจนถึงบ้านของเขา ทันทีที่เข้าไปในบ้าน มังเรียวก็ต้องประหลาดใจยิ่งกับอาการเลี้ยงต้อนรับแสนหรูหราที่จัดไว้รอท่า บุรุษปริศนาเชื้อเชิญให้มังเรียวกินให้อิ่มหนำเต็มที่ เพราะนี่คือสิ่งที่ตนเตรียมไว้เพื่อการตอบแทนโดยเฉพาะ
มังเรียวไม่อาจต้านทานคำเชื้อเชิญนั้นและอาหารน่าอร่อยที่อยู่ตรงหน้าได้ เขานั่งลงร่วมรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกับชายปริศนา จานเปล่าใบแล้วใบเล่าถูกกองพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้องของทั้งคู่ไม่สามารถหาที่ว่างเพื่อใส่อาหารได้อีกต่อไป มังเรียวเริ่มผ่อนคลายอิริยาบถ ในขณะที่เริ่มสังเกตให้ว่าใบหน้าของชายผู้เชื้อเชิญเขามาซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว
"ท่านมังเรียว เร็วเข้าเถิด จงหนีไป พี่ชายผู้ฆาตกรรมข้ากำลังจะกลับบ้านมานี่แล้ว" ชายผู้นั้นกล่าว
มังเรียวตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน จนอดเอ่ยปากสวนออกไปในทันทีไม่ได้ว่า "อะไรกัน ท่านว่าอย่างไรนะ !?"
ชายปริศนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเทิ้ม เล่าว่าหลายปีก่อนเขากับพี่ชายได้ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน ระหว่างนั้นเขาสามารถสะสมทองคำได้มากถึง 18 กิโลกรัม ในขณะที่พี่ชายมิได้เก็บสะสมทรัพย์สมบัติใด ๆ ได้เลย เช่นนั้นแล้วในคืนหนึ่งพี่ชายจ
10 ตำนานผีญี่ปุ่นอันเลื่องลือ
ญี่ปุ่นนับเป็นประเทศหนึ่งที่มีเรื่องเล่าและตำนานเกี่ยวกับผีมากที่สุดในโลก ตามความเชื่อพื้นบ้าน ญี่ปุ่นเป็นเกาะที่มีพลังงานเหนือธรรมชาติสั่งสมอยู่ ทำให้ไม่แปลกที่จะมีเรื่องเล่าถึงสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติอยู่มากมาย อีกทั้งนับตั้งแต่โบราณ ชาวญี่ปุ่นยังมีการละเล่นหนึ่งในช่วงฤดูร้อนซึ่งเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือ ตำนานร้อยเรื่องเล่า (Hyakumonogatari Kaidankai) ที่ผู้เล่นจะจุดเทียนร้อยเล่มในห้องมืด แต่ละคนนั่งล้อมรอบเป็นวงกลมผลัดเล่าเรื่องสยองขวัญ เมื่อเล่าจบหนึ่งเรื่องก็ให้ดับเทียนลงเล่มหนึ่ง โดยเชื่อว่ายามที่เรื่องสยองขวัญเรื่องที่ร้อยจบลง เทียนเล่มสุดท้ายดับลง ภูติผีวิญญาณก็จะปรากฏตัวขึ้น
และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวสยองขวัญ กระปุกดอทคอมก็ได้หยิบยกตำนานผีญี่ปุ่น 10 เรื่อง จากเว็บไซต์ hyakumonogatari.com มาให้เราได้ร่วมสัมผัสเรื่องราวผี ๆ ในแบบของญี่ปุ่นกันแล้ว มาตามไปร่วมเปิดกรุ 10 ตำนานผีญี่ปุ่นอันเลื่องลือ กันได้เลย
1. วิญญาณอาฆาตตระกูลไทระ
