ขอเล่ารายละเอียดก่อนนะคะ ดิฉันกำลังจะเรียนจบค่ะ อายุ22 ปี ก่อนหน้านี้นับถือและศรัทธาในศาสนาพุทธและคำสอน
ของพระพุทธเจ้ามาตลอด สาเหตุที่อยากละทางโลกก็ไม่ได้เป็นเพราะประสบปัญหาใดๆนะคะ แต่เป็นเพราะไม่เห็นแก่นสารใดๆในการใช้ชีวิตในทางโลกแล้ว รู้สึกว่ามีแต่ทุกข์ ความสุขก็ไปๆมาๆไม่อยู่กับเรายั่งยืน ไม่ใช่ความสุขแท้จริง และพอพิจารณายิ่งขึ้นไป ก็พบว่ากิเลสเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ต้องทำให้หมดไปจากใจ ไม่ได้ยินดีกับความสุขในทางโลกเท่าไรนัก รู้ว่ามันประเดี๋ยวประด๋าว พอมีสุข มันก็ทุกข์อีก ไม่ปรารถนาสุขใดๆเป็นมุ่งหมาย ไม่ว่าจะเป็นสุขจากการทำงานได้ตำแหน่ง ความสุขจากการครองเรือน มีลูกหรือมีเงินทองใดๆก็ตาม ตลอดจนความสุขจากเทวโลกใดๆ ตอนนี้มีจุดมุ่งหมายเดียวค่ะ คือความหมดกิเลสและพระนิพพาน
แต่เมื่อก่อนเคยมีจุดมุ่งหมายค่ะ ว่าจะทำงาน มีครอบครัว มีบุตร และใช้ชีวิตระยะหนึ่งแล้วจึงละทางโลก แต่เมื่อวันหนึ่งพบกับต้นเหตุแห่งทุกข์ และพบว่าความสุขเป็นภาพมายาและจิตปรุงแต่งจึงหมดความกำหนัดยินดีในสุขเหล่านั้น
ดิฉันจึงเริ่มศึกษาพระธรรมคำสอนอย่างจริงจังมากขึ้น และปฏิบัติเพื่อละกิเลสลงและเบาบางลงเรื่อยๆ พบว่าเราสามารถบวชที่ใจได้โดยไม่ต้องนุ่งห่มผ้าขาว ผลที่ได้ตอนนี้คือ ดิฉันรู้สึกเป็นสุขอย่างมาก ปัญหาใดๆที่เคยทุกข์ก็ทราบว่าเหตุแห่งทุกข์คือการยึดติด ทำให้ความโกรธเบาบางลงแทบไม่มี เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก็ถูกกำจัด ความตระหนี่ใดๆที่เคยเกิดขึ้น คิดว่าสิ่งนั้นควรเป็นของเรา พอเราระลึกรู้ว่าเราไม่ใข่ตัวตน ความตระหนี่ก็หายไป เหมือนกับว่ากำลังลอยตัวอยู่เหนือความทุกข์ ทำให้มีศรัทธาที่จะปฏิบัติขัดเกลากิเลสต่อไปอย่างมาก
แต่เริ่มมีปัญหากับการใช้ชีวิตขึ้นมา เพราะเมื่อเราเห็นแก่นสารของชีวิตมากขึ้น เราจึงเริ่มละทิ้งสิ่งที่เห็นว่าไม่มีประโยชน์ ทำบ้างเพื่อเข้าสังคม ทำให้เข้ากับบุคคลรอบข้างได้ยากขึ้น เพราะรอบๆตัวไม่มีใครที่สนใจเกี่ยวกับธรรมะเท่าไรนัก
ปัญหาที่อยากจะรบกวนปรึกษาคือ ดิฉันมีหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนบุญคุณบุพการีก่อน คือการใช้หนี้สินของครอบครัว จึงต้องทำงานหาทรัพย์ก่อนเพื่อใข้หนี้สินให้หมด จึงถึงเวลาละอย่างแท้จริง ปัญหาเกิดที่ เมื่อปฏิบัติธรรมแบบลึกขึ้น ความอยากที่จะอยู่ในสังคมมันมีน้อยมากเต็มที จะทำให้เป็นปัญหาในการทำงานหรือไม่ ควรปฏิบัติไปเลยแบบเดินหน้า หรือยังคงต้องพอใจในสังคมก่อน เพื่อความก้าวหน้าในการทำงาน และจะทำอย่างไรเวลามีคนมาปรามาสการปฏิบัติของเรา ว่าเราทำไม่ได้หรอก คนอย่างเรานี่หรือ กลัวเขาจะเกิดอกุศลค่ะ
------
