ไปกางเต๊นท์ที่สวนผึ้ง เจอกลุ่มชายฉกรรจ์ตะโกนแจกปิกาจูทั้งคืน

เรากับแฟน (ญญ) เป็นคนชอบเที่ยวธรรมชาติค่ะ
มีความฝันร่วมกันว่าอยากเปิดลานกางเต๊นท์เล็กๆ ที่บ้านเกิด
ถ้าหยุดตรงกันสัก 1-2 วัน ก็จะเก็บกระเป๋า หาที่กางเต๊นท์ใกล้ๆ กรุงเทพฯ
เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดูว่า ที่อื่นเขาทำกันยังไง

ไปมาแล้วหลายที่ รอบล่าสุด ที่ ดอยเสมอดาว กับ เจตคต-โป่งก้อนเส้า
เลวร้ายสุดก็คือเจอคนนอนกรนทั้งคืน จนเต๊นท์ข้างๆ ต้องตะโกนด่า
แต่ก็ขำๆ ค่ะ มองเป็นเรื่องธรรมชาติ
ไปเที่ยวท่ามกลางคนหมู่มาก มันก็ต้องมีบ้างแหละ

แต่ครั้งนี้ รู้สึกรับไม่ได้จริงๆ
เรากลับมา 1-2 วันแล้ว ยังลบความรู้สึกแย่ๆ ออกไปจากหัวไม่ได้

เกริ่นยาว เข้าเรื่องเลยแล้วกันค่ะ

สืบเนื่องจากเราเห็นพี่ที่ออฟฟิศเก่า ไปกางเต๊นท์ที่สวนผึ้ง
แล้วบรรยากาศเงียบสงบ ดีเว่อร์ๆ
เลยกะจะตามรอยพี่คนนี้
เพราะพี่เขาเป็นผู้หญิง ไปพักคนเดียว สไตล์การเที่ยวคล้ายกัน
คิดว่าถ้าตามพี่เขาไป น่าจะถูกใจเรา

พี่เขาพักที่ "บ้านไร่ปางหวัน" ค่ะ (อันนี้บอกชื่อได้ เพราะดีงาม)

แต่ด้วยความใจร้อน บวกกับความหิว ทำให้เราตัดสินใจเลี้ยวเข้าที่พักอีกที่ ซึ่งถึงก่อน
ที่นี่เราขออนุญาตไม่บอกชื่อจริงแล้วกันเนอะ ขอเรียกที่นี่ว่า "ครั้งแรกและครั้งเดียว"

ความคิดแรกที่ก้าวเท้าลงจากรถคือ ที่จอดรถกว้างอ่ะ คนเยอะแน่นอน
แต่ไม่เป็นไร คนเยอะก็ดี ได้ไม่อันตรายมาก
(โลกสวยเหมือนเพิ่งวิ่งออกมาจากทุ่งลาเวนเดอร์)

พอไปติดต่อที่จุดลงทะเบียน ยิ่งอุ่นใจเข้าไปอี้กกกก
เพราะมีป้ายเตือนห้ามส่งเสียงดังเกิน 4 ทุ่ม ให้เห็นเป็นระยะๆ
แถมมีป้ายใหญ่เขียนข้อห้ามชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการงดส่งเสียง
มีการขู่ว่า ถ้าเตือนแล้วไม่ฟัง ถึงขั้นเชิญออกจากที่พัก และไม่อนุญาตให้มาเที่ยวอีก

เห็นแค่นี้ เราก็ตกหลุมพรางของที่นี่จนได้
หยิบเงินยื่นให้เขาอย่างง่ายดาย
ก่อนจะรู้ว่า เป็นการหยิบยื่นหายนะให้ตัวเองเช่นกัน

เราเป็นลูกค้าคนแรกของวันนั้นค่ะ เพิ่งไปมาเมื่อวันศุกร์ที่ 18 มกราคม นี้เอง
คิดเองเออเองว่า วันศุกร์ คนคงไม่เยอะเท่าไหร่
แต่ไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง คนก็ทยอยมา จนที่จอดรถเกือบเต็ม

เราเลือกกางเต๊นท์ริมลำธาร บริเวณริมสุด เพราะ (คิดเอง) ว่าจะเงียบสงบ
ถัดจากเราเป็นกลุ่มครอบครัวใหญ่ๆ แล้วก็กลุ่มหนุ่มๆ อุปกรณ์กางเต๊นท์ครบครัน
ส่วนฝั่งตรงข้ามจะอลังการนิดนึง เพราะขนกันมา 7-8 เต๊นท์
น่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนที่ชวนกันมาหลายครอบครัว มีทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
(ซึ่งกลุ่มนี้เป็นหายนะที่แท้ทรูของเราค่ะ)

เรายังคงมองแง่ดี ราวกับตระกูลสืบเชื้อสายมาจากยูนิคอร์น
หันไปบอกแฟนว่า
"ไม่เป็นไรเนอะเธอ อารมณ์เหมือนเข้าค่ายไง คนเยอะๆ จะได้ไม่เหงา ปลอดภัยด้วย...."

