เมื่อฉันจับเจอก้อนที่หน้าอกข้างซ้าย..

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราจากการตั้งใจที่จะมาเล่าประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากการศึกษา บทเรียน และสิ่งที่ได้เรียนรู้ ในช่วงที่เราคลำเจอก้อนที่เต้านมด้านซ้าย ตั้งแต่ตอนเพิ่งเจอจน..วันที่ไปฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่7ธ.ค. ช่วงค่ำเรากำลังจะอาบน้ำ มือเราดันไปโดนบริเวณเนินหน้าอก ทำให้เราสัมผัสกับอะไรสักอย่าง ที่มันแข็งๆ กลมๆ เมื่อลองคลำเปรียบเทียบกับข้างขวาแล้วมันไม่มี!!/ตอนนั้นตกใจมาก เพราะส่วนตัวนั้นเป็นคนคิดมาก เป็นไรนิดหน่อยก็จะวิตก คืนนั้นทั้งคืนเสริชเลยค่ะ .. เสริชกูเกิ้ลหาข้อมูลต่างๆ แทบนอนไม่หลับ กลัวจะเป็นโรคที่ใครๆก็ไม่อยากเป็น เพราะก้อนที่เราเป็นมันกดไม่เจ็บ ซึ่งเราอ่านมาส่วนใหญ่บอกว่า กดเจ็บมักไม่อันตราย... เอาแล้วไง เครียดสุดจ้าา

วันรุ่งขึ้นตัดสินใจบอกที่บ้าน ที่บ้านเลยให้เราไปหาหมอวันนั้นเลย ให้เราไปอัลตร้าซาวด์ที่คลินิก เพราะถ้าไปรพ.กลัวต้องรอ
แต่นั้นที่บ้านคิดว่าคงจะเป็นแค่ซีสต์ เราเองก็หวังแบบนั้น แต่เมื่อไปอัลตร้าซาวน์ปุ๊ปคุณหมอบอกว่าเป็น"ก้อนเนื้อนะ ขนาดประมาณ1.5cm." เรานี่ช็อคอะ ตอนนั้นกลัวมาก เพราะก้อนเนื้อมันมีสองแบบคือ เนื้อดี และ เนื้อร้าย.. เราก็ถามคุณหมอว่า ลักษณะมันเป็นยังไง เพราะเราเองก็อ่านมาแล้วว่าถ้าลักษณะเรียบๆผิวเรียบ มักจะไม่มีอะไร แต่หมอไม่ได้บอกเราจ้าาา บอกแต่ว่าแนะนำให้เราไปผ่าออก เอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ตอนนั้นจากที่กลัวอยู่แล้ว ก็กลัวคูณสองไปอีก โทรหาที่บ้านก็ตกใจกันใหญ่ที่บ้านบอกให้เรากลับบ้านก่อน ค่อยไปรพ.พรุ่งนี้ แต่เราตัดสินใจจะไปวันนั้นเลย เพราะไม่อยากรอแล้ว ตอนนั้นเราคิดในใจว่า"ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆเราจะทำไงดี เพิ่งอายุ23 ยังอยากทำอะไรอีกเยอะแยะ ทำไมทำไมต้องเป็นฉานน คิดในใจ =^= " พอไปรพ.รัฐซึ่งเป็นรพ.ประจำจังหวัด ก็จะรอนานมาก ได้ตรวจตอนใกล้จะสี่โมง ระหว่างนั้นก็ไม่ต้องถามจ้ะว่าฟุ้งซ่านเบอร์ไหน แล้วประเด็นคือ อินี่ด้วยความกังวลเปิดผลซาวน์แล้วถามหมอกูเกิ้ลเลยจ้าาา แล้วดันไปเจออยู่เว็บนึง บอกว่าผลของเรา(ซึ่งเพียงแค่ประโยคเดียวในผลตรวจ จริงๆการวินิจฉัยมันต้องดูหลายอย่างร่วมกันเช่นลักษณะ ผิว ขอบเขต การซักประวัติ การตรวจของหมอศัลยแพทย์ อะไรอีกต่างๆ) แต่ตอนนั้นในเนตบอกผลตรวจเรามีโอกาสเป็นมะเร็ง95% ตอนนั้นเราร้องไห้เลยนะ ทุกคนที่บ้านก็จิตตกตามเราไปด้วย
     เมื่อพอถึงคิวเราตรวจ เราให้น้าเข้าไปด้วย เพราะกลัวว่าถ้าผลออกมาไม่ดีเราจะไม่มีสติจะคุยกับหมอต่อ555 อะเมื่อเข้าไปตรวจ (หมอศัล) ก็ซักประวัติเราไป แล้วให้เราขึ้นไปนอนที่เตียงตรวจ พอหมอตรวจโดยการคลำตรงก้อนนเนื้อดู หมอบอก "มันอยู่ข้างบน น่าจะเป็นซีสต์ที่มันแข็งๆ ไม่อันตราย"แล้วถามเราว่าจะผ่าไหม เราบอกเลยค่ะว่าผ่า!! ไม่กลัวใดใดเลยจ้าตอนนั้น แต่เราก็ถามกลับว่าถ้าไม่ผ่าจะเป็นไงหมอก็บอกว่าก็ไม่หาย555 แต่โชคดีของเราเจอคุณหมอใจดี ตอบทุกอย่างที่ถาม ผ่าให้โดยไม่อิดออดใดใด เพราะเราไปอ่านเจอว่าบางหมอในรพ.รัฐไม่ยอมผ่าให้ ให้ติดตามทุก3เดือน หรือ 6เดือน จนสุดท้ายกลายเป็นมะเร็ง..
อะต่อมา..หมอก็นัดเราผ่าวันที่ 17 ธ.ค. คิดดูกว่าจะผ่าอีก10วัน ระหว่างนั้นเราก็ทำการหาหมอกูเกิ้ลอีกค่ะแล้วดันเจอว่า บางคนหมอบอกว่าไม่มีอะไร พอมาตรวจอีกที่เป็น..ขึ้นมา เอาอีกจ้า คนจิตตกอย่างเรารอไรหละ!! เครียดต่อไม่รอละนะะ!!กว่าจะถึงวันผ่าไม่เป็นอันทำอะไรเลย ปกติเป็นคนคิดมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วไง-_-"