ในปี 1125 มินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะ ที่ขึ้นเรือเพื่อหลบหนีพี่ชายของตัวเอง ซึ่งเพิ่งทำลายตระกูลไทระแล้วแต่งตั้งตัวเองเป็นโชกุน ได้พบกับเหล่าวิญญาณอาฆาตจากนักรบของตระกูลไทระที่หวังล้างแค้นและล่มเรือของโยชิซึเนะกลางทะเล โดยระหว่างที่เรือแล่นด้วยความเร็วผ่านอ่าวไดโมสึ ก็เกิดมีหมอกลงหนาจัดโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ทัศนวิสัยถูกบดบัง เรือของโยชิซึเนะถูกคลื่นลมรุนแรงโยนไปในทะเลอย่างควบคุมไม่ได้ ทว่าเมื่อพวกเขามองออกไปที่นอกเรือก็พบว่าไม่มีพายุเกิดขึ้น สิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในคลื่นก็คือร่างสีขาวของกลุ่มนักรบตระกูลไทระที่ถูกโยชิซึเนะทำลายไป
วิญญาณอาฆาตกลุ่มนี้พยายามที่จะจมเรือของเขา ในขณะที่ผีนักรบตนหนึ่งได้กระโดดขึ้นมาบนเรือ โยชิซึเนะได้เผชิญหน้าและต่อสู้กับผีตนนั้นอย่างอาจหาญ ในขณะที่ มุซาชิโบ เบ็งเค พระนักรบผู้ติดตามโยชิซึเนะได้พยายามสวดมนต์และอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนกระทั่งในที่สุดกลุ่มวิญญาณอาฆาตก็ไม่สามารถทนทานต่อพลังปกป้องจากพระเจ้าได้ หมอกได้จางหายไป คลื่นลมสงบลง โยชิซึเนะสามารถเอาชนะวิญญาณนักรบนั่นได้ ก่อนที่โยชิซึเนะและพวกพ้องจะเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป
2. ผีนักดนตรีหญิงตาบอด
ตำนานนี้เกิดขึ้นในช่วงยุค 1716-1736 ซามูไรรายหนึ่งชื่อ โฮสุมิ คันจิ ซึ่งเป็นนายอำเภอของจังหวัดคาตาคุนิ ได้เดินทางไปทำธุระที่เมืองเอโดะ และได้แวะพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งระหว่างเดินทาง ในค่ำคืนนั้นเขาได้ยินเสียงเพลงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา มันเป็นเสียงร้องของหญิงตาบอดที่เดินทางมาเพื่อแสดงซามิเซ็นในโรงแรมแห่งนี้
เพราะคิดว่าเจ้าของเสียงอันไพเราะจะต้องมีหน้าตาที่งดงาม โฮสุมิจึงแอบย่องไปที่ห้องของเธอและซ่อนตัวจนกระทั่งเธอกลับมาในห้อง โฮสุมิลุกออกจากที่ซ่อนและขืนใจเธอ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งรุ่งเช้าโฮสุมิจึงพบว่าหญิงสาวเจ้าของเสียงนั้นกลับกลายเป็นหญิงตาบอดที่อัปลักษณ์ยิ่ง เขาจึงได้วางแผนพาเธอเดินทางมายังเอโดะด้วย แล้วระหว่างเดินทางผ่านภูเขาลูกหนึ่ง เขาก็ผลักเธอลงไปในหุบเขาเพื่อกำจัดเธอทิ้ง และเดินทางไปทำธุระต่อ
ในปีต่อมา โฮสุมิถึงกำหนดจะต้องเดินทางไปเอโดะอีกครั้ง เขาซึ่งลืมเรื่องของหญิงสาวคนดังกล่าวไปหมดแล้วได้แวะพักที่วัดเล็ก ๆ บนเขา โดยไม่คาดคิดว่าพอตกดึกหญิงสาวจะปรากฏตัวต่อหน้าเขาและคว้าข้อเท้าของโฮสุมิ ลากเขาไปยังสุสานของวัด แม้ว่าโฮสุมิจะดิ้นรนแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของเธอได้ จนในที่สุดหญิงสาวก็ลากเขามาถึงสุสาน เธอยิ้มและกอดเขาไว้ก่อนจะดึงเขาลงสู่ใต้ดินด้วยกัน
ทางด้านพระที่อยู่ในวัดได้ยินเสียงเอะอะจึงรีบวิ่งออกมาดูยังสุสาน พวกเขาช่วยกันขุดดินบริเวณนั้นก่อนจะพบศพของโฮสุมิที่มีโครงกระดูกของหญิงสาวโอบกอดอยู่ อาจเป็นโชคร้ายของซามูไรหนุ่มที่วัดแห่งนี้ คือสถานที่ฝังร่างของหญิงสาวหลังมีผู้พบร่างของเธอในหุบเขา
3. มือลึกลับในช่วงกลางดึก