หลังกินอาหารเสร็จเรียบร้อย เราก็ไปอาบน้ำ และ เข้านอนตั้งแต่ยังไม่ 2 ทุ่ม
(เราเข้านอนไวเป็นปกติ เพราะเราทำงานกะกลางคืน เลยติดเป็นนิสัย)

ก่อนนอน เริ่มรู้แล้วว่าฝั่งตรงข้ามเขาไม่ได้มาเล่นๆ
และ เริ่มส่งเสียงดังโหวกเหวก แต่ยังคิดว่ารับไหว

ตื่นมาอีกทีตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ค่ะ
ด้วยเสียงเพลง "สีชมพูวววว" ของพี่ตูน บอดี้สแลม
แล้วประทานโทษนะคะ มันไม่ใช่คลอๆ แบบดีดกีตาร์ชิวๆ
มันเป็นเสียงลำโพง บวกกับเสียงตะโกนโวยวาย ชนิดลูกกระเดือกสั่นระดับ 7

เรานอนฟังอีกสักพัก คิดว่าไม่จบง่ายๆ แน่ พี่ตูนน่าจะมาอีกหลายอัลบัม
เลยตัดสินใจโทรหาเจ้าของที่พัก บอกเขาไปอย่างสุภาพ
ให้เขาช่วยมาบอกฝั่งตรงข้ามให้งดใช้เสียงได้แล้ว
เพราะมันเลยเคอร์ฟิวที่ทางที่พักกำหนด คือ 4 ทุ่มแล้ว

ไม่นาน เจ้าของที่พัก ก็มาจัดการให้ค่ะ
เราได้ยินแว่วๆ ว่า "มีคนแจ้ง ช่วยเบาๆ หน่อย เขาจะนอน"
ได้ยินแบบนั้น ก็ตะหงิดๆ นิดนึงค่ะ

แต่หลังจากนั้น ก็ไม่มีการใช้เครื่องเสียงอีก
จนเจ้าของที่พักเดินจากไป (มองไม่เห็นหรอกค่ะ จินตนาการเอา)
ทีนี้แหละ หายนะที่แท้ทรูก็ปรากฏขึ้น

"ไหน ใครจะนอนวะ"
"ไอ้พวกขี้ฟ้อง"
"ปิกาจู" (ความจริงคือคำหยาบค่ะ อยากจะพิมพ์ให้ทุกคนเห็นภาพเหมือนกัน แต่กลัวโดนแบนล็อกอิน)

หลังจากนั้น มนุษย์โสโครกกลุ่มนี้ ก็ตะโกนคำหยาบคายนั้นออกมาไม่หยุดปาก
สลับกับแหกปากร้องเพลงดีดกีตาร์

เราหลอนมาก เกิดมาไม่เคยเจอใครเหมือนเธอ (เอาพี่เสกมาสู้)

ไม่หรอกค่ะ อารมณ์ตอนนั้นไม่ตลกแบบนี้เลย

เรานอนกุมโทรศัพท์แน่น คิดเอาว่าถ้าสถานการณ์เลวร้ายลงกว่านี้
เราจะโทรเรียกเจ้าของที่พักให้มาอีกครั้ง และจะเก็บของออกจากที่นี่ทันที
เราไม่เป็นอันนอนเลย คอยดูว่า มนุษย์กลุ่มนี้จะมาแกล้งเต๊นท์เราไหม

กระทั่ง เสียงตะโกนด่าแจกอวัยวะเพศ เงียบไปพักนึง

ทีนี้ แฟนเราเกิดอยากเข้าห้องน้ำ เราก็เดินออกไปเป็นเพื่อน
ก็ไม่ได้มีเสียงตะโกนด่าไล่หลังอะไรนะ
ตอนนั้น แอบอุ่นใจว่า เขาคงไม่รู้หรอกว่าเป็นเรา คงไม่มีอะไรแล้ว
ยอมรับเลยว่า ตอนนั้นกลัวมาก รู้สึกไม่ปลอดภัยสุดๆ
เราคิดว่าถ้าเกิดเหตุการณ์เลวร้ายอะไร ก็คงไม่มีใครช่วยเราได้แน่นอน

กลับมาถึงเต๊นท์สักแป้บ เสียงตะโกนด่าแจกอวัยวะเพศก็ลอยลมมาอีก

บางจังหวะ เราก็อยากยื่นหน้าออกจากเต๊นท์ ฉีกยิ้ม แล้วตะโกนกลับไปว่า

"ไม่เป็นไร ไม่ใช้ ขอบคุณค่ะ"

แต่ก็ทำได้แค่คิดในใจ

เราเผลอหลับไปไม่รู้ตัว เช้ามา คิดว่าเหตุการณ์จะดีขึ้น
คิดเองว่า พวกนั้นคงนอนดึก และตื่นสาย
กว่าจะตื่น เราก็คงกลับไปแล้ว ไม่มีเรื่องอะไร

แต่เปล่าเลย

มนุษย์เพศชายเหล่านั้น กลับตื่นขึ้นมาได้ แม้จะผ่านการนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง
แถมยังตะโกนแจกอวัยวะเพศแต่เช้า ก่อนที่พวกฮีจะล้างหน้าแปรงฟันเสียอีก

ตะโกนคำหยาบคาย โดยไม่แคร์กลุ่มคนที่กำลังตื่นขึ้นมาทำกับข้าว
ไม่แคร์เด็กๆ ที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
และเด็กเหล่านั้น บางส่วนก็เป็นลูกๆ หลานๆ ของตัวเอง

เรากับแฟนได้แต่นิ่งเงียบ
เราแทบไม่อยากเดินไปอาบน้ำ แล้วทิ้งแฟนไว้คนเดียว
แต่ก็จำใจไปอาบ แล้วรีบมาเก็บข้าวของให้เร็วที่สุด

มันเป็นหนึ่งในเช้าที่น่าอนาจใจที่สุดในชีวิตเรา

"อนาถ" นะคะ ไม่ใช่ เสียใจ หรือ เกรงกลัว

เช้านั้น สังเกตว่าหลายเต๊นท์ทยอยเก็บของออกจากที่พักเร็วมาก
บางบ้านแทบไม่กินข้าวเช้าด้วยซ้ำ ทั้งที่บรรยากาศตอนเช้าค่อนข้างดีทีเดียว

เสียงตะโกนด่า หายไปพักใหญ่ๆ
จนเราเก็บของเที่ยวสุดท้าย เตรียมขึ้นจากริมลำธารนั่นแหละ
เสียงตะโกนไล่หลังก็ตามมาอีกรอบ

มนุษย์พวกนี้มั่นใจแล้วมั้งว่าเราเป็นคนแจ้ง
แต่ก็ช่างเถอะ ด่ามา แต่ไม่รับ ก็เหมือนจดหมายที่ส่งมา แต่ไม่มีใครรับ
เดี๋ยวก็ถูกส่งกลับไปหาเจ้าของเอง เราคิดแบบนั้นนะ

เราเดินขึ้นมารอแฟนอาบน้ำ
ระหว่างนั้น อยากเดินไปบอกที่จุดลงทะเบียนว่า เจอด่าหยาบคายทั้งคืน
แต่คิดยังไงไม่รู้ เปิดดูรีวิวของทางที่พักก่อน เลยตัดสินใจไม่พูดอะไรดีกว่า

ก่อนหน้านี้ มีคนร้องเรียนเรื่องเสียงดัง
แต่ทางเพจที่พักเข้าไปตอบว่า "ไม่มาก็ไม่เป็นไร"
เราเลยคิดว่า เขาคงไม่ได้แคร์ลูกค้ารายเล็กๆ อย่างเราหรอก

อีกอย่างนึง ถ้าเขาเข้มงวดเรื่องเสียงดังจริงๆ
เขาควรมาเตือนมนุษย์กลุ่มนั้น ตั้งแต่หลัง 4 ทุ่มแล้ว
โดยไม่ต้องรอให้มีคนไปแจ้ง
แต่ทางที่พักกลับปล่อยให้แผดเสียงยาวนานจนเลยเที่ยงคืน
จะอ้างว่าดูแลไม่ทั่วถึง ก็คงฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่
เพราะบริเวณนั้นเงียบมาก ยิ่งทำให้เสียงคนกลุ่มนี้ก้องทั่วพื้นที่

แถมตอนมาเตือน ยังบอกว่า มีคนแจ้งอีก
แน่นอน พวกนั้นหาตัวคนแจ้งไม่ยากหรอก
เพราะใกล้ๆ กัน มีแค่เต๊นท์เราที่นอนไว และมากันสองคน
เป็นผู้หญิงอีกต่างหาก เข้าทางเป็น "ไอ้พวกขี้ฟ้อง" สุดๆ

ที่เรามาตั้งกระทู้ยืดยาว ไม่ได้ต้องการจะโจมตีที่พักนะคะ
รู้ไหม ตอนยังไม่เกิดเรื่อง เรายังพูดกับแฟนว่า
รอบหน้าจะพาแม่กับหลานมาด้วย
เราประทับใจบรรยากาศที่นั่นพอสมควร

ไม่ต้องอินบ็อกซ์มาถามเราหรอกว่าที่ไหน เรายืนยันว่าจะไม่บอก
เราแค่อยากมาขอร้องเพื่อนๆ ที่ชอบการกางเต๊นท์ และรักธรรมชาติ
ถ้าพวกคุณไปกันเยอะๆ โปรดระมัดระวังเรื่องการรบกวนคนอื่น

ยิ่งช่วงนี้มลพิษในกรุงเทพฯ มันเยอะ
ใครๆ ก็อยากจะไปสูดอากาศบริสุทธิ์ตามต่างจังหวัด
ได้โปรด อย่าทำตัวเป็นมลพิษเพิ่มอีกเลย

****หลายคนขอให้เราบอกชื่อที่พัก หรือบอกตัวย่อที่พัก จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่สะดวกใจอยู่ดีค่ะ เอาเป็นว่าถ้าเพื่อนๆ จะไปพักที่ไหนในสวนผึ้ง ได้โปรดอ่านรีวิวบนเพจที่พัก เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนค่ะ****
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่