ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าทิศทางตลาดเป็นตัวกำหนดให้ค่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ให้เลือกผลิตหรือนำเข้ารถจักรยานยนต์ตามกระแสความนิยมในช่วงเวลานั้น

สำหรับกระแสรถขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมนอกเหนือจากรถประเภทแม่บ้านและรถสกู๊ตเตอร์แล้ว ก็คงหนีไม่พ้นรถสปอร์ตขนาด 150cc ที่ไล่เรียงจากค่ายใหญ่อย่าง Honda , Yamaha และ Suzuki ขาดเพียงค่าย Kawasaki เจ้าเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ทำตลาดในรถขนาด 150cc ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีค่ายเล็กๆ อย่าง GPX และ Lifan เป็นต้น

เมื่อมองกลับมายังค่ายจากยุโรปที่ทำตลาดรถสปอร์ตขนาดเล็กในประเทศไทย สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าได้ตายไปอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ยุคฟองสบู่แตก ทั้งที่ก่อนยังสามารถพบเจอการทำตลาดของรถจักรยานยนต์ยุโรปที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 150 cc ได้อยู่บ้างเช่น Cagiva Mito 125 และ Gilera Cx125 เป็นต้น

ย้อนกลับไปในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 18 ในปี 2540 ณ. สวนอัมพร ค่าย Cagiva ได้นำรถจักรยานยนต์ระดับโลกรุ่นต่างๆ จากประเทศอิตาลี่มาจัดแสดงให้ชาวไทยได้สัมผัสถึงความสุดยอดของเทคโนโลยีที่อยู่ในรถจักรยานยนต์ในขณะนั้น



โดยมีดาวที่โดดเด่นหนึ่งดวงของทางค่าย Cagiva ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่า Cagiva Mito 125 MK II

Cagiva Mito คือรถจักรยานยนต์สปอร์ตขนาดเล็กที่ถูกถอดแบบมาจาก Ducati 916 โดยมาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 1 สูบ ขนาด 125cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ และระบบเกียร์ 7 สปีด



เครื่องยนต์ ------------------ ลูกสูบเดียว 2 จังหวะ วาว์ล CTS
ระบบระบายความร้อน ------ ระบายความร้อนด้วยน้ำ, 1.5L
ปริมาตรกระบอกสูบ --------- 124.63cc (Bore 56mm Stroke 50.6mm)
การจุดระเบิด ----------------- Electronic (CDI with variable advance)
แรงม้า ------------------------ 31.13 แรงม้า @ 10400rpm
แรงบิด ----------------------- 2.17 กก-ม. @ 10000rpm
กำลังอัด --------------------- 6.3:1
คลัตช์ ------------------------ คลัตช์ระบบเปียกหลายแผ่นเรียงซ้อนกัน
น้ำมันคลัตช์ ---------------- 4T 15/50, 800ml
ระบบเกียร์ ------------------- 7 speed sequential

1st --- 11/30 (2.727)
2nd -- 14/26 (1.857)
3rd --- 17/24 (1.411)
4th --- 21/24 (1.142)
5th --- 23/22 (0.956)
6th --- 22/19 (0.863)
7th --- 22/18 (0.818)

น้ำหนักรวม ------------------ 121 กิโลกรัม





Cagiva Mito ในประเทศไทยที่มีอยู่ 2 คันที่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง อ้างอิงจากกระทู้ https://ppantip.com/topic/31071800

เป็นที่น่าเสียดายสำหรับเมืองไทยที่ตลาดรถจักรยานยนต์ยุโรปขนาดไม่เกิน 150cc ไม่สามารถแจ้งเกิดได้ในขณะนั้น ด้วยราคาค่าตัวที่สูงมาก ทั้งนี้ได้แต่ตั้งความหวังว่าสักวันค่ายรถมอเตอร์ยุโรปจะมาเปิดโรงงานที่ประเทศไทย และผลิตมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กออกมาจำหน่าย

ปัจจัยหลักคงหนีไม่พ้นในเรื่องราคา มอเตอร์ไซค์ยุโรปโดยปกติจะมีราคาที่สูงกว่าญี่ปุ่นอยู่แล้ว สำหรับรถขนาดไม่เกิน 150cc ยิ่งมีราคาสูงขึ้นไปเท่าไหร่จะพบว่าในราคาที่เท่ากันของรถญี่ปุ่นและรถยุโรปนั้น รถญี่ปุ่นจะมีข้อได้เปรียบตรงได้จำนวน CC ที่มากกว่าของฝั่งยุโรป ทั้งนี้ผลลัพท์ในเรื่องราคาที่แพงกว่ารถญี่ปุ่นได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคอีกด้วย

สุดท้ายนี้ได้แต่ตั้งความหวังว่าสักวันค่ายรถมอเตอร์ยุโรปจะมาเปิดโรงงานที่ประเทศไทย และผลิตมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กออกมาจำหน่าย ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีค่ายรถจักรยานยนต์ยุโรปที่ทำรถขนาดเล็กอยู่ในประเทศไทยได้แก่ Vespa เป็นต้น ซึ่งเป็นรถประเภทสกู๊ตเตอร์