กลางดึกคืนหนึ่ง มีเจ้าอาวาสรายหนึ่งกำลังเดินทางไปยังหมู่บ้านอากิยามะ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินย่ำอยู่ด้านหลัง ก็ตระหนักรู้ทันทีว่ามีวิญญาณเดินตามเขามา และด้วยญาณวิเศษทำให้เขารู้ว่าวิญญาณดวงนี้เป็นวิญญาณที่ถูกลืม ซึ่งเสียชีวิตลงในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่นานแล้วก็ยังไม่ไปไหน
แม้จะรู้เช่นนั้นแต่เจ้าอาวาสก็ยังคงเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงหมู่บ้าน เขาก็เตรียมตัวทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณดวงนี้ โดยกลับไปยังที่ที่เขาได้ยินเสียงย่ำเท้าในความมืด และทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏมือขาวซีดปริศนาขึ้นในความมืดมิด กวักมือให้เขาเดินเข้าไปหา เจ้าอาวาสรายนี้จึงทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้ และหลังจากนั้นวิญญาณดวงนี้ก็ไม่ปรากฏตัวหรือปรากฏเสียงย่ำเท้าให้ได้ยินอีกเลย
จากเรื่องเล่าข้างต้นทำให้ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า หากพวกเขาเดินอยู่ในความมืดมิดแล้วมีมือขาวซีดปริศนาปรากฏให้เห็น กวักมือเรียกไปที่ไหนสักแห่ง แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบใครเลยสักคน นั่นแสดงว่ามีวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่ วิญญาณเหล่านี้จะไม่หลอกหลอนหรือทำร้ายใคร พวกเขาเพียงอยากให้ใครสักคนเห็นการมีอยู่ของพวกเขา เพื่ออุทิศส่วนบุญให้เท่านั้น
4. วิญญาณผู้หิวโหย
วิญญาณผู้หิวโหย หรือ ฮิดารุกามิ คือผู้ที่อดตายลงกลางป่าเขาระหว่างเดินทาง พวกเขาตายลงโดยไร้คนมารับรู้ ไม่มีแม้การทำศพ หรือการตั้งศาลนำของมาเซ่นไหว้ วิญญาณเหล่านี้จึงหิวโหยอยู่ตลอดเวลา ชาวญี่ปุ่นมักเตือนกันว่าหากไปเข้าป่าหรือไต่เขาละก็ ให้เตรียมข้าวปั้นก้อนเล็ก ๆ ไปด้วย หรือไม่ก็อย่ากินอาหารในข้าวกล่องของตนจนเกลี้ยง แต่ให้เหลือข้าวไว้ติดก้นกล่องนิดหน่อย จะช่วยปัดเป่าภัยจากวิญญาณผู้หิวโหยได้
ว่ากันว่าหากโดนฮิดารุกามิจู่โจม นักเดินป่าผู้นั้นจะรู้สึกหิวกระหายโดยไร้สาเหตุ อ่อนแรง ร่างกายชาขยับไม่ได้ และหมดสติในที่สุด หากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็จะเสียชีวิตไปทั้งอย่างนั้น และกลายเป็นวิญญาณผู้หิวโหยสิงสู่อยู่ในป่านั้นไปอีกตน หากแต่ถ้ามีข้าวปั้นก้อนเล็ก ๆ หรือจะเป็นธัญพืชใด ๆ ก็ได้ ให้รีบนำออกมา สิ่งนั้นจะเป็นเครื่องสังเวยบูชาแก่เหล่าวิญญาณผู้หิวโหยไม่ให้เข้ามาจู่โจมเอาชีวิตของนักเดินป่าไป
ตำนานของฮิดารุกามิในแต่ละท้องถิ่นของญี่ปุ่นมีความแตกต่างกันออกไปบ้าง อย่างที่จังหวัดชิกะ วิญญาณผู้หิวโหยที่นี่ค่อนข้างโหดร้าย มันจะเข้าสิงร่างผู้ที่เข้ามาเดินป่า พลันท้องก็จะป่องออกเหมือนคนพุงโรเพราะขาดสารอาหาร ผู้ถูกสิงจะเที่ยวขอข้าวกับน้ำชาจากนักเดินทางคนอื่น ๆ กิน หากใครตอบว่ามีข้าวแต่กินไปหมดแล้วก็จะถูกจู่โจมทันที ด้วยการฉีกหน้าท้องเพื่อเอาของที่ยังย่อยไม่หมดในกระเพาะออกมากิน ในขณะที่ฮิดารุกามิในจังหวัดมิเอะ ไม่เพียงจู่โจมนักเดินป่าเท่านั้น มันยังจู่โจมสัตว์อย่างวัวด้วย
