Review: Glass (M. Night Shyamalan, 2019) รีวิวโดย Form Corleone

Glass (M. Night Shyamalan, 2019) คะแนน B


"จงแสดงตัวตนให้โลกได้รับรู้" เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน คือผู้กำกับมากฝีมือคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์ และเป็นผู้กำกับที่เล่นกับจังหวะหักมุมต่าง ๆ ได้ดีลำดับต้น ๆ เพียงแต่บ่อยครั้งที่บทภาพยนตร์ต่าง ๆ ไม่อำนวยให้จังหวะเหล่านั้นดูทรงพลัง หรือเข้าไปอยู่ในความทรงจำหลังดูจบ 'Glass' เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่บทภาพยนตร์มีช่องว่างช่องโหว่จนไม่ส่งให้เรื่องราวหักมุมต่าง ๆ มีพลังมากเท่าที่ควร ภาระหน้าที่จึงไปตกที่ซาวด์ประกอบที่ต้องบิ้วท์อารมณ์กันสุดฤทธิ์ ความน่าเสียดายคือหนังไปไม่ถึงในจังหวะพลิกเกมนี่แหละ (ในความรู้สึกเรา) และอาจจะดูตื้นเขินฉาบฉวยเกินไปนิด แต่ภาพรวมทั้งหมดยังพอช่วยให้เราสนุกและชื่นชอบงานนี้ได้อยู่ เพราะเรามีทุนเดิมที่ชอบสไตล์แบบ Unbreakable (2000), Split (2016) และคอนเซ็ปต์เนื้อเรื่องที่เล่นกับ Comic Book อยู่ตลอดเวลา ความเป็นฮีโร่ของจักรวาลนี้จึงดูสมจริง แก่นของหนังทั้งหมดยังสามารถชักจูงให้เราคล้อยตามไปกับกลไกความเป็น ฮีโร่, ตัวร้าย, จอมบงการ วัตถุดิบที่ 'เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน' มีอยู่ในมือจึงถูกใช้ได้อย่างคุ้มค่า และให้แง่มุมต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้น่าหลงใหลอยู่พอสมควร


ที่ต้องชื่นชมคือการแสดงของ 'เจมส์ แม็คอวอย' ในบทเควิน ชาย 24 บุคลิก ที่เล่นดีมาตั้งแต่ Split และทุมเทพลังทั้งหมดได้อย่างเต็มเปี่ยม ตัวละครตัวนี้จึงช่วยสร้างให้ตัวละครที่มาจาก Unbreakable ดวิด ดันน์ (บรูซ วิลลิส) ผู้ไม่เคยได้รับบาดเจ็บ, อีไลจาห์ กลาส (แซมมวล แอล แจ็คสัน) ชายกระดูกเปราะจอมวางแผน ตัวละครสามตัวนี้จึงช่วยเสริมกันและกันให้ดูกลมกล่อมกลมกลืน แน่นอนว่า 'ชยามาลาน' พาตัวละครมารวมกันและสะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละตัวออกมาได้ดี ซึ่งทั้งหมดโยงใยผ่านหนังสือการ์ตูน แต่ความแยบคายคือข้อความที่แฝงอยู่ในตัวละครทั้งสาม ยังสะท้อนปัญหาการเมืองต่อความมีตัวตนของผู้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือต่อระบอบอำนาจที่จงใจขัดขวางความแตกต่างเพียงเพื่อรักษาสมดุลอำนาจนั้นไว้ มุมหนึ่ง ตัวละครทั้งสามตัวจึงถูกทำให้ตัวเองรู้สึกสับสนว่าเป็นใครกันแน่ ด้วยการถูกจับและระบุตัวตนว่า 'เป็นคนบ้า' สับสนว่าแท้จริงตัวเองมีพลังเหนือมนุษย์จริง ๆ แค่ไหน หนังเองจึงจิกกัดระบบที่ปิดกั้นทำให้ประชาชนไม่กล้าที่จะแสดงตัวตนหรือความคิดออกมาได้อย่างเสรี


ท้ายสุด 'Glass' จักรวาลฮีโร่ของ 'เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน' ไม่ได้ส่งมอบงานแอคชันเมามันส์ และไม่ได้มีฉากต่อสู้ดุเดือด เนื้อหาของหนังเล่นกับความมีตัวตนของคนเหนือมนุษย์ และความเชื่อมั่นต่อตัวตนที่มี จนไปถึงการยอมรับว่าตัวเองมีตัวตนอยู่จริง ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีหนังฮีโร่ค่ายไหนเล่นประเด็นของความเป็นมนุษย์ได้ดีเท่านี้ บทภาพยนตร์อาจจะดูอ่อนแรงไปบ้างตามแต่สถานการณ์ หรือตรรกะบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล อารมณ์ของหนังที่อาจจะค่อนข้างเชย แต่โดยรวมแล้วหนังไม่ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดแย่จนเกินไป หนังยังทำหน้าที่ได้สนุกสนานและยังมีลายเซ็นความเป็น 'ชยามาลาน' อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ดูจบแล้วอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่ถ้าให้เวลาคิดถึงบางสิ่งที่แอบแฝงอยู่ในเนื้อเรื่อง เราอาจจะพบบางอย่างที่ทำให้รู้สึก ‘ว้าว’ ได้พอตัวทีเดียว...


ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ ยิ้ม

ตัวอย่าง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่