Glass : เปิดจักรวาลฮีโร
ติดตามรีวิวและข่าวสารของหนังเก่า/ใหม่ ไทย/เทศ ซีรี่/แอนิเมชัน ได้ที่ facebook เพจ Moviecrazy
หนังปิดไตรภาคซูเปอร์ฮีโร่โคตรเรียลโดยเจ้าพ่อหนังหักมุมชยามาลาน
ความรู้สึกแรกที่ได้ดูคือหนังมันก็ดูสนุกในระดับหนึ่ง ไม่ได้แย่อย่างที่รีวิวรอบที่นอกก่นด่ากัน เพียงแต่ว่า “ในระดับหนึ่ง” ที่ว่าเนี่ยมันถูกกดไว้อีกทีโดยความเชยตกยุคของหนังที่เหมือนทำออกมาช้าไปนิดนึงประมานสิบปีแค่นั้นเอง คือประเด็นที่หนังเอามาเล่นเป็นแกนเนี่ยเป็นประเด็นที่ทั้ง Marvel และ DC ต่างก็เล่นกันมานานแล้ว แล้วพอหนังมันไปซ้ำทางมันเลยเชย มันเหมือนเอาเด็กมอหนึ่งห้องสามกับห้องห้าที่ส่งตัวแทนมาต่อยกัน แล้วมีครูฝ่ายปกครอง มีแฟน มีลูกเบ๊นักชกมาให้กำลังใจ สเกลหนังมันแค่นั้นจริงๆ
ความเป็นฮีโรโคตรเรียลถามว่ามันว้าวไหม ก็ไม่ ยิ่งเมื่อหนังทำไม่ถึงในหลายๆ อย่าง เช่น Mr.Glass ที่มีความอัจฉริยะเป็นพลังพิเศษ ซีนที่เขาบอกวิธีหลบยาหรือหนีห้องขังดูเป็นวิธีของหนังแมสดาดๆ ที่ไม่ได้ทำให้ตัวละครนี้ดูฉลาดแต่อย่างใด ตรงข้าม มันทำให้เราคิดว่าเจ้าหน้าที่โรงบาลต่างหากที่โง่
ตัวละครจิตแพทย์คือรูโหว่ใหญ่ของหนัง คำอธิบายที่เธอให้กับตัวเอกทั้งสามเพื่อบอกว่าพวกเขาคิดไปเองนั้นฟังไม่ขึ้น ดูไม่น่าออกมาจากปากผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตประสาท แถมยังมีวิธีพิสูจน์ที่ง่ายยิ่งกว่าการมานั่งโน้มน้าวใจแต่กลับไม่มีใครเสนอหรือคิดถึง “ก็แค่ให้แสดงพลังต่อหน้าหมอ” แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคำอธิบายที่ฟังไม่ขึ้นก็คือตัวละครดันเชื่อในสิ่งที่เธอพูด แล้วทิศทางเรื่องก็เบี่ยงไปทางนั้นตามที่ชยามาลานอยากให้เป็น แล้วพอมันวกกลับมาหักมุมโดยมีการปูที่เชื่อไม่ลงมันเลยเป็นการหักมุมที่หลักลอย ไม่น่าเชื่อถือ และไร้น้ำหนักใดๆ คือถ้าไม่มีตัวละครนี้หนังอาจสนุกกว่านี้ก็ได้
เหมือนชยามาลานอยากหักมุมหลายชั้นให้คนดูว้าวแล้วว้าวอีก แต่พอมันวืดแล้วมันก็พากันล้มเป็นโดมิโน รวมไปถึงหักมุมสุดท้ายก็เช่นกัน มันถึงขนาดทำเอาตัวละครกรีดร้อง แต่กลับไม่มีเอฟเฟกต์ใดๆ ต่อคนดู
ด่ายาวเป็นหางว่าวแต่ดันบอกว่าสนุกในระดับหนึ่ง ก็อาจเป็นได้ว่า “เราคิดไปเองว่ามันสนุก”
[CR] รีวิว Glass
ติดตามรีวิวและข่าวสารของหนังเก่า/ใหม่ ไทย/เทศ ซีรี่/แอนิเมชัน ได้ที่ facebook เพจ Moviecrazy
หนังปิดไตรภาคซูเปอร์ฮีโร่โคตรเรียลโดยเจ้าพ่อหนังหักมุมชยามาลาน
ความรู้สึกแรกที่ได้ดูคือหนังมันก็ดูสนุกในระดับหนึ่ง ไม่ได้แย่อย่างที่รีวิวรอบที่นอกก่นด่ากัน เพียงแต่ว่า “ในระดับหนึ่ง” ที่ว่าเนี่ยมันถูกกดไว้อีกทีโดยความเชยตกยุคของหนังที่เหมือนทำออกมาช้าไปนิดนึงประมานสิบปีแค่นั้นเอง คือประเด็นที่หนังเอามาเล่นเป็นแกนเนี่ยเป็นประเด็นที่ทั้ง Marvel และ DC ต่างก็เล่นกันมานานแล้ว แล้วพอหนังมันไปซ้ำทางมันเลยเชย มันเหมือนเอาเด็กมอหนึ่งห้องสามกับห้องห้าที่ส่งตัวแทนมาต่อยกัน แล้วมีครูฝ่ายปกครอง มีแฟน มีลูกเบ๊นักชกมาให้กำลังใจ สเกลหนังมันแค่นั้นจริงๆ
ความเป็นฮีโรโคตรเรียลถามว่ามันว้าวไหม ก็ไม่ ยิ่งเมื่อหนังทำไม่ถึงในหลายๆ อย่าง เช่น Mr.Glass ที่มีความอัจฉริยะเป็นพลังพิเศษ ซีนที่เขาบอกวิธีหลบยาหรือหนีห้องขังดูเป็นวิธีของหนังแมสดาดๆ ที่ไม่ได้ทำให้ตัวละครนี้ดูฉลาดแต่อย่างใด ตรงข้าม มันทำให้เราคิดว่าเจ้าหน้าที่โรงบาลต่างหากที่โง่
ตัวละครจิตแพทย์คือรูโหว่ใหญ่ของหนัง คำอธิบายที่เธอให้กับตัวเอกทั้งสามเพื่อบอกว่าพวกเขาคิดไปเองนั้นฟังไม่ขึ้น ดูไม่น่าออกมาจากปากผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตประสาท แถมยังมีวิธีพิสูจน์ที่ง่ายยิ่งกว่าการมานั่งโน้มน้าวใจแต่กลับไม่มีใครเสนอหรือคิดถึง “ก็แค่ให้แสดงพลังต่อหน้าหมอ” แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคำอธิบายที่ฟังไม่ขึ้นก็คือตัวละครดันเชื่อในสิ่งที่เธอพูด แล้วทิศทางเรื่องก็เบี่ยงไปทางนั้นตามที่ชยามาลานอยากให้เป็น แล้วพอมันวกกลับมาหักมุมโดยมีการปูที่เชื่อไม่ลงมันเลยเป็นการหักมุมที่หลักลอย ไม่น่าเชื่อถือ และไร้น้ำหนักใดๆ คือถ้าไม่มีตัวละครนี้หนังอาจสนุกกว่านี้ก็ได้
เหมือนชยามาลานอยากหักมุมหลายชั้นให้คนดูว้าวแล้วว้าวอีก แต่พอมันวืดแล้วมันก็พากันล้มเป็นโดมิโน รวมไปถึงหักมุมสุดท้ายก็เช่นกัน มันถึงขนาดทำเอาตัวละครกรีดร้อง แต่กลับไม่มีเอฟเฟกต์ใดๆ ต่อคนดู
ด่ายาวเป็นหางว่าวแต่ดันบอกว่าสนุกในระดับหนึ่ง ก็อาจเป็นได้ว่า “เราคิดไปเองว่ามันสนุก”
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้