ขออนุโมทนาบุญ ทุกท่านที่เข้ามาตอบนะคะ
อยากละทางโลก แต่เหมือนยังไม่ถึงเวลา
ของพระพุทธเจ้ามาตลอด สาเหตุที่อยากละทางโลกก็ไม่ได้เป็นเพราะประสบปัญหาใดๆนะคะ แต่เป็นเพราะไม่เห็นแก่นสารใดๆในการใช้ชีวิตในทางโลกแล้ว รู้สึกว่ามีแต่ทุกข์ ความสุขก็ไปๆมาๆไม่อยู่กับเรายั่งยืน ไม่ใช่ความสุขแท้จริง และพอพิจารณายิ่งขึ้นไป ก็พบว่ากิเลสเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ต้องทำให้หมดไปจากใจ ไม่ได้ยินดีกับความสุขในทางโลกเท่าไรนัก รู้ว่ามันประเดี๋ยวประด๋าว พอมีสุข มันก็ทุกข์อีก ไม่ปรารถนาสุขใดๆเป็นมุ่งหมาย ไม่ว่าจะเป็นสุขจากการทำงานได้ตำแหน่ง ความสุขจากการครองเรือน มีลูกหรือมีเงินทองใดๆก็ตาม ตลอดจนความสุขจากเทวโลกใดๆ ตอนนี้มีจุดมุ่งหมายเดียวค่ะ คือความหมดกิเลสและพระนิพพาน
แต่เมื่อก่อนเคยมีจุดมุ่งหมายค่ะ ว่าจะทำงาน มีครอบครัว มีบุตร และใช้ชีวิตระยะหนึ่งแล้วจึงละทางโลก แต่เมื่อวันหนึ่งพบกับต้นเหตุแห่งทุกข์ และพบว่าความสุขเป็นภาพมายาและจิตปรุงแต่งจึงหมดความกำหนัดยินดีในสุขเหล่านั้น
ดิฉันจึงเริ่มศึกษาพระธรรมคำสอนอย่างจริงจังมากขึ้น และปฏิบัติเพื่อละกิเลสลงและเบาบางลงเรื่อยๆ พบว่าเราสามารถบวชที่ใจได้โดยไม่ต้องนุ่งห่มผ้าขาว ผลที่ได้ตอนนี้คือ ดิฉันรู้สึกเป็นสุขอย่างมาก ปัญหาใดๆที่เคยทุกข์ก็ทราบว่าเหตุแห่งทุกข์คือการยึดติด ทำให้ความโกรธเบาบางลงแทบไม่มี เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก็ถูกกำจัด ความตระหนี่ใดๆที่เคยเกิดขึ้น คิดว่าสิ่งนั้นควรเป็นของเรา พอเราระลึกรู้ว่าเราไม่ใข่ตัวตน ความตระหนี่ก็หายไป เหมือนกับว่ากำลังลอยตัวอยู่เหนือความทุกข์ ทำให้มีศรัทธาที่จะปฏิบัติขัดเกลากิเลสต่อไปอย่างมาก
แต่เริ่มมีปัญหากับการใช้ชีวิตขึ้นมา เพราะเมื่อเราเห็นแก่นสารของชีวิตมากขึ้น เราจึงเริ่มละทิ้งสิ่งที่เห็นว่าไม่มีประโยชน์ ทำบ้างเพื่อเข้าสังคม ทำให้เข้ากับบุคคลรอบข้างได้ยากขึ้น เพราะรอบๆตัวไม่มีใครที่สนใจเกี่ยวกับธรรมะเท่าไรนัก
ปัญหาที่อยากจะรบกวนปรึกษาคือ ดิฉันมีหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนบุญคุณบุพการีก่อน คือการใช้หนี้สินของครอบครัว จึงต้องทำงานหาทรัพย์ก่อนเพื่อใข้หนี้สินให้หมด จึงถึงเวลาละอย่างแท้จริง ปัญหาเกิดที่ เมื่อปฏิบัติธรรมแบบลึกขึ้น ความอยากที่จะอยู่ในสังคมมันมีน้อยมากเต็มที จะทำให้เป็นปัญหาในการทำงานหรือไม่ ควรปฏิบัติไปเลยแบบเดินหน้า หรือยังคงต้องพอใจในสังคมก่อน เพื่อความก้าวหน้าในการทำงาน และจะทำอย่างไรเวลามีคนมาปรามาสการปฏิบัติของเรา ว่าเราทำไม่ได้หรอก คนอย่างเรานี่หรือ กลัวเขาจะเกิดอกุศลค่ะ
------
ขออนุโมทนาบุญ ทุกท่านที่เข้ามาตอบนะคะ