วันที่ 17 ธ.ค.ก็มาถึง หมอให้เเราอดข้าวอดน้ำตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 16 และนัดเราตอนเช้า 8-9 โมง ก่อนผ่าหมอให้เอ็กซเรย์ปอด ตรวจเลือด ซึ่งน่าจะเป็นการตรวจพวกวัณโรค หรือเอดส์ไรงี้ เพราะถ้าเป็นโรคนี้จะไม่สามารถผ่าได้หรือต้องผ่าแบบระวังแบบพิเศษ ตอนนั้นก็เปลี่ยนชุดใส่ชุดของรพ. ถอดทุกอย่างทีมีโลหะ ซักประวัติก่อนผ่า นอนให้น้ำเกลือก่อน ตอนแรกคิดว่าน่าจะผ่าตัดเล็กสรุปเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ คิดว่าจะผ่าแบบใช้ยาชา สรุปใช้ยาสลบ ที่จำได้ล่าสุดคือเข้าไปในห้องผ่าตัด มีดวงไฟดวงใหญ่ ติดเครื่องวัดชีพจร อะไรเยอะอยะไปหมด เจาะแขนให้อะไรอีกก็ไม่รู้แต่รู้สึกเจ็บและเมื่อยแขน เราแอบคิดในใจ "ไหนบอกว่าอยู่ข้างบน ไหนว่านิดเดียว จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบเลยหนา" แล้วภาพท้ายสุดที่จำได้ คือ พยาบาลเอาเครื่องอะไรสักอย่างครอบที่ปากกับจมูกเรา แล้วบอกเราว่าให้ออกซิเจนหน่อยนะคะ ไอเราก็คิดว่าจัดไปค่ะ ฉันต้องสูดให้เต็มปอดเพื่อจะได้มีออกซิเจนไว้หายใจ ฉันจะได้มีออกซิเจนเพียงพอ สูดไปเต็มปอดสามรอบใหญ่.. แล้วภาพก็ตัด.. ตื่นมาอีกทีก็อยู่หน้าห้องผ่าตัดแล้ว
อ้อ..ลืมบอกไปตอนเรานอนอยู่หน้าห้องผ่าตัดเพื่อให้น้ำเกลือ มีเด็กรุ่นๆเราอีกสองคน คนนึงน่าจะเป็นเกี่ยวกับปอด กับอีกคนเป็นน่าจะเป็นก้อนเนื้อที่หลัง ซึ่งเมื่อก่อนเราจะคิดว่าคนที่เป็นอะไรพวกนี้คือคนทีมีอายุเท่านั้น แล้วพี่พยาบาลก็ยังบอกเราอีกว่าก่อนหน้าเราเด็กอายุ16ก็มาผ่าก้อนเนื้อเหมือนเราหมอเดียวกับเรา..

อะตัดไปตอนผ่าเสร็จสับ กลับมานี่อ้วกแตก เหม็นกลิ่นอาหาร นอนซมเลยจ้าา มันเพราะฤทธิ์ยาสลบ แล้วก็รอฟังผลก้อนเนื้อวันที่28ธ.ค. ตอนนั้นคิดละว่าจะเป็นของขวัญปีใหม่หรือซวยส่งท้ายปีก็ได้รู้กัน!! ระหว่างรอผลตรวจก็ไม่ต้องพูดจ้ะ ว่าจะกลัวเบอร์ไหนนะ555(คนเคยรอจะรู้)
และแล้ววันที่28ก็มาถึง ... ไปตั้งแต่เช้า พยาบาลให้ไปเอาผลตรวจที่ห้องพยาธิวิทยา เราไม่กล้าเปิดเลย รอให้หมอเปิดทีเดียว แต่ตอนนั้นเราเครียดน้อยลงกว่าเยอะเลยนะ เริ่มทำใจได้ คิดว่าชีวิตคนเรามันก็แค่นี้แหละ ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย แม้แต่ร่างกายของเราเอง ถ้าจะเป็นก็ต้องทำใจยอมรับและรักษา ตอนนั้นเปลี่ยนป็นคนใหม่ เข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ทุกวัน อ่านคำสอนพระ ใจเย็นขึ้น ไม่ใจร้อนเหมือนเมื่อก่อน รู้ว่าที่สิ่งทีสำคัญที่สุดคือสุขภาพ และเรารู้สึกรักคนรอบข้างมากขึ้น..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่