ส่วนในจังหวัดโคจิ นางาซากิ และคาโกชิมะ จะมีการตั้งศาลเล็ก ๆ ไว้ตามรายทางในป่า พร้อมนำอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ วางเอาไว้ เพื่อเป็นการเซ่นเหล่าวิญญาณผู้หิวโหย เพื่อที่จะได้ไม่ทำร้ายนักเดินป่านั่นเอง
ตำนานผีญี่ปุ่น
5. สะพานที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าด
ในหมู่บ้านโอะซากะของจังหวัดฮิดะ (ปัจจุบันคือจังหวัดกิฟู) มีชาวบ้านผู้หนึ่งชื่อว่าคาเนะเอมอนอาศัยอยู่ ที่หน้าบ้านของเขามีสะพานแขวนเก่า ๆ ที่ทำจากไม้อยู่ มันเป็นทางข้ามระหว่างหุบเขาเพื่อเดินทางไปสู่หมู่บ้านข้างเคียง
ค่ำคืนหนึ่งขณะที่คาเนะเอมอนกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้าน ก็พลันได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดลั่นมาจากสะพานราวกับกำลังมีคนเดินข้าม พร้อมกับได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันกระซิบกระซาบแว่วมา ด้วยความเป็นห่วงว่าการเดินข้าวสะพานเก่า ๆ นี้ในยามวิกาลเช่นนี้ช่างอันตรายเหลือใจ คาเนะเอมอนจึงรุดออกไปเพื่อจะเตือนใครก็ตามที่กำลังจะข้ามมา ..แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะไม่พบเห็นผู้ใดอยู่ที่สะพานเลยแม้แต่คนเดียว
เหตุการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไปคืนแล้วคืนเล่า เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังมาจากสะพานพร้อมกับเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยกันลอยมาให้ได้ยินทุกค่ำคืน แถมในบางคืนก็ยังจะได้ยินเสียงร่ำไห้ด้วย ในที่สุดคาเนะเอมอนก็อดทนต่อไปไม่ไหว เขาจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้ตรวจดวงชะตา และได้รับคำตอบว่า เสียงที่เขาได้ยินนั้นคือเสียงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ที่กำลังเดินทางไปยังทาจิยามะ (ปัจจุบันคือจังหวัดโทะยามะ) ซึ่งที่จริงนั้นหนทางสู่นรกภูมิในเขตทาจิยามะนั้นมีมากมาย แต่วิญญาณพวกนี้อาจเพิ่งค้นพบเส้นทางใหม่ จึงพากันมาใช้สะพานแขวนนี้เดินข้ามไปนั่นเอง
เมื่อได้รับฟังดังนั้น คาเนะเอมอนก็ตัดสินใจย้ายบ้านของตนออกไปให้ไกลจากสะพาน แต่ใช่ว่าเขาจะหนีจากไปเฉย ๆ คาเนะเอมอนยังกลับมาสร้างสุสานพร้อมสวดส่งเหล่าดวงวิญญาณที่กำลังเดินทางไปสู่ดินแดนของการชดใช้กรรมในชีวิตหลังความตาย และหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่เคยได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากสะพานอีกเลย อย่างไรก็ดีสะพานแขวนแห่งนี้ก็ได้รับการขนานนามว่า "สะพานที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าด" นับแต่นั้นเป็นต้นมา
6. หัวกะโหลกพูดได้
ตำนานลี้ลับนี้ถูกเล่าสืบต่อกันมากว่า 1,300 ปี ที่วัดแห่งหนึ่งชื่อคันโคจิ ในจังหวัดนารา มีนักบวชผู้มีเมตตาชื่อว่าโดโต ใคร ๆ ก็ต่างให้ความเคารพนับถือนักบวชรูปนี้เป็นอย่างมาก
