เราเป็นคนหนึ่งที่เมื่อทุกข์ก็จะเข้ามาตั้งคำถามในพันทิปตลอดๆ แต่วันนี้เราจะมาแบ่งสิ่งดีดีให้แทนบ้าง
บทความนี้เราว่าคนที่ได้อ่านคือคนที่โชคดีมากๆ หลายเรื่องที่เราทุกข์ ทุกข์มาหลายปีแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ(ที่เคลียใจจริงๆ)กับสิ่งที่เราเผชิญอยู่ แต่พอได้อ่านบทความนี้ปมมันคลายออกได้โดยทันที เคลียใจเลยจากที่สงสัยมานาน ตอนนี้กระจ่างแจ้งแล้ว เราจึงอยากส่งต่อบทความนี้แด่ทุกคนที่ได้อ่านมัน
เถียงกับคนที่เป็น “โรคประสาท” ไม่มีวันชนะหรอก
ทำอย่างไรเมื่อต้องอยู่กับคนที่เราเกลียด
รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี?
ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า
ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆ ตื่นๆ
อยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้
ริษยาเจ้านายใส่ไคล้ลูกน้อง ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)
คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต
โดยลืมไปเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง
คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน…
ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า…
”น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน
ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด”
คนเราไม่ควรพรากเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ
ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า
ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร
หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง
แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้น หันกลับมามองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ?
นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง?
คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้
เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่น
ก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า
บางทีคนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด
ขัดเคืองและอารมณ์เสีย
วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย
ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า
คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย
มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า
วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า ”การกลับมาอยู่กับตัวเอง” กล่าวคือ…
ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลก
แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับ ความรู้สึกแย่ๆ ไปตลอด
ก็ควรหันกลับเข้ามา ”มองด้านใน” แก้ไขที่ตัวเอง
ย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่นเพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห
ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด
สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น
วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ…
“การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่เราทุกขณะ”
หรือถ้าเช่นนั้นก็ย้ายตัวเองออกไปเสียจากสภาพแวดล้อมเช่นนั้นให้เร็วที่สุด
อย่าอยู่นานจนทุกข์นั้นกลัดหนองเป็นมะเร็งร้ายในอารมณ์
ปราชญ์จีนบอกว่า
”ถ้ามีขุนเขาขวางท่านอยู่ข้างหน้า
อย่าเสียเวลาย้ายขุนเขา แต่จงย้ายตัวเอง ”
ดังนั้น เราควรจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างในหรือจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างนอก?
5 วิธีรับมือกับคนที่เค้าไม่ชอบขี้หน้าคุณ..และเราก็ยังมีความสุขได้
1. ทำความเข้าใจ
ผู้ที่ทำตัวน่ารังเกียจส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาและปฏิเสธที่จะแก้ไข หรือแม้แต่ที่จะรับรู้ด้วยซ้ำ สาเหตุที่พวกเขาเกลียดคุณ อาจเป็นเพราะพวกเขารังเกียจตัวเอง เค้าถึงรังเกียจคนอื่นไปด้วย สิ่งที่พวกเขาเกลียด จริงๆ แล้วมันคือสิ่งที่พวกเขาแอบชื่นชอบในตัวคุณ (หรืออิจฉาคุณนั่นเอง) ดังนั้น พอพวกเขามีปัญหากับคุณโปรดเข้าใจว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย แต่มันเป็นปัญหาของพวกเขาเอง พยายามอยู่ห่างๆจากคนเหล่านี้และลองคิดในมุมมองของพวกเขา แทนที่จะรู้สึกเกลียด คุณอาจจะสงสารพวกเขาแทนก็ได้
2. แสดงน้ำใจ
บางทีอาจพูดง่ายแต่ทำยาก อย่างไรก็ตาม คุณควรมีน้ำใจแม้แต่กับคนที่ไร้น้ำใจกับคุณ การแสดงน้ำใจไม่จำเป็นต้องสนใจว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน คุณไม่ควรไปตัดสินผู้อื่นจากคำพูดของพวกเค้า แต่สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อคุณต่างหากคือ สิ่งที่สะท้อนมุมมองและพฤติกรรมของพวกเขาเอง คนไร้น้ำใจส่วนใหญ่มักจะทำตัวไร้มารยาทกับตัวเอง ที่สำคัญยังลามไปถึงคนรอบข้างด้วย
3. อวยพรให้เค้าจากใจจริง
ทุกคนไม่ว่าสูงส่งแค่ไหนก็หนีคำวิจารณ์หรือคำติฉินนินทาไม่พ้นหรอก ดังนั้นคุณอย่าคิดมากไปเลย จงเมินเฉยใส่พวกเขาและถ้าอวยพรให้พวกเขาได้ก็จงทำซะ คำสาปแช่งหรือคำพูดร้ายๆ ก็จะย้อนกลับไปหาผู้พูดเองแหละ หรือถ้าอวยพรให้ไปแล้วพวกเขาไม่รับ คำอวยพรนั้นก็จะวกกลับมาหาคุณ มีแต่ข้อดีเห็นไหมล่ะ
4. เมินเฉยใส่ซะ
คนมันเกลียดอ่ะนะ พูดอะไรหรือทำอะไรให้พวกเขาก็ยังเกลียดเราอยู่ดี ฉะนั้นอย่าไปใส่ใจเลย ทางที่ดีคือเราอย่าไปสนใจคำพูดหรือเก็บมันมาคิดให้รกสมองใช้ชีวิตของเราเองให้มีความสุขจะดีกว่า เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะเห็นเองแหละว่าคุณน่ะไม่มีใครทำอะไรได้
5. อย่าไปจงเกลียดจงชัง
ใครเกลียดเราก็อย่าไปเกลียดตอบ เพราะไม่งั้นคุณอาจจะกลายเป็นคนน่ารังเกียจเสียเอง ให้อภัยพวกเขา อวยพรให้เค้าจากใจจริง และอย่าลืมมีน้ำใจและมอบความรักให้แก่พวกเขาด้วยล่ะ
ทุกอย่างเป็นไปตาม “กรรมลิขิต” ยึดหลัก “ใจเขาใจเรา”
1. ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่า….. ลืมตัว
เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่า…… เสียคน
ผิดอะไรก็ผิดได้ แต่อย่า ……ผิดศีลธรรม
2. ลูกจงจำไว้ว่า….. “ศัตรูวันนี้ อาจเป็นมิตรในวันหน้า” เพราะฉะนั้น อย่าทำอะไรเขารุนแรงและเกินเลย
3. ลูกจงสนุกกับการ “ใช้เงิน” และพร้อมกันนั้น ลูกต้องสนุกกับการ “เก็บรักษาเงิน“ ด้วย และยิ่งกว่านั้น ต้องสนุกกับการหาเงินอย่างไม่เป็นทุกข์ “คือหาด้วยความถูกต้อง”
4. การกระทำของลูก “บางครั้งยังไม่ถูกใจตนเอง แล้วจะให้คนอื่นทำถูกใจเราเสมอไป ได้อย่างไร” คิดแค่นี้ลูกก็จะไม่โกรธคนอื่น
5. ถ้าลูกกล้าอย่างถูกต้อง ก็จะเป็น…. “ผู้ฉลาด”
ถ้าลูกกล้าอย่างบ้าบิ่น ก็จะเป็น….. “คนโง่”
ขอให้ลูกจงกล้าหาญ อย่าง…… ”ชาญฉลาด”
6. บาปและบุญทั้งปวงที่ลูกกำลังทำในขณะนี้ “สักวันหนึ่งจักรวมตัวกันมาสนองแก่ลูก” สิ่งที่ลูกได้รับอยู่ทุกวันนี้
“เป็นผลจากการกระทำของลูกทั้งสิ้น”
7. ลูกจงจำไว้ว่า “ธรรมชาติไม่เคยให้อภัยใคร ใครทำอย่างใด ต้องได้รับอย่างนั้น” แต่ธรรมชาติก็ให้โอกาสทุกคนเสมอ แต่คนเรา โดยส่วนมาก “ไม่ค่อยยอมรับโอกาสนั้น”
8. เมื่อมีปัญหา “แก้ให้ถูกจุด” จักพ้นทุกข์เร็ว
9. ลูกจงจำไว้ว่า คนเห็นแก่เงิน “คบยาก” คนเห็นแก่งาน “คบง่าย” คนเห็นแก่ผู้อื่น “คบสบาย”
10. ถ้าลูกปรารถนาให้ผู้อื่นรัก “ลูกต้องทำตัวให้น่ารัก ลูกจึงจะเป็นที่รักของผู้อื่น”
*ข้อแรก ต้องไม่เบียดเบียน และไม่เอาเปรียบ คนอื่น
*ข้อที่สอง ทำบุญกุศลให้ถึงพร้อม
*ข้อที่สาม ทำใจของเราให้สงบ สะอาด สว่าง
ขอบพระคุณที่มา เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล, theprayingwoman.com,หนึ่งเดียว หลุดพ้น
การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบันได้อย่างดี . . บทความที่จะช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นแน่นอน
บทความนี้เราว่าคนที่ได้อ่านคือคนที่โชคดีมากๆ หลายเรื่องที่เราทุกข์ ทุกข์มาหลายปีแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ(ที่เคลียใจจริงๆ)กับสิ่งที่เราเผชิญอยู่ แต่พอได้อ่านบทความนี้ปมมันคลายออกได้โดยทันที เคลียใจเลยจากที่สงสัยมานาน ตอนนี้กระจ่างแจ้งแล้ว เราจึงอยากส่งต่อบทความนี้แด่ทุกคนที่ได้อ่านมัน
เถียงกับคนที่เป็น “โรคประสาท” ไม่มีวันชนะหรอก
ทำอย่างไรเมื่อต้องอยู่กับคนที่เราเกลียด
รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี?
ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า
ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆ ตื่นๆ
อยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้
ริษยาเจ้านายใส่ไคล้ลูกน้อง ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)
คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต
โดยลืมไปเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง
คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน…
ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า…
”น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน
ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด”
คนเราไม่ควรพรากเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ
ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า
ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร
หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง
แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้น หันกลับมามองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ?
นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง?
คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้
เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่น
ก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า
บางทีคนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด
ขัดเคืองและอารมณ์เสีย
วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย
ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า
คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย
มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า
วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า ”การกลับมาอยู่กับตัวเอง” กล่าวคือ…
ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลก
แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับ ความรู้สึกแย่ๆ ไปตลอด
ก็ควรหันกลับเข้ามา ”มองด้านใน” แก้ไขที่ตัวเอง
ย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่นเพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห
ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด
สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น
วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ…
“การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่เราทุกขณะ”
หรือถ้าเช่นนั้นก็ย้ายตัวเองออกไปเสียจากสภาพแวดล้อมเช่นนั้นให้เร็วที่สุด
อย่าอยู่นานจนทุกข์นั้นกลัดหนองเป็นมะเร็งร้ายในอารมณ์
ปราชญ์จีนบอกว่า
”ถ้ามีขุนเขาขวางท่านอยู่ข้างหน้า
อย่าเสียเวลาย้ายขุนเขา แต่จงย้ายตัวเอง ”
ดังนั้น เราควรจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างในหรือจะย้ายภูเขาที่อยู่ข้างนอก?
5 วิธีรับมือกับคนที่เค้าไม่ชอบขี้หน้าคุณ..และเราก็ยังมีความสุขได้
1. ทำความเข้าใจ
ผู้ที่ทำตัวน่ารังเกียจส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาและปฏิเสธที่จะแก้ไข หรือแม้แต่ที่จะรับรู้ด้วยซ้ำ สาเหตุที่พวกเขาเกลียดคุณ อาจเป็นเพราะพวกเขารังเกียจตัวเอง เค้าถึงรังเกียจคนอื่นไปด้วย สิ่งที่พวกเขาเกลียด จริงๆ แล้วมันคือสิ่งที่พวกเขาแอบชื่นชอบในตัวคุณ (หรืออิจฉาคุณนั่นเอง) ดังนั้น พอพวกเขามีปัญหากับคุณโปรดเข้าใจว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย แต่มันเป็นปัญหาของพวกเขาเอง พยายามอยู่ห่างๆจากคนเหล่านี้และลองคิดในมุมมองของพวกเขา แทนที่จะรู้สึกเกลียด คุณอาจจะสงสารพวกเขาแทนก็ได้
2. แสดงน้ำใจ
บางทีอาจพูดง่ายแต่ทำยาก อย่างไรก็ตาม คุณควรมีน้ำใจแม้แต่กับคนที่ไร้น้ำใจกับคุณ การแสดงน้ำใจไม่จำเป็นต้องสนใจว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน คุณไม่ควรไปตัดสินผู้อื่นจากคำพูดของพวกเค้า แต่สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อคุณต่างหากคือ สิ่งที่สะท้อนมุมมองและพฤติกรรมของพวกเขาเอง คนไร้น้ำใจส่วนใหญ่มักจะทำตัวไร้มารยาทกับตัวเอง ที่สำคัญยังลามไปถึงคนรอบข้างด้วย
3. อวยพรให้เค้าจากใจจริง
ทุกคนไม่ว่าสูงส่งแค่ไหนก็หนีคำวิจารณ์หรือคำติฉินนินทาไม่พ้นหรอก ดังนั้นคุณอย่าคิดมากไปเลย จงเมินเฉยใส่พวกเขาและถ้าอวยพรให้พวกเขาได้ก็จงทำซะ คำสาปแช่งหรือคำพูดร้ายๆ ก็จะย้อนกลับไปหาผู้พูดเองแหละ หรือถ้าอวยพรให้ไปแล้วพวกเขาไม่รับ คำอวยพรนั้นก็จะวกกลับมาหาคุณ มีแต่ข้อดีเห็นไหมล่ะ
4. เมินเฉยใส่ซะ
คนมันเกลียดอ่ะนะ พูดอะไรหรือทำอะไรให้พวกเขาก็ยังเกลียดเราอยู่ดี ฉะนั้นอย่าไปใส่ใจเลย ทางที่ดีคือเราอย่าไปสนใจคำพูดหรือเก็บมันมาคิดให้รกสมองใช้ชีวิตของเราเองให้มีความสุขจะดีกว่า เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะเห็นเองแหละว่าคุณน่ะไม่มีใครทำอะไรได้
5. อย่าไปจงเกลียดจงชัง
ใครเกลียดเราก็อย่าไปเกลียดตอบ เพราะไม่งั้นคุณอาจจะกลายเป็นคนน่ารังเกียจเสียเอง ให้อภัยพวกเขา อวยพรให้เค้าจากใจจริง และอย่าลืมมีน้ำใจและมอบความรักให้แก่พวกเขาด้วยล่ะ
ทุกอย่างเป็นไปตาม “กรรมลิขิต” ยึดหลัก “ใจเขาใจเรา”
1. ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่า….. ลืมตัว
เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่า…… เสียคน
ผิดอะไรก็ผิดได้ แต่อย่า ……ผิดศีลธรรม
2. ลูกจงจำไว้ว่า….. “ศัตรูวันนี้ อาจเป็นมิตรในวันหน้า” เพราะฉะนั้น อย่าทำอะไรเขารุนแรงและเกินเลย
3. ลูกจงสนุกกับการ “ใช้เงิน” และพร้อมกันนั้น ลูกต้องสนุกกับการ “เก็บรักษาเงิน“ ด้วย และยิ่งกว่านั้น ต้องสนุกกับการหาเงินอย่างไม่เป็นทุกข์ “คือหาด้วยความถูกต้อง”
4. การกระทำของลูก “บางครั้งยังไม่ถูกใจตนเอง แล้วจะให้คนอื่นทำถูกใจเราเสมอไป ได้อย่างไร” คิดแค่นี้ลูกก็จะไม่โกรธคนอื่น
5. ถ้าลูกกล้าอย่างถูกต้อง ก็จะเป็น…. “ผู้ฉลาด”
ถ้าลูกกล้าอย่างบ้าบิ่น ก็จะเป็น….. “คนโง่”
ขอให้ลูกจงกล้าหาญ อย่าง…… ”ชาญฉลาด”
6. บาปและบุญทั้งปวงที่ลูกกำลังทำในขณะนี้ “สักวันหนึ่งจักรวมตัวกันมาสนองแก่ลูก” สิ่งที่ลูกได้รับอยู่ทุกวันนี้
“เป็นผลจากการกระทำของลูกทั้งสิ้น”
7. ลูกจงจำไว้ว่า “ธรรมชาติไม่เคยให้อภัยใคร ใครทำอย่างใด ต้องได้รับอย่างนั้น” แต่ธรรมชาติก็ให้โอกาสทุกคนเสมอ แต่คนเรา โดยส่วนมาก “ไม่ค่อยยอมรับโอกาสนั้น”
8. เมื่อมีปัญหา “แก้ให้ถูกจุด” จักพ้นทุกข์เร็ว
9. ลูกจงจำไว้ว่า คนเห็นแก่เงิน “คบยาก” คนเห็นแก่งาน “คบง่าย” คนเห็นแก่ผู้อื่น “คบสบาย”
10. ถ้าลูกปรารถนาให้ผู้อื่นรัก “ลูกต้องทำตัวให้น่ารัก ลูกจึงจะเป็นที่รักของผู้อื่น”
*ข้อแรก ต้องไม่เบียดเบียน และไม่เอาเปรียบ คนอื่น
*ข้อที่สอง ทำบุญกุศลให้ถึงพร้อม
*ข้อที่สาม ทำใจของเราให้สงบ สะอาด สว่าง
ขอบพระคุณที่มา เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล, theprayingwoman.com,หนึ่งเดียว หลุดพ้น