ในวันหนึ่งท่านโดโตเดินผ่านเข้าไปในป่าบนภูเขานารา กับลูกศิษย์ที่ชื่อว่ามังเรียว พลันทั้งคู่ก็เห็นกะโหลกศีรษะกลิ้นหลุน ๆ ออกมาจากแห่งหนใดมิอาจทราบได้ หัวกะโหลกนั้นมีเนื้อหนังติดอยู่หน่อยหนึ่ง และเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้ดินขี้โคลน เป็นสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก ดูท่าคล้ายจะโดนใครก็ตามที่เดินผ่านไปมาใช้ขาเขี่ยเตะออกไปให้พ้นทางมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน นักบวชโดโตจึงกล่าวกับมังเรียวว่า ให้เก็บหัวกะโหลกที่น่าสงสารนี้ให้พ้นจากวิถีบาทาของผู้คน ด้วยการนำมันขึ้นไปไว้บนต้นไม้เสียเถิด ลูกศิษย์หนุ่มจึงทำตามแต่โดยดี นำหัวกะโหลกขึ้นไปวางบนกิ่งไม้ แล้วยังดึงพุ่มไม้ลงมาบังให้ลับตาคน
เหตุการณ์นี้ผ่านล่วงไป จวบจนกระทั่งเย็นวันหนึ่งของวันสุดท้ายแห่งปี ชายนิรนามผู้หนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูวัดคันโคจิ เอ่ยปากอย่างสุภาพกับเด็กวัดว่า เขาต้องการพบบุคคลที่ชื่อว่ามังเรียว เมื่อเห็นมารยาทสุภาพเรียบร้อยเช่นนั้น เด็กวัดจึงพาเข้าไปพบกับมังเรียวแต่โดยดี ทันทีที่บุรุษปริศนาได้พบกับมังเรียว ก็เอ่ยปากด้วยความสุภาพนอบน้อมเช่นเดิมว่า เขาเป็นหนี้บุญคุณต่อมังเรียวมากมายเหลือเกิน และต้องการที่จะตอบแทน หากแต่มังเรียวต้องตามไปที่บ้านของเขาก่อน จึงจะสามารถตอบแทนให้ได้
แม้จะฉงนสนเท่ห์ยิ่งนัก แต่ท่าทางสุภาพนอบน้อมของชายผู้นี้ทำให้มังเรียวไม่สามารถปฏิเสธได้ลง จึงออกจากวัดเดินติดตามชายผู้นี้ไปจนถึงบ้านของเขา ทันทีที่เข้าไปในบ้าน มังเรียวก็ต้องประหลาดใจยิ่งกับอาการเลี้ยงต้อนรับแสนหรูหราที่จัดไว้รอท่า บุรุษปริศนาเชื้อเชิญให้มังเรียวกินให้อิ่มหนำเต็มที่ เพราะนี่คือสิ่งที่ตนเตรียมไว้เพื่อการตอบแทนโดยเฉพาะ
มังเรียวไม่อาจต้านทานคำเชื้อเชิญนั้นและอาหารน่าอร่อยที่อยู่ตรงหน้าได้ เขานั่งลงร่วมรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกับชายปริศนา จานเปล่าใบแล้วใบเล่าถูกกองพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้องของทั้งคู่ไม่สามารถหาที่ว่างเพื่อใส่อาหารได้อีกต่อไป มังเรียวเริ่มผ่อนคลายอิริยาบถ ในขณะที่เริ่มสังเกตให้ว่าใบหน้าของชายผู้เชื้อเชิญเขามาซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว
"ท่านมังเรียว เร็วเข้าเถิด จงหนีไป พี่ชายผู้ฆาตกรรมข้ากำลังจะกลับบ้านมานี่แล้ว" ชายผู้นั้นกล่าว
มังเรียวตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน จนอดเอ่ยปากสวนออกไปในทันทีไม่ได้ว่า "อะไรกัน ท่านว่าอย่างไรนะ !?"
ชายปริศนาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเทิ้ม เล่าว่าหลายปีก่อนเขากับพี่ชายได้ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน ระหว่างนั้นเขาสามารถสะสมทองคำได้มากถึง 18 กิโลกรัม ในขณะที่พี่ชายมิได้เก็บสะสมทรัพย์สมบัติใด ๆ ได้เลย เช่นนั้นแล้วในคืนหนึ่งพี่